“ไม่ได้ย่ะ จะก่อนทำงานหรือหลังทำงานเสร็จก็ปล้ำไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าหื่นมากนักก็ไปหาผู้หญิงตามข้างถนนโน่น คงพอให้นายแก้ขัดได้บ้างแล้วกัน” แพรพนัสกัดฟันตอบ ดวงตาเขียวปั๊ด “แล้วคุณก็กรุณาปล่อยฉันด้วย เหม็นเน่าพวกหื่นกาม” มือเล็กพยายามยื่นไปคว้าแขนใหญ่ที่ลูบไล้แผ่นหลังอยู่“แหม...ไม่อยากปล่อยเลย ตัวเธอนี่ห้อมหอมนะยายตัวแสบ” ไม่พูดเปล่ามือใหญ่เคลื่อนขึ้นมากดกระชับท้ายทอย ริมฝีปากหนาได้รูปทาบลงไปบนเรียวปากนุ่มที่กำลังอ้าออกจะส่งเสียงร้องห้าม มือใหญ่อีกข้างจับรั้งแขนเรียวไพล่ด้านหลังพร้อมดึงทึ้งเอากระเป๋าใบใหญ่ที่ขวางไม่ให้เขาได้ใกล้ชิดกับเรือนกายนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นให้ไปพ้นทาง ก่อนจะกดรั้งเรือนกายเล็กให้แนบไปกับแผ่นอกกว้างและแข็งแกร่งแต่ยายตัวเล็กก็ฤทธิ์มากใช่เล่น เมื่อใช้มือทำร้ายเขาไม่ได้ก็หันไปใช้เท้าแทนจนฉัตรจักรเริ่มหงุดหงิดใจกับเข็มเล่มเล็กๆ ที่แม้จะไม่สามารถสร้างความเจ็บปวดให้ แต่ก็สร้างความรำคาญให้เขาไม่น้อยร่างหนาใหญ่พลิกกลับและดันร่างเล็กไปที่ผนังห้อง ตรึงหญิงสาวได้ด้วยความแข็งแกร่ง ขาแนบขา ลำตัวแนบลำตัว มือใหญ่จับรั้งแขนเรียวยาวขึ้นไปตรึงไว้เหนือศีรษะเล็ก ริมฝีปากหนาขบกัดกลีบปา
มือเล็กกำเสือตัวใหญ่และดึงมาใกล้ๆ “นี่เป็นโทษทัณฑ์ที่แกควรได้รับที่กล้ามาลวนลามฉัน และจำเอาไว้นะไอ้บ้า แกจะโดนหนักกว่านี้ถ้ายังไม่ล้มเลิกความคิดจะจับฉันขึ้นเตียง”พลั๊ก! หญิงสาวปล่อยหมัดตรงเข้าที่เบ้าตาเข้มเต็ม ๆแพรพนัสปัดมือเบาๆ ริมฝีปากเบะออกด้วยความสะใจ ไหล่กว้างเลิกขึ้นเล็กน้อย โธ่เอ้ย...ไอ้ผู้ชายขี้หมา แค่ผู้หญิงตัวเล็กอย่างฉันก็ทำเอาแกลงไปนอนแผ่หลาแล้ว จมูกโด่งเป็นสันยู่ย่นเล็กน้อยและรีบเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่และเดินออกจากที่ทำงานของฉัตรจักรอย่างสบายอารมณ์ แต่เพียงแค่ร่างเล็กกำลังจะลับขอบประตูไปแพรพนัสก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองดวงตาสองคู่สบกัน คู่หนึ่งมีความสะใจ แต่อีกคู่กลับมีความเจ็บปวดและอาฆาต แต่แพรพนัสก็ไม่แคร์ หนักมาเธอก็หนักไป ร้ายมาก็ร้ายไป แล้วจะได้รู้ว่าใครมันจะแน่กว่าใคร...นลินนั่งกระสับกระส่ายบนรถคันหรู ดวงตากลมโตเหลือบมองไปยังคนขับบ่อยครั้ง ยิ่งได้ยินเสียงผิวปากเป็นทำนองเพลงรักหวานซึ้งก็ยิ่งให้สั่นไหวอยู่ในใจ ถึงแม้จะปากหนักปากแข็งว่าไม่สนใจและรังเกียจเพียงใด แต่รสจุมพิตหวานล้ำที่เคยได้รับ มือใหญ่ร้อนเหมือนกับถ่านไฟลากไล้ไปตามเรือนกาย ใบหน้าสวยเห่อแดงระเรื
กายโปร่งบางสั่นไหว ด้านบนคือเรียวปากหนานุ่มที่มอบจุมพิตเหมือนกำลังจะดูดกลืนวิญญาณออกจากร่าง ยังจะมีมือใหญ่ที่ลากไล้ไปทั่วจากแผ่นหลังเนียนนุ่มมาหยุดและฟอนเฟ้นทรวงสล้าง แต่คงเพราะมีตัวผ้าขวางกั้นอยู่ทำให้ชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจออกมาเล็กน้อย มือใหญ่จับทึ้งดึงเสื้อตัวสวยเนื้อนิ่มที่หญิงสาวสวมใส่จนหลุดลุ่ยลงไปกองอยู่ระหว่างสะเอวเล็กคอด“พะ...พี่เทพ...” นลินอยากจะห้ามให้ชายหนุ่มหยุดทรมานเธอด้วยมือและปากเสียที แต่กลับพูดไม่ออก ได้แต่ร้องเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงหวานเชื่อมลำตัวบอบบางแอ่นโค้งแนบไปกับพวงมาลัยรถ วงหน้าขาวสวยแดงปลั่ง ดวงตากลมโตหลับพริ้มแหงนหงายไปด้านหลัง หัวใจเต้นระทึกเป็นกลองเพลเหมือนกำลังเฝ้ารอสิ่งสำคัญ ที่เดินทางมาพร้อมจุมพิตร้อนผ่าวที่เคลื่อนไหวลงไปตามลำคอระหงจนเกือบจะถึงเนินเนื้ออวบอิ่มสล้างขาว ซึ่งไหวกระเพื่อมที่ยังมีกรวยสีหวานปกคลุมอยู่“จ๋า...” เทพกานต์ร้องครางเสียงหวาน ริมฝีปากขบเม้มผิวเนื้อกายสาวซึ่งหอมกรุ่นจรุงใจ เหมือนเขาได้เดินทางไปพบกับท้องทุ่งดอกไม้สวยสด กลิ่นหอมของมันยั่วยวนใจจนเขาถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นใบหน้าคมคร้ามซุกไซ้ลำคอระหงแล้วไถลลงไปประทับกลางทรวงสล้า
ชายหนุ่มรู้สึกขัดอกขัดใจกับสถานที่อันคับแคบนี่เหลือเกิน จะขยับเคลื่อนไปทางใดก็ล้วนแล้วแต่ติดขัด ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่ารอบๆ บริเวณไร้สิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ชายหนุ่มเคลื่อนจุมพิตแผดร้อนขึ้นไปประทับบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม แขนใหญ่ช้อนร่างโปร่งบางซึ่งอ่อนระทวยเหมือนกับเทียนไขโดนลนด้วยไฟไปยังเบาะหลังของรถ พร้อมวางลงอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลทั้งที่ยังไม่ถอนริมฝีปากนลินร้อนผ่าวเหมือนกับอยู่บนเปลวเพลิง กายโปร่งบางเบาหวิวเหมือนขนนกปลิวไปตามกระแสลม สองขาเรียวยาวแยกกว้างให้วัตถุร้อนผ่าวที่กดคลึงเกสรดอกรักสลับลากไล้ขึ้นและลงตามรอยแยกกลีบผกากรองนุ่ม บ้างก็ซอกซอนแหวกว่ายหาความหวาน...สำรวจความลึกล้ำตามธรรมชาติกลีบกายบอบบางนุ่มนวล แต่เพราะกายสาวยังมีผ้าชิ้นน้อยปกปิดอยู่และสิ่งนี้ก็ทำให้เทพกานต์ใกล้ชิดกับกายสาวอย่างไม่เต็มที่“หลินจ๋า...เอามันออกนะคนดี” เทพกานต์ร้องขอเมื่อชั้นในตัวเล็กกลายเป็นสิ่งเกะกะและขวางทางความสุขของเขา“เอ่อ...” นลินอยากจะขัดขืนใจจะขาด แต่ก็อ้าปากปฏิเสธไม่ออก สองมือเล็กเรียวลูบไล้ไปตามเรือนกายแข็งแกร่งที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มถอดเสื้อทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้สองมือเล็กได้สัม
“พี่เทพทำอย่างนี้กับหลินได้ยังไง” น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลอาบสองแก้มอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เขาใช้คำหวานออดอ้อนและแตะต้องนิดๆ หน่อยๆ ก็พร้อมที่จะถอดเสื้อผ้าขึ้นไปนอนรอให้เขาชำแรกแทรกกายอยู่บนเตียงอย่างไม่อายและลืมความเจ็บปวดเสียแล้วมือเล็กเรียวรีบยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเสียใจ หญิงสาวถือโอกาสที่เทพกานต์คุยกับนายตำรวจที่ขับขี่รถตรวจพื้นที่รีบควานหาเสื้อผ้าบางชิ้นที่หายไปมาจัดการสวมใส่ แต่เพราะความมืด กว่าเธอจะหาทุกอย่างได้ครบก็ทำให้เสียเวลาไปหลายนาทีเมื่อแต่งกายเสร็จเรียบร้อย นลินก็ถือโอกาสเอาคืนคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดและอับอาย สองมือเล็กทุบตีไปบนกายแกร่งแรงๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่สะดุ้งสะเทือน เพราะความเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวฟันขาวจึงขบลงไปบนบ่ากว้างแรงๆ“โอ๊ย!! เปล่าๆ ครับไม่มีอะไรครับ” เทพกานต์รีบบอกนายตำรวจที่เดินไปที่รถแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของเขาก็รีบหันกลับมาใหม่ด้วยใบหน้าเหยเกจากอารมณ์ที่ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางและยังจะมีความเจ็บจากมือเล็กๆ ทุบเอาๆ แรงๆ และไม่ยั้ง แต่แม้ว่าเขาจะเจ็บตัวก็จำต้องอดทน เพราะรู้ดีว่าผิดที่คิดจะรักผู้หญิงโดยไม่ดูเวลาและ
ร่างเล็กบางเดินวนไปเวียนมาในห้อง มือเรียวยกขึ้นปาดหน้าผากสลับกับจัดเส้นผมนุ่มให้สวยงาม ก่อนจะลดมือเรียวลงมาลูบจมูกและปาก แม้ว่าเรื่องนั้นจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่เธอยังรู้สึกเหมือนกับปากหนาและมือใหญ่ยังคงทาบทับอยู่บนเรือนกาย แม้จะล้างปากด้วยยาสีฟันและสบู่หลายต่อหลายตลบแต่ไอ้สัมผัสบ้าๆ นั่นก็ยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึกแพรพนัสแปลกใจตัวเอง เพราะบางส่วนของความรู้สึกบอกว่าเธอไม่ได้รังเกียจสัมผัสของชายหนุ่มเลยสักนิดและยังมีอารมณ์คล้อยตามไปได้ง่ายๆ ไม่เหมือนกับเวลาเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นๆมือเรียวดึงสายเสื้อที่มันกำลังจะหล่นจากไหล่ให้เข้าที่ ย่อขาลงนั่งชันเข่า สองแขนเรียวยาวโอบรอบขาเสลา ปลายนิ้วลากเป็นวนกลมบนพื้นห้อง น้ำตาจะหยดจากสองตาให้ได้ ถ้าเธอใส่ชุดนี้ออกจากห้องมีหวังสุนัขที่วิ่งไปวิ่งมาตามข้างทางคงจะเห่าไล่กันระงมทีเดียว คิดแล้วก็ตัวสั่นขึ้นมาในทันที“ยายนัส...เฮ้...ยายนัสแกฟังฉันอยู่หรือเปล่ายะ”“ฟังๆ ว่าแต่แกว่าอะไรนะเมื่อครู่”“เอ้า...นังบ้า ไหนว่าฟังฉันไงยะ แล้วย้อนกลับมาถามฉันทำไมฮึ...” นลินตอกกลับและพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ ดวงตากลมโตกลอกไปกลอกมา ป่านนี้ใบหน้าขาวสวยของเพื่
เทพกานต์ถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย ยิ่งได้เห็นพวงแก้มอิ่มเต็มแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดสาว ปากนุ่มอวบอิ่มบวมแดงระเรื่อ และดวงตากลมโตเปล่งประกายหวานเชื่อมและเชื้อเชิญอย่างไม่รู้ตัว“หลินหวานไปหมดทั้งตัวเลยรู้ไหมคนดี จนพี่อดใจไม่ไหวไม่อยากทานข้าวแล้ว แต่อยากทานหลินเป็นอาหารเช้า เที่ยง เย็น ค่ำจนถึงรอบดึกเลยคนดี” มือใหญ่ที่ยังไม่ละจากเต้าสวยบดคลึงฟอนเฟ้น ปลายนิ้วลากไล้ป่ายปัดเม็ดทับทิมเบาๆ“บ้า...พี่เทพอ่ะ ปล่อยหลินได้แล้วนะคะ อายคนอื่นบ้างสิคะ” นลินรู้สึกเหมือนกับว่ามีประกายไฟร้อนๆ แล่นพล่านจากกึ่งกลางเรือนกายพุ่งไปถึงวงหน้าอย่างรวดเร็วและคิดว่าตอนนี้หน้าเธอมันคงจะแดงเหมือนตำลึงสุกเรียบร้อยแล้ว“ไม่ปล่อยได้ไหม แบบว่าเราสั่งอาหารไปทานที่ห้องหลินได้ไหมคนดี” มือใหญ่ขยำบีบผลส้มโอแรงๆ พร้อมส่งปลายนิ้วสะกิดเม็ดบัวแรงๆ เร้าอารมณ์สาวตรงหน้าให้ทำตามความต้องการ ด้วยเพราะกายของเขาใหญ่และหญิงสาวนั่งอยู่ด้านใน เลยสามารถบดบังหญิงสาวจากสายตาใครต่อใครและจะทำอะไรก็ได้ดั่งใจปรารถนา“นะครับคนดี...” ชายหนุ่มเว้าวอนเสียงหวาน ด้วยตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว อยากที่จะรักหญิงสาวให้ชุ่มฉ่ำใจและคงจะเป็นไปตลอดทั้งคืนเป็นอย่า
นลินส่งยิ้มให้เพื่อนรักพร้อมยกนิ้วให้เพื่อนรักที่จัดการเทพกานต์ถึงกับหมดรูป หน้าที่เคยหล่อกลับเป็นเหมือนหน้าลิงกังไปเลยทีเดียว คิกคิก...เห็นแล้วมันช่าง น่าสงสารจริงๆ ท่าทางจะเจ็บมากแฮะ...เดี๋ยวฉันช่วยเองนะนายเทพกานต์ ดวงตากลมโตเป็นประกายสะใจและสาสมใจ ตอนนี้คงจะถึงตาเธอบ้างแล้วที่จะเอาคืนชายหนุ่มตรงหน้าให้สาสมที่สร้างความเจ็บช้ำและอับอายให้“เจ็บมากไหมคะพี่เทพ?” สองมือเล็กวางทาบบนใบหน้าคมคร้ามที่ตอนนี้แดงเป็นปื้นและเห็นรอยนิ้วมือทั้งห้านิ้วชัดเจน ปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนจะเคล้าคลึงร่องรอยจากที่เคยแผ่วเบาก็เริ่มเพิ่มแรงกดขึ้นทีละน้อย และกัดฟันถามเสียงขุ่นเขียว“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าหลินจำไม่ผิด เขามีชื่อเดียวกับคนที่มาด่าหาว่าหลินแย่งสา...เอ่อแฟนเขานี่คะ”“พะ...พี่...” เทพกานต์ไม่ทันจะได้ตอบก็มีเสียงเล็กๆ และแสบแก้วหูตอบแทนเสียก่อน“ตอบนังผู้หญิงหน้าด้านไปซิคะพี่เทพขา กุดจี่น่ะเป็นเมียพี่” แพรพนัสพูดสวนกลับ “เธอรู้ไว้นะนังผู้หญิงหน้าด้าน ว่าผู้ชายที่แกกอดอยู่น่ะผัวฉัน...ได้ยินไหมว่าผู้ชายคนนี้เป็นผัวฉัน!” มือเล็กยื่นไปจับใบหูใหญ่และบิดเต็มแรงนลินอยากจะหัวเราะให้ดังสุดเสียง แต่ก็รีบยกมือ
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื
“แม่ตัวแสบเอ๊ย! ฉันน่าจะบีบคอเธอทิ้งจริงๆ นะนี่” เทพกานต์สบถด้วยความหงุดหงิด เขาน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว แต่ดันปล่อยให้ความต้องการทางกายอยู่เหนือทุกสิ่ง โมโหแทบเป็นบ้าตอนที่สวรรค์ล่มกลางคัน เมื่อนลินแสร้งกลัว เพื่อเสือกไสเขาไปให้กับอรินธวัชที่ก็เสียบเข้ามาอย่างรู้เวลาเสียด้วยสิอะไรที่ทำให้น่าสงสัยน่ะหรือ ถ้าคืนนั้นให้เขาไปหาเลย ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน จึงต้องหลอกให้ไปซื้อดอกไม้ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นอรินธวัชสนใจมอง อีกอย่างคือร่างโปร่งบางใต้ม่านน้ำ เพราะมัวหลงในกายขาวนวลเลยลืมกลิ่นเนื้อกายสาวหอมๆ เหมือนรมย์นลินเป็นที่สุด จึงไม่ทันจะสังเกต จับพิรุธไอ้ตัวแสบไม่ทัน“ไอ้จอมเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเอ้ย!” สบถแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนับตั้งแต่วันที่รมย์นลินมาอยู่บนเตียงนอน อรินธวัชก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูสมเหตุสมผล ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจ...รมย์นลินและอรินธวัชคือคนเดียวกัน! ที่ยังไงคนที่จะยืนยันได้ก็คือ...“ฉันจะรีดเอาความจริงจากเธอยังไงดี...หลิน” ยากไม่ใช่เล่นอยู่นะ การต้องรีดเอาความจริงจากปากแม่ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์และช่างวางแผน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำนิ้วยาวลูบไล้ปลายคางแกร่ง ใบหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนห
สะโพกสอบสะบัดไหวโยกซ้ายย้ายขวาล่อหลอกให้ตามติด แต่กลับใช้สองมือดึงรั้งให้รอรับส่วนสัดที่อัดแน่นเหมือนลิ่มเหล็กที่ตอกบนเสาเข็ม“นัสจ๋า...ที่รักมีความสุขไหม รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักนายที่สุดเลยฉัตร” แพรพนัสตอบกลับ ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มลำคอกว้าง ระบบภายในกระชับเสาเข็มใหญ่ที่ตอกลงมาอย่างหนักหน่วง ถี่รัวเร็วและรุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้กายใหญ่ก้าวเดินอีกครั้งไปหยุดตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มือปลดลำขาเสลาลงทีละข้างอย่างเชื่องช้าทั้งที่สะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ สองร่างทาบทับแผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดอกกว้าง สะโพกกลมกลึงบดเบียด กุหลาบดอกน้อยกลืนกินภมรใหญ่ ในขณะทรวงสล้างก็ตกอยู่ในการครอบครองของสองมือหนา“รักฉันซินัส รักฉันเลยคนดี”“จ้ะ...จ้ะ...” แพรพนัสตอบรับด้วยการขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและถี่รัวเร็ว เกี่ยวก้อยสองกายก้าวผ่านดินแดนมนุษย์ขึ้นไปพำนักบนสุดขอบฟ้าสุขาวดีในฉับพลัน เสียงร้องทุ้มนุ่มและหวานเชื่อมแหบพร่าดังสอดประสานกับสองกายาที่แนบชิดจนเป็นเนื้อเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลล้นออกจากกายเล็กเปรอะเปื้อนลำขาเสลา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ มือเรียววางทับบนแขนแข็งแกร่งและส่งยิ้มหวานเ
แม้ไม่เข้าใจ เขาสั่งให้ทำอย่างนั้นทำไม แพรพนัสก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี กายเล็กขยับเคลื่อนไปจนสองมือจับขอบหัวเตียงนอนได้ ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเกร็ง เมื่อจุมพิตร้อนผ่าวเริ่มขยับเคลื่อนจากสองบัวตูมลงไปด้านล่างทีละน้อยๆ เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกตวัดไล้หยอกล้อกับช่องสะดือบุ๋ม“ฉัตร...” ร้องเรียกเสียงแหบพร่า รับรู้ว่าชั้นในตัวน้อยค่อยๆ ถูกเกี่ยวรูดออกจากกายลงไปกองร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่หล่นไปก่อนหน้า พร้อมจุมพิตที่ประทับบนความนุ่มและอ่อนไหวไวต่อการสัมผัส ลมอุ่นๆ เป่ารดเส้นไหมนุ่มทำให้ได้รู้ เขากำลังจะทำอะไร แม้อยากจะห้ามปราม แต่กายและใจกลับรอคอยสองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายเต่งตึง พร้อมยกขึ้นสูงจนลอยเด่นเหนือใบหน้า กุหลาบดอกงามเคลื่อนไหวระริกตรงหน้า จนชายหนุ่มต้องปาดเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาร้อนขบไล่ขาหนีบเบาๆ ไล่วนตามต้นขาด้านในและซบนิ่งบนเนินเนื้อรังไหม สูดกลิ่นสาบกายสาวหอมกรุ่นที่โชยมาอย่างรุนแรง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้วนเวียนรอบเกสรสีแดงสดสลับริมฝีปากอ้างับ“อืม...ฉัตร...อย่าทรมานฉันซิ...” แพรพนัสเว้าวอนเสียงหวานพร่า ส่ายสะโพกรับจุมพิตร้อนๆ ที่ทาบทับเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อตัว