วันอาทิตย์ตอนบ่าย มีการจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำส่วนตัวที่สนามหญ้าของวิลล่านอกจากแขกของลู่เจ๋อแล้ว เฉียวซุนยังเชิญเพื่อนมาบางส่วน รวมถึงคุณนายหลี่ อีกทั้งคุณนายลี่ก็ยังเชิญคุณฟานมาอีกต่างหาก!ครั้งที่แล้วคุณฟานประหลาดใจกับความงามของเฉียวซุนเอาเสียมากๆครั้งนี้เมื่อเห็นเฉียวซุนในงานเลี้ยงส่วนตัว เขาก็รู้สึกเซอร์ไพรส์กับความสามารถของเธอ คุณฟานถือแชมเปญหนึ่งขวดแล้วพูดอย่างเสียดายว่า “คิดไม่ถึงเลยว่า คุณจะเป็นภรรยาของลู่เจ๋อ อีกทั้งพวกคุณก็แต่งงานกันใหม่อีกครั้งแล้ว! ผมพลาดมาสองครั้งแล้วนะ”คุณฟานพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่ยืดเยื้อเฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย “ก็มีแต่คุณฟานนี่แหละค่ะที่ยกยอฉัน”คุณฟานไม่ได้โง่ เขาเห็นได้ว่าการแต่งงานของเฉียวซุนไม่มีความสุข เวลานี้ลู่เจ๋อกำลังคุยเรื่องธุรกิจกับคนอื่นๆอยู่ตระกูลหลี่คนนั้นจับมือเขาเบาๆ ทำตัวเหมือนแม่งานคุณฟานถอนสายตาออกไปเขาชะงักแล้วเชิญเฉียวซุนอีกครั้ง “ครั้งที่แล้วที่ผมพูดในงานเลี้ยงของคุณนายหลี่ยังคงเป็นเช่นนั้นนะครับ หากวันหนึ่งคุณเฉียวเปลี่ยนใจและต้องการพัฒนาในเมืองเซียง ผมก็จะยังยินดีต้อนรับคุณอยู่เสมอ”เฉียวซุนรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยเธอพูด
ลู่เจ๋อก้มหน้ามองเธอ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆโอบมือของเขารอบเอวเรียวบางของเธอแล้วอุ้มเธอขึ้นมาเขาเดินสวนกับเฉียวซุนน้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับหากพูดแล้วน้ำแข็งจะล่วงออกจากปาก “รอเดี๋ยว คุณไปส่งแขกก่อน!”เป็นช่วงหลังเที่ยงในฤดูใบไม้ผลิพระอาทิตย์ส่องแสงกำลังดี แต่เฉียวซุนกลับไม่รู้สึกอบอุ่นเลย เพราะสามีของเธอทำให้เธออับอายต่อหน้าคนอื่น แต่ตอนนี้เธอกลับคิดว่า ดีที่ไม่ได้เรียกหลินเซียวมา ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ทะเลาะกับลู่เจ๋อที่นี่แน่เสียงกระซิบดังไปทั่วทุกคนต่างกำลังพากันกระซิบกระซาบเรื่องเฉียวซุน ตำแหน่งคุณนายลู่ของเฉียวซุนคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะการตัดสินใจของลู่เจ๋อเมื่อกี้นี้ชัดเจนอยู่แล้ว...ตอนนี้เองที่คุณนายหลี่รีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ชิงเฉิงแกมันทำตัวไร้ความคิด! เพื่อผู้ชายที่แต่งงานแล้วแม้แต่หน้าตัวเองก็ไม่ไว้!”เฉียวซุนยิ้มอย่างขมขื่น “ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกค่ะ! ไม่ใช่ความผิดของเธอคนเดียวหรอก! ถ้าลู่เจ๋อไม่ให้โอกาสเธอ เธอก็เข้าใกล้เขาไม่ได้”คุณนายหลี่สงสารเธอจับใจเธอพูดโน้มน้าวเฉียวซุน “ฉันจะบอกพ่อแม่ของเธอ! แล้วก็นะเฉียวซุน ฉันไม่ได้พูดแทนลู่เจ๋อนะจ๊ะ อันที่
ตอนเย็น เฉียวซุนสั่งให้คนรับใช้ทำความสะอาดภายในและภายนอกวิลล่าหลังจากเสร็จงาน เธอก็รู้สึกปวดเอวเล็กน้อยเธอแช่น้ำอยู่ราวครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่นิดหน่อยตอนที่ไปทานอาหารชั้นล่างแล้ว คนรับใช้ก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณอยากจะรออีกสักหน่อยไหมคะ? บางทีคุณผู้ชายอาจจะกลับมาทานอาหารเย็น?”ขณะที่เขาพูดจบ นาฬิกาก็มีเสียงดังเจ็ดครั้งตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว เฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “กินข้าวกันเถอะค่ะ ไม่ต้องรอหรอก!”คนรับใช้รู้ว่าเธออารมณ์ไม่ดี เลยพูดอย่างกระตือรือร้นตอนเสิร์ฟอาหาร “ปลาเปรี้ยวหวานแมนดารินนี้เป็นของโปรดของคุณนายเลยนะคะ! แต่มีเพียงปลาแมนดารินในฤดูกาลนี้เท่านั้นที่อวบอิ่มขนาดนี้ คุณนายลองชิมดูสิ”เฉียวซุนตอบอืมเล็กน้อย ก่อนจะตักปลามาชิ้นหนึ่งเพื่อลิ้มรสแต่พอเข้าปากก็รู้สึกคลื่นไส้ เธอปิดปากแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ แต่เธอก็อ้วกไม่ออกสักที...คนรับใช้รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเลยเคาะประตูจากข้างนอก “คุณผู้หญิง ไม่สบายหรือเปล่า?”“ฉันไม่เป็นไร!”เฉียวซุนอยู่ในนั้นนานพอสมควรก่อนจะเดินออกไปนั่งที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง เธอไม่มีความอยากอาหารเลย อาหารบนโต๊ะก็มีแต่ของเลี่ยน
เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนที่มืดมิดลู่เจ๋อนอนลงด้านหลังเฉียวซุน เขากอดเธอเอาไว้ เขาไม่พูดอะไรเลยแต่ลูกกระเดือกที่ข้างคอของเธอก็ยังเคลื่อนไหว!หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ดึงผ้าห่มออกจากเธอ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเขาร้อนมาก!เฉียวซุนไม่ส่งเสียงและเธอก็ไม่ได้ผลักเขาออกไป เธอได้ยินเสียงแหบห้าวของเขา “ผมไม่ได้ชอบเธอคนนั้นนะ! ผมแค่ชอบมองตาของเธอ สายตาที่เธอมองผมมันเหมือนกับคุณสมัยก่อนไม่มีผิด...สายตาแห่งความสิ้นหวังนั่น! เฉียวซุน ไม่เคยมีใครที่หักอกผมและทำให้ความภาคภูมิใจทั้งหมดของผมพังทลายลงเหมือนคุณ แต่ผมก็ยังทนปล่อยคุณไปไม่ได้! ผมเคยคิดจริง ๆ ว่าปล่อยเรื่องนี้ไปซะก็พอแล้ว ผมคิดว่าก็แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมผมต้องทน!”เขากอดเธอแน่นแล้วใช้ฝ่ามือลูบไปตามเอวบางของเธอเขากดตัวเธอเข้ามาแนบตัวของเขา หน้าผากของทั้งสองแตะกันสนิท เขาหลับตาสีเข้มของเขาแล้วพึมพำ “เฉียวซุน ผมเจ็บปวดจริง ๆ! ตอนที่ไม่รู้ตัว ผมก็ทั้งรักทั้งเกลียดเธอไปแล้ว...”รักทุกอย่างที่เป็นเธอและเกลียด ที่เธอมีคนอื่นในใจตอนที่ลู่เจ๋อพูดจบ เขาก็เอาปากแนบริมฝีปากแดงระเรื่อของเฉียวซุน เขาจูบเธออย่าง
เฉียวซุนเปิดวีแชท เป็นเอกสารที่เมิ่งเยียนหุยส่งมาให้เธอปริ้นเธอพักเรื่องนี้ไว้ก่อนและเงยหน้าขึ้นมอง เธออยากคุยกับลู่เจ๋อลู่เจ๋อกำลังเดินขึ้นไปชั้นบนแล้วพูดอย่างใจเย็น “ถ้ามีธุระ รอผมกลับมาจากต่างประเทศก่อนค่อยพูด”แดดฤดูใบไม้ผลิกำลังดี แต่ร่างกายของเฉียวซุนกลับเย็นเฉียบเธอมองดูสามีของเธอ มองดูแผ่นหลังที่สง่างามของเขา แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ลู่เจ๋อ คุณชอบพูดอยู่ตลอดว่าฉันไม่เห็นคุณเป็นสามี แล้วคุณถือว่าฉันเป็นภรรยาของคุณหรือเปล่าคะ? คุณกับผู้หญิงข้างนอกพวกนั้น ความคลุมเครือระหว่างคุณกับหลีชิงเฉิง คุณรู้ดีที่สุดว่าไป๋เซียวเซียวเคยเล่นบทบาทอะไรในชีวิตแต่งงานของเรา ในใจของคุณก็ชัดเจน ตอนนี้คุณไปต่างประเทศเพื่อไปอยู่กับเธอ แค่เวลาจะฟังฉันซักประโยคยังไม่มีเลย…”ลู่เจ๋อชะงักชั่วคราวหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันกลับมามองเธออย่างเงียบๆ “งั้นคุณอยากคุยอะไร”ตอนนั้นเฉียวซุนกำลังจะพูด โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นในกระเป๋าของเขาลู่เจ๋อรับสายโดยไม่ได้หยุดคิดเลย น่าจะเป็นสายจากต่างประเทศ เขาเหลือบมองเฉียวซุนแล้วก็ขึ้นไปชั้นบน...ในห้องอาหาร เฉียวซุนนั่งอยู่คนเดียวคนรับใช้พูดอย่างอ่อนโยน “คุณ
ลู่เจ๋ออยู่ในห้องหนังสืออยู่นานเขาหยิบแผ่นฟิลม์ที่หักแตกออกมา มองดูสักพักแล้วโยนมันลงในถังขยะ เขาทรุดตัวลงบนโซฟาแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กลับรู้สึกว่าแสงมันแสบตาเขาเลยเอามือมาบังความเจ็บปวดบนฝ่ามือของเขา ทำให้เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขาลงแรงหนักแค่ไหนนี่เขาตบหน้าเฉียวซุนไปจริง ๆ ...ลู่เจ๋อหลับตาลง สิ่งที่เขาเห็นต่อหน้ามีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนครั้งสุดท้ายของเฉียวซุน รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา...เธอมีภูมิหลังที่สูงส่ง ตระกูลเฉียวเลี้ยงดูเธอมาอย่างดีจนโต ไม่เคยโดนตบตีเลยสักครั้ง เขาบอกว่ารักเธอแล้วก็ยังตบหน้าเธอ!ตอนนี้โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นสายของเลขาฉิน “ประธานลู่ผมอยู่ชั้นล่างแล้ว ตอนนี้จะลงมาเลยไหมคะ?”เสียงของลู่เจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ช่วยผมเลื่อนออกไปวันหนึ่ง”เลขาฉินไม่ได้คิดมาก “แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญรอแค่คุณลู่คนเดียวนะครับ!”เสียงของลู่เจ๋อเย็นชา ไม่มีอารมณ์ใดๆ “ผมบอกว่าเลื่อนออกวันหนึ่งยังไง!”หลังจากที่เขาวางสาย เลขาฉินชั้นล่างดูโทรศัพท์ของเขาแล้วถามคนรับใช้เขาเบาๆว่า “คุณลู่กับคุณนายทะเลาะกันหรอ?”เธอรู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!เพราะตอนนั้นที่พวกเขาแต่งงานก
ลู่เจ๋อนั่งอยู่ในรถ เขาเงยหน้าไปมองที่ชั้นสอง ถามเบาๆว่า “คุณนายอยู่บ้านไหม”คนรับใช้พูดๆหยุดๆว่า “ท่านย่าร่างกายไม่สบาย คุณนายเลยไปดูแลที่นั่น เธออยู่ที่นั่นหลายวันติดต่อกันแล้วค่ะ”สีหน้าของลู่เจ๋อเผยความอ่อนโยนขึ้นเขาให้คนรับใช้ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นบน แล้วเขาก็ขับรถไปที่บ้านตระกูลเฉียว...ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่ลานจอดรถของบ้านตระกูลเฉียวลู่เจ๋อไม่ให้คนใช้ไปบอก เขาเดินตรงเข้าไปในห้องนอนของคุณย่า ห้องนอนที่เงียบสงัด คุณย่าหลับตาเอนตัวพิงนอนอยู่บนหมอน ส่วนเฉียวซุนก็นอนอยู่บนเตียง... ดูเหมือนกำลังหลับอยู่ลู่เจ๋อไม่ได้ปลุกคุณย่าเขานั่งข้างเฉียวซุนแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอ เธอดูผอมลงมาก ใบหน้าที่เล็กอยู่แล้วของยังเล็กกว่ามือของเขาอีก...เฉียวซุนตื่นขึ้นมา มองไปที่ร่างที่ดูเหน็ดเหนื่อยของเขาโดยไม่พูดอะไรเธอไม่สุขไม่ทุกข์!เธอไม่ยอมถูกเขาสัมผัส เลยถอยหลังไปเล็กน้อย แต่ลู่เจ๋อก็จับหลังคอของเธอไม่ให้เธอหนี เสียงของเขาต่ำแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”น้ำเสียงของเฉียวซุนนิ่งมาก “ฉันจะไปล้างหน้าหน่อยค่ะ!”พูดจบเธอก็ผลักเขาออกไป ลุกขึ้นเด
ในรถที่มืดมิด ทั้งสองหายใจเร็วขึ้นเฉียวซุนยังคงนั่งอยู่ตักของเขา ผิวขาวของเธอดูนุ่มนวลและละเอียดอ่อนเมื่ออยู่บนกางเกงขายาวสีเทาของเขา...ถุงน่องบาง ๆ ที่เขาถอดออกแล้วแขวนไว้บนข้อเท้าเรียวยาวทำให้ดูน่าค้นหาหลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็ได้สติกลับมา...เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว!เขาตั้งตารออยู่นาน บางที อาจจะเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ได้แต่ในขณะนี้ ตัวเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะกอดเธอด้วยซ้ำ เขาจำได้ เมื่อเดือนที่แล้วเธอมีเรื่องที่อยากจะบอกเขา เขาก็รีบวิ่งไปต่างประเทศเลยไม่ได้ให้เธอพูด พวกเขาทะเลาะกันเพราะไป๋เซียวเซียว ......สุดท้าย เขาก็ตบเฉียวซุนเฉียวซุนท้องอยู่แล้วยังถูกเขาตบ!ลูกกระเดือกของลู่เจ๋อก็สั่นเล็กน้อย เขาใช้นิ้วเรียวลูบใบหน้าของเธอ มันเรียบเนียนไม่มีรอยแผลเป็น แต่เขายังคงถามอีกครั้งด้วยเสียงแหบห้าว “ยังเจ็บอยู่ไหม”เฉียวซุนไม่ตอบแต่พูดอย่างใจเย็น “คุณให้ฉันกลับไปนั่งเถอะ” ลู่เจ๋อหรี่ตาลงเล็กน้อยเขาจับจ้องมอง แต่เห็นได้ชัดว่าเฉียวซุนไม่อยากให้เขามอง เธอหันหน้าไปทางด้านข้างแล้วพูดอีกรอบว่า “ปล่อยฉันลง”ลู่เจ๋อวางมือไปที่เธอหลังคอของเธอแล้วกดให้เธออิงเข้ากับหัวไหล่ของเขา
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว