เช้าวันถัดมา ลู่เจ๋อได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลคุณหมอที่ดูแลไป๋เซียวเซียวบอกเขาว่า เมื่อคืนคุณไป๋ไม่สบายเล็กน้อย หลังจากที่เรารักษาเต็มที่ ตอนนี้เธออาการดีขึ้นแล้ว แน่นอนว่านี่เป็นเครดิตการดูแลรักษาทางการแพทย์ของโรงพยาบาลทั้งหมด และไม่สามารถให้เครดิตกับผมเพียงคนเดียวได้ ลู่เจ๋อเอนตัวลงบนโซฟาแล้วขมวดคิ้ว เฉียวซุนเป็นยังไงบ้าง ยังมีไข้อีกหรือเปล่าคุณหมอดูลังเลลู่เจ๋อนั่งตัวตรงทันที เกิดอะไรขึ้นกับเธอคุณหมอถึงกับตกใจหรือว่าตนเองคิดผิดไป คนที่ประธานลู่ใส่ใจไม่ใช่ไป๋เซียวเซียว แต่เป็นคุณนายลู่ที่เป็นตัวจริงเหรอเขาไม่กล้าปิดบังอีกต่อไป เย็นวานนี้คุณนายลู่มีไข้อีกครั้ง แต่โรงพยาบาลมีหมอและพยาบาลไม่เพียงพอ... โชคดีที่คนรับใช้ของคฤหาสน์มีความสามารถ คอยเช็ดตัวให้คนไข้ ทำให้ไข้ลดลง คุณนายลู่ก็ดีขึ้นเยอะครับเขาพูดอธิบายเบาๆ ...แต่ลู่เจ๋อทุบที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลจนพังเขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ภรรยาของเขาพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของตนเอง แต่เธอดันมีไข้ซ้ำและต้องลดอุณหภูมิในร่างกายด้วยการเช็ดตัวเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าเฉียวซุนทรมานแค่ไหนขณะที่ลู่เจ๋อยืนขึ้นกำลังจะเดินออ
ลู่เจ๋อลำคอแห้งผาก เป็นเขาเองที่ตามเธอกลับมา เขาต้องการชีวิตแบบนี้ เพื่อให้เธอปฏิบัติต่อเขาแบบนี้... แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทำร้ายเธอเขาขอให้เฉียวซุนให้โอกาสเขาอีกครั้งเฉียวซุนมองกระดุมข้อมือคู่นั้นด้วยความสับสนกระดุมข้อมือคู่นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอรักเขา และมันยังพิสูจน์ถึงความโง่เขลาของเธออีกด้วย เธอมีความสุขมากตอนที่ซื้อมันมา...แต่เธอก็รู้สึกแย่ในภายหลังเมื่อเขาจับเธอกดลงบนโต๊ะเสียงของเฉียวซุนทั้งเบาและสับสนเธอพูดว่า ไม่อีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว ลู่เจ๋อ เราจบกันแค่นี้เถอะแม้ว่าเธอจะรู้สึกปวดใจ แต่เธอก็ยังเก็บข้าวของและเดินจากไปหลินเซียวไปดำเนินการตามขั้นตอนให้เธอไม่มีใครอยู่ในวอร์ดแล้ว เฉียวซุนถอดชุดชั้นในและชุดของโรงพยาบาลออกเธอเคยบอกว่าชุดชั้นในแบรนด์เนมเหล่านั้น... เธอจะคืนมันให้ลู่เจ๋อ เมื่อเธอจากไปเธอไม่ได้หลีกเลี่ยงลู่เจ๋อเธอเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ไร้อารมณ์ บรรจงถอดเสื้อผ้าราคาแพงออกทีละชิ้น แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าราคาถูกที่หลินเซียวซื้อให้เธอไม่ได้ร้องไห้เลย เธอจะยอมรับมันหลังจากสวมเสื้อผ้าแล้วเธอก็พูดเบาๆ ลู่เจ๋อ ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน
ลู่เจ๋อคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมอุ้มเฉียวซุนไว้ ร่างเธอเต็มไปด้วยเลือด ย้อมฝ่ามือเขาเป็นสีแดงสดเขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงสั่นเครือแต่เฉียวซุนไม่ได้ยิน...เธอหลับตาแน่น ร่างกายค่อยๆหายไป อุณหภูมิร่างกายค่อยๆลดลง และความรู้สึกทั้งหมดที่เธอมอบให้กับเขาก็หายไปเช่นกัน...น้ำตาค่อยๆหยดลงเบาๆ ตรงหัวใจของลู่เจ๋อ…ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล แพทย์เข้าๆออกๆ ไม่หยุดหย่อนเลยลู่เจ๋อยืนอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัดเขาเงยหน้าขึ้นมองไฟผ่าตัดสีแดง ในใจเต็มไปด้วยคำพูดของศัลยแพทย์ ประธานลู่ เตรียมใจไว้นะครับ แขนซ้ายของคุณนายหักเป็นชิ้นๆ หลังจากนี้อาจทำอะไรที่ละเอียดอ่อนมากไม่ได้นี่หมายความว่าอะไรนี่หมายความว่าเฉียวซุนไม่สามารถเล่นไวโอลินได้อีกต่อไปใช่ไหม เห็นชัดๆว่ายังไม่ทันช่วย ทำไมต้องตัดสินว่าเฉียวซุนตายทั้งเป็นแล้วรอเฉียวซุนตื่นขึ้นมา เธอจะทำยังไงลู่เจ๋อไม่กล้าคิดเรื่องนี้เขากดโทรศัพท์อย่างไร้ความรู้สึก ขอให้เลขาฉินจ้างศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดในโลก มาช่วยรักษาแขนซ้ายของเฉียวซุนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามอีกด้าน เลขาฉินหยุดชั่วครู่ แล้วพูดว่า ประธานลู่ ศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดอยู่ที่ลู่ซื่อแล้ว
ลู่เจ๋ออดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังริมฝีปากของเฉียวซุนสั่น อย่าบังคับให้ฉันทำร้ายหัวใจคุณ…ลูกกระเดือกของลู่เจ๋อขยับเล็กน้อยไม่นาน เขาก็พูดเบาๆ ตอนนั้น ผมคิดว่าคุณจะหนีไปได้ ผมไม่ได้ชอบเธอ ในใจผม ... เขาไม่ได้พูดต่อเขาอยากพูดอะไร เขาอยากจะบอกว่าจริงๆแล้วเขาชอบเฉียวซุน เขาไม่มีความสัมพันธ์กับไป๋เสี่ยวเสี่ยว แต่ในช่วงวิกฤติ เขาปกป้องไป๋เสี่ยวเสี่ยว ไม่ใช่เฉียวซุน... ไม่ใช่ภรรยาของเขาตอนลู่เจ๋อเดินออกไป เขาไม่เคยหดหู่ใจขนาดนี้ในใจเขารู้ว่าเขากับเฉียวซุนจบกันแล้วไม่มีทางเป็นไปได้แล้วเฉียวซุนมองเขา ด้วยสายตาไม่คุ้นเคย แถมเต็มไปด้วยความเกลียดชัง...เธอจะไม่เกลียดได้ยังไง เธอตระหนักได้ว่าความฝันด้านดนตรีของเธอ เขาก็เสียสละเพื่อช่วยเธอ ช่วยคนรักของเขาลู่เจ๋อ คืนนั้นเธอพูดว่าเดิมคุณรักคนไม่เป็นเธอโดนสะกิดรอยแผล เธอทำร้ายเขาตอนนี้คุณทิ้งเธออีกครั้ง อันที่จริงเฉียวซุนพูดถูก คุณรักคนไม่เป็น...การศึกษาที่คุณได้รับตั้งแต่เด็กคือได้ผลประโยชน์เป็นส่วนใหญ่ อำนาจที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงความรักด้วยจริงๆแล้ว เขาควรปล่อยเฉียวซุนไป...เขาควรปล่อยไป ควรปล่อยให้เธอไปตามทางของเธอ แม้ในอนาค
เฉียวซุนได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากแขน ทั้งร่างเต็มก็ไปด้วยบาดแผลเล็กๆน้อยๆเธอต้องการคนมาดูแล แต่เธอกลับเมินลู่เจ๋อเธอไม่ยอมคุยกับลู่เจ๋อ ไม่ยอมกินอาหารที่ลู่เจ๋อป้อน ไม่ยอมให้ลู่เจ๋อเช็ดตัวให้... ดูเหมือนว่าเธอจะทิ้งลู่เจ๋อออกไปจากโลกของเธอบนพื้น มีอาหารหกเลอะเทอะลู่เจ๋อเฝ้าดูเงียบ ๆสักพัก แล้วจึงเลื่อนสายตาไปที่คนบนเตียง คุณต้องการอะไรกันแน่ หย่ากับฉันตอนนี้เลยไหมเฉียวซุนแน่นคอเล็กน้อย จากนั้นไม่นาน เธอก็กระซิบ ฉันอยากเปลี่ยนโรงพยาบาล และ... หย่าลู่เจ๋อจ้องเธออย่างเอาเป็นเอาตายพยาบาลเข้ามา เก็บอาหารกลับไป ไม่กล้าส่งเสียงแล้วเปิดประตูออกไปลู่เจ๋อเดินไปที่หน้าต่างเขายืนหันหลังให้เฉียวซุน สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ ทำให้แผ่นหลังเขาดูสง่าไม่นาน เขาก็เดินออกไปหนึ่งชั่วโมงต่อมา เซิ่นชิงก็ถูกรับมา และดูแลเฉียวซุนเวิ่นชิงร้องไห้เมื่อเห็นเฉียวซุนเธอลูบบาดแผลลึกๆตื้นๆบนร่างของเฉียวซุน ตอนแรกเธอกลั้นเพื่อจะไม่ร้องไห้ แต่ก็ทนไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา เสียงของเธอขาดๆหายๆ เกิดเรื่องแล้ว พ่อของคุณไม่ได้นอนมาสองวัน ต่อมาก็ป้อนยานอนหลับให้เขา ลู่เจ๋อยึดชั้นที่หนึ่ง
เซิ่นชิงวางกุญแจแวววาวไว้บนโต๊ะทำงานเธอถึงกับฝืนยิ้มอย่างดีใจ แล้วพูดว่า ตอนที่ฉันมา ฉันคุยกับพ่อเธอแล้ว เราปฏิเสธพยาบาลสองคนนั้นไปแล้ว และเราจะไม่อยู่ในบ้านหลังใหญ่นั้นอีกต่อไป...จะย้ายออกตอนบ่ายๆ ส่วนงานเลี้ยงนั้น ขึ้นอยู่กับมโนธรรมของคุณนะลู่เจ๋อ แต่เราเตรียมตัวพร้อมแล้ว ถ้าโชคดี อาจต้องรอจนแก่กว่าเขาจะกลับมาพูดถึงเรื่องนี้ เซิ่นชิงสำลักเล็กน้อย สำหรับเฉียวซุน... เธอพูดช้าลงครู่หนึ่ง คุณกับเธอเป็นสามีภรรยากันมาสองสามปี ซึ่งนับเป็นโชคชะตา ปล่อยเธอไป หากเธอมีความผิด ก็คงเป็นเพราะเธอชอบคุณในช่วงวัยรุ่น ลู่เจ๋อ ชอบคนอื่นไม่ใช่เรื่องผิด ใช่ไหมหัวใจของลู่เจ๋อบีบตัวอย่างกะทันหันเขาจ้องมองเซิ่นชิง หญิงสาวใจสลายคนนี้ ถึงตอนนี้ยังคงวางแผนให้ลูกสองคน... เพราะตระกูลเฉียวไม่มีใครแล้ว แม้แต่ฉียวซุนก็ทรุดตัวลง เธอจึงต้องออกมาจัดการ เซิ่นชิงพูดจบ ก็จากไปอย่างเงียบๆเหลือเพียงกลิ่นหอมของกาแฟลู่เจ๋อนั่งอยู่คนเดียว จนกระทั่งแสงตะวันที่กำลังลอดผ่านช่องว่างในม่านค่อยๆลาลับไป เขาก็ค่อยๆ กลับมามีสติอีกครั้งเลขาฉินเคาะประตู แล้วเดินเข้ามา บอกข่าวให้เขาฟัง ตระกูลเฉียวย้ายออกไปแล้ว พยา
ลู่เจ๋อเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย อย่างสงบแสงไฟส่องสว่าง ชายหญิงที่กอดกันเปล่งประกายขนาดนี้ นั่น...คือความอ่อนโยนที่เขาเคยได้รับเมื่อเทียบกับความสงบของเขา หลิงซวงใจไม่นิ่งมากเขาปล่อยเฉียวซุนเบาๆ พาเฉียวซุนไปห้องน้ำและไม่อนุญาตให้เธอออกมา จากนั้นก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก...ตามด้วยกระดุมข้อมือเสื้อเชิ้ตเขาเคลื่อนไหวช้ามาก แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียดเช่นเดียวกับลู่เจ๋อชายทั้งสองต่อสู้กันอย่างรุนแรง แต่ละหมัดก็มุ่งเป้าไปที่ฝ่ายตรงข้าม ดวงตาของหลินซวงแดงก่ำ เขากรีดร้องใส่ลู่เจ๋อ เธอทำผิดอะไร คุณทำแบบนี้กับเธอทำไม คนที่ตามจีบเธอปีนั้น วนเวียนรอบๆสนามเด็กเล่นของสถาบันดนตรีสองครั้ง เธอตามืดบอดก่อนถึงจะมองคุณออก ลู่เจ๋อถ้าไม่รักเธอทำไมไม่หย่ากับเธอ ทำไมไม่ปล่อยเธอไปแล้วคุณล่ะลู่เจ๋อพูดอย่างเย็นชา ตอนนั้นคุณตามจีบเธอหรือเปล่าหลินซวงจัดเสื้อของเขาให้ตรง ยอมรับทันที ใช่ ผมชอบเธอ แต่ผมไม่ทันพูดออกไป เธอก็แต่งงานกับคุณ ไอ้สารเลวทั้งสองต่อสู้กันอีกครั้งครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินซวงเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน ลู่เจ๋อก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับเอนตัวลงบนโซฟาโดยไม่ขยับ และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
แต่มันสายเกินไปแล้วเฉียวซุนเอนตัวลงบนโซฟาด้านหลังแล้วจ้องมองไปที่ความมืดข้างนอกอย่างว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หันไปด้านข้างมองเขา แล้วยิ้มเบาๆให้เขา ลู่เจ๋อคุณป่วย แต่ฉันจะไม่อยู่เป็นยาให้คุณใบหน้าของลู่เจ๋อซีดเซียวในความมืดเธอมองไม่เห็นอาการบาดเจ็บของเขา เธอไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่เมื่อก่อน ภรรยาตัวน้อยของลู่เจ๋อได้ถูกลู่เจ๋อฆ่าตายด้วยน้ำมือตัวเองกลางคืนที่เงียบสงบลู่เจ๋อนั่งบนโซฟา หมอทายาให้กับเขา เฉียวซุนก็เอนกายพิงหัวเตียงอย่างเงียบๆ มือของเธอถือตั๋วคอนเสิร์ตไว้ มันเป็นตั๋วที่หลินซวงเอาให้เธอช่วงหัวค่ำ คอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิกครั้งแรกของเมืองเอสครั้งนี้น่าเธอน่าจะเป็นคนเล่นเปิดงานเธอเอาแต่จ้องมองตั๋วทั้งคืน เธอไม่รู้จะปล่อยไปอย่างไร จะปล่อยไปอย่างไร... นี่ไม่ใช่แค่ความฝันของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นความหวังเดียวของตระกูลเฉียวอีกด้วย และความหวังนี้ก็ถูกทำลายโดยลู่เจ๋อเองเขายังคงหวังว่าเธอจะกลับมาเป็นสามีภรรยาอีกครั้งมันน่าขำสิ้นจริง……ตอนดึกลู่เจ๋อยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ปลายทางเดินควันบางๆ ที่ถูกลมพัดกระจายออกมีก้นบุหรี่เจ็ดหรือแปดก้นติดอยู่ในที่เข
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว