เพราะหากพลาดพลั้งขึ้นมาพวกตนจะมีชีวิตเล็ก ๆ อีกหนึ่งชีวิตที่ต้องรับผิดชอบดูแล แม้ว่าเขาจะพร้อมมากก็ตาม แต่ของแบบนี้ใช่ว่าเขาพร้อมแล้วฝ่ายหญิงจะพร้อมด้วย อีกทั้งตอนนี้ทั้งตนและคนรักยังไม่ได้แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามประเพณี ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่อดทนอดกลั้นสวมถุงยางอนามัยต่อไป
“เลิกมองได้แล้วค่ะ มองทุกครั้งไม่เบื่อหรือไงคะ” หญิงสาวพูดแกมขำ
ชายหนุ่มปรายตามองคนบนเตียงที่ตอนนี้สวมผ้าขนหนูปิดนวลเนื้อขาวผ่องชวนลิ้มลองเรียบร้อยแล้วก็ทอดถอนใจออกมากล่าวว่า “จะให้เบื่อได้ยังไงครับ ก็นี่มันลูก ๆ ของพี่ทั้งนั้นเลยนะ พี่ฆ่าลูกตัวเองนะครับ มันก็ต้องยืนไว้อาลัยกันหน่อยสิครับ”
จบคำพูดของชายหนุ่มหญิงสาวก็หัวเราะร่าออกมาอย่างไม่เก็บอาการ เล่นเอาเจ้าของคำพูดถลึงตาใส่เป็นยกใหญ่
“ไม่ตลกเลยนะครับ ถ้าพริมยังไม่หยุดขำรอบหน้าพี่ไม่ใส่ถุงยางนะบอกเลย พี่จะปล่อยลูก ๆ ของพี่เข้าไปในท้องพริมทุกหยาดหยดเลย ดีไหมครับ” ใบหน้าหล่อเหลาทำสีหน้าขึงขังจริงจังกอปรกับเสียงเข้ม ๆ แต่กลับไม่ได้ทำให้หญิงสาวกลัวเลยสักนิด
“แหม... พูดอย่างกับพี่พีไม่เคยปล่อยในพริมอย่างนั้นแหละ”
“มันไม่เหมือนกัน! ทุกทีที่พี่ปล่อยใน พริมอยู่ในระยะปลอดภัยตลอด แต่คราวนี้ถ้าพริมไม่หยุดขำหรือล้อเลียนพี่อีก พี่จะปล่อยในพริมทุกรอบทุกวันเอาให้ท้องไปเลย เป็นไง ดีไหมครับ ว่าไปพี่ก็อยากมีลูกอยู่พอดี อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วด้วย”
รพีพัฒน์พูดออกไปตามความจริง ด้วยตอนนี้ตนอายุ 29 ปีแล้ว ปีหน้าก็จะ 30 เป็นธรรมดาที่จะคิดเรื่องการมีครอบครัว เพราะไม่ว่าจะรูปร่าง ฐานะ หน้าตา ตนก็พร้อมสรรพ
“เป็นอะไรไปครับ เงียบเลย” ชายหนุ่มถามด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นระลอกคลื่นสั่นไหวในแววตาคนรัก
“พี่พีคะ พริม..”
“ไม่เป็นไรครับคนดี อย่าคิดมาก พี่รอได้” ชายหนุ่มพูดอย่างเข้าใจพร้อมยิ้มทรงเสน่ห์ให้อย่างไม่นึกหวง สายตาที่ทอดมองไปมีแต่ความห่วงใยหาได้มีแววโกรธหรือไม่พอใจอย่างที่ควรเป็น คบกันมาหลายปีเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนรักของเขากำลังคิดอะไรอยู่
“พริมขอโทษนะคะ พริมแค่” ใบหน้าของหญิงสาวหม่นหมองพูดด้วยน้ำเสียงเจือความรู้สึกผิด มองสบตาชายคนรักแล้วสะท้อนใจ ไม่ใช่ว่าไม่รัก ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งงาน แต่อะไรหลาย ๆ อย่างเบื้องหลังความสัมพันธ์ของครอบครัวฉุดรั้งเธอไว้ ทำให้ไม่สามารถทำตามที่ใจปรารถนาได้ในตอนนี้
“อย่าคิดมากสิครับ พี่รอได้ ขอแค่วันนี้พริมยังอยู่กับพี่ก็พอ ขอแค่พริมไม่ทิ้งพี่ไปไหนพี่ก็มีความสุขแล้วครับ” ชายหนุ่มว่าพลางส่งยิ้มอบอุ่นให้หญิงสาวคนรักที่ตอนนี้รู้สึกผิดน้ำตาคลอเบ้าจวนจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ จึงเร่งรีบตัดบทสนทนาไปด้วยไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้
“เหนื่อยไม่ใช่เหรอครับ ไปอาบน้ำเถอะนะคนดี เดี๋ยวพี่ทำความสะอาดเตียงรอ เสร็จแล้วจะได้มานอนพักผ่อนกันนะครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่ายแล้วเดินหายไปในห้องน้ำ โดยมีรพีพัฒน์มองตามสุดสายตา
ภายในห้องอาบน้ำเรือนร่างระหงเปลือยเปล่าเผยผิวขาวนวลของหญิงสาวนอนทอดกายอยู่ภายในอ่างอาบน้ำจากุชชี่ หญิงสาวหลับตาพริ้มพอใจกับอุณหภูมิที่พอเหมาะของน้ำ ปล่อยให้ความอุ่นของน้ำชำระล้างความคิด ความเหนื่อย ความเมื่อยล้าไปเมื่อน้ำที่อุ่นในตอนแรกเริ่มมีอุณหภูมิต่ำลง เปลือกตาของหญิงสาวก็เปิดขึ้น เธอมองไปด้านหน้าด้วยสายตาเฉยเมย‘อย่าคิดมากสิครับ พี่รอได้ ขอแค่วันนี้พริมยังอยู่กับพี่ก็พอ ขอแค่พริมไม่ทิ้งพี่ไปไหนพี่ก็มีความสุขแล้วครับ’ จู่ ๆ ใบหน้าและคำพูดของชายคนรักก็ค่อย ๆ แทรกเข้ามาในห้วงความคิด ราวกับตระหนักได้ถึงเรื่องราวบางอย่างที่ถ่วงรั้งเธอมานาน แปรเปลี่ยนสายตาเฉยเมยของหญิงสาวกลายเป็นสายตาแห่งความมุ่งมั่นทันที มัวรีรอกังวลอะไรอยู่พริมา มีคนที่รักเธอมากขนาดนี้อยู่เคียงข้าง ยังจะกลัวอะไรอีก? นั่นคือความคิดแรกที่แวบเข้ามา ภาพความรักความเอาใจใส่ที่ชายหนุ่มมีให้ตั้งแต่รู้จักกันวันแรกในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง จนความสัมพันธ์ค่อย ๆ พัฒนา ผลิบานกลายเป็นความรักฉันหนุ่มสาว ยิ่งคิดรอยยิ้มของเธอก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆพริม พริมา ย้อนคิดถึงวันวานอย่างมีความสุข หญิงสาวรู้จักกับรพีพัฒน์มา 6 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่เ
พริมายังจำคืนคริสต์มาสในปีนั้นได้ดี ทั้งเธอและเขารวมถึงเพื่อนที่เธอได้รู้จักระหว่างเรียนและเพื่อนของเขากำลังเฉลิมฉลองกัน รพีพัฒน์ก็จูงมือเธอออกจากกลุ่มไป ในคืนที่มีความหนาวเย็นเป็นนิจ เสียงเพลงดังกระหึ่มพร้อมเสียงพลุมากมายถูกจุดขึ้นพร้อมกัน ชายหนุ่มก็ขอเธอเป็นแฟน! แม้ว่าเสียงทุกอย่างจะดัง แต่เธอกลับได้ยินคำพูดเขาชัดเจน‘เป็นแฟนกับพี่นะครับ’อากาศที่หนาวเย็นในตอนแรกกลายเป็นอุ่นซ่านทันใดทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มอ่อนโยนพูดประโยคนั้น เธอแทบไม่อยากจะเชื่อ ว่าผู้ชายที่สมบูรณ์พร้อมด้วยทุกอย่างอย่างเขา จะขอผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอเป็นแฟนคริสต์มาสวันนั้นเป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดในชีวิต มากกว่าวันที่ได้รู้ว่าตัวเองมีพ่อเสียอีก และเธอก็ตอบตกลงเป็นแฟนกับเขาอย่างไม่ลังเลตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอและเขาก็รู้จักและเป็นคนรักกันนานนับ 6 ปีแล้ว ยิ่งหวนคิดถึงวันวานเก่า ๆ ยิ่งตอกย้ำว่าเธอตัดสินใจไม่ผิดที่ตอบตกลงคบหากับเขา ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มแววตาทอประกายความสุข ขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นในสิ่งที่กำลังจะตัดสินใจ “พี่พีรักเธอมากขนาดนี้ เธอจะกลัวอะไรอีกพริม รู้จักกันมาก็หกปีแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพี่
รถหรูแล่นเข้าไปจอดในรั้วคฤหาสน์หลังงามของตระกูลเลิศเกียรติคุณ พริมามองไปรอบบริเวณคุ้นตาอย่างคนคุ้นเคยไม่ได้มีแววตาตื่นเต้นแต่อย่างใด เนื่องจากเธอมาที่บ้านของรพีพัฒน์บ่อย ๆ ใช่แล้วละ ทางครอบครัวของชายหนุ่มรับรู้ว่าบุตรชายคนเดียวของบ้านมีคนรัก เเละสั่งให้บุตรชายพาแฟนสาวมาเปิดตัวตั้งนานแล้วครั้งแรกที่พริมาได้เจอกับครอบครัวของรพีพัฒน์คือวันที่ชายหนุ่มสำเร็จปริญญาโท ในวันเดียวกันเจ้าตัวได้แนะนำหญิงสาวกับครอบครัวให้รู้จักกันในฐานะคนรักทันทีในตอนนั้นพริมาตื่นเต้นมากทั้งยังกังวล เกรงว่าจะถูกครอบครัวของชายหนุ่มตั้งแง่รังเกียจ แต่เมื่อได้รู้จักกันจริง ๆ แล้วถึงได้รู้ว่า เป็นเธอคิดมากเกินไป เพราะนอกจากครอบครัวของรพีพัฒน์จะไม่รังเกียจเธอแล้ว ยังให้ความรักความเอ็นดูต่อเธออย่างมาก หนำซ้ำยังหวงเธอกับบุตรชาย ราวกับว่าพริมาเป็นบุตรสาวอีกคนของครอบครัวเลิศเกียรติคุณเลยทีเดียว“คิดอะไรอยู่ครับ” รพีพัฒน์ถามขึ้นหลังจอดรถหน้าประตูทางเข้าบ้านพริมาหันมาส่งยิ้มหวานพร้อมตอบว่า “คิดถึงตอนที่ได้รู้จักกับคุณพ่อคุณแม่พี่พีครั้งแรกค่ะ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ พวกท่านน่ารักและดีกับพริมเสมอเลยค่ะ”“ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่
ด้านพริมาหลังจากเข้ามาภายในบ้านแล้วก็ทักทายมารดาของชายคนรักทันที แต่ยังไม่ทันได้คุยกันมาก รพีพัฒน์ก็เดินตามเข้ามาพร้อมทั้งมองค้อนทั้งแฟนสาวและมารดาตนทันที“มองแม่แบบนี้หมายความว่ายังไงกันตาพี นี่แกหวงน้องกับแม่เหรอ ฉันเป็นแม่แกนะ!”“แต่คนที่แม่กอดอยู่เป็นแฟนผมนะครับ!” ชายหนุ่มประท้วงเล็กน้อย รู้ว่าเป็นแม่แต่มันก็อดหวงไม่ได้ ก็ใครใช้ให้แฟนเขาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้กันเล่า มันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะหวงเอาไว้กอดไว้หอมคนเดียว...คุณรพีกลอกตามองบนเล็กน้อยให้กับความขี้หวงของบุตรชาย นิสัยแบบนี้คงเอามาจากใครไม่ได้นอกจากคุณพิพัฒน์บิดาของชายหนุ่มเอง “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ เหมือนพ่อแกไม่มีผิด”“อ้าวคุณ! เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ผมอยู่ของผมดี ๆ นะ” คุณพิพัฒน์ถามอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งคุณรพีก็ตอบกลับไปทันทีว่า “ไม่รู้แหละ คุณเป็นพ่อลูกกันก็ต้องเหมือนกันนั่นแหละ ถูกแล้ว”“แต่ผมก็ลูกแม่เหมือนกันนะครับ”“หยุด! ฉันบอกว่าแกเหมือนพ่อของแกก็ต้องเหมือนสิ ฮึ่ม! หงุดหงิดจริง ๆ ไม่น่ารักว่าง่ายเหมือนหนูพริมของฉันเลย” คุณรพีพูดเสียงเขียวใส่บุตรชายก่อนหันมาทำเสียงเล็กเสียงน้อยกับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างพริมา“ว่าแต่ว่าหนูพริมล
พริมาเปิดประตูเข้าไปในห้องภายในคอนโดมิเนียมของเธอ พลันนั้นกลิ่นหอมของอาหารก็ลอยเข้ามาในโพรงจมูก หญิงสาวสูดกลิ่นหอมแสนอร่อยชวนหิวพาลให้พยาธิในท้องส่งเสียงร้องเบา ๆ เธอจัดการล็อกประตูแล้วเดินตามกลิ่นหอมไปยังโซนของห้องครัว เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววยืนอยู่หน้าเตา รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าสวย มือบางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะก่อนเดินเข้าไปใกล้แล้วสวมกอดเอวสอบอย่างเต็มรักคนถูกกอดตอบรับสัมผัสอ่อนโยนอย่างเต็มใจก่อนถามเสียงนุ่ม “กลับมาแล้วเหรอครับ หิวไหม นี่พี่ทำของโปรดพริมเลยนะ”“อืม... ตอนแรกพริมก็ไม่หิว แต่พอกลับมาได้กลิ่นอาหารหอม ๆ ฝีมือคนรักแล้ว พริมก็หิวขึ้นมาทันทีเลยค่ะ” พริมาเอี้ยวตัวแหงนหน้ามองคนตัวสูงจากด้านข้างโดยที่แขนยังกอดเอวสอบอยู่รพีพัฒน์หลุบตามองคนตัวเล็กด้วยสายตารักใคร่ ปากหยักแย้มยิ้มกว้างจนพริมาใจเต้นแรง ไม่ชินสักที ขนาดอยู่ด้วยกันออกบ่อย เธอก็ไม่เคยชินกับรอยยิ้มพิฆาตของเขาได้เลย“หยุดส่งยิ้มพิฆาตนารีมาให้พริมได้แล้วค่ะ หัวใจพริมทำงานหนักเต้นแรงจะตายอยู่แล้ว” ริมฝีปากบางกระจับยู่ใส่คนในอ้อมแขน กระนั้นแววตากลับระยิบระยับแห่งความสุข“ก็พี่อยากให้พริมรั
พริมาที่เร่งรีบหนีอายเข้ามาในห้องก็หุบยิ้มไม่ได้ มือเล็กยกขึ้นทาบหน้าอกเพื่อจับจังหวะการเต้นของหัวใจ“พี่พีบ้า! ไม่แผ่วลงเลยรึไง จีบกันได้ทุกวัน คนเขินจะตายอยู่แล้วเนี่ย” หญิงสาวกัดปากพูดกับตัวเองทั้งเขินทั้งอาย กระนั้นกลับพึงพอใจกับพฤติกรรมที่เขามีต่อเธอที่สุด พริมาคิดถึงความเสมอต้นเสมอปลายที่รพีพัฒน์มีให้ ตั้งแต่วันแรกที่ตกลงเป็นแฟนกันจนถึงปัจจุบันนี้ ความรักความเอาใจใส่ของเขามันไม่มีลดลงเลย นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น จนตอนนี้พริมาเข้าใจแล้วว่า คำพูดที่ใครหลายคนเอ่ยไว้ว่าการมีแฟนที่จีบเราในทุก ๆ วันนั้นราวกับถูกรางวัลที่หนึ่ง เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าคุณจะมีความสุขในทุก ๆ วันได้อย่างไรละ!คิดดูสิว่าคู่รักหลายคู่ที่เลิกรากันไปมันเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่ความหวานที่มีมันลดน้อยลงไปหรือไร? จริงอยู่ที่ปัจจัยในการเลิกรามันมีหลายอย่าง แต่การเติมความหวานให้กันและกันมันก็ช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ไม่ใช่เหรอ?เพราะฉะนั้นพริมาจึงรู้สึกโชคดีและมีความสุขมากที่รพีพัฒน์จีบเธอในทุก ๆ วัน เพราะนอกจากมันจะทำให้มีความสุขมากแล้ว ยังกระชุ่มกระชวยเหมือนย้อนไปในช่วงที่เพิ่งคบกันแรก ๆ ด้วยนะ ทั้งที่คบหากันมานานกว่า 6
แกร็ก!เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกก่อนเรือนร่างสมบูรณ์แบบสมชายชาตรีของรพีพัฒน์จะก้าวเท้าออกมา พริมาไล่สายตาตั้งแต่ปลายเท้าค่อย ๆ เลื่อนไปข้างบนเอวสอบถูกพันไว้ด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ ซิกแพ็คเป็นลูก ๆ แผงอกแน่นปึก ลำแขนเป็นมัด ๆ มีหยดน้ำเกาะพราวตามร่างกาย ยิ่งรพีพัฒน์สะบัดศีรษะไปมาไล่หยดน้ำพร้อมทั้งใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกชื้นไปด้วยก็ยิ่งเซ็กซี่!So Hot! อึก! พริมากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ คิดถึงบทรักที่ชายหนุ่มมอบให้ยามทั้งสองใช้เวลาร่วมกันก็ยิ่งร้อนผ่าวไปทั้งร่างจะวูบ!ความรู้สึกร้อนรุ่ม วูบวาบ ปฏิกิริยาแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นของร่างกาย ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ด้วยตัวเอง ว่าเธอ...กำลังมีอารมณ์! “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ” นานนับนาทีกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ“อืม” ชายหนุ่มรับคำในลำคอมองหญิงสาวด้วยสายตารู้ทัน ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยแล้วกระชากยิ้มมุมปากอ่านกินเขาอยู่แน่ ๆ... พริมาเดินเข้าไปใกล้พร้อมแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กมาถือไว้ จับจูงมือชายหนุ่มไปนั่งบนเตียง แล้วจัดการเช็ดกลุ่มผมดกด่ำให้เขาด้วยตัวเอง พร้อมทั้งนวดขมับไปด้วยในตัว เพื่อให้ชายหนุ่มได้ผ่อนคลายบ้างมือเล็กค่อย ๆ เลื่อนจากขมับมาที่ต้น
ภายในห้องประชุมบริษัทเลิศลักษณ์ จอโปรเจคเตอร์กำลังฉายภาพชุดรูปแบบใหม่ ของ Project everyday look ซึ่งถูกออกแบบโดยทีมออกแบบของพริมาบริษัท เลิศลักษณ์ จำกัด เป็นบริษัทของบิดาหญิงสาวเอง ทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า ผลิต และจัดจำหน่าย โดยมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเอง ชื่อแบรนด์ว่าเลิศลักษณ์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของประเทศ เพราะมักจะมีคอลเล็กชันใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอร่างบอบบางของพริมายืนอยู่หน้าห้องประชุมพร้อมพรีเซนต์โพรเจกต์ใหม่ของบริษัทอย่างคล่องแคล่ว โดยคอนเซ็ปต์ของโพรเจกต์นี้คือ ‘ทันสมัย สวมใส่สบาย ใส่ได้ทุกวัน’ ยิ่งกล่าวใบหน้าสวยยิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ“อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปไกลมาก เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทุกคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ ซึ่งในแต่ละวันจะมีปัญหาต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะปัญหาเรื่องชุด จะดีสักแค่ไหนถ้าเราสามารถตัดปัญหาความยุ่งยากใจ และลดระยะเวลาในการเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ในแต่ละวันออกไปได้ และที่ทุกท่านเห็นด้านหน้าอยู่นี้คือสิ่งที่ดิฉันพูดถึงค่ะ”“เธอจะบอกว่า โปรเจกต์ชุดที่เธอกำลังนำเสนออยู่นี้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้คน
20:00 น. รพีพัฒน์กลับจากทำงานก็เข้ามาเห็นภรรยาสาวนั่งหน้าบูดอยู่ในห้องนอนเด็ก ซึ่งเป็นห้องว่างข้าง ๆ ห้องนอนพวกเขา ที่เอามารีโนเวทให้เป็นห้องนอนของลูก“เป็นอะไรครับ ทำไมนั่งหน้าบูดแบบนี้” ชายหนุ่มถามคนนั่งหน้าบึ้งอย่างสงสัยไม่รู้มีใครทำอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือไม่พอใจ วันนี้คนสวยของเขาถึงได้อารมณ์ไม่ดีแบบนี้“ก็คุณพ่อคุณแม่สิคะ ซื้อของเล่นกับชุดเด็กมาอีกแล้ว พริมบอกว่าให้พอก่อน ๆ ดูสิคะเนี่ย เต็มห้องไปหมด ไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว” เจ้าตัวชี้ไปยังกองของเล่นที่เพิ่งมาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง รพีพัฒน์เลิกคิ้วแล้วมองตามมือขาวผ่องที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนก็เห็นจริงดังว่า เขาพรูลมหายใจออกจากปาก ห้ามพ่อแม่เขา? คงยาก! ยิ่งหลานคนแรกด้วยแล้ว หึหึ“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะคะพี่พี พริมเครียดจะตายอยู่แล้วเนี่ย! ฮึก”เขาว่าอารมณ์คนท้องมักแปรปรวน รพีพัฒน์แจ่มแจ้งแก่ใจแล้ว ภายในหนึ่งวันเขาต้องปรับตัวรับกับอารมณ์แม่ของลูกอยู่ตลอด เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ ผสมปนเปกันไปหมด เช่นเดียวกับตอนนี้ “โอ๋ อย่าร้องสิครับ ไหนเครียดอะไร ไม่เห็นมีอะไรให้น่าเครียดเลย
“มีความสุขไหมคะ” พริมาเอ่ยถามคนที่ตระกองกอดเธออยู่ข้างหลัง มือบางกอบกุมมือใหญ่ที่โอบกอดเธอไว้ ขณะที่สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ชมความงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ขึ้น ประเทศที่มีสีเขียวที่เธอชื่นชอบ ประเทศที่มีเทือกเขาเยอะที่สุดในโลก มองไปทางไหนก็งดงาม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์“มีความสุขครับ” เสียงทุ้มตอบกลับก่อนกระชับกอดให้แน่นขึ้น พร้อมทั้งโน้มใบหน้าหอมแก้มนุ่มเข้าปอดฟอดใหญ่“ชอบไหมครับ ได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนยังประเทศที่พริมชอบ”“ชอบสิคะ ชอบที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวกล่าวตอบเสียงใสพาใจคนฟังชุ่มชื้น“หนึ่งปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหมือนกันนะครับ”“ใช่ค่ะ ทั้งงานทั้งคนวุ่นไปหมดเลย”“นั่นสิครับ ดีจังที่เราได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนกันแบบนี้”“ใช่ค่ะดีมากเลย ที่นี่สงบมากเลยค่ะ วิวก็สวย พริมอยากอยู่ไปนาน ๆ เลย”“ได้เลยครับ หยุดตามวันที่เราแพลนไว้เลยเนอะ ความจริงเราควรมาฮันนีมูนกันตั้งนานแล้ว นี่อะไร แต่งงานกันมาสามเดือนแล้วเพิ่งจะได้มาฮันนีมูน”“อย่าบ่นสิคะ ช่วงนั้นเราสองคนงานยุ่งนี่นา คุณพ่อเพิ่งวางมือให้พี่อิงรับตำแหน่งประธานบริษัทแบบเต็มตัว แม้พริมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งบริ
หนึ่งปีผ่านไป... “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”“เรียบร้อยดีครับ”“ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดละ”“ครับ”เสียงพูดคุยระหว่างออแกไนซ์และทีมงานดังขึ้นเป็นระยะให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ เรียกได้ว่าแทบทุก 3 นาที 5 นาที ที่เป็นเเบบนี้เพราะว่างานนี้เป็นงานใหญ่ จึงไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดซุ้มประตูดอกไม้ขนาดใหญ่สีขาวแซมสีชมพูที่อยู่หน้าประตู ถูกเซตเข้ากันอย่างลงตัว ตั้งแต่ทางเดินเข้าไปจนถึงเวทีปูด้วยพรมสีแดง ภายในห้องบอลรูมสุดหรูถูกตกแต่งไปด้วยไม้ดอกหลากสีนานาพรรณ โต๊ะแชมเปญทาวเวอร์จัดเรียงแก้วลดหลั่นกันมาดูงดงามหรูหราเข้ากับบรรยากาศของงานอย่างมาก โต๊ะเก้าอี้ต่างถูกจัดเรียงไว้อย่างลงตัว ข้างเวทีมีเครื่องดนตรีถูกติดตั้งไว้อย่างเพียบพร้อม และหากทอดสายตามองขึ้นไปบนเวทีจะเห็นชื่อของคนสองคนประดับไว้โดยมีรูปหัวใจอยู่ตรงกลาง‘รพีพัฒน์ พริมา’ ใช่แล้ว!วันนี้คือวันแต่งงานของรพีพัฒน์และพริมา วันคืนที่ชายหนุ่มเฝ้ารอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มาถึงสักที! “โอ๊ย ๆ หุบยิ้มหน่อยเถอะพ่อคุณ ยิ้มจนปากจะฉีกแล้วนั่น” ภายในห้องวีไอพีของโรงแรมห้องหนึ่ง เสียงเย้าแหย่เอ่ยแซวของเพื่อนชายดังขึ้นหลายค
หนึ่งเดือนต่อมาจากคำขอร้องกึ่งบังคับของคนในครอบครัว ทำให้คุณเดชาใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากคนปลดเกษียณ เขาหยุดงานเพื่อพักฟื้นร่างกายอยู่ที่บ้านนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เวลาว่างส่วนใหญ่ถ้าไม่ปลูกผักทำสวนก็จะทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายปลอดโปร่ง เพราะได้กำลังใจดี กำลังกายจึงดีตามไปด้วย สุขภาพของเขาจึงกลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็วกระนั้นคุณเดชาก็ยังไม่กลับไปทำงานที่บริษัทแต่อย่างใด เพราะหลังจากได้หยุดยาว มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น จึงคิดอะไรได้หลายอย่าง เริ่มคิดถึงบั้นปลายชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความสุข ชายวัยกลางคนจึงคิดอยากวางมือจากบริษัท แล้วหันมาใช้ชีวิตเรียบง่ายปลูกผักทำสวนอยู่ที่บ้านมากกว่างานบริษัทตอนนี้เขาจึงมอบหมายให้ลูก ๆ และผู้บริหารคนอื่น ๆ ดูแลรับผิดชอบ เพื่อว่าหากเขาวางมือจริง ๆ ขึ้นมาจะได้ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องงานที่สำคัญจริง ๆ คุณเดชาจะประชุมอยู่บ้าน เอกสารสำคัญตัวไหนที่เขาต้องเซ็น เลขาส่วนตัวก็จะนำมามอบให้ที่บ้านเช่นกัน กล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว ระหว่างคุณเดชาและบุตรสาวทั้งสองนับว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่างฝ่ายต่างปรับตัวเขาหากัน แม้แรก ๆ พริมาจะมีอาการเกร็งและฝื
“พริม พ่อรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ค่อยดี และพ่อก็ได้ทำร้ายจิตใจลูกมามาก แต่พ่อก็อยากบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อรักลูกนะ รักไม่น้อยไปกว่าพี่สาวของลูกเลย แล้วพ่อก็อยากขอโทษ ขอโทษที่เข้มงวดกับลูกเกินไป ขอโทษที่ทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีพอ ขอโทษที่ให้ครอบครัวที่สมบูรณ์กับลูกไม่ได้ ขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ” คุณเดชามองแผ่นหลังของบุตรสาวด้วยแววตาวูบไหว หน้าอกรู้สึกปวดแปลบเพราะหัวใจบีบรัดจนต้องยกมือขึ้นมากุมไว้ แต่ก็ยังฝืนพูดต่อว่า“มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่พ่อขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหม ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี เป็นที่พึ่งพาแก่ลูกบ้าง สักครั้งก่อนตายก็ยังดี ลูกจะให้โอกาสพ่อได้ไหมพริมา” ไหล่บางสั่นน้อย ๆ ก่อนที่หยดน้ำตาจะกลิ้งหล่นลงบนใบหน้างาม ใจดวงน้อยสั่นระรัว เมื่อได้ยินคำว่ารักและคำขอโทษ ที่เธอเฝ้ารอออกจากปากเขา หญิงสาวรู้สึกดีกับสิ่งที่ได้ยิน แต่มันยังไม่พอจะปลดล็อกความรู็สึกทั้งหมดได้ กำแพงที่เธอมีต่อเขามันสูงเกินไป หากอิงอรมีปมเรื่องการถูกละเลยความรู็สึก เธอก็มีปมที่คิดว่าตัวเองและแม่ไม่สำคัญสำหรับเขาเช่นกันร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนเป็
08:30 น. เช้าวันที่แปดคุณเดชาตื่นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าผ่องใสเบิกบานกว่าเดิม มองขวดน้ำเกลือที่พยาบาลเพิ่งเปลี่ยนให้ใหม่ด้วยแววตาเบื่อหน่ายเขาแข็งแรงดีแล้วคุณหมอก็ยังไม่ยอมให้กลับบ้านเสียที เฮ้อ!ดวงตาคมดุกวาดมองไปรอบตัวพลันรู้สึกว่าห้องพักผู้ป่วยดูคับแคบขึ้นทันตาเพราะทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด ไม่ว่าจะเป็นอรวรรณ อิงอร พริมา รพีพัฒน์ ฉัตร“ทนหน่อยนะคะคุณ หายดีกว่านี้เดี๋ยวหมอก็อนุญาตให้กลับเองแหละค่ะ” คุณอรวรรณรีบพูดเมื่อเห็นสายตาเบื่อหน่ายของสามีคุณเดชาไม่ตอบ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังบุตรสาวทั้งสอง ที่คนหนึ่งเกิดจากหน้าที่ อีกคนเกิดจากความรัก แต่ถึงจะเกิดจากคนละแม่ เขาก็รักลูกทั้งสองคนมากอยู่ดี ไม่เคยรักใครน้อยกว่าใครเลย แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ พี่น้องไม่รักกันก็ว่าแย่แล้ว คิดร้ายต่อกันไม่พอ ถึงขนาดไล่ให้อีกคนไปตาย คนเป็นพ่ออย่างเขาจะรับได้หรือ? ลูกสองคนเป็นแบบนี้แล้วเขาจะมีความสุขได้อย่างไร?คุณเดชาหลับตากล้ำกลืนความขมขื่นเอาไว้ให้ลึกที่สุด ภายในห้องพักผู้ป่วยเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ คิดว่าหากมีใครสักคนทำเข็มตกต้องได้ยินชัดเจนแน่ สถานการณ์ดูเหมือนจะน่า
ทันใดนั้นเองประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกโดยนายแพทย์วัยกลางคน“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวบุรุษพยาบาลและพยาบาลจะเข็นเตียงคนไข้ไปยังห้องวีไอพีตามที่ญาติคนไข้ทำเรื่องไว้เลยนะครับ แล้วก็หมอขอคุยกับญาติคนไข้หน่อยนะครับ หมอขอตัวเปลี่ยนชุดก่อนสักครู่ เดี๋ยวจะมีพยาบาลนำทางไปยังห้องของหมอนะครับ” นายแพทย์พูดจบก็ปลีกตัวออกไปผู้เกี่ยวข้องทั้งสามเมื่อได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้ชำนาญการว่าคุณเดชาปลอดภัยแล้วต่างโล่งอกถอนหายใจไปตาม ๆ กัน ก่อนตามพยาบาลไปยังห้องทำงานของนายแพทย์เจ้าของคนไข้ เพื่อพูดคุยอาการของคุณเดชาทั้งสามพูดคุยกับแพทย์เจ้าของคนไข้อยู่นานเกี่ยวกับอาการของคุณเดชา ก่อนจะเดินกลับมายังห้องพักคนป่วยด้วยอาการเลื่อนลอย ตั้งรับไม่ทันถึงสิ่งที่ได้รับรู้...โรคหัวใจ‘หมอไม่รู้นะครับว่าคนไข้มีปัญหาอะไรถึงได้ไม่ยอมบอกครอบครัวว่าเป็นโรคหัวใจทั้ง ๆ ที่คนไข้รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ตั้งนานแล้ว ซึ่งการที่คนไข้ปิดบังครอบครัวแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีเลย ตอนนี้ครอบครัวก็รู้แล้วว่าคนไข้เป็นโรคหัวใจ ดังนั้นช่วยกันสอดส่องและเฝ้าระวังด้วยนะครับ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันแบบวันนี้อีก’ ‘เพราะคนไข้ห
หลังคุณเดชาทรุดลงไปกับพื้นความชุลมุนก็เกิดขึ้น ทีมแพทย์ที่รพีพัฒน์เตรียมพร้อมไว้รับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินเร่งรีบเข้าช่วยชีวิตชายวัยกลางคนได้อย่างทันท่วงที ร่างแน่นิ่งของคุณเดชาถูกนำส่งโรงพยาบาลและหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินพร้อมทีมแพทย์ตั้งแต่ที่มาถึงแล้ว กระนั้นสถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไรบ้างยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่คนที่รออยู่ด้านนอกก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากเท่านั้น ไม่มีใครสามารถสบายใจได้จนกว่าจะได้ทราบว่าชายวัยกลางคนปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำอิงอรสะเทือนใจไม่น้อย เธอหวาดกลัวว่าจะสูญเสียบิดา เอาแต่กอดร่างแน่นิ่งของบิดา และเอ่ยขอโทษไม่หยุดตั้งแต่อยู่บนรถฉุกเฉิน กระทั่งร่างบิดาถูกเข็นหายเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สติหญิงสาวก็ยังไม่กลับมาคุณอรวรรณที่ทราบข่าวว่าคุณเดชาเข้าโรงพยาบาลจากพริมาที่โทรไปแจ้ง ก็เร่งรีบมาทันที ยังไม่ทันได้ไต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น บุตรสาวก็โผลเข้ากอดเธอพร้อมร้องไห้อย่างหนัก ปากก็พร่ำบอกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา จนคุณอรวรรณงงไปหมด สงสัยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่หล่อนกอดปลอบบุตรสาวอยู่น
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าพี่อิงจะคิดร้ายกับฉันขนาดนี้ ทำไมคะ ฉันทำอะไรให้พี่นักหนาเหรอ ทำไมพี่ถึงคิดอะไรทุเรศ ๆ อุบาทว์ ๆ แบบนี้ออกมา” หญิงสาวตวาดถามเสียงกร้าว“...” อิงอรก็ยังไม่ยอมผลิปาก เธอยืนนิ่ง ผินหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากมองหน้าผู้เป็นน้องสาว เนื่องจากขายหน้าที่ถูกจับได้ อีกทั้งส่วนหนึ่งในใจลึก ๆ ยังรู้สึกละอายใจ เมื่อครู่ไม่ใช่น้องสาวคนนี้หรือที่พยายามช่วยเธอ ที่หยุดยั้งไม่ให้ผู้ชายคนนั้นฉีกกระชากชุดเธอให้ขาดไปมากกว่านี้น่าตลก คนที่เธอคิดร้าย กลับเป็นคนแรกที่ยื่นมือช่วยเหลือเธอ ความจริงใจที่พริมามีให้นั้นเธอสัมผัสถึงมันได้แต่จริง ๆ แต่ว่าจะมีประโยชน์อะไรล่ะ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วพริมาพุ่งตัวเข้าไปจับหัวไหล่มนของอิงอรแล้วเขย่าสุดแรง ทั้งตะคอกถามกดดันให้อิงอรตอบคำถาม“ตอบสิคะ! เงียบทำไม ทำไมถึงมีความคิดน่ารังเกียจได้ขนาดนี้ ทำไมคะ ทำไม! ตอบสิ ตอบ!”“เพราะฉันเกลียดเเกไง! ถ้าไม่มีแกสักคนคุณพ่อก็จะรักฉันห่วงฉันคนเดียว ฉันเคยเป็นที่หนึ่ง เคยได้รับความสนใจมาก่อนใครตลอด แต่พอมีแกเข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป คุณพ่อสนใจแกมากกว่าฉัน รักแกห่วงแกมากกว่าฉัน แ