“ขอบคุณท่านหมอ ข้าจะให้คนไปส่งท่าน”“ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”ท่านหมอหลวงเดินออกไปพร้อมกับเสิ่นปา ท่านอ๋องมองตามพวกเขาไปพักหนึ่งก่อนที่เสิ่นกงจะเดินมารายงานเขา“ท่านอ๋อง พระชายาอยู่ในห้องบรรทมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“อืม พวกนางพูดสิ่งใดบ้าง”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ แล้วท่านหมอหลวง…”“ร่างกายนางไม่มีสิ่งใดผิดปกติก็เหลือแต่ความสามารถของข้าแล้ว”“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าพระชายาในตอนนี้จะดูไม่เหมือนข่าวที่ร่ำลือกันแต่ว่า….”“แต่หากข้าไม่มีทายาทกับบุตรเสนาบดีเล่อ ก็ยังมั่นใจไม่ได้เต็มที่ว่าจะได้รับความภักดีอย่างเต็มที่ ข้ากับนางควรจะต้องมีทายาทสืบสกุลอ๋องต่อไป อีกทั้งเรื่องราวในราชสำนักที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง…”“ที่แท้ที่เขามีแผนการเช่นนี้ถึงได้มาทำดีกับข้า…. หยางอี้เหริน แท้จริงแล้วท่านก็มิได้เปลี่ยนไปเลยสักนิดยังคงเย็นชาและเห็นแก่ตัวเช่นเดิม”เล่อชุนหลันลงมาเพื่อจะมาเอาของที่นางลืมเอาไว้แต่กลับได้ยินเสียงท่านอ๋องที่คุยกับองครักษ์ของเขาด้านหน้าตำหนักเข้าพอดี ชุนหลันหยิบกล่องเครื่องมือเย็บผ้าขึ้นไปและโยนมันลงบนเตียงด้วยความโมโหจนสาวใช้ต้องหันมาถาม“คุณหนูเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”“ข้าง่วงนอนจินถิงเจ้าร
เมื่อใต้เท้าตู้ทูลท่านอ๋องเสร็จ เสียงงึมงำก็เกิดขึ้นเล็กน้อย ลี่จางหย่งจึงเดินออกมาเพื่อทำลายความเงียบนั้น“ทูลท่านอ๋องการที่พระชายาทำเช่นนี้ ใช้เงินไม่ประมาณตนเป็นตัวอย่างของการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งแคว้นในยามนี้ล้วนทราบดีว่าหลังภัยสงครามจะต้องมัธยัสถ์แต่พระชายากลับไม่สนใจ อีกทั้งออกจากตำหนักเพื่อไปจับจ่ายซื้อของในเมืองทุกวันจนชาวเมืองเห็นและเริ่มนินทา พระชายาเป็นสตรีอันดับหนึ่งของเหลียงโจวและเป็นพระชายาของพระองค์ เรื่องเช่นนี้…กระหม่อมเห็นว่า ไม่ควรปล่อยเอาไว้ หากว่าพระนางไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ พระองค์ควรจะ…. ปลด..”“ใต้เท้าลี่!! เพียงแค่ฎีกาและคำพูดไม่กี่คำ ท่านก็จะกดดันให้ท่านอ๋องทรงปลดพระชายา หากว่าข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน ข้าคงคิดว่าท่าน…กำลังคิดการณ์บางอย่างอยู่ในใจ”“ท่านเสนาบดีเล่อพูดเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร ท่านจะบอกว่าก่อนหน้านี้ที่ยังมิได้อภิเษกเข้ามาท่านก็เลี้ยงดูนางเช่นนี้ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยเรื่อยเปื่อยหาแก่นสารไม่ได้เช่นนั้นน่ะหรือ ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งของนางได้มาจากที่ใดแน่ หรือว่าใช้เงินซื้อมากันแน่”“ใต้เท้าลี่ข้
“เอ่อ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ…. รายงานฉบับนี้กระหม่อมอ่านจบแล้ว”เฉินกงกงหันมามองพระพักตร์ท่านอ๋อง เขาหันไปหาเสิ่นปาที่เดินเอารายงานอีกฉบับไปให้เฉินกงกงอ่านอีกครั้ง “รายงานฉบับนี้กระหม่อมเสิ่นกง ผู้รับหน้าที่ทำตามบัญชาพระชายาเป็นผู้เขียน ตามที่กระหม่อมได้เขียนรายการที่พระชายาสั่งซื้อของไปฉบับก่อนหน้านั้น วันนี้เป็นวันที่สิบกระหม่อมได้รับบัญชาจากพระชายาอีกครั้งเพื่อจัดการสิ่งของที่พระชายาได้ซื้อมาเป็นรายการดังต่อไปนี้”เหล่าขุนนางเริ่มให้ความสนใจเพราะพวกเขาคิดว่ากงกงจะเพียงแค่รายงานเฉพาะสิ่งที่พระชายาจัดซื้อเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าจะกล้าพูดถึงเรื่องที่นางจะนำมาใช้ด้วย“ฮึ ข้าเองก็ชักอยากจะรู้แล้วว่าพระชายานำเงินเหล่านั้นไปทำอะไร”“ท่านก็เงียบแล้วฟังสิขอรับ”“เจ้าเงียบไปเลย เป็นเพียงขุนนางชั้นผู้น้อยแต่กลับ…”“ข้าก็เห็นด้วยกับใต้เท้ามู่หรง ไม่ว่าจะชั้นผู้น้อยหรือชั้นสูงก็ควรมีมารยาท”“นี่เจ้า!!”“เงียบ!! พวกเจ้ายังจะฟังหรือไม่ หรือว่าไม่อยากจับผิดพระชายาของข้าอีกจะได้สั่งเลิกการประชุม”""ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ""ใต้เท้าตู้หันมามองมู่หรงเฉิงด้วยสายตาตำหนิอีกครั้งก่อนที่เฉินกงกงจะอ่านรายงาน นี่เป็น
รอยยิ้มแห้ง ๆ บนใบหน้าของลี่จางหย่งเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องหยางอี้เหรินพอใจที่สุดแล้วในวันนี้ เขาเบื่อกับความวุ่นวายและละโมบของขุนนางเก่าแก่ผู้นี้ของเสด็จพ่อเต็มที่แล้ว “เฉินกงกง อ่านให้จบเถอะนี่ก็เลยเวลามามากแล้วข้ายังมีเรื่องอื่นต้องพูดอีก”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระชายามีคำสั่งให้กระหม่อมนำผ้าชั้นดี นุ่นและเครื่องมือตัดเย็บไปที่ตำหนักด้านหลังและแวะเยี่ยมเยือนเหล่านู่กวนที่มีความรู้จากเมืองหลวงให้ช่วยสอนตัดเย็บที่นอนและผ้าห่มสำหรับหน้าหนาวส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ใช้กันเองในตำหนักและอีกส่วนหากทำออกมาได้มากก็นำออกไปขายเพื่อสร้างรายได้ให้กับพวกนาง อีกทั้งหางานให้พวกนางทำแก้เบื่อ สิ่งนี้ถูกใจเหล่านู่กวนและนางกำนัลเก่าแก่ยิ่งนัก”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ พระชายาคิดไปถึงพวกนางที่ว่างงานและกินเบี้ยหวัดของท่านอ๋องมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าในตอนนี้จะสามารถดึงความสามารถของพวกนางออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่อีกทั้งพวกนางยังยินดีที่จะทำอีกด้วย”“ยอดเยี่ยม!! ยอดเยี่ยม กงกง แล้ว…ไอ้ที่ว่า…กระดิ่งลม เชือก…”“ใต้เท้าหลงข้ากำลังจะอ่านเลย สุดท้ายพระชายาสั่งให้กระหม่อมและทหารยามบริเวณทะเลสาบ นำไม้ไผ่มัดเชือกเป็นระยะพร้อมกับลากไปบริเว
“เพคะพระชายา หากว่าพระองค์ไม่มีสิ่งใดตอบถามแล้วหม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”ลี่จินเซียนเดินเข้าไปด้านในตำหนักแล้ว ชุนหลันที่กำลังมองตามไปกำลังคิดทบทวนบางอย่างในใจ เขาถึงกับตามให้นางมาเข้าเฝ้าเช่นนั้นก็คงใกล้เวลาที่นางจะเข้าวังแล้วกระมัง ชุนหลันเดินหันกลับมาจินถิงจึงได้ทักท้วงเอาไว้“พระชายาเพคะ”ชุนหลันหันไปมองเหล่าสาวใช้คนอื่น ๆ ที่เดินตามมา จินถิงจะเรียกนางเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ “ท่านอ๋องกำลังมีแขก เสิ่นกงเจ้าให้พวกนางเอาเข้าไปเก็บ รอแขกท่านอ๋องกลับไปแล้วค่อยให้พวกนางจัดการก็แล้วกัน”“พ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นกงเดินนำสาวใช้ที่เหลือเข้าไปตามรับสั่งของชุนหลัน พักหลังเสิ่นกงรับคำสั่งนางโดยมิได้เอ่ยถามเพราะเรื่องรายงานที่เขาเขียนส่งให้ท่านอ๋องทำให้นางโกรธมากจนไม่อยากรับเขากลับมาเป็นองครักษ์แต่ด้วยคำสั่งเด็ดขาดของท่านอ๋องนางจึงได้ใช้งานเขาได้เป็นบางเรื่องและระมัดระวังตัวมากขึ้นเพราะนางอยากให้พวกเข้าฟ้องนางที่ใช้เงินในคลังท่านอ๋อง มิใช่ให้เสิ่นกงรายงานสิ่งที่นางใช้ไปจนนางพ้นข้อกล่าวหา“จินถิง ข้าจะออกไปข้างนอก”“คุณหนูเจ้าคะแต่ว่าเสินกงยังไม่กลับมา”“ไม่มีเขามาด้วยนั่นแหละเป็นเรื่องดีแล้ว รี
เพียงคำสั่งเดียว ไฟในหอคณิกาชื่อดังก็ดับลงจนหมดสิ้น มือหนาของใครบางคนคว้าเอวนางเอาไว้และพานางวิ่งออกไปได้อย่างรวดเร็ว เสียงที่ดังหลังจากนางออกมานั้นไม่บอกก็รู้ว่าเป็นเสียงใด อย่างน้อยคงต้องมีคนตายไม่ต่ำกว่าสิบคน“เจ้ากล้านักนะที่ออกมาที่นี่ในเวลาเช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าที่นี่มันอันตรายเพียงใดชุนหลัน”“ท่านอ๋อง!!”“นี่เจ้าดื่มสุรามาด้วยงั้นหรือ!!”แม้ว่าเขาจะสวมชุดดำพรางกายและใช้ผ้าปกปิดใบหน้าแต่เพียงแค่สายตาดุ ๆ ที่มองนางอย่างนึกตำหนิและเสียงที่เล็ดลอดออกมานางก็จำได้ว่าเป็นผู้ใด ท่านอ๋องพานางกลับไปที่ตำหนักก่อน หลังจากนั้นไม่นานเสิ่นกงก็อุ้มร่างของจินถิงกลับมา นางถูกอาวุธลับของอีกฝ่ายพุ่งมาโดนที่ไหล่ซ้ายและหมดสติ เสิ่นกงต้องรีบพานางไปสำนักหมอหลวงและทำแผล ส่วนชุนหลันถูกพามาที่ตำหนัก“ตูม!!”“กรี๊ด!! นี่เจ้าทำบ้าอะไร….เอาเหล้ามาให้ข้า!!”“ยังไม่หายบ้าอีกงั้นหรือ”“บ้าอะไรเจ้าคนชั่วนั่นมันจะฆ่าข้า ข้าจะเอาไหสุรานี่ชื่ออะไรนะ ดรุณอะไรนะ”“เล่อชุนหลัน!!”เมื่อถูกเขาตะคอกใส่ เล่อชุนหลันก็เริ่มได้สติขึ้นมาอีกนิดและมองไปที่พระพักตร์ท่านอ๋องที่โกรธจัด ตอนนี้เขาถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้วและถอดชุดดำ
“แต่ว่าครั้งนี้พระชายาเกือบถูกสังหารนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็มีความผิดที่คิดไม่ทันว่าพระนางจะแอบหนีออกไปจากตำหนัก”“เสิ่นกง คนที่คอยระวังกับคนที่จ้องหาเรื่องมันไม่เหมือนกัน ต่อให้เจ้าติดตามนางไปพวกมันก็จ้องเล่นงานชุนหลันอยู่ดี ยังดีที่องครักษ์เงาที่ติดตามนางออกไปกลับมาแจ้งข้าทันมิเช่นนั้นคงแย่กว่านี้ เอาล่ะพวกเจ้าไปพักเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องต้องทำกันอีก”""พ่ะย่ะค่ะ"" ประชุมราชสำนัก เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ และครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนเพราะลี่จางหย่งใช้ขุนนางที่สนิทของตนเองเป็นผู้ทูลรายงานร้องเรียนเช่นเดิม ครั้งนี้เป็นใต้เท้าซ่งหลินกรมขุนนางเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้น“พระชายาลักลอบออกจากวังเที่ยวหอนางโลมจนเกิดเรื่องขึ้น ท่านอ๋องเรื่องนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าพระชายาจะมีความดีความชอบมากเพียงใดแต่ว่าพระนางเป็นสตรี การเที่ยวหอนางโลมเช่นนั้นถือว่าไม่เหมาะสม ดังนั้น…”“ทำไม ใต้เท้าซ่งมีข้อเสนออันใดที่จะบอกข้า หรือว่าเสนอให้ปลดพระชายาลงจากตำแหน่งอีกงั้นหรือ”“กระหม่อม…เอ่อ คิดว่าขุนนางคนอื่น ๆ ก็คงจะเห็นชอบด้วยว่าครั้งนี้พฤติกรรมของพระชายาไม่เหมาะสมยิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ!! นั่นมันพวกนักฆ่าที่คอยตามฆ่าขุนนางตามใบสั่งมิใช่หรือ เป็นไปได้หรือนี่”“ไม่เพียงเท่านั้นใต้เท้าจาง หากเมื่อวานนี้ไม่ได้พระชายาล่อพวกมันออกมาได้ทั้งหมด พวกข้าก็คงตามกวาดล้างหอไท่ฝูไม่ได้ ตอนนี้หอไท่ฝูที่ว่านั่น…จะไม่มีอีกแล้วบนแผ่นดินเหลียงโจว”“ยอดเยี่ยมไปเลย!!”ขุนนางหลายคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิมเพราะเดิมทีพวกเขาก็เคยทราบว่ามีกลุ่มนักฆ่าต่างแคว้นที่แฝงตัวอยู่ในเหลียงโจวแต่ก็ไม่เคยรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ใด นึกไม่ถึงว่าเพียงคืนเดียวท่านอ๋องและพระชายาจะสามารถกำจัดภัยร้ายของเหลียงโจวนี้ไปได้“เช่นนั้นพระองค์ทรงหมายความว่า…”“ท่านราชครู พระชายาของข้าเสี่ยงเอาชีวิตตัวเองเข้าล่อพวกนักฆ่า ท่านว่าในยามนี้ผู้ใดในเหลียงโจวจะจำใบหน้าของพระชายาข้าไม่ได้ เมื่อนางก้าวเท้าเข้าไปในหอนางโลมนั่น พวกมันก็เรียกรวมตัวกันหมายจะล้อมจับนางเพื่อเป็นตัวประกันและให้ข้ามอบตัวเพื่อสังหารตามคำสั่งของคนต่างแคว้น แต่ว่าพระชายาไหวตัวทันและข้าก็ซ้อนแผนพวกมัน ส่งแม่ทัพหลงเข้าโอบล้อมด้านหน้าจนจับพวกมันและกวาดล้างได้ทั้งหมด”ใต้เท้าซ่งผู้ร้องเรียนพระชายาถึงกับทรุดเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง เขาไม่น่าพลาดที
“แต่ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ แล้วยังเป็นในงานมงคลของท่านพี่ข้าด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกหลันเอ๋อร์พวกเราชินแล้ว เจ้าไม่รู้อะไรพวกเราน่ะต้องประชุมเรื่องทารกในครรภ์ของเจ้าในราชสำนักมากี่วันแล้ว”“จื่อหลง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่ชายพระชายาข้าก็สั่งลงอาญาเจ้าได้นะหากเจ้ายังพูดมากข้าจะเรียกค่าเสียหายให้เจ้าหมดตัวเลยล่ะ”“กระหม่อมไม่กล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงอภัย ทรงอภัยด้วย”“มา ดื่มเหล้ามงคลกับเจ้าหน่อย ยินดีด้วยที่หาพี่สะใภ้ให้พวกข้าได้เหมาะสม จากนี้ไปขอให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกันยืนยาวลูกหลานเต็มเมือง แต่อย่าให้เกินข้าเพราะข้าจะไม่ยอมแพ้พวกเจ้า”“ฮ่า ๆ ท่านอ๋องทรงกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมมีหรือ….”“พี่ใหญ่ ท่านพี่!! พวกท่านช่วยไว้หน้าข้าบ้างเถิด”“เอ้า ดื่ม ๆ”สุรามงคลหลายจอกทยอยนำมาให้ดื่ม มู่หรงเฉิงช่วยรับแขกอยู่ด้านนอกส่วนเจ้าบ่าวตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องส่งตัวแล้ว ท่านอ๋องจึงพาพระชายาของตนเองกลับจวนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เสนาบดีเล่อและฮูหยินเดินมาส่งทั้งคู่“ท่านแม่เอาไว้ชุนหลันใกล้คลอดข้าจะส่งคนมารับท่านให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาง อาจจะต้องรบกวนท่านพ่อหลายวันหน่อยนะขอรับ”“ท่านอ๋องอย่าทรงเกรงพระทัยเพคะ ท้องแ
แม้จะบอกว่าจะอ่อนโยนแต่ความดุดันและความต้องการของทั้งคู่ก็มิอาจอัดอั้นความต้องการไปได้เพราะท่านอ๋องอ่อนโยนได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องเร่งจังหวะกลับเป็นเช่นเดิมตามความต้องการของพระชายา“อื้อ…ท่านพี่เพคะ เร็วอีกนิด จะ…ไม่ไหวแล้ว อ๊าา”เรือนร่างที่เคยเรียบเนียนผุดผ่องบัดนี้เต็มไปด้วยรอยแดงจากพระสวามีที่ฝากเอาไว้ แรงกระแทกที่ไม่ลดละจนเกิดเสียงดังเพราะน้ำรักของทั้งคู่ที่เอ่อล้นออกมาหลังผ่านศึกรักกันมาเกินสามรอบจนเตียงแทบจะไม่สามารถนอนได้แล้ว“อื้อ…อี้เหริน อ๊าาา”“ชุนหลันเจ้าเบาหน่อย ท่านี้มันกระแทกแรงไปหรือไม่เจ้า...ขย่มเบา ๆ อาา...”แต่เขากลับละสายตาจากสองเต้าคู่งามตรงหน้าไม่ได้เมื่อพระชายาเริ่มขยับเอวอยู่บนร่างของเขา ลิ้นหนาฉกเข้าไปดูดดื่มราวทารกกระหายน้ำนมมารดา เสียงครางดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงขย่มเอวจากพระชายาจนนางเริ่มเกร็งตัวขึ้นอีกครั้ง“ชุนหลันน…อาาา ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง”เขาไม่ได้ให้นางขยับไปไหนเพียงแค่จับเอวบางของนางกระแทกซ้ำมาที่เดิมและเอนกานรับจนตามนางไปอีกครั้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เตียงที่ไม่สามารถใช้การได้เพราะความยุ่งเหยิงและเปียกชื้นทำให้ทั้งคู่ต้องเปลี่ยนมานอนที่ห้องนอนเล็กขอ
“อะไรนะ ปัดความรับผิดชอบแต่เหตุใดพระสนมจึงได้…”“พระสนมในตอนนั้นทั้งโกรธและโมโหแต่ก็ไม่อยากเอาเรื่อง ขอเพียงออกจากวังหลวงต้าจินโจวไปได้ดังนั้นจึงทูลขอฝ่าบาทว่าหากยินยอมให้นางซึ่งเป็นสนมที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ได้มีอิสระนางก็จะยอมมอบยาถอนพิษให้ ฝ่าบาทจึงปล่อยนางออกมาจากเมืองหลวงและให้คนพานางมาอยู่ที่อารามแห่งนี้”“เช่นนั้นเสด็จพ่อต้องส่งคนมาปกป้องพระสนม”“ใช่แล้ว คนผู้นั้นคือขุนนางคู่พระวรกาย ผู้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทและยังเป็นเสนาบดีข้างพระวรกายมาหลายปี “เล่ออันจ้าน” บิดาของพระชายา"เรื่องราวของพระสนมผู้นี้เขาไม่เคยทราบมาก่อนเพราะเสด็จพ่อของเขามีสนมถึงยี่สิบกว่าคนและบางคนเขาก็ไม่รู้จัก อีกอย่างเรื่องนี้หากวันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่ก็คงไม่เคยทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อนและไม่รู้เลยว่าลี่จางหย่งยังมีบุตรชายอีกคนหนึ่งอยู่“เช่นนั้น เสนาบดีเล่อก็ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด มิน่าเล่าปีนั้นเขาถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”“ใช่ ฮูหยินของเขาก็ทราบทั้งสองช่วยกันดูแลพระสนมและอาตมามาโดยตลอด ที่ดินตรงนี้แต่เดิมก็คือที่ดินของสกุลเล่อ เสนาบดีเล่อและฮูหยินดูแลพระสนมจนถึงวาระสุด
“ใต้ซือที่ท่านพูดหมายถึง….”ใต้ซืออู๋หยวนเพียงแค่ยิ้มให้พวกเขาเท่านั้น“จริงสิยินดีด้วยที่ได้พบกับคนที่เจ้าตามหา”“อาจารย์ทราบด้วยหรือเจ้าคะ”“หึหึ เจ้าพามาด้วยเช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คาดเดาได้”“ขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะบอกให้ข้าลงจากเขาไปวันนั้นเพื่อบอกว่าให้ไปพบกับคนที่จะพาข้าไปหาพี่ชายและก็ได้พบจริง ๆ”"อะไรนะ เจียวเมิ่งนี่เจ้า… กำลังหมายถึงข้างั้นหรือ"“เจ้าค่ะพี่ชุนหลัน อาจารย์บอกให้ข้าลงเขาไปวันที่พบท่านในเมืองและบอกว่าจะได้พบกับผู้ช่วยเหลือ วันนั้นก็เป็นท่านและท่านอ๋องที่เข้ามาช่วยข้าจริง ๆ เจ้าค่ะ”ท่านอ๋องและเล่อชุนหลันหันมามองหน้ากัน พวกเขามั่นใจว่าไม่เคยพบใต้ซืออู๋หยวนมาก่อนในชาติก่อนแต่เหตุใดดูเหมือนว่าใต้ซือผู้นี้จะรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง“จริงสิเจียวเมิ่งในเมื่อเจ้าพบกับพี่ชายแล้วเหตุใดจึงไม่พาเข้าไปสักการะและไหว้พระในวิหารสักหน่อยเล่า”“อ้อ เจ้าค่ะอาจารย์พี่ใหญ่ไปเถอะข้าจะพาท่านเดินชมทั่ว ๆ วัดหลังจากที่ไหว้พระ จื่อหลงท่านก็มาด้วยกันสิ”“อ้อ ได้สิ เสี่ยวเฉิงไปเถอะ”ทั้งหมดพากันเดินออกไปแล้วจึงเหลือเพียงท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้นส่วนจินถิงและสององครักษ์ก็เดินออกมาเฝ้าด้
“เอาตัวนางไปขังให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าจะไปหาท่านอ๋องที่ท้องพระโรง”“พ่ะย่ะค่ะ”กลับมาที่ตำหนักกลาง “เล่อชุนหลัน ความอัปยศนี้ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับทั้งหมด”“นางอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องพร้อมกับพระชายาและคนที่เหลือเดินเข้ามาในห้องเพื่อมาสอบสวนลี่จินเซียนเพิ่มเติม แต่เมื่อมาถึงนางกลับไม่พูดอะไรเพียงแค่มองออกไปที่นอกหน้าต่างและเห็นว่าบิดากำลังถูกดูถูกอยู่ตรงด้านหน้าท้องพระโรงและรอให้รถนักโทษมารับไปยังคุกหลวงเพื่อรอการประหาร“ลี่จินเซียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สารภาพมาว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นในแผนการครั้งนี้หรือไม่”“หึ หากว่าพูดว่าไม่พระองค์จะทรงเชื่อหรือเพคะ ไม่ว่าจะอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นคนผิดในสายตาพระองค์อยู่แล้ว ไม่เหมือนนางที่ทำสิ่งใดก็ถูกหมด พระองค์มันหน้ามืดตามัวลุ่มหลงจนมองไม่เห็นผู้อื่น”“ลี่จินเซียน ข้าถามเจ้าดี ๆ”“หม่อมฉันก็ตอบดี ๆ แล้วนี่เพคะ อีกอย่างแค่ถามดี ๆ แต่กลับล่ามตัวข้าเอาไว้เช่นนี้ หึ ถามดีจริง ๆ”“เสิ่นกงปล่อยนาง”“พระชายา!!” / เสิ่นกง“ปล่อยนาง มีข้าอยู่ไม่เป็นไรหรอกหากนางอยากคิดจะทำอะไรโง่ ๆ ครั้งนี้ก็โทษข้าไม่ได้แล้ว” / ท่านอ๋องเสิ่นกงเป็นคนไปปลดเชือกที่มัดลี่จินเซียนเอา
“เจ้า!!”“ข้าไม่ทำผู้ใดก่อนหากนางไม่สั่งคนมาจับข้าเพื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองกับท่านอ๋อง ช่วยไม่ได้นะพวกท่านเริ่มก่อนเองในเมื่อหาเรื่องก็ต้องยอมรับผลของมันสิ”“ชุนหลัน แล้วลูก…”“ข้ากับลูกปลอดภัยเพคะพระองค์ไม่ต้องห่วง”“เจ้าทำอย่างไรถึงได้ต้านทานทหารของข้าได้ พวกเขาล้วนเป็นนักฆ่ารับจ้างฝีมือดี ไม่มีทางที่จะจัดการได้ง่าย”“นักฆ่าที่โหดเหี้ยมฝีมือดีข้ายอมรับ แต่พวกมันมาฆ่าเพราะคำสั่งและค่าจ้าง อีกอย่างท่านก็คงจะลืมใส่สมองมาให้พวกมันกระมัง แค่โดนค่ายกลของข้าเพียงสองด่านพวกมันก็หลุดเข้ามาในตำหนักไม่ได้แล้ว อ้อจริงสิมีแค่ลี่จินเซียนที่ข้าตั้งใจให้นางเข้ามาเท่านั้นเพราะไม่อยากทำร้ายนางด้วยเข็มพิษและธนูอาบยาพิษเจ็ดไฟกัลป์ ท่านคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่ใต้เท้าลี่”“เจ้า!! อ๊ากกกกก!!!”ท่านอ๋องดึงชุนหลันเข้ามากอดเอาไว้แน่นเมื่อเห็นว่าลี่จางหย่งเริ่มเสียสติและตะโกนลั่นจนกระอักเลือด เขานึกออกแล้วครั้งก่อนที่นางใช้เงินห้าพันตำลึงนั้นไปซื้อยุทโธปกรณ์ก็เพื่อวางค่ายกลเอาไว้รอบตำหนักด้วยนี่เองส่วนเข็มพิษและพิษร้ายแรงนั่นคงมาจากหวังเจียวเมิ่งที่ใส่เอาไว้ในอาวุธ เดิมทีเขาแค่วางกำลังปกป้องนางเงียบ ๆ รอบตำหนักแ
“พวกท่านหลบไป”“ท่านอ๋องแต่ว่า”“ข้าบอกให้หลบไป ท่านพ่อ ข้าฝากท่านดูแลท่านราชครูด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหลงเป็นคนเดียวที่ไม่ยอมหลบไปตามคำสั่ง ท่านอ๋องมองไปยังลี่จางหย่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ขุนนางทั้งหลายถูกล้อมเข้ามารวมอยู่ที่เดียวกัน “ท่านอ๋องวันนี้ไม่ว่าผู้ใดก็จะออกไปจากท้องพระโรงนี้ไม่ได้”“งั้นหรือ เพราะอะไรล่ะเพราะเจ้างั้นหรือ”“ท่านอ๋อง!! จะตายอยู่แล้วยังทำท่าถือดีเช่นนี้อยู่ ทหารองครักษ์ถูกข้าล้อมเอาไว้จนหมดแล้วท่านไม่มีทางรอดออกไปได้หรอก”หยางอี้เหรินหันมายิ้มเยาะให้ลี่จางหย่งเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นน่าขนลุกพอ ๆ กับฝ่าบาทเพราะท่านอ๋องไม่ได้มีทีท่าว่าจะหวาดกลัวหรือตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ลี่จางหย่งในตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว“มันเริ่มจากตรงไหนนะ อ้อ… งานเทศกาล ไม่สิ ๆ ตั้งแต่เจ้าเข้าวังหลวงไปสมคบคิดกับพระสนมลี่นั่นต่างหาก ปลอมแปลงราชโองการให้พาบุตรสาวเจ้าเข้าวัง เริ่มให้สาวใช้ลอบวางยาพิษข้าและพระชายาของข้าเพื่อจะได้ให้นางตายและควบคุมข้า แล้วอะไรอีกนะขอข้าคิดก่อนนะ”“นี่ท่าน!!…”“วางยาพิษที่กระถางกำยาน ง่ายและรวดเร็วก็จริงแต่โชคร้ายที่ข้าไม่ได้เปิดโอกาสให้คนของเจ้าทำได้สำเร็จ ถ้าจ
“มีเรื่องอะไรด่วนงั้นหรือพี่หลง”“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องคงไม่มีอะไรด่วนไปมากกว่าเรื่องของพระชายาอีกแล้วรีบกลับกันเถอะ”วันถัดมา “เหตุใดวันนี้ถึงต้องให้พี่ใหญ่มาเฝ้าข้าด้วยเล่าเพคะ”“เพราะพวกเขามีข่าวดีมาบอกเจ้าน่ะสิ เจ้าไม่อยากยินดีกับหมอหวังสักหน่อยหรือที่นางหาพี่ชายพบแล้ว เอาล่ะข้าไม่มีเวลาแล้วจะต้องรีบเข้าประชุม”“หยางอี้เหรินท่านหยุดนะ”ท่านอ๋องหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของนาง เล่อชุนหลันเริ่มสงสัยกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเขาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ถามเพราะนางอ่อนเพลียและหลับไปก่อนแต่รู้แน่ว่าเขามิได้กลับมานอนที่เตียงเพราะที่ข้าง ๆ นางนั้นเย็นและราบเรียบ“ท่านมีอะไรปิดบังข้าอยู่”“เปล่านะ ข้า…ไม่มี ใครจะกล้า”“อี้เหรินหากว่าท่านไม่พูดข้าจะกลับไปอยู่จวนสกุลเล่อกับท่านแม่”“ชุนหลันทำไมเจ้าต้องข่มขู่ข้าแบบนี้ เจ้าเองก็รู้ว่าปกติหลังจากงานเลี้ยงก็ต้องกินดื่มกันจนเกินเลยเวลาอยู่แล้ว ข้าก็แค่…”“ข้ายังไม่ได้พูดเลยว่าท่านโกหกเรื่องอะไร อี้เหรินหากท่านอยากจะปกปิดข้าเพราะอยากปกป้องแต่ข้าเองก็ต้องรู้ตัวด้วยว่าท่านกำลังปกป้องข้าจากอะไร สิ่งใดและผู้ใดหรือว่าท่านลืมเรื่องท
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันเจ้าค่ะ พี่จื่อหลงเองกล่าวเกินไปแล้วข้าเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาเท่านั้นหากว่าพี่มู่หรงมีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกได้นะเจ้าคะ”“ข้าน่ะหรือ โชคดีที่ข้าสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงแต่เด็กแต่ว่าพี่หลงของข้าน่ะสิอาจจะต้องรบกวนให้หมอหวังดูแลเขาให้มาก ๆ เสียหน่อย”“พูดมากน่า ว่าแต่เรื่องที่เมืองชุ่นเป็นอย่างไรบ้าง”“ผ่านไปได้ด้วยดี ที่จริงต้องบอกว่าองค์หญิงห้าของพวกเขาเข้ามากู้วิกฤติครั้งนี้ทันล่ะนะ”“หมายความว่าอย่างไร”“ดูเหมือนว่านางจะถูกใจองค์รัชทายาทของเรา การเจรจาจึงได้ง่ายขึ้น อีกอย่างยังได้สัญญาสงบศึกติดมือมาด้วยครั้งนี้คงต้องยกย่องท่านอ๋องที่เป็นตำนานแห่งแม่ทัพที่เลื่องชื่อ ในดินแดนบูรพานี้ไม่มีผู้ใดเทียบพระองค์ได้ องค์ชายใหญ่ของอานฉวนให้ความนับถือท่านอ๋องของเราไม่น้อยเลยเพียงแต่ว่า…”“เพราะว่าท่านอ๋องมีพระชายาแล้วสินะ”“ใช่ ดังนั้นเรื่องภาระนี้จึงตกเป็นขององค์รัชทายาทแต่ดู ๆ แล้วทั้งสองคงเข้ากันได้ไม่ยากเพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่ก็ออกไปขี่ม้าล่าสัตว์ด้วยกันบ่อย ๆ พักหลัง ๆ ตัวแทบจะติดกันดังนั้นเรื่องการเจรจาฝ่ายพวกเราเพียงแค่ทำสัญญาซื้อขายและแบ่งที่ทางในการขุดเหมืองร่วมกันเท่