จริงดังคาด พอเขากลับถึงบ้าน เพียงคิดถึงหน้าฉันในตอนกลางคืน ใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด ส่วนเรื่องที่เขาพยายามจะหลอกเอาเงินจากฉัน ฉันก็ได้บอกกับลั่วอี้ฝานแล้วเหมือนกัน ตอนที่เขารู้เรื่องนี้ สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนักและเต็มไปด้วยความสับสน “ทั้งที่เป็นครอบครัวกันแท้ ๆ ทำไมต้องมาถึงขั้นนี้ด้วย?” ลั่วอี้ฝานถามด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตาเผยให้เห็นถึงความสับสนและไม่แน่ใจ ฉันตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา “บนโลกใบนี้มีคนมากมายที่ทำทุกอย่างเพียงเพราะผลประโยชน์ และพวกเขาก็เหมือนกับปลิงฝูงหนึ่ง ที่นอกจากดูดเลือดก็ไม่รู้จะทำอะไรได้อีกแล้ว” ใบหน้าของลั่วอี้ฝานเผยความตกตะลึงออกมา คงไม่เคยคาดคิดว่าคำพูดจากปากของฉันจะไร้ความปรานีถึงเพียงนี้ “เราจำเป็นต้องทำลายตระกูลเฉียวจริง ๆ เหรอ?” ลั่วอี้ฝานจ้องหน้าฉัน พยายามจับความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของฉัน น่าเสียดาย ที่ฉันยังเหมือนเดิม เย็นชาเหมือนน้ำแข็งก้อนหนึ่ง และจะแสดงความเป็นมนุษย์ออกมาเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาที่ไม่มีใครล่วงรู้เท่านั้น “ตระกูลเฉียวโลภไม่รู้จักพอ ฉันเคยถูกพวกเขาดูดจนหมดตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้จะไม่ยอมอีกต่อไป” ฉันจะไม่คาดหวัง
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยเฉียวกรุ๊ป" แต่เมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉันเอง เมื่อได้รับคำรับรองจากฉัน เฉียวเจี้ยนกั๋วที่เคยบ้าคลั่งก็ดูสงบลงบ้าง เขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก ก่อนจะร้องว่าฟ้าไม่ทอดทิ้งฉันแล้ว และชมฉันว่าในที่สุดก็ทำตัวกตัญญูสักที ฉันยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมรอยยิ้มหยันบาง ๆ ที่มุมปากหลังจากนั้นฉันก็ให้ลั่วอี้ฝานไปวางแผนล่อให้เฉียวกรุ๊ปมาติดกับฉันให้เขาโยนโครงการหนึ่งในโปรเจกต์ "โครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์" ไปให้เฉียวกรุ๊ปจัดการด้วยความโลภของเฉียวกรุ๊ป พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่ใช้วิธีลักไก่ในโครงการนี้ ฉันแค่ต้องรอให้พวกเขาติดกับดักเท่านั้นเองวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฉียวเจี้ยนกั๋วดูมีความสุขราวกับทุกอย่างกำลังไปได้สวย ไม่มีร่องรอยของความตกอับก่อนหน้านี้เลยส่วนฉันยังคงใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ กับการเรียนของตัวเองต่อไป จนเมื่อเวลาสุกงอม ฉันจึงสั่งให้ลั่วอี้ฝานลงมือเก็บตาข่ายจับเป้าหมายทันทีในวันที่ปิดเกม ฉันเห็นข่าวบนโลกออนไลน์เต็มไปหมด ทุกข่าวต่างประณามเฉียวกรุ๊ปว่าเรื่องการลดต้นทุนจนคุณภาพต่ำเมื่อฉันยื่นฟ้องเฉียวกรุ๊ปเรื่องคุณภาพโครงการที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เฉียว
เมื่อเฉียวกรุ๊ปล้มละลาย เฉียวเจี้ยนกั๋วก็ไม่ต้องการเป็นผู้แพ้เพียงคนเดียว เขาจึงต้องการให้ฉันจบชีวิตไปพร้อมกับเฉียวกรุ๊ปด้วย!ตลกน่า! นั่นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ฉันกัดฟันแน่น ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งในตึกยังมีคนอยู่ ดูเหมือนพวกเขากำลังประชุมกันตอนที่ฉันเข้าไป คนในนั้นเพียงแค่ตกใจเล็กน้อย แต่ทันทีที่เฉียวเจี้ยนกั๋วถือมีดบุกเข้ามา ทุกคนถึงกับแตกตื่นทันที!เสียงกรีดร้องและการวิ่งหนีเกิดขึ้นแทบจะพร้อมกันแต่สายตาของเขาฉับไวมาก เขาเลือกที่จะวิ่งไล่ตามฉันเพียงคนเดียว!วิ่งมาไกลขนาดนี้ ตอนที่ไม่ได้หยุดรู้สึกเหมือนยิ่งวิ่งก็ยิ่งเร็วขึ้น แต่พอหยุดกะทันหันกลับรู้สึกได้ทันทีถึงความเหนื่อยล้าอย่างแท้จริง"นางลูกทรพี แกตายพร้อมกับเฉียวกรุ๊ปของฉันเสียเถอะ!" เฉียวเจี้ยนกั๋วตะโกนพล่ามราวกับคนเสียสติ ไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการฆ่าฉันขณะที่เขาถือมีดพุ่งเข้ามาจะจ้วงแทงฉัน ฉันกำลังจะวิ่งหนีอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น เสียง “ปัง" ก็ดังขึ้น เก้าอี้ตัวหนึ่งกระแทกเข้าที่ด้านหลังของเฉียวเจี้ยนกั๋วเต็มแรงเฉียวเจี้ยนกั๋วเซถลาไปสองสามก้าว ก่อนจะหันกลับมาฟันด้วยมีดตามสัญชาตญา
บรรยากาศเงียบงันโดยไร้สาเหตุ ฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า "ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันก่อนนะ"ถึงอย่างไรฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา มีก็แต่ความกระอักกระอ่วนใจและความลำบากใจ“ลั่ว...” ในที่สุด กู้จือโม่ก็เปิดปากพูด แต่พูดได้เพียงคำเดียวก่อนจะหยุดลงฉันรู้ว่าเขาอยากจะเรียกฉันว่า "ลั่วเป่า" แต่สำหรับตอนนี้ ชื่อเรียกนั้นมันเป็นเพียงเรื่องตลกร้ายสำหรับฉันและเขาเท่านั้นกู้จือโม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จ้องมองฉันด้วยแววตาลึกซึ้ง ฉันกลับมองไม่ออกว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร“คุณกู้?” ฉันเรียกเขา เพียงแค่อยากให้สถานการณ์ตอนนี้จบลงโดยเร็วแต่การเรียกของฉันกลับทำให้ความเงียบงันในสายตาของเขาเกิดประกายแห่งความยินดีและความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับกลายเป็นความหม่นหมองดังเดิมในชั่วขณะนั้น ฉันกลับรู้สึกใจอ่อนขึ้นมานิดหน่อยในใจฉันเกิดเพลิงโทสะขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งที่เขาเป็นคนที่มีส่วนทำให้คุณย่าของฉันต้องตาย แต่เมื่อได้พบเขาอีกครั้ง ฉันก็นึกว่ามันควรจะเหลือเพียงความเกลียดชังและความไม่พอใจเท่านั้นแต่เมื่อฉันมองเขาในตอนนี้ ท่าทีที่เหมือนอยากพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด อยากเ
"ดึกดื่นขนาดนี้ ยังมีหน้ามาดื่มอีก! ว่าไง บอกมาเลยว่าทำไมถึงดื่ม?" เฉิงเฉิงถาม เธอนี่สมกับเป็นเพื่อนรักของฉันจริง ๆ แค่คำพูดประโยคเดียวก็เดาเรื่องราวได้มากมาย แถมคงจินตนาการเสริมอีกเพียบแน่นอนฉันหลุดขำเบา ๆ "เธอมานี่ก่อนสิ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันยาว ๆ"เฉิงเฉิงตอบกลับทันที "ได้" แล้วเธอก็วางสายไปฉันรู้ว่าตอนนี้เธอคงกำลังมุ่งหน้ามาหาฉันแล้วพอมาถึง เฉิงเฉิงยังไม่ทันพูดอะไร ก็เริ่มไล่บ่นพลางนับจำนวนขวดไวน์ที่ฉันดื่มทันที มิตรภาพราวกับพี่น้องแบบนี้ ต้องยอมรับเลยว่าจริงใจมาก…"ดื่มเยอะขนาดนี้เชียว?" เฉิงเฉิงอุทานอย่างตกใจฉันมองขวดเปล่าบนพื้นอย่างเลื่อนลอย "เยอะเหรอ?"เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "เยอะสิ! ดื่มเยอะมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ บอกมาสิว่าทำไมคืนนี้ถึงดื่มหนักขนาดนี้?"เมื่อถูกเธอถาม ฉันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เธอฟัง"เธอถูกกู้จือโม่ทำให้จิตใจปั่นป่วนใช่ไหม? ถึงได้มานั่งดื่มเหล้าคนเดียวตอนดึก ๆ แบบนี้ แล้วยังเรียกฉันมาคุยเป็นเพื่อนอีก!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงแทบจะกรีดร้องออกมา"ก็แน่ล่ะ เธอเป็นเพื่อนรักของฉันนี่ ฉันไม่เรียกเธอแล้วจะให้ไปเรียกใครล่ะ?" ฉันยิ้มหวานให้
ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตระกูลกู้เลยสักนิด ฉันลังเลว่าจะไปที่ภัตตาคารจิ่งเฮ่อดีไหม แต่ปลายสายกลับส่งหมายเลขห้องที่จองไว้มาให้เรียบร้อยแล้วรวดเร็วขนาดนี้ คุณปู่กู้ดูมั่นใจเหลือเกิน ไม่กลัวว่าฉันจะเบี้ยวนัดในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วฉันจะกล้าทำลายความหวังดีของเขาได้ยังไงล่ะ?ฉันปรับอารมณ์ หอบความสงสัยไปที่ภัตตาคารจิ่งเฮ่อเมื่อมาถึงห้องสองศูนย์หนึ่งชั้นสาม ก็พบว่ามีสองคนรอฉันอยู่ในนั้น ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย คนหนึ่งคือผู้ดูแลของกู้เซิ่งเหยียน และอีกคนก็คือตัวเขาเองจะบอกว่าฉันให้ความเคารพหรือยกย่องเขาน่ะเหรอ? คงไม่มี มีเพียงความไม่ชอบเท่านั้น“คุณปู่กู้เรียกฉันมาที่นี่โดยเฉพาะ คงไม่ใช่แค่เพื่อมารำลึกความหลังหรอกใช่ไหมคะ?” ฉันพูดเย้ยหยันอย่างเย็นชาเมื่อรู้ว่ากู้จือโม่ทำให้เขาโมโหจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วมองดูร่างกายที่ร่วงโรยใกล้สิ้นลมของเขาในตอนนี้ ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของโรครุมเร้าแม้จะอยู่ห่างออกไป ฉันก็ยังได้กลิ่นยาจากตัวเขาน่าเสียดายที่กู้จือโม่ไม่ได้ทำให้เขาโมโหจนตายไปเสียเลยคุณปู่กู้ขมวดคิ้ว พยายามใช้อำนาจของเขาเพื่อกดดันฉันฉันหัวเราะเยาะในใจ หยิบกาน้ำชาขึ้นมา เทชาดื่มด้วยท่
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ ฉันกลับรู้สึกสนุก หัวเราะเย้ยเบา ๆ ทำให้สีหน้าที่ไม่พอใจอยู่แล้วยิ่งดูแย่ลงไปอีกบางทีลูกน้องข้างกายเขาอาจรู้สึกว่าคำพูดของฉันล้ำเส้นไป และล่วงเกินคุณปู่กู้เกินงาม จึงได้ก้าวออกมาข้างหน้า“คุณหนูเฉียว ข้อเสนอของคุณท่านนั้นเอื้อเฟื้อมากกว่าคนส่วนใหญ่เยอะ คุณลองคิดดูสิครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาจะให้ได้มากขนาดนี้ไหม?”ฉันส่ายหัว “แน่นอนว่าไม่”เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นกู้เซิ่งเหยียนเขานี่ช่างใจกว้างจริง ๆแต่ในความเป็นจริงล่ะ?มีแค่คนใกล้ชิดเขาเท่านั้นที่จะรู้ว่าความจริงเขาเป็นคนยังไงเงื่อนไขที่ดูดี?ก็ต้องดูด้วยว่าต้องแลกมากับอะไรบ้างการให้และผลตอบแทนที่มากมายเช่นนี้ สำหรับฉันแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากโจรกู้เซิ่งเหยียนไม่ชอบฉัน และฉันก็เกลียดเขายิ่งกว่าฉันอ่านเอกสารข้อตกลงตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกครั้งที่อ่านผ่านหนึ่งข้อ ความโกรธในใจก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเมื่ออ่านจบ ฉันก็ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือของตัวเอง!กู้เซิ่งเหยียนนิ่งอึ้งไป ก่อนที่ใบหน้าของชราจะขึ้นสีแดงจัดนั่นเพราะเขาโกรธ“คุณท่าน อย่าเพิ่งโกรธเลยครับ!” ลูกน้องรีบปลอบใจ“ใช่ค่ะ ต้องโกรธอยู่แล
อัลเลนหมายถึงให้ฉันเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้างั้นเหรอ?ก่อนกลับมาจากเมืองอวิ๋นเฉิง ฉันลาออกจากงานของเขาไปแล้วการออกแบบเสื้อผ้าเป็นความฝันของฉัน แต่ตอนนั้นมีหลายอย่างที่ต้องรีบทำจนต้องพักความฝันไว้ก่อน แล้วตอนนี้ล่ะ?ฉันควรสานต่อไหมนะ?ฉันคว้าหมอนอิงมาหนึ่งใบ เอนตัวขึ้นมานั่ง มองออกไปนอกหน้าต่างทั้งคืนฉันนอนไม่หลับเลย พอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น รู้สึกทั้งร่างกายอ่อนล้าและไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิดฉันเดินไปชงกาแฟในครัว หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูกลุ่มแชทของเพื่อนในห้องมีข้อความที่หลี่เสี่ยวอวี่และเจี่ยนซินแท็กฉันไว้ พวกเธอบอกว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จะมีการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้า มีกรรมการชื่อดังมากมาย พวกเธอถามฉันว่าจะเข้าร่วมหรือเปล่าฉันกดลิงก์รายละเอียดการสมัครแข่งขันครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดโทรศัพท์ลงแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงขณะเหม่อลอยอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นสายจากลั่วอี้ฝานฉันคิดว่าเขาคงโทรมาเรื่องปัญหาโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์จึงกดรับสาย “มีอะไรเหรอ?”“อยู่ไหน?”“อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์”“วันนี้วันศุกร์ เธอไม่มีเรียนแล้วใช่ไหม?” เสียงของลั่วอี้ฝานฟังดูสบาย
ฉันง่วงมากจนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน พอรู้ตัวอีกที เสียงของลั่วอี้ฝานก็ดังขึ้นปลุกฉัน“ซิงลั่ว ตื่นเถอะ”ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างงงงวย มองไปรอบ ๆ อย่างสับสนดูเหมือนว่าเราจะจอดอยู่หน้าร้านเช่าชุดราตรี ฉันเปิดประตูรถลงไปถามว่า “มาที่นี่ทำไม?”“ลืมแล้วเหรอ?”เสียงของลั่วอี้ฝานดังขึ้นอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ลืมจริง ๆ เหรอ?”“อ๋อ” ฉันพึ่งจะนึกออก หลังจากที่เขาโทรมาบอกตอนกลางวันว่า ตอนเย็นจะพาฉันไปเจอใครบางคน ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเราคือไปร่วมงานเลี้ยงไม่นานนัก เราก็เลือกชุดราตรีจากร้านเสื้อผ้าได้หนึ่งชุด พร้อมทั้งจัดแต่งทรงผมและแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยเมื่อออกมาจากร้านชุดราตรี รถเบนท์ลีย์สีดำสำหรับนักธุรกิจจอดรออยู่ตรงหน้าฉันลั่วอี้ฝานผายมือเชิญอย่างสุภาพ ฉันหันไปมองเขาพลางถาม “เปลี่ยนรถแล้วเหรอ?”“อืม” เขาดูเวลาที่นาฬิกา จากนั้นเปิดประตูรถ “เร็วเข้า เดี๋ยวจะไม่ทันเอา”บนรถ เขาเพิ่งเล่าให้ฉันฟังว่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เขาได้ขยายทีมงานเพิ่มขึ้น ทั้งจ้างคนขับรถและพนักงานใหม่ อีกทั้งยังเล่าถึงครั้งหนึ่งที่เขาไปเจรจาธุรกิจ แต่ถูกยกเลิกการนัดหมาย เพราะแต่งตัวไม่เป็นทางการและรถที่ใ
อัลเลนหมายถึงให้ฉันเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้างั้นเหรอ?ก่อนกลับมาจากเมืองอวิ๋นเฉิง ฉันลาออกจากงานของเขาไปแล้วการออกแบบเสื้อผ้าเป็นความฝันของฉัน แต่ตอนนั้นมีหลายอย่างที่ต้องรีบทำจนต้องพักความฝันไว้ก่อน แล้วตอนนี้ล่ะ?ฉันควรสานต่อไหมนะ?ฉันคว้าหมอนอิงมาหนึ่งใบ เอนตัวขึ้นมานั่ง มองออกไปนอกหน้าต่างทั้งคืนฉันนอนไม่หลับเลย พอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น รู้สึกทั้งร่างกายอ่อนล้าและไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิดฉันเดินไปชงกาแฟในครัว หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูกลุ่มแชทของเพื่อนในห้องมีข้อความที่หลี่เสี่ยวอวี่และเจี่ยนซินแท็กฉันไว้ พวกเธอบอกว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จะมีการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้า มีกรรมการชื่อดังมากมาย พวกเธอถามฉันว่าจะเข้าร่วมหรือเปล่าฉันกดลิงก์รายละเอียดการสมัครแข่งขันครู่หนึ่ง ก่อนจะปิดโทรศัพท์ลงแล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงขณะเหม่อลอยอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นสายจากลั่วอี้ฝานฉันคิดว่าเขาคงโทรมาเรื่องปัญหาโครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์จึงกดรับสาย “มีอะไรเหรอ?”“อยู่ไหน?”“อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์”“วันนี้วันศุกร์ เธอไม่มีเรียนแล้วใช่ไหม?” เสียงของลั่วอี้ฝานฟังดูสบาย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ ฉันกลับรู้สึกสนุก หัวเราะเย้ยเบา ๆ ทำให้สีหน้าที่ไม่พอใจอยู่แล้วยิ่งดูแย่ลงไปอีกบางทีลูกน้องข้างกายเขาอาจรู้สึกว่าคำพูดของฉันล้ำเส้นไป และล่วงเกินคุณปู่กู้เกินงาม จึงได้ก้าวออกมาข้างหน้า“คุณหนูเฉียว ข้อเสนอของคุณท่านนั้นเอื้อเฟื้อมากกว่าคนส่วนใหญ่เยอะ คุณลองคิดดูสิครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาจะให้ได้มากขนาดนี้ไหม?”ฉันส่ายหัว “แน่นอนว่าไม่”เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นกู้เซิ่งเหยียนเขานี่ช่างใจกว้างจริง ๆแต่ในความเป็นจริงล่ะ?มีแค่คนใกล้ชิดเขาเท่านั้นที่จะรู้ว่าความจริงเขาเป็นคนยังไงเงื่อนไขที่ดูดี?ก็ต้องดูด้วยว่าต้องแลกมากับอะไรบ้างการให้และผลตอบแทนที่มากมายเช่นนี้ สำหรับฉันแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากโจรกู้เซิ่งเหยียนไม่ชอบฉัน และฉันก็เกลียดเขายิ่งกว่าฉันอ่านเอกสารข้อตกลงตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกครั้งที่อ่านผ่านหนึ่งข้อ ความโกรธในใจก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเมื่ออ่านจบ ฉันก็ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือของตัวเอง!กู้เซิ่งเหยียนนิ่งอึ้งไป ก่อนที่ใบหน้าของชราจะขึ้นสีแดงจัดนั่นเพราะเขาโกรธ“คุณท่าน อย่าเพิ่งโกรธเลยครับ!” ลูกน้องรีบปลอบใจ“ใช่ค่ะ ต้องโกรธอยู่แล
ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตระกูลกู้เลยสักนิด ฉันลังเลว่าจะไปที่ภัตตาคารจิ่งเฮ่อดีไหม แต่ปลายสายกลับส่งหมายเลขห้องที่จองไว้มาให้เรียบร้อยแล้วรวดเร็วขนาดนี้ คุณปู่กู้ดูมั่นใจเหลือเกิน ไม่กลัวว่าฉันจะเบี้ยวนัดในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วฉันจะกล้าทำลายความหวังดีของเขาได้ยังไงล่ะ?ฉันปรับอารมณ์ หอบความสงสัยไปที่ภัตตาคารจิ่งเฮ่อเมื่อมาถึงห้องสองศูนย์หนึ่งชั้นสาม ก็พบว่ามีสองคนรอฉันอยู่ในนั้น ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย คนหนึ่งคือผู้ดูแลของกู้เซิ่งเหยียน และอีกคนก็คือตัวเขาเองจะบอกว่าฉันให้ความเคารพหรือยกย่องเขาน่ะเหรอ? คงไม่มี มีเพียงความไม่ชอบเท่านั้น“คุณปู่กู้เรียกฉันมาที่นี่โดยเฉพาะ คงไม่ใช่แค่เพื่อมารำลึกความหลังหรอกใช่ไหมคะ?” ฉันพูดเย้ยหยันอย่างเย็นชาเมื่อรู้ว่ากู้จือโม่ทำให้เขาโมโหจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วมองดูร่างกายที่ร่วงโรยใกล้สิ้นลมของเขาในตอนนี้ ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของโรครุมเร้าแม้จะอยู่ห่างออกไป ฉันก็ยังได้กลิ่นยาจากตัวเขาน่าเสียดายที่กู้จือโม่ไม่ได้ทำให้เขาโมโหจนตายไปเสียเลยคุณปู่กู้ขมวดคิ้ว พยายามใช้อำนาจของเขาเพื่อกดดันฉันฉันหัวเราะเยาะในใจ หยิบกาน้ำชาขึ้นมา เทชาดื่มด้วยท่
"ดึกดื่นขนาดนี้ ยังมีหน้ามาดื่มอีก! ว่าไง บอกมาเลยว่าทำไมถึงดื่ม?" เฉิงเฉิงถาม เธอนี่สมกับเป็นเพื่อนรักของฉันจริง ๆ แค่คำพูดประโยคเดียวก็เดาเรื่องราวได้มากมาย แถมคงจินตนาการเสริมอีกเพียบแน่นอนฉันหลุดขำเบา ๆ "เธอมานี่ก่อนสิ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันยาว ๆ"เฉิงเฉิงตอบกลับทันที "ได้" แล้วเธอก็วางสายไปฉันรู้ว่าตอนนี้เธอคงกำลังมุ่งหน้ามาหาฉันแล้วพอมาถึง เฉิงเฉิงยังไม่ทันพูดอะไร ก็เริ่มไล่บ่นพลางนับจำนวนขวดไวน์ที่ฉันดื่มทันที มิตรภาพราวกับพี่น้องแบบนี้ ต้องยอมรับเลยว่าจริงใจมาก…"ดื่มเยอะขนาดนี้เชียว?" เฉิงเฉิงอุทานอย่างตกใจฉันมองขวดเปล่าบนพื้นอย่างเลื่อนลอย "เยอะเหรอ?"เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "เยอะสิ! ดื่มเยอะมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ บอกมาสิว่าทำไมคืนนี้ถึงดื่มหนักขนาดนี้?"เมื่อถูกเธอถาม ฉันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เธอฟัง"เธอถูกกู้จือโม่ทำให้จิตใจปั่นป่วนใช่ไหม? ถึงได้มานั่งดื่มเหล้าคนเดียวตอนดึก ๆ แบบนี้ แล้วยังเรียกฉันมาคุยเป็นเพื่อนอีก!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงแทบจะกรีดร้องออกมา"ก็แน่ล่ะ เธอเป็นเพื่อนรักของฉันนี่ ฉันไม่เรียกเธอแล้วจะให้ไปเรียกใครล่ะ?" ฉันยิ้มหวานให้
บรรยากาศเงียบงันโดยไร้สาเหตุ ฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า "ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันก่อนนะ"ถึงอย่างไรฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา มีก็แต่ความกระอักกระอ่วนใจและความลำบากใจ“ลั่ว...” ในที่สุด กู้จือโม่ก็เปิดปากพูด แต่พูดได้เพียงคำเดียวก่อนจะหยุดลงฉันรู้ว่าเขาอยากจะเรียกฉันว่า "ลั่วเป่า" แต่สำหรับตอนนี้ ชื่อเรียกนั้นมันเป็นเพียงเรื่องตลกร้ายสำหรับฉันและเขาเท่านั้นกู้จือโม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จ้องมองฉันด้วยแววตาลึกซึ้ง ฉันกลับมองไม่ออกว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร“คุณกู้?” ฉันเรียกเขา เพียงแค่อยากให้สถานการณ์ตอนนี้จบลงโดยเร็วแต่การเรียกของฉันกลับทำให้ความเงียบงันในสายตาของเขาเกิดประกายแห่งความยินดีและความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับกลายเป็นความหม่นหมองดังเดิมในชั่วขณะนั้น ฉันกลับรู้สึกใจอ่อนขึ้นมานิดหน่อยในใจฉันเกิดเพลิงโทสะขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งที่เขาเป็นคนที่มีส่วนทำให้คุณย่าของฉันต้องตาย แต่เมื่อได้พบเขาอีกครั้ง ฉันก็นึกว่ามันควรจะเหลือเพียงความเกลียดชังและความไม่พอใจเท่านั้นแต่เมื่อฉันมองเขาในตอนนี้ ท่าทีที่เหมือนอยากพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด อยากเ
เมื่อเฉียวกรุ๊ปล้มละลาย เฉียวเจี้ยนกั๋วก็ไม่ต้องการเป็นผู้แพ้เพียงคนเดียว เขาจึงต้องการให้ฉันจบชีวิตไปพร้อมกับเฉียวกรุ๊ปด้วย!ตลกน่า! นั่นไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ฉันกัดฟันแน่น ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งในตึกยังมีคนอยู่ ดูเหมือนพวกเขากำลังประชุมกันตอนที่ฉันเข้าไป คนในนั้นเพียงแค่ตกใจเล็กน้อย แต่ทันทีที่เฉียวเจี้ยนกั๋วถือมีดบุกเข้ามา ทุกคนถึงกับแตกตื่นทันที!เสียงกรีดร้องและการวิ่งหนีเกิดขึ้นแทบจะพร้อมกันแต่สายตาของเขาฉับไวมาก เขาเลือกที่จะวิ่งไล่ตามฉันเพียงคนเดียว!วิ่งมาไกลขนาดนี้ ตอนที่ไม่ได้หยุดรู้สึกเหมือนยิ่งวิ่งก็ยิ่งเร็วขึ้น แต่พอหยุดกะทันหันกลับรู้สึกได้ทันทีถึงความเหนื่อยล้าอย่างแท้จริง"นางลูกทรพี แกตายพร้อมกับเฉียวกรุ๊ปของฉันเสียเถอะ!" เฉียวเจี้ยนกั๋วตะโกนพล่ามราวกับคนเสียสติ ไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการฆ่าฉันขณะที่เขาถือมีดพุ่งเข้ามาจะจ้วงแทงฉัน ฉันกำลังจะวิ่งหนีอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น เสียง “ปัง" ก็ดังขึ้น เก้าอี้ตัวหนึ่งกระแทกเข้าที่ด้านหลังของเฉียวเจี้ยนกั๋วเต็มแรงเฉียวเจี้ยนกั๋วเซถลาไปสองสามก้าว ก่อนจะหันกลับมาฟันด้วยมีดตามสัญชาตญา
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยเฉียวกรุ๊ป" แต่เมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉันเอง เมื่อได้รับคำรับรองจากฉัน เฉียวเจี้ยนกั๋วที่เคยบ้าคลั่งก็ดูสงบลงบ้าง เขาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก ก่อนจะร้องว่าฟ้าไม่ทอดทิ้งฉันแล้ว และชมฉันว่าในที่สุดก็ทำตัวกตัญญูสักที ฉันยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมรอยยิ้มหยันบาง ๆ ที่มุมปากหลังจากนั้นฉันก็ให้ลั่วอี้ฝานไปวางแผนล่อให้เฉียวกรุ๊ปมาติดกับฉันให้เขาโยนโครงการหนึ่งในโปรเจกต์ "โครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์" ไปให้เฉียวกรุ๊ปจัดการด้วยความโลภของเฉียวกรุ๊ป พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่ใช้วิธีลักไก่ในโครงการนี้ ฉันแค่ต้องรอให้พวกเขาติดกับดักเท่านั้นเองวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฉียวเจี้ยนกั๋วดูมีความสุขราวกับทุกอย่างกำลังไปได้สวย ไม่มีร่องรอยของความตกอับก่อนหน้านี้เลยส่วนฉันยังคงใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ กับการเรียนของตัวเองต่อไป จนเมื่อเวลาสุกงอม ฉันจึงสั่งให้ลั่วอี้ฝานลงมือเก็บตาข่ายจับเป้าหมายทันทีในวันที่ปิดเกม ฉันเห็นข่าวบนโลกออนไลน์เต็มไปหมด ทุกข่าวต่างประณามเฉียวกรุ๊ปว่าเรื่องการลดต้นทุนจนคุณภาพต่ำเมื่อฉันยื่นฟ้องเฉียวกรุ๊ปเรื่องคุณภาพโครงการที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เฉียว
จริงดังคาด พอเขากลับถึงบ้าน เพียงคิดถึงหน้าฉันในตอนกลางคืน ใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด ส่วนเรื่องที่เขาพยายามจะหลอกเอาเงินจากฉัน ฉันก็ได้บอกกับลั่วอี้ฝานแล้วเหมือนกัน ตอนที่เขารู้เรื่องนี้ สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนักและเต็มไปด้วยความสับสน “ทั้งที่เป็นครอบครัวกันแท้ ๆ ทำไมต้องมาถึงขั้นนี้ด้วย?” ลั่วอี้ฝานถามด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตาเผยให้เห็นถึงความสับสนและไม่แน่ใจ ฉันตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา “บนโลกใบนี้มีคนมากมายที่ทำทุกอย่างเพียงเพราะผลประโยชน์ และพวกเขาก็เหมือนกับปลิงฝูงหนึ่ง ที่นอกจากดูดเลือดก็ไม่รู้จะทำอะไรได้อีกแล้ว” ใบหน้าของลั่วอี้ฝานเผยความตกตะลึงออกมา คงไม่เคยคาดคิดว่าคำพูดจากปากของฉันจะไร้ความปรานีถึงเพียงนี้ “เราจำเป็นต้องทำลายตระกูลเฉียวจริง ๆ เหรอ?” ลั่วอี้ฝานจ้องหน้าฉัน พยายามจับความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของฉัน น่าเสียดาย ที่ฉันยังเหมือนเดิม เย็นชาเหมือนน้ำแข็งก้อนหนึ่ง และจะแสดงความเป็นมนุษย์ออกมาเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาที่ไม่มีใครล่วงรู้เท่านั้น “ตระกูลเฉียวโลภไม่รู้จักพอ ฉันเคยถูกพวกเขาดูดจนหมดตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้จะไม่ยอมอีกต่อไป” ฉันจะไม่คาดหวัง