หลางเย่หลินหันไปด้วยความตกใจ แต่สิ่งที่ทำให้นางตกใจมากกว่านั้นคือผู้ที่อยู่ตรงหน้านาง “องค์รัชทายาท” ที่ไร้หน้ากากปกปิดรูปโฉมที่หล่อเหลาราวเทพเซียนใบหน้าผุดผ่องรัศมีเจิดจ้าดุจตะวันในรุ่งอรุณของวันใหม่ ไม่ผิดจากที่ร่ำลือว่าเขาคือดวงตะวันและความหวังของต้าเซี่ยที่ทั้งรูปงามและเฉลียวฉลาด “ข้ากำลังทักทายเจ้าอยู่นะหลางเย่หลิน”นางหลุดออกจากภวังค์ได้ในที่สุดและรีบก้มถวายความเคารพอย่างรวดเร็ว“ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ ขออภัยที่หม่อมฉัน…เสียมารยาท”“ลุกขึ้นเถอะ ทำตัวตามสบายข้ามิได้ตั้งใจทำให้เจ้าตกใจถึงเพียงนั้น”“ขอบพระทัยเพคะ”หลางเย่หลินยังคงใจสั่นรัวเมื่อพระพักตร์นั้นมองตรงมาที่นาง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นอีกคนที่ทำให้นางประหม่าได้นอกจากโม่จางหยวน หรืออาจจะเป็นเพราะรูปโฉมที่หล่อเหลาจนชวนตกตะลึงนั้น และท่วงท่าที่ดูน่านับถือของเขาล้วนก็ยากที่จะทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้จะไม่ประหม่า“นั่งก่อนสิ วันนี้ข้าได้ชาสดใหม่ต้นฤดูวสันต์มาอยากมีเพื่อนลองชิมอยู่พอดี เจ้ารอนานคงคอแห้งแล้วสินะ”“หามิได้เพคะ”“ชานี่ช่วยแก้พิษที่ยังคั่งค้างหลงเหลืออยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการถูกพิษอ่อน ๆ หรือแพ้อาหาร”หลางเย่หลินสะดุด
หลางเย่หลินจิบชาที่เริ่มเย็นแล้วนั้นอีกครั้ง ชาจอกนี้ขมกว่าจอกแรกเพราะรอเวลานานไปหน่อย“ชีวิตพวกเราก็ดุจชาที่ถูกรินออกจากกาแล้ว ตอนที่ข้ารินชาให้เจ้าคือให้ทางเลือก หลังจากนั้นคือช่วงเวลาที่จะต้องตัดสินใจ หากตัดสินใจเร็วดื่มชาทันทีที่ถูกรินออกมารสชาติก็จะหอมหวานและสดชื่นแต่ก็จะร้อนจนอาจจะลวกปากได้หากกลืนไม่ถูกจังหวะ แต่หากว่าปล่อยเอาไว้นาน….มันก็จะเริ่มขม”“พระองค์คงหลงลืมไปอีกข้าหนึ่งนะเพคะ”“หืม เจ้าหมายถึงสิ่งใดงั้นหรือ”“หากว่าชาที่ยื่นมาให้หม่อมฉัน…เป็นยาพิษ ไม่ว่าจะดื่มเร็วหรือช้า จะดื่มตอนร้อนหรือตอนที่เย็นชืดแล้ว สุดท้ายหม่อมฉัน…ก็ไม่พ้นความตายใช่หรือไม่เพคะ”“เจ้าเองก็คงลืมไปอีกอย่าง เจ้าก็ต้องดูด้วยว่าเจ้า…รับมันมาจากผู้ใด หากว่ามาจากบิดาของเจ้าอาจจะเป็นยาพิษที่ไม่มียาถอนพิษ แต่หากว่าเจ้ารับมันไปจากข้าแน่นอนว่าคนอย่างข้าย่อมเตรียมยาถอนพิษเอาไว้เผื่อเจ้าเปลี่ยนใจ”“หึ หนีพระพ้นกลับหนีอารามไม่พ้นหม่อมฉันแทบจะไม่มีทางเลือกเลยสินะเพคะ”“ข้าไม่ได้จะเร่งเจ้าให้รีบตัดสินใจ เพียงแต่ว่าบิดาของเจ้า…จะรอได้นานเช่นข้าได้หรือไม่”หลางเย่หลินหันไปมองพระพักตร์ที่ยังคงนิ่งสงบอยู่พระองค์เริ่ม
แม้ไม่อยากยอมรับแต่สิ่งที่กงกงพูดมา เสนาบดีหลางฮุ่ยก็เถียงไม่ได้เลยสักคำเพราะพฤติกรรมที่ยากเกินจะแก้ไขของหลางเสี่ยวหงก็เกินจะรับไหวมากอย่างที่กงกงพูดจริง ๆ“ท่านแม่ เช่นนี้ของเหล่านั้น....”“พวกเจ้าสองคนแม่ลูกนี่…เฮ้อ เกินจะเยียวยาจริง ๆ เข็นกาให้เป็นหงส์ช่างเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ”“ท่านพี่!! ที่ท่านพูดนั่นหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”“พวกเจ้าได้ยินชัดเจนแล้วนะ เสี่ยวหง หลังจากนี้ข้าจะหาอาจารย์สอนมารยาทมาสอนเจ้าที่จวนทุก ๆ วัน เจ้าจะต้องร่ำเรียนศาสตร์ทั้งสี่และมารยาท แม่เจ้าไม่มีความสามารถจะสอนเจ้าได้ ก็ต้องหาผู้อื่นมาสั่งสอน”“ไม่นะท่านพ่อ!! ลูก…”“หุบปากแล้วจงเชื่อฟังเสีย เจ้าดูสิว่าพวกเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าลองมองไปรอบ ๆ ว่าเหตุใดหลางเย่หลินมาเพียงไม่นานแต่นางกลับเข้าถึงองค์รัชทายาทจนเขายอมมอบของขวัญมากมายขนาดนี้ให้โดยที่เจ้าทั้งสองคนอยู่เมืองหลวงมานานขนาดนี้ แม้แต่มารยาทขั้นต้นของตระกูลขุนนางยังไม่มีเลย!!”“ท่านพ่อ!! ท่านบอกว่าข้าสู้นังปีศาจบ้านนอกนั่นไม่ได้หรือเจ้าคะ”“นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ นึกไม่ถึงว่าความโง่ของแม่เจ้าจะส่งไปให้เจ้ามากกว่าที่ข้าคิด พวกเจ้าเรียนมารยาทไปพร้อม ๆ
เขาหันมามองใบหน้าของนางยามเมื่อต้องแสงจันทร์เช่นนี้ ใบหน้าของนางยิ่งน่าหลงใหลมากกว่าเดิมขึ้นไปอีกจนเขาไม่อยากจะพูดถึงคนอื่นเสียแล้ว“เรื่องนี้เป็นเจ้าที่ต้องการหาคนที่ช่วยเจ้าได้ ข้าจะมีสิทธิ์อะไรไปขัดขวางเจ้าได้ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะเดินเข้ากระดานหมากนั้นด้วยตัวเอง ข้าก็ทำได้แค่ทำหน้าที่องครักษ์ของเจ้าเท่านั้น”“เหตุใดท่าน…ไม่พูดมาก่อนหน้านี้ ข้า…”“เจ้าว่าองค์รัชทายาทเป็นคนเช่นไร เขาดูไว้ใจไม่ได้เหรอเจ้าถึงได้เกรงกลัวเขาเช่นนั้น”“ข้า…ใช่เขาดูเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ ลึกลับและเข้าถึงยากมากเกินไป วันนี้อาจจะยอมร่วมมือกันได้แต่ต่อไปวันข้างหน้า ยังไม่รู้เลยว่าผู้ใดจะหักหลังใครก่อน”“เขาดูร้ายกาจถึงเพียงนั้น ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงอีกเลย หากเจ้ายอมถอยเราคิดหาวิธีอื่นคืนฐานะสกุลไป๋ของเจ้าก็ได้ ขอแค่ไม่อยู่ในเมืองหลวงทุกอย่างก็ง่ายขึ้นแล้ว”“แต่หากว่าข้าหนีก็จะต้องหนีไปทั้งชีวิต ท่านก็เห็นว่าข้าอยู่อารามจวินซวนมาเกือบห้าปีสุดท้ายก็ยังหนีบิดาตัวเองไม่พ้น หากครั้งนี้ไม่จัดการให้จบก็คงต้องหนีตลอดไป ข้าไม่อยากเป็นเช่นนั้น”“เช่นนั้นเจ้าจะยอม…”“ไม่ ข้าคิดจะเสนอเงื่อนไขอื่นให้กับ
เมื่อโม่จางหยวนนำหลางเสี่ยวหงไปส่งถึงเรือนเขาก็รีบกลับออกมาเพื่อรีบกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง ไม่นานหลังจากที่เขากลับมา สาวใช้ของหลางเสี่ยวหงก็มาเรียกเขาที่ห้องเพื่อไปพบกับหลางฮูหยิน“เหตุใดจึงเรียกข้าอีก ข้าช่วยพาคุณหนูของพวกเจ้าไปส่งแล้วนี่”“ฮูหยินเป็นผู้เรียกเจ้าค่ะ บ่าวเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น”“ก็ได้ เดี๋ยวข้าจะไป”เขาเดินตามพวกนางไปที่ห้องของหลางเสี่ยวหงอีกครั้งเมื่อเข้าไปเขาก็ถูกปิดขังอยู่กับนางที่กำลังกึ่งสวมกึ่งถอดชุดอยู่ด้านใน“พี่จางหยวน ท่านเป็นคนอุ้มข้ามาสินะ”“คุณหนูสามโปรดสำรวมด้วย ข้าก็แค่ช่วยเจ้าขึ้นมาเพราะเห็นคนตายตรงหน้าไม่ได้ เจ้ารีบสวมชุดเถอะ”“ข้าคันไปทั้งตัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ท่านดูสิตัวข้ามีแต่ผื่นแดงไปหมด หรือว่าในน้ำนั่นจะมี…”“คุณหนูสาม ออกไปก่อนที่ข้าจะทนไม่ไหวและพังประตูออกไปโดยไม่สนใจเจ้า”“ท่านกล้าหรือ!!”“ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจเจ้า”“กรี๊ด!!…….”โม่จางหยวนหันมามองนางที่ยืนถอดชุดอยู่ด้านใน ไม่นานประตูห้องของนางก็เปิดออกมาพร้อมกับบ่าวผู้ชายสามสี่คนที่อยู่ข้างนอกและจับตัวเขาเอาไว้ เขาเข้าใจแล้วว่านี่เป็นแผนการ แต่มันเป็นแผนของผู้ใดกันแน่ หลางเสี่ยวหง หร
“ครั้งนี้พวกนางสองแม่ลูกทำให้เขาขายหน้ามากเกินกว่าจะยอมยกโทษให้ เกรงว่าไม่นานเรื่องในจวนสกุลหลางคงได้ร่ำลือทั่ววังหลวง ครั้งนี้ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของพวกนางแล้วจริง ๆ”“เห็นว่าองครักษ์โม่ก็กระอักเลือดออกมามากพอสมควรเลยเช่นกันเจ้าค่ะ เพราะเขาพึ่งช่วยคุณหนูสามขึ้นมาจากน้ำ ร่างกายยังไม่ทันได้ปรับตัวก็ถูกไม้พลองตี”หลางเย่หลินสีหน้าเรียบเฉยเมื่อได้ฟังความจากหย่าหลีจนสาวใช้ทั้งสองเริ่มสงสัยกับท่าทีเย็นชาของคุณหนู“คุณหนู!!…จะไม่ไปดูอาการขององครักษ์โม่หน่อยหรือเจ้าคะ”เย่หลินหันมามองหน้าหย่าหลีและจี้ถงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ตอบพวกนาง สองสาวใช้เดินตามนางเข้าไปเย่หลินทำเพียงแค่รินน้ำชาขึ้นมาดื่มและไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ใจนางกลับคิดถึงท่าทีของโม่จางหยวนที่มองนางก่อนที่จะถูกพยุงออกไปจากห้องของหลางเสี่ยวหง“เจ้าอยู่กับคุณหนูที่นี่ ข้าจะไปดูพวกเขาหน่อย”หย่าหลีเดินออกมาจากห้องเมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางคงไม่ไปดูโม่จางหยวนแน่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดแต่นางรู้ว่าคุณหนูมิใช่คนใจร้ายเช่นนั้นเมื่อนางไปบอกว่าโม่จางหยวนถูกจับได้ว่าอยู่ในห้องของเสี่ยวหงและถูกเสนาบดีหลางทุบตีคุณหนูของนางก็รีบวิ่งไปที่เรื
“คุณชาย!! แต่ว่าแผลของท่าน…”“รีบไปกันเถอะ ชักช้าจะไม่ทันกาล เร็วเข้า ฮึก!!”“องครักษ์โม่!! ท่านจะไหวหรือ ให้พวกเขาไปก็พอกระมัง”“ไม่! ไม่ได้ข้าไม่ไว้ใจ ข้าต้องไปเอง”“อย่างไรท่านก็ดื่มยานี่ก่อนเถอะเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นอย่าว่าแต่ตามคุณหนูเข้าวังเลย ไม่พ้นประตูจวนท่านก็ล้มแล้ว”เขารับยาจากจี้ถงมาดื่มรวดเดียวจนหมดและคว้าดาบออกไปทันทีโดยมิได้ฟังเสียงของพวกนางอีก “ไม่ต้องห่วง ข้าดูแลคุณชายเอง” / กังลี่“ฝากเจ้าแล้วกังลี่” / เป่ากง“พวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่าให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาดว่าคุณหนูรองกับคุณชายไม่อยู่ที่จวน” / กังลี่“พวกข้าเข้าใจแล้ว” / หย่าหลีพวกเขาออกจากจวนไปแล้วด้วยความรวดเร็วจนคิดไม่ถึงว่าโม่จางหยวนยังบาดเจ็บอยู่ ระยะทางจากจวนสกุลหลางไปถึงวังหลวงไกลพอสมควร“หวังว่าคงจะไม่เกิดอะไรขึ้นนะ”วังหลวง / ประตูเฉิงเทียน“ข้ามาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท”ทหารยามไม่ปล่อยให้นางเข้าไปโดยง่าย เขารับคำสั่งมาตรวจสอบก่อนจะปล่อยคนเข้าออก “แม่นาง ท่านคือ…”“ข้าเป็นแขกขององค์รัชทายาท ข้ามีเทียบเชิญครั้งก่อนที่พระองค์มอบให้ วันนี้ข้ามาให้คำตอบกับพระองค์ ขอพวกท่านโปรดนำความไปทูลพระองค์ด้วยเถิด”ทหารเฝ้าประตูหัน
หลางเย่หลินตัวสั่นมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินที่องค์รัชทายาทตรัสออกมาด้วยเสียงที่แข็งและเจือด้วยความไม่พอใจในน้ำเสียงอย่างไม่ปิดบัง“องค์รัชทายาทเพคะ พระองค์ตอบแทนผู้ที่ช่วยชีวิตและอารักขาพระองค์ด้วยความตายหรือเพคะ”หลางเย่หลินรู้สึกโกรธเป็นครั้งแรก นางโกรธมากถึงขนาดกล้าสบสายพระเนตรที่มองมาที่นางอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจขององค์ชายซึ่งสามารถสั่งบั่นคอนางได้ทันทีหากนางทำให้เขาไม่พอพระทัย“เดิมทีข้าก็มิได้คิดเช่นนี้ แต่ข้ามอบทางเลือกให้กับเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับดึงดันเพื่อจะตอบแทนเขาให้ได้ หลางเย่หลิน จะให้ข้าเข้าใจได้เช่นไรกัน หากวันข้างหน้าเจ้าอภิเษกเข้ามาในวังแล้วยังคงมีองครักษ์อีกคนอยู่ข้างกายเจ้า จะให้ข้าไม่ระแวงได้งั้นหรือ”“เช่นนั้นพระองค์ต้องการสิ่งใดเพคะ”พวกเขาสบตากันอีกครั้ง เย่หลินรู้สึกว่าในห้องเริ่มมีกลิ่นเครื่องหอมที่รุนแรงมากขึ้น นางมิได้คิดไปเองแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะชื่นชอบกลิ่นของดอกไม้มากถึงเพียงนี้แม้ว่าจะมีสวนบุปผาด้านนอกมากมายก็ตาม“เจ้าต่างหากหลางเย่หลิน เจ้ากล้าจะเข้าวังมาคนเดียวเพื่อมาขอร้องให้ข้าปกป้องเจ้าพร้อมกับคนของเจ้าทั้ง ๆ ที่เขาอาจจะมีปัญหากับข้าได้ในอนาคต หรือเจ้าเองต
สิบสองปีผ่านไป / วังหลวง“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”กังลี่เที่ยวมองหาองค์ชายใหญ่ที่กำลังฝึกวิชาอยู่ในสวนแต่จู่ ๆ ก็หายไปจากสายตาของเขาหลังจากที่เขาถูกฝ่าบาทเรียกไปเพื่อสั่งงานบางอย่างก่อนที่พระองค์จะเสด็จเข้าไปที่ท้องพระโรงเพื่อประชุมราชสำนัก“ข้าอยู่นี่อาจารย์กังลี่”“องค์ชายเซียวหยาง ลงมาเถิดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทกำลังประชุมราชสำนักเช้าอยู่ หากว่าพบพระองค์อยู่ตรงนี้จะถูกลงโทษนะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าพึ่งถูกเสด็จแม่ไล่ออกมาจากตำหนักเพราะว่านางกำลังจะให้นมน้องของข้า มาปีนต้นไม้ก็ถูกท่านพบเข้าอีก เฮ้อ ชีวิตองค์ชายในวังนี่แสนลำบาก หรือว่าข้าควรจะขอเสด็จพ่อไปฝึกที่กองทัพบูรพาของท่านลุงเจิ้งหลิงดีเล่ากังลี่”“ลงมาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”“เป่ากง!!”“รีบลงมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีบางอย่างให้ทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”“สิ่งใดงั้นหรือ หากว่าเป็นหนังสือวิชายุทธ์เช่นวันเก่าข้าไม่เอาแล้วเพราะข้าอ่านหมดแล้ว”“หน้ากากที่พระององค์สั่งให้กระหม่อมไปทำให้เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไรนะ จริงหรือเป่ากงเสร็จแล้วงั้นหรือแล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า”“จ้าวเซียวหยาง” องค์ชายใหญ่ซึ่งเป็นพระโอรสของฮ่องเต้จ้าวซางหยวนและฮองเฮาเซี
“หา!! เจ้าว่าอย่างไรนะ แล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า แล้วเหตุใดจึงเอาไปวางไว้ที่เดียวกับยาทาแผล”“โม่จางหยวน!! นี่ท่านแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ามิได้จงใจจะฆ่าหม่อมฉัน”“เย่หลินข้าเปล่านะ ข้าก็แค่….”“ออกไปเลย แล้วไปเรียกหย่าหลีมาให้หม่อมฉัน!!”เรือนใหญ่“เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้”“ดังนั้นในตอนนี้….”องค์รัชทายาทนั่งที่โต๊ะพร้อมกับเซี่ยเจิ้งหลิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อฟังเรื่องที่พระองค์เล่าให้ฟัง เซี่ยเย่หลินไล่องค์ชายออกมาเพราะว่าเขาทำนางบาดเจ็บและหยิบขวดยามาผิดนางจึงโกรธและไล่เขาออกมาจากห้อง“ตอนนี้…”“สาวใช้ของนางกำลังทำแผลให้นางอยู่ข้างใน เจ้าช่วยข้าหน่อยสิเจิ้งหลิง”“เฮ้อ องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็ไม่ได้ต่างจากพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ หากว่าหลินเอ๋อร์โกรธเข้าล่ะก็…”“แต่เจ้าเป็นพี่ชายนางนะ”“พระองค์เป็นถึงพระสวามียังถูกไล่ออกมาจากห้องเลยนะพ่ะย่ะค่ะ คิดว่านางจะ…”“เจ้าไปลองดูหน่อย ไปสิ เร็ว ๆ เข้า”“เอ่อ….องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามีวิธีที่ดีกว่านั้นนะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเช่นนี้พระองค์ควรจะ….”เซี่ยเจิ้งหลิงกระซิบบางอย่างกับองค์ชาย โม่จางหยวนเริ่มยิ้มออกมาและพยักหน้าอย่างรู้ทัน เขาหันมามองหน
เมืองหลวงหลังจากพิธีอภิเษกที่กองทัพบูรพาผ่านไปสิบวันองค์รัชทายาทก็ได้เสด็จกลับเมืองหลวงพร้อมกับพระชายาเซี่ยหลิงเย่ ขบวนนำเสด็จถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติเพราะในครั้งนี้กองทัพบูรพาที่ยิ่งใหญ่ของรองแม่ทัพเซี่ยเจิ้งหลิงจัดขบวนทัพเข้าเมืองหลวงด้วยตัวเอง เมื่อขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทเข้าสู่ประตูเมืองหลวงก็ได้รับการต้อนรับอย่างคับคั่งจากชาวบ้านในเมืองหลวงที่ทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว“ตื่นเต้นเหรอเย่หลิน”“คิดไม่ถึงว่าจะได้กลับมาอีกครั้งเพคะ หม่อมฉัน…”“ถึงอย่างไรเจ้าก็หนีวังหลวงไม่พ้นแล้วล่ะพระชายา ทางที่ดีทำใจและยอมรับเสียเถอะ”“หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงประทานแซ่เซี่ยให้หม่อมฉันและพี่ใหญ่เพคะ”“นั่นเป็นสิ่งที่เสด็จพ่อทรงประทานให้แม่ทัพเซี่ยผู้เฒ่ามิใช่ข้า สิ่งที่ข้าจะมอบให้เจิ้งหลิงกับเจ้าน่ะ คือสิ่งนั้นต่างหากเล่า”องค์รัชทายาทเปิดหน้าต่างรถม้าเพื่อให้นางเห็นบางอย่างที่อยู่ตรงหน้า จวนหลังใหญ่ที่ประดับตกแต่งแล้ว ประตูจวนนั้นเขียนด้วยป้ายพระราชทาน “ความดีงามคงอยู่ตลอดกาล” “ที่นี่คือ….."จวนสกุลเซี่ย" พระองค์…"“แน่นอนว่าจะต้องมีจวนเพื่อสกุลเซี่ยที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองสิใช่หรือไม่
เจ้าสาวหันไปมองแม่สื่อที่กระซิบบางอย่างกับนาง ไม่นานมือของนางก็โผล่ออกมาจากม่านสีแดงเพื่อเป็นการยืนยันว่านางคือเจ้าสาวที่แท้จริง เสียงโห่ร้องกึกก้องด้วยความยินดีที่องค์รัชทายาทสามารถเลือกเจ้าสาวถูกต้องได้ตั้งแต่ด่านแรกซึ่งมีน้อยคนนักที่จะทำได้ แม่สื่อดึงม่านแดงออก เจ้าสาวอีกสองคนที่เหลือคือสาวใช้ของนางทั้งสองคนนั่นเอง พวกนางเดินไปหาเป่ากงและกังลี่พร้อม ๆ กัน“ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ พิธีการซ่อนเจ้าสาวผ่านพ้นไปแล้ว จากนี้จะเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินพ่ะย่ะค่ะ”ท่านแม่ทัพได้รับเกียรติให้เป็นผู้เอ่ยนำพิธีมหามงคลนี้ เมื่อพวกเจาจุดธูปแดงมงคลเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และจึงได้เดินเหยียบพรมแดงที่มีเด็ก ๆ โปรยดอกไม้สีแดงไปตลอดทางจนถึงบริเวณหน้าพิธีเพื่อทำการกราบไหว้ฟ้าดิน“คำนับที่หนึ่ง คำนับฟ้าและดิน”บ่าวสาวค่อย ๆ ทำการคำนับและค่อย ๆ ลุกขึ้นมาองค์รัชทายาทหันไปพยุงเย่หลินให้นางลุกขึ้นมา“คำนับที่สอง คำนับบุพการีและผู้ให้กำเนิด”“คำนับที่สาม บ่าวสาวคำนับซึ่งกันและกัน”เมื่อพวกเขาคำนับเสร็จแล้ว หย่าหลีจึงนำไม้หอมผูกดอกไม้มงคลมามอบให้องค์ชายเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“องค์รัชทายาท เปิดหน้าเจ้าสาวไ
“แต่นั่น…จะไม่เป็นการหักหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรอกหรือเพคะ”“บัลลังก์เป็นของข้า ใต้หล้านี้ข้าก็เป็นผู้ดูแล เหตุใดต้องอาศัยอำนาจของพวกขุนนางละโมบที่คอยจดจ้องส่งบุตรสาวเข้ามาในวังหลังให้วุ่นวายด้วย ขอเพียงมีเจ้าที่อยู่ร่วมเคียงเป็นหงส์คู่มังกร ข้าไม่ต้องการผู้อื่นอีก”นางหลับไปพร้อมกับคำมั่นนั้นของเขา แม้จะดีใจที่องค์ชายตรัสออกมาด้วยพระองค์เองแต่เส้นทางของนางยังไม่ได้เริ่มต้น ยังคงต้องดูอีกนานหลังจากที่พวกเขาเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองวันถัดมาค่ายบูรพากลายเป็นสีแดงมงคลที่ถูกประดับไปด้วยผ้ามงคลสีแดงซึ่งเหล่าทหารและชาวบ้านในละแวกนั้นล้วนอยากจะมีส่วนร่วมในพิธีการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เพราะนาน ๆ ทีจะมีงานมงคล นั่นหมายถึงการที่จะได้ล้มวัวและสัตว์ใหญ่ที่หาในป่ามาเพื่อร่วมฉลองทั้งวันทั้งคืน“ตื่นเต้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าอยากเห็นเจ้าสาวของข้าแล้ว”“ขอทรงโปรดพระทัยเย็นพ่ะย่ะค่ะ ทางชายแดนแห่งนี้มีกฎอยู่อย่างหนึ่งคือพิธีซ่อนเจ้าสาว”“อะไรนะ เดี๋ยวก่อนเจิ้งหลิงเจ้าไม่ได้บอกข้าก่อนเลยนะว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วยน่ะ”“องค์รัชทายาทโปรดอภัย หากว่ากระหม่อมแจ้งเรื่องนี้กับพระองค์ก่อน เกรงว่าพระองค์กับหลินเอ๋อร์
“ท่านว่าอย่างไรนะ แต่งงานงั้นหรือ”“ใช่ ข้าไม่อยากรอพิธีการวุ่นวายในราชสำนัก ถึงอย่างไรข้าก็ใจร้อนอยากให้เจ้าเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า ตั้งแต่เจ้าหนีมาเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าไม่ต่างกับคนที่ตายไปแล้ว หากครั้งนี้เสียเจ้าไปอีก ข้าคงไม่อยากมีชีวิต….”นางเอานิ้วมือปิดปากเขาเอาไว้ ก่อนหน้านี้นางโกรธเขามากจริง ๆ แต่เมื่อได้รับรู้สิ่งที่เขาพบเจอตลอดทางที่เดินทางมาหานางจากปากของสองสาวใช้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากองครักษ์ของเขาทั้งสองคนบอกกล่าวถึงความลำบากที่เขาพบมานางก็เริ่มใจอ่อน อีกทั้งเขาตามตื๊อนางอยู่เกือบร่วมเดือนในค่ายนี้โดยไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ขององค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย นี่คือสิ่งที่ทำให้นางยอมยกโทษให้เขา“หากท่านยังพูดอีก ข้าจะไม่แต่งกับท่าน”“เย่หลิน ที่นี่มีพี่ชายของเจ้าอยู่ อย่างน้อยข้าควรให้เกียรติเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่ ข้าจึงได้ไปปรึกษาเขาเรื่องจัดงานแต่ง..ในอีกสองวันข้างหน้า”“สะ…สองวันงั้นหรือ เช่นนี้จะเตรียมตัวกันทันหรือเจ้าคะ”เขาดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่นพร้อมกับก้มลงไปหอมที่หน้าผากของนางอีกที“ขอเพียงมีแค่เจ้ากับข้าในพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและส่งตัวเข้าหอ เพียงเท่านี้ก็นับว่าครบพิ
“เย่หลิน…..ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่”เย่หลินค่อย ๆ ปลดมือเขาออกแต่ว่าเขากลับไม่ยอมปล่อย“ขออยู่แบบนี้สักครู่ เจ้าจะต่อว่าจะด่าหรือตีข้า ข้าก็ยอมทั้งนั้นแต่ขออยู่เช่นนี้สักประเดี๋ยวนะ”“เหตุใดต้องมาทนลำบากที่นี่ด้วย”“เจ้าอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่น ต่อให้ลำบากกว่านี้ข้าก็จะตามเจ้าไปทุกที่”“ท่านมิต้องทำหน้าที่องค์รัชทายาทงั้นหรือ”“ข้ากำลังทำอยู่นี่อย่างไร หาพระชายาให้ตัวเอง หากว่าข้าไม่มีพระชายาข้าก็คงไม่อยากเป็นรัชทายาทอีกแล้ว เย่หลินเจ้าเชื่อข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ ข้าไม่มีวันทรยศต่อเจ้าอีกข้าไม่กล้าแล้ว ครั้งนี้…ยกโทษให้ข้าเถอะนะ”“ท่านทำได้เช่นไรกัน ตอนที่ข้าเข้าวังในครั้งแรกข้าจำได้ว่าท่านยืนอยู่ด้านหลังข้า แล้วท่าน….”“คือว่า…ข้าสลับตัวกับกังลี่น่ะ เขามีรูปร่างท่าทางและน้ำเสียงใกล้เคียงกับข้าก็เลย…ให้เขาสลับตัว แล้วช่วงที่ข้าอ้างว่ากลับไปที่รถม้าเพื่อส่งหลางเสี่ยวหงกลับ ในตอนนั้นข้ากับกังลี่ก็สลับตัวกันอีกครั้งเพื่อกลับไปหาเจ้า”“เช่นนี้นี่เอง ครั้งที่พบกันที่ตำหนักบูรพา ท่านยอมเปิดหน้ากาก”“เพราะข้าต้องการบอกความจริงกับเจ้า เสียดายที่เจ้ายังลังเลสงสัยในตัวข้า วันนั้นก็เลยไม่ทันได้
“เย่หลิน เจ้า….ไม่ต้องการข้าแล้วจริง ๆ น่ะหรือ”เย่หลินไม่อยากจะใจอ่อนกับเขาอีก นางรีบเดินออกมาด้านนอกและหันไปมององครักษ์ทั้งสองที่ยืนอยู่หน้ากระโจม ตอนนี้เองที่นางพอจะรู้แล้วว่าพวกเขาคือผู้ใด“กังลี่ เป่ากง พวกท่านเองสินะ ไม่ต้องหลอกข้าแล้วข้ารู้เรื่องหมดแล้ว”องครักษ์ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะคำนับให้นาง“คุณหนูเซี่ย ข้าน้อยสองคนไม่ได้ตั้งใจแต่ว่าองค์รัชทายาทลำบากพระวรกายมากกว่าจะมาพบท่านถึงที่นี่ได้ หนทางที่มาช่างลำบากแต่ว่าพระองค์ก็ไม่ได้หยุดพัก หวังว่าท่าน….”“พวกท่านรีบเตรียมตัวพาเขากลับเมืองหลวงไปเถอะ ที่นี่มิได้สบายเฉกเช่นเมืองหลวงที่เขาจากมา เกรงว่าจะรักษาบาดแผลของเขาได้ไม่หายขาด”“แต่โรคของพระองค์คือโรคทางใจ หากจากไปก็คงรักษายากแล้ว”เย่หลินเดินออกจากกระโจมทันทีเพื่อจะไม่ต้องคุยกับพวกเขาอีก นางไม่อยากฟังเรื่องของพวกเขาแม้แต่น้อยไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็คือคนโกหกสำหรับนาง เรื่องที่เขาทำที่เมืองหลวงเป็นสิ่งที่นางยังทำใจยกโทษให้เขาไม่ได้กระโจมเย่หลิน“อะไรนะเจ้าคะ ท่านบอกว่าทหารองครักษ์นั่น…คือ”“ใช่แล้ว โม่จางหยวนหรือว่าองค์รัชทายาท เขาหลอกให้ข้ารักษาเขาจนหายโดยไม่บอก เขาโกหกข้าอีกแล
นางป้อนข้าวเขาจนเสร็จและค่อย ๆ ป้อนยาให้เขา เมื่อป้อนเสร็จไม่นานทหารด้านนอกก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงผ้าห่อใหญ่ เขาเอาวางบนโต๊ะและรีบเดินออกไปทันที“นั่นคืออะไรหรือ”“ให้เจ้า”“ท่านยอมพูดแล้วหรือ”“อืม…เจ้า…ไว้ใจได้”“แล้วมันคือสิ่งใดกัน”เขาทำเพียงแค่ชี้ไปที่ถุงนั้นแล้วไม่พูดอะไรอีก เย่หลินนำถามยามาวางและรินน้ำส่งให้เขาดื่มเพื่อดับความขมของยาและเดินกลับมาดูของที่อยู่ในห่อ เมล็ดเซียงหย่าเต็มถุงทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นราวกับได้ทองสามร้อยตำลึง“นี่ท่าน….ให้คนไปเก็บมาทั้งหมดนี้เลยงั้นหรือ”“อืม”“ยอดไปเลยท่านองครักษ์ นี่มันจะช่วยทหารในค่ายนี้ ข้าจะสามารถทำยาแก้ไข้ แก้พิษของแมลงออกมาช่วยพวกเขา ขอบคุณพระคุณของพวกท่านในครั้งนี้ ข้าจะรีบนำมันไปอบก่อนท่านก็รีบพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาอีกครั้งและเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้”นางเดินออกไปแล้วพร้อมกับถุงขนาดใหญ่ที่บรรจุเมล็ดเซียงหย่าเต็มถุง ทหารหน้ากระโจมเป็นคนอาสาถือไปส่งให้นางที่กระโจมพักและเดินกลับเข้ามาหาเขาทันที“กระโจมข้างท่านรองแม่ทัพ มีเพียงสาวใช้สองคนอยู่ด้วยแต่พวกนางแยกกระโจมนอนช่วงกลางคืนพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก ขอบใจเจ้ามากเป่ากง เจ้า…คงไม่ได้ทำอะ