เขาค่อย ๆ คลายอ้อมกอดนางออกมา แม้ว่าเรื่องที่นางพูดเขาเองก็เคยคิดมาก่อนแล้วเพียงแค่เขาอยากจะพยายามปรับความเข้าใจกับนางเสียก่อนที่จะถึงเวลาที่เขาต้องออกศึกเมืองชุ่นก่อนเท่านั้น “เรื่องนี้ข้าไม่ค่อยกลัวเท่าใดนัก ขอเพียงแค่มีเจ้าอยู่ข้างกายข้าต่อให้อุปสรรคมีมากกว่านี้ข้าก็ไม่กลัว”“ยิ่งพระองค์ตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันก็ยิ่งกลัวเพคะ”“ชุนหลันคนเราเดิมทีก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้วันข้างหน้าอยู่แล้วมิใช่หรือ แค่เราสองคนแตกต่างจากผู้อื่นเท่านั้นแต่เรื่องหลังจากนี้ หากว่าเราเข้าใจกันแล้วข้าคิดว่าคงไม่มีผู้ใดกล้าที่จะทำให้พวกเราขัดแย้งกันได้อีกเป็นแน่ เจ้ารู้หรือว่ากลับมาแล้วจะต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบใด... ถูกหรือไม่”“นั่นสิเพคะ แต่ก่อนจะถึงศึกเมืองชุ่นหม่อมฉันคิดว่าเราควรต้องหาทางป้องกันเอาไว้ก่อนจริง ๆ”“หืม ชุนหลันเจ้าพูดเช่นนี้เหมือนกำลังจะบอกอะไรข้างั้นหรือ เจ้ากำลังจะชวนข้าไปผลิตลูกงั้นหรือ”“ไม่ใช่นะเพคะ!!”“เช่นนั้นเจ้าหมายถึงอะไรกัน ตอนนี้มีสิ่งใดที่ต้องทำมากกว่านี้อีก ตอนนี้งานข้าก็เสร็จแล้วด้วย ข้าว่า…”“พอก่อนเพคะพระองค์จะทำเช่นนี้หาได้ไม่ หม่อมฉันยัง…”“นี่เจ้า…ยังเจ็บอยู่งั้นหรือ ข้าคิดว่าข้
“พวกเราคอยดูไปก่อนดีกว่าเพคะ”“อืม แล้วเจ้าจะไปไหนอีกล่ะ”“หม่อมฉันจะไปดูห้องเครื่องหน่อยเพคะ”“เจ้าจะไปทำไมอยู่กับข้าก่อนสิยังคุยกันไม่จบเลย”“พระองค์ยังมีสิ่งใดจะตรัสอีกหรือเพคะ”“ข้าพึ่งจะนึกออกอีกเรื่องหนึ่งน่ะสิ สตรีอันดับหนึ่งนอกจากเรื่องความสามารถแล้วหากว่านางได้ตำแหน่งนี้ไปจริง ๆ เจ้าจะต้องทำอีกเรื่องที่นางจะเอาชนะไม่ได้ตลอดกาล”“เรื่องใดหรือเพคะ”“มีลูกกับข้าอย่างไรเล่า”“หยางอี้เหริน!! ท่านวนมาเข้าเรื่องนี้อีกจนได้ โอ๊ะ!!”ร่างของพระชายาถูกดึงลงมาบนตักนุ่มของเขาในห้องทรงงานอีกครั้ง บัดนี้ไร้หูตาที่คอยสอดส่องตามที่เขาพยายามให้นางเข้าใจแล้วเพียงแค่ส่งสัญญาณไปเสิ่นปาก็จัดการจนเรียบร้อย“ไม่ได้นะเพคะที่นี่ห้องทรงงาน”“เจ้าไม่รู้หรือว่าที่นี่ก็มีเตียงสำหรับพักผ่อน”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ข้าอยากทำในสิ่งที่ชาติก่อนไม่ได้ทำผิดหรืออย่างไรเล่า ชุนหลันเจ้าคงจะไม่ห้ามข้าหรอกนะ”เขาพูดพลางอุ้มนางขึ้นมาและพาเดินไปยังฉากด้านหลังซึ่งเอาไว้สำหรับนอนเอนกายพักผ่อนซึ่งตอนนี้เขาวางร่างของชุนหลันลงไปพร้อมกับค่อย ๆ ประกบปากนางมิดจนนางไม่สามารถทักท้วงสิ่งใดได้ และค่อย ๆ ให้ความร่วมมือเมื่อเขาเริ่มปลดชุดข
“แต่ว่าตอนนี้…อ๊ะ!!”มังกรยักษ์ไม่รอคำตอบหรือคำทักท้วงใดเมื่อสอดเข้าไปด้านในท่านอ๋องเองก็ไม่รั้งรอที่จะขยับสะโพกตามไปเช่นกัน เขาเบื่อนักที่มีคนมาขัดจังหวะเพราะรายงานที่พึ่งได้รับว่ามีคนของขุนนางชั่วลักลอบเข้ามาเพื่อจะลอบวางยาพระชายาของเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยมันเอาไว้แต่คนอย่างเขาที่จะต้องฆ่าให้หมดถึงแก่นรังย่อมไม่มีทางแหวกหญ้าให้งูตื่น“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไม่ไหวแล้ว”เขาจรดริมฝีปากประทับรอยที่ต้นคอนางและหันไปขบเม้มกกหูเพื่อปลอบโยนนางในจังหวะที่ร่างบางเกร็งสลับกับกรีดร้องในอ้อมกอดของเขายามที่เขาพุ่งน้ำรักเข้าไปด้านในพร้อมเสียงครางแหบต่ำในลำคอและก่ายกอดนางเอาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย“ชุนหลัน ข้าไม่มีทางยอมให้ผู้ใดแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายเส้นผม”“หม่อมฉันไม่กลัวเพคะ ต่อให้นางเปลี่ยนแผนการมานอกจากนี้หม่อมฉันก็จะไม่เกรงกลัว ตราบใดที่พระองค์อยู่เคียงข้างเช่นนี้ต่อให้ภูผาถล่มลงต่อหน้าหม่อมฉันก็ไม่หวั่น”“ยอดรักของข้า พักสักหน่อยเถอะข้าก็จะพักเช่นกัน”“อืม…”นางหลับไปแทบจะทันทีหลังจากสิ้นเสียงของเขาและจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตา ท่านอ๋องเมื่อเห็นว่าพระชายาหลับสนิทแล้วก็ลุกขึ้นมาและเด
“ข้าเข้าไปเองเพคะ”“ชุนหลันเจ้าใจเย็น ๆ ก่อน เจ้าแน่ใจได้เช่นไรว่าจะเป็นนาง ครั้งก่อนที่ข้าพบนางคือที่เมืองชุ่น ครั้งนั้นองค์รัชทายาทเป็นผู้หานางพบและตามมารักษา…ด้วยเงื่อนไขที่ว่า…”“นางมีเงื่อนไขที่ตามท่านมาหรือเพคะ”“ใช่ นางให้ข้าพานางมาที่เหลียงโจวเพื่อตามหาคนมิเช่นนั้นจะไม่ยอมรักษาข้า”“แต่ทำไมตอนกลับมานางถึงได้หนีท่านเล่าเพคะ”“นั่นเพราะว่านางได้ข่าวว่าคนที่นางตามหามิได้อยู่ที่เหลียงโจว นางกลัวว่าข้าจะหลอกนางมาเพียงเพื่อให้รักษาและจะกล่าวโทษนางเลยคิดจะหนี”“เช่นนั้นก็อย่าช้าเลยเพคะ”“เดี๋ยว.... ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”ชุนหลันที่มีท่านอ๋องจับมือและเดินเข้าไปหาสตรีตรงหน้า ตอนนี้ในใจของชุนหลันรู้สึกอบอุ่นราวกับได้นั่งอาบแสงแดดในยามเช้า นางไม่ต้องเผชิญกับทุกอย่างเพียงลำพังอีกแล้วเพราะต่อจากนี้นางจะมีท่านอ๋องเคียงข้างไปด้วยทุกหนแห่งกับนางด้วย“แม่นาง”“หวังเจียวเมิ่ง” หันมามองทั้งคู่ ราวกับห้วงเวลาหมุนกลับเพราะใบหน้านี้ชุนหลันจำได้ไม่ลืม สตรีใบหน้างดงามแม้จะมีผิวที่ค่อนข้างคล้ำเพราะกรำแดดแต่นางคือ “หวังเจียวเมิ่ง” หมอเทวดาผู้นั้นไม่ผิดแน่“คุณหนู คุณชายพวกท่านรู้จักคนผู้นี้หรือไม่ ท่านช่ว
“ไม่เป็นไรเพคะ ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อน”ทั้งสองหันไปมองหวังเจียวเมิ่งที่เดินเข้ามาเปิดฝากาน้ำชาและใช้เข็มเงินที่นางพกอยู่ประจำที่ศีรษะซึ่งซ่อนอยู่กับปิ่นที่ถอดได้วางลงในกาน้ำชาและไม่ทันนับถึงสามนางก็ดึงขึ้นมาจึงพบว่าเข็มเงินของนางเปลี่ยนสี ท่านอ๋องเบิกตากว้างพร้อมกับชุนหลันที่หันมามองท่านหมอหวังทันที“อะไรกัน หมายความว่าในชานี้…”“ท่านหมอหวังเจ้ากำลังจะบอกว่านำชานี่มีพิษงั้นหรือ”“เพคะ เพียงแค่สีและกลิ่นที่แตะจมูกก็ผิดปกติแล้ว อีกอย่างไม่ได้มีเพียงแค่น้ำชาเท่านั้นที่มีพิษ ภาชนะที่ใส่ทั้งกาและจอกชาสำหรับพระชายาก็ดูเหมือนจะเคลือบยาพิษเอาไว้เพคะ”“ว่าอย่างไรนะ!!”“ยาพิษงั้นหรือ”ชุนหลันหันไปมองพักตร์ของท่านอ๋องที่มองนางกลับมาอย่างรู้ความหมาย สิ่งนี้หวังเจียวเมิ่งเองก็จับสังเกตได้ในทันที“ทั้งสองพระองค์ทรงทราบมาก่อนสินะเพคะว่าจะมีผู้วางยาพิษพระชายาในน้ำชานี้”“เสิ่นกง เจ้ากับเสิ่นปาไปเฝ้าหน้าห้องห้ามให้ผู้ใดเดินเข้ามาเป็นอันขาด”""พ่ะย่ะค่ะ""ทั้งสองเดินออกไปทันทีพร้อมกับจินถิงที่เก็บชามที่แตกและตามออกไปเช่นกัน ท่านอ๋องเดินมานั่งที่โต๊ะและค่อย ๆ นั่งลง“เจ้านั่งลงก่อนเถอะหมอหวัง ข้ากับพระชาย
“อย่าพึ่งประมาทจะดีกว่าเพคะ แม้ว่าตอนนี้เราจะเจอท่านหมอหวังแล้วแต่เรื่องการศึกที่เมืองชุ่นยังไม่เกิดขึ้น”“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่แต่ข้าเองก็มิได้ประมาทถึงขนาดนั้น ที่กองทัพบูรพาของเราก็มีขุนพลกล้าที่คอยเฝ้าดูอยู่หากว่ามีเรื่องที่เริ่มร้ายแรงพวกเขาจะส่งข่าวมาให้ข้าทันที”“เช่นนั้นแล้วพิษที่ยังอยู่กับพวกเขา…”“หากข้าถูกพิษอีกครั้ง หวังว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีกนะชุนหลัน”“หม่อมฉันมิได้คิดเช่นนั้นแล้วเพคะ ในเมื่อทราบความจริงทุกอย่างเช่นนี้ ชาตินี้ก็ไม่มีทางหนีพระองค์ไปไหนหรอกเพคะ”“เช่นนั้นยังมีสิ่งใดจะถามอีกหรือไม่เพราะว่าข้าจะเริ่มทนไม่ไหวแล้ว”“ท่านพี่!!”เขาดึงตัวนางขึ้นมาและรวบกายอุ้มพร้อมกับพาเดินไปที่เตียงด้านหลังห้องทรงงานในทันที ตอนนี้ทั้งตำหนักเหลือเพียงพวกเขาทั้งคู่และทหารองครักษ์ที่เฝ้ารักษาการณ์ด้านนอกเท่านั้น “อี้เหริน…อ๊ะ”“ชุนหลันคนดีของข้า เจ้าช่างยั่วยวนใจนักเห็นเจ้าครั้งใดก็มิอาจห้ามใจมิให้สัมผัสได้เลย”“อื้อ… เดี๋ยวก่อนช้าลงหน่อย อ๊าา”เพียงเวลาไม่นานท่านอ๋องก็ปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางออกไปจนหมดสิ้น เสื้อคลุมของพระองค์ถูกวางพาดไว้ที่เตียงก่อนชิ้นที่เหลือจะตามไปพร้อมกัน
ท่านอ๋องต่อว่านางและสกุลลี่ที่พึ่งเข้ามาทักทายจนทำให้หลายคนลอบขำ ทุกคนเริ่มซุบซิบถึงความไร้กาลเทศะนี้ของลี่จินเซียนก่อนที่นางจะหันไปตอบท่านอ๋องด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง“ขออภัยเพคะหม่อมฉันพบปัญหาระหว่างการเดินทางนิดหน่อยจึงทำให้ล่าช้าขอทรงโปรดอภัยให้ด้วยเพคะ”“ทำไม เครื่องประดับของเจ้ามันตกตามทางหรืออย่างไร”เสียงหัวเราะเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทุกคนเริ่มเห็นเครื่องแต่งกายของลี่จินเซียนที่สวมมาอย่างอลังการเป็นเพียงเรื่องตลก นางเริ่มทำสีหน้าไม่ถูกและเริ่มอับอาย“มิได้เพคะ คือว่าระหว่างทางท่านพ่อของหม่อมฉันป่วยดังนั้นจึงได้พากลับไปส่งที่จวนและค่อยย้อนกลับมาเพคะ”“ใต้เท้าลี่ป่วยหรอกหรือนี่ แล้วเจ้าเหตุใดจึงไม่ไปอยู่ดูแลเล่าหรือว่าตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งนี่สำคัญกว่าชีวิตของบิดาเจ้างั้นหรือ”ลี่จินเซียนก้มหน้าและอับอายเป็นอย่างมาก นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เช่นนี้มิเท่ากับว่าจงใจจะมิให้นางได้รับตำแหน่งนี้หรอกหรือ“เอาเถอะ เจ้าจะไปทำอะไรก็ทำเถอะ อีกสักพักข้าก็คงจะกลับแล้ว”“เพคะ”ลี่จินเซียนต้องรีบลุกเดินออกไปทันทีนางรู้ดีว่าหากยังขืนอยู่ต่อคงไม่พ้นอับอายเพิ่ม เมื่
เขามองใบหน้านางและพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองหมอหวังที่กำลังเตรียมผ้าเพื่อให้เล่อจื่อหลงใช้ดึงลูกธนูออกมา“ท่านพร้อมนะ”“อืมพร้อม ท่านอ๋องพระองค์พร้อมหรือไม่”“ข้าพร้อมแล้ว”“ข้าจะกอดท่านเอาไว้อี้เหริน ท่านต้องไม่เป็นอะไรนะ”เขาซบไปที่ไหล่ของนางและกัดผ้าเอาไว้ หวังเจียวเมิ่งนับสามเพื่อให้เล่อจื่อหลงดึงลูกธนูออกมาจากไหล่ของท่านอ๋อง เลือดพุ่งออกมาราวสายน้ำเมื่อธนูถูกดึงออก ไม่นานท่านอ๋องก็หมดสติไปอีกครั้ง“แย่แล้วธนูนี่มีพิษ”“อะไรนะ!! พิษงั้นหรือเจียวเมิ่งเป็นพิษอะไรกัน”หวังเจียวเมิ่งไม่กล้าตอบเพราะนางรู้จักพิษชนิดนี้ดี พิษที่ทำจากแมลงร้ายกาจเจ็ดชนิดของอานฉวน พิษที่นางถูกบังคับให้ทำตอนที่ถูกจับตัวไว้เมื่อหลายเดือนก่อนไม่คิดว่าสุดท้ายจะมาพบที่นี่และคนที่โดนพิษก็ยังเป็นผู้มีพระคุณของนางอีกด้วย“พิษเจ็ดไฟกัลป์”“พิษเจ็ดไฟกัลป์ มันคืออะไรกันแล้วมัน… เลวร้ายแค่ไหน”เล่อชุนหลันเอ่ยถามแต่ตอนนี้หวังเจียวเมิ่งเริ่มทายาและทำแผลให้กับท่านอ๋องอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เล่อชุนหลันเหมือนว่าจะรู้ดีว่ามันคือพิษที่ต้องใช้วิธีกรีดเลือดเอาพิษออก พิษร้ายแรงที่ท่านอ๋องถูกยิงในสนามรบเมื่อชาติก่อนแต่ครั้งนี้กลั
“แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แล้วยังเป็นในงานมงคลของท่านพี่ข้าด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์พวกเราชินแล้ว เจ้าไม่รู้อะไรพวกเราน่ะต้องประชุมเรื่องทารกในครรภ์ของเจ้าในราชสำนักมากี่วันแล้ว”“จื่อหลง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่ชายพระชายาข้าก็สั่งลงอาญาเจ้าได้นะหากเจ้ายังพูดมากข้าจะเรียกค่าเสียหายให้เจ้าหมดตัวเลยล่ะ”“กระหม่อมไม่กล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงอภัย ทรงอภัยด้วย”“มา ดื่มเหล้ามงคลกับเจ้าหน่อย ยินดีด้วยที่หาพี่สะใภ้ให้พวกข้าได้เหมาะสม จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกันยืนยาวลูกหลานเต็มเมือง แต่อย่าให้เกินข้าเพราะข้าจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้า”“ฮ่า ๆ ท่านอ๋องทรงกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมีหรือ….”“พี่ใหญ่ ท่านพี่!! พวกท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้างเถิด”“เอ้า ดื่ม ๆ”สุรามงคลหลายจอกทยอยนำมาให้ดื่ม มู่หรงเฉิงช่วยรับแขกอยู่ด้านนอกส่วนเจ้าบ่าวตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องส่งตัวแล้ว ท่านอ๋องจึงพาพระชายาของตนเองกลับจวนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เสนาบดีเล่อและฮูหยินเดินมาส่งทั้งคู่“ท่านแม่เอาไว้ชุนหลันใกล้คลอดข้าจะส่งคนมารับท่านให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง อาจจะต้องรบกวนท่านพ่อหลายวันหน่อยนะขอรับ”“ท่านอ๋องอย่าทรงเกรงพระทัยเพคะ ท้องแ
แม้จะบอกว่าจะอ่อนโยนแต่ความดุดันและความต้องการของทั้งคู่ก็มิอาจอัดอั้นความต้องการไปได้เพราะท่านอ๋องอ่อนโยนได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องเร่งจังหวะกลับเป็นเช่นเดิมตามความต้องการของพระชายา“อื้อ…ท่านพี่เพคะ เร็วอีกนิด จะ…ไม่ไหวแล้ว อ๊าา”เรือนร่างที่เคยเรียบเนียนผุดผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากพระสวามีที่ฝากเอาไว้ แรงกระแทกที่ไม่ลดละจนเกิดเสียงดังเพราะน้ำรักของทั้งคู่ที่เอ่อล้นออกมาหลังผ่านศึกรักกันมาเกินสามรอบจนเตียงแทบจะไม่สามารถนอนได้แล้ว“อื้อ…อี้เหริน อ๊าาา”“ชุนหลันเจ้าเบาหน่อย ท่านี้มันกระแทกแรงไปหรือไม่เจ้า...ขย่มเบา ๆ อาา...”แต่เขากลับละสายตาจากสองเต้าคู่งามตรงหน้าไม่ได้เมื่อพระชายาเริ่มขยับเอวอยู่บนร่างของเขา ลิ้นหนาฉกเข้าไปดูดดื่มราวทารกกระหายน้ำนมมารดา เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงขย่มเอวจากพระชายาจนนางเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง“ชุนหลันน…อาาา ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”เขาไม่ได้ให้นางขยับไปไหนเพียงแค่จับเอวบางของนางกระแทกซ้ำมาที่เดิมและเอนกานรับจนตามนางไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เตียงที่ไม่สามารถใช้การได้เพราะความยุ่งเหยิงและเปียกชื้นทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนมานอนที่ห้องนอนเล็กขอ
“อะไรนะ ปัดความรับผิดชอบแต่เหตุใดพระสนมจึงได้…”“พระสนมในตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ขอเพียงออกจากวังหลวงต้าจินโจวไปได้ดังนั้นจึงทูลขอฝ่าบาทว่าหากยินยอมให้นางซึ่งเป็นสนมที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้มีอิสระนางก็จะยอมมอบยาถอนพิษให้ ฝ่าบาทจึงปล่อยนางออกมาจากเมืองหลวงและให้คนพานางมาอยู่ที่อารามแห่งนี้”“เช่นนั้นเสด็จพ่อต้องส่งคนมาปกป้องพระสนม”“ใช่แล้ว คนผู้นั้นคือขุนนางคู่พระวรกาย ผู้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและยังเป็นเสนาบดีข้างพระวรกายมาหลายปี “เล่ออันจ้าน” บิดาของพระชายา"เรื่องราวของพระสนมผู้นี้เขาไม่เคยทราบมาก่อนเพราะเสด็จพ่อของเขามีสนมถึงยี่สิบกว่าคนและบางคนเขาก็ไม่รู้จัก อีกอย่างเรื่องนี้หากวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เคยทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้เลยว่าลี่จางหย่งยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่งอยู่“เช่นนั้น เสนาบดีเล่อก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด มิน่าเล่าปีนั้นเขาถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ใช่ ฮูหยินของเขาก็ทราบทั้งสองช่วยกันดูแลพระสนมและอาตมามาโดยตลอด ที่ดินตรงนี้แต่เดิมก็คือที่ดินของสกุลเล่อ เสนาบดีเล่อและฮูหยินดูแลพระสนมจนถึงวาระสุด
“ใต้ซือที่ท่านพูดหมายถึง….”ใต้ซืออู๋หยวนเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น“จริงสิยินดีด้วยที่ได้พบกับคนที่เจ้าตามหา”“อาจารย์ทราบด้วยหรือเจ้าคะ”“หึหึ เจ้าพามาด้วยเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาได้”“ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะบอกให้ข้าลงจากเขาไปวันนั้นเพื่อบอกว่าให้ไปพบกับคนที่จะพาข้าไปหาพี่ชายและก็ได้พบจริง ๆ”"อะไรนะ เจียวเมิ่งนี่เจ้า… กำลังหมายถึงข้างั้นหรือ"“เจ้าค่ะพี่ชุนหลัน อาจารย์บอกให้ข้าลงเขาไปวันที่พบท่านในเมืองและบอกว่าจะได้พบกับผู้ช่วยเหลือ วันนั้นก็เป็นท่านและท่านอ๋องที่เข้ามาช่วยข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องและเล่อชุนหลันหันมามองหน้ากัน พวกเขามั่นใจว่าไม่เคยพบใต้ซืออู๋หยวนมาก่อนในชาติก่อนแต่เหตุใดดูเหมือนว่าใต้ซือผู้นี้จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง“จริงสิเจียวเมิ่งในเมื่อเจ้าพบกับพี่ชายแล้วเหตุใดจึงไม่พาเข้าไปสักการะและไหว้พระในวิหารสักหน่อยเล่า”“อ้อ เจ้าค่ะอาจารย์พี่ใหญ่ไปเถอะข้าจะพาท่านเดินชมทั่ว ๆ วัดหลังจากที่ไหว้พระ จื่อหลงท่านก็มาด้วยกันสิ”“อ้อ ได้สิ เสี่ยวเฉิงไปเถอะ”ทั้งหมดพากันเดินออกไปแล้วจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นส่วนจินถิงและสององครักษ์ก็เดินออกมาเฝ้าด้
“เอาตัวนางไปขังให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าจะไปหาท่านอ๋องที่ท้องพระโรง”“พ่ะย่ะค่ะ”กลับมาที่ตำหนักกลาง “เล่อชุนหลัน ความอัปยศนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับทั้งหมด”“นางอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องพร้อมกับพระชายาและคนที่เหลือเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาสอบสวนลี่จินเซียนเพิ่มเติม แต่เมื่อมาถึงนางกลับไม่พูดอะไรเพียงแค่มองออกไปที่นอกหน้าต่างและเห็นว่าบิดากำลังถูกดูถูกอยู่ตรงด้านหน้าท้องพระโรงและรอให้รถนักโทษมารับไปยังคุกหลวงเพื่อรอการประหาร“ลี่จินเซียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สารภาพมาว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นในแผนการครั้งนี้หรือไม่”“หึ หากว่าพูดว่าไม่พระองค์จะทรงเชื่อหรือเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นคนผิดในสายตาพระองค์อยู่แล้ว ไม่เหมือนนางที่ทำสิ่งใดก็ถูกหมด พระองค์มันหน้ามืดตามัวลุ่มหลงจนมองไม่เห็นผู้อื่น”“ลี่จินเซียน ข้าถามเจ้าดี ๆ”“หม่อมฉันก็ตอบดี ๆ แล้วนี่เพคะ อีกอย่างแค่ถามดี ๆ แต่กลับล่ามตัวข้าเอาไว้เช่นนี้ หึ ถามดีจริง ๆ”“เสิ่นกงปล่อยนาง”“พระชายา!!” / เสิ่นกง“ปล่อยนาง มีข้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกหากนางอยากคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ครั้งนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว” / ท่านอ๋องเสิ่นกงเป็นคนไปปลดเชือกที่มัดลี่จินเซียนเอา
“เจ้า!!”“ข้าไม่ทำผู้ใดก่อนหากนางไม่สั่งคนมาจับข้าเพื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองกับท่านอ๋อง ช่วยไม่ได้นะพวกท่านเริ่มก่อนเองในเมื่อหาเรื่องก็ต้องยอมรับผลของมันสิ”“ชุนหลัน แล้วลูก…”“ข้ากับลูกปลอดภัยเพคะพระองค์ไม่ต้องห่วง”“เจ้าทำอย่างไรถึงได้ต้านทานทหารของข้าได้ พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือดี ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่าย”“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมฝีมือดีข้ายอมรับ แต่พวกมันมาฆ่าเพราะคำสั่งและค่าจ้าง อีกอย่างท่านก็คงจะลืมใส่สมองมาให้พวกมันกระมัง แค่โดนค่ายกลของข้าเพียงสองด่านพวกมันก็หลุดเข้ามาในตำหนักไม่ได้แล้ว อ้อจริงสิมีแค่ลี่จินเซียนที่ข้าตั้งใจให้นางเข้ามาเท่านั้นเพราะไม่อยากทำร้ายนางด้วยเข็มพิษและธนูอาบยาพิษเจ็ดไฟกัลป์ ท่านคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่ใต้เท้าลี่”“เจ้า!! อ๊ากกกกก!!!”ท่านอ๋องดึงชุนหลันเข้ามากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าลี่จางหย่งเริ่มเสียสติและตะโกนลั่นจนกระอักเลือด เขานึกออกแล้วครั้งก่อนที่นางใช้เงินห้าพันตำลึงนั้นไปซื้อยุทโธปกรณ์ก็เพื่อวางค่ายกลเอาไว้รอบตำหนักด้วยนี่เองส่วนเข็มพิษและพิษร้ายแรงนั่นคงมาจากหวังเจียวเมิ่งที่ใส่เอาไว้ในอาวุธ เดิมทีเขาแค่วางกำลังปกป้องนางเงียบ ๆ รอบตำหนักแ
“พวกท่านหลบไป”“ท่านอ๋องแต่ว่า”“ข้าบอกให้หลบไป ท่านพ่อ ข้าฝากท่านดูแลท่านราชครูด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหลงเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมหลบไปตามคำสั่ง ท่านอ๋องมองไปยังลี่จางหย่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ขุนนางทั้งหลายถูกล้อมเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกัน “ท่านอ๋องวันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็จะออกไปจากท้องพระโรงนี้ไม่ได้”“งั้นหรือ เพราะอะไรล่ะเพราะเจ้างั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! จะตายอยู่แล้วยังทำท่าถือดีเช่นนี้อยู่ ทหารองครักษ์ถูกข้าล้อมเอาไว้จนหมดแล้วท่านไม่มีทางรอดออกไปได้หรอก”หยางอี้เหรินหันมายิ้มเยาะให้ลี่จางหย่งเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นน่าขนลุกพอ ๆ กับฝ่าบาทเพราะท่านอ๋องไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวหรือตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ลี่จางหย่งในตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว“มันเริ่มจากตรงไหนนะ อ้อ… งานเทศกาล ไม่สิ ๆ ตั้งแต่เจ้าเข้าวังหลวงไปสมคบคิดกับพระสนมลี่นั่นต่างหาก ปลอมแปลงราชโองการให้พาบุตรสาวเจ้าเข้าวัง เริ่มให้สาวใช้ลอบวางยาพิษข้าและพระชายาของข้าเพื่อจะได้ให้นางตายและควบคุมข้า แล้วอะไรอีกนะขอข้าคิดก่อนนะ”“นี่ท่าน!!…”“วางยาพิษที่กระถางกำยาน ง่ายและรวดเร็วก็จริงแต่โชคร้ายที่ข้าไม่ได้เปิดโอกาสให้คนของเจ้าทำได้สำเร็จ ถ้าจ
“มีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือพี่หลง”“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องคงไม่มีอะไรด่วนไปมากกว่าเรื่องของพระชายาอีกแล้วรีบกลับกันเถอะ”วันถัดมา “เหตุใดวันนี้ถึงต้องให้พี่ใหญ่มาเฝ้าข้าด้วยเล่าเพคะ”“เพราะพวกเขามีข่าวดีมาบอกเจ้าน่ะสิ เจ้าไม่อยากยินดีกับหมอหวังสักหน่อยหรือที่นางหาพี่ชายพบแล้ว เอาล่ะข้าไม่มีเวลาแล้วจะต้องรีบเข้าประชุม”“หยางอี้เหรินท่านหยุดนะ”ท่านอ๋องหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของนาง เล่อชุนหลันเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ถามเพราะนางอ่อนเพลียและหลับไปก่อนแต่รู้แน่ว่าเขามิได้กลับมานอนที่เตียงเพราะที่ข้าง ๆ นางนั้นเย็นและราบเรียบ“ท่านมีอะไรปิดบังข้าอยู่”“เปล่านะ ข้า…ไม่มี ใครจะกล้า”“อี้เหรินหากว่าท่านไม่พูดข้าจะกลับไปอยู่จวนสกุลเล่อกับท่านแม่”“ชุนหลันทำไมเจ้าต้องข่มขู่ข้าแบบนี้ เจ้าเองก็รู้ว่าปกติหลังจากงานเลี้ยงก็ต้องกินดื่มกันจนเกินเลยเวลาอยู่แล้ว ข้าก็แค่…”“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าท่านโกหกเรื่องอะไร อี้เหรินหากท่านอยากจะปกปิดข้าเพราะอยากปกป้องแต่ข้าเองก็ต้องรู้ตัวด้วยว่าท่านกำลังปกป้องข้าจากอะไร สิ่งใดและผู้ใดหรือว่าท่านลืมเรื่องท
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเจ้าค่ะ พี่จื่อหลงเองกล่าวเกินไปแล้วข้าเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาเท่านั้นหากว่าพี่มู่หรงมีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกได้นะเจ้าคะ”“ข้าน่ะหรือ โชคดีที่ข้าสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงแต่เด็กแต่ว่าพี่หลงของข้าน่ะสิอาจจะต้องรบกวนให้หมอหวังดูแลเขาให้มาก ๆ เสียหน่อย”“พูดมากน่า ว่าแต่เรื่องที่เมืองชุ่นเป็นอย่างไรบ้าง”“ผ่านไปได้ด้วยดี ที่จริงต้องบอกว่าองค์หญิงห้าของพวกเขาเข้ามากู้วิกฤติครั้งนี้ทันล่ะนะ”“หมายความว่าอย่างไร”“ดูเหมือนว่านางจะถูกใจองค์รัชทายาทของเรา การเจรจาจึงได้ง่ายขึ้น อีกอย่างยังได้สัญญาสงบศึกติดมือมาด้วยครั้งนี้คงต้องยกย่องท่านอ๋องที่เป็นตำนานแห่งแม่ทัพที่เลื่องชื่อ ในดินแดนบูรพานี้ไม่มีผู้ใดเทียบพระองค์ได้ องค์ชายใหญ่ของอานฉวนให้ความนับถือท่านอ๋องของเราไม่น้อยเลยเพียงแต่ว่า…”“เพราะว่าท่านอ๋องมีพระชายาแล้วสินะ”“ใช่ ดังนั้นเรื่องภาระนี้จึงตกเป็นขององค์รัชทายาทแต่ดู ๆ แล้วทั้งสองคงเข้ากันได้ไม่ยากเพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็ออกไปขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกันบ่อย ๆ พักหลัง ๆ ตัวแทบจะติดกันดังนั้นเรื่องการเจรจาฝ่ายพวกเราเพียงแค่ทำสัญญาซื้อขายและแบ่งที่ทางในการขุดเหมืองร่วมกันเท่