รถม้าเคลื่อนตัวผ่านถนนที่ปูด้วยหิน สะอาดสะอ้าน สองข้างทางเรียงรายไปด้วยจวนหลังใหญ่โอ่อ่า บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบและหรูหรา บ่งบอกถึงฐานะอันมั่งคั่งของผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้เมื่อรถม้ามาถึงจวนที่แพงที่สุด ทุกคนก็ลงจากรถม้าด้วยความตื่นเต้น ประตูจวนสูงใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นสวนภายในที่งดงามราวกับภาพวาด ต้นไม้นานาพันธุ์ปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ สนามหญ้าเขียวขจีกว้างใหญ่ บ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดไว้ตรงกลางสวนสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ แม้ตอนนี้จะไม่มีน้ำมากนัก แต่ก็สามารถจินตนาการถึงความงดงามเมื่อมีน้ำเต็มบ่อได้ไม่ยากตัวจวนหลักตั้งตระหง่านอยู่กลางสวน สร้างด้วยไม้เนื้อดีแกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง นอกจากนั้นยังมีเรือนเล็กอีกสองเรือนแยกออกไป ให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้อยู่อาศัย และยังมีพื้นที่ว่างเพียงพอสำหรับสร้างเรือนเพิ่มได้อีกสองหลัง"ที่นี่สวยงามมากเลยเจ้าค่ะพี่รอง"หวาหวากระซิบกับหลินหลิน"ใช่ สวยจริงๆ" หลินหลินพยักหน้าเห็นด้วยหัวหน้าฟ่านยิ้มอย่างภูมิใจ "ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้จวนท่านแม่ทัพ ใกล้ตลาด และใกล้สถานศึกษาด้วยขอรับ"คำว่า "สถานศึกษา" ทำให้หลินหลินนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ นางตำหนิตัว
หลินหลินออกจากมิติมาในรุ่งเช้าของอีกวัน ความทรงจำของเดือนที่ผ่านมาในมิติผันผวนยังคงสดใหม่ในใจนางเหลือบมองกำไลเวทที่ตอนนี้มีรอยร้าว ก็อดรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้ ตอนแรกนางคิดว่ามันคงร้าวเพราะเผลอไปกระแทกกับอะไร แต่พอถามไปยังร้านค้าในระบบ... นางถึงกับอยากจะมุดดินหนี"เรียนท่านผู้ซื้อกำไลเวทป้องกันครรภ์ของทางร้าน" "กำไลของทางร้านไม่สามารถทุบให้แตกได้เพราะลงเวทป้องกันไว้ หากกำไลจะร้าวมีเพียงสาเหตุเดียวคือ.....ถูกใช้งานเกินขีดจำกัด ขยายความคือลูกค้าใช้ในจำนวนครั้งที่มากเกินไปหรือถี่เกินไป""แต่กำไลรุ่นนี้มีระบบเวทผสาน ท่านผู้ซื้อสบายใจได้ กำไลจะกลับมาสมานตัวอีกครั้ง....ขอให้ท่านงดกิจกรรมการร่วมรัก หรือลดให้น้อยลงให้เป็นปกติ ไม่ต้องหักโหม""เพื่อให้พลังเวทได้มีเวลาผสานตัวกันก่อน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถส่งข้อความมาได้ทุกเมื่อ ขอบคุณค่ะ"หลินหลินมองรอยร้าวที่แทบจะแตกหัก ก็ไม่กล้าตอบอะไรไป นางได้แต่ถามหาว่า "กำไลรุ่นนี้มีอีกไหม "แต่คำตอบที่ได้ก็ต้องทำให้นางผิดหวัง!กำไลรุ่นนี้ 1 ปีจะผลิตได้ 1 อันเท่านั้น!"หลินเอ๋อร์"เทียนชุนที่เห็นนางนิ่งเงียบไป ก็เรียกนางด้วยสายตากังวล"ท่านไม่ต้องมาเร
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ชาวบ้านไม่มีใครกล้าแม้แต่จะกล้าหายใจแรงคุณหนูไป๋หลิงหน้าซีดเผือด บ้าไปแล้วชุดอะไรราคา1000เหรียญทองหลิวเคอก้าวออกมา"ชุดนี้เป็นชุดเวทระดับสูง ราคาอยู่ที่ 1,000 เหรียญทอง จวนแม่ทัพจะเรียกเก็บเงินไปที่จวนตระกูลไป๋ของท่านในวันพรุ่งนี้"ทุกคนในร้านต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ"ชุดเวท! ชุดที่ต้องประมูลเท่านั้น!1,000 เหรียญทอง! " เสียงแตกฮือของชาวบ้านเริ่มดังขึ้น"หวังว่าตระกูลไป๋จะไม่ล่าช้า"คุณหนูไป๋หลิงสั่นเทาด้วยความกลัว 1,000 เหรียญทอง นางจะหาจากไหน? แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา นางตายแน่! งานนี้นางต้องตายแน่ๆ!!ผู้คนรอบข้างเริ่มซุบซิบกัน พวกเขาจำได้ว่าหญิงสาวผู้สง่างามผู้นี้คือคุณหนูหลินในข่าวลือ คู่หมั้นของท่านแม่ทัพ และการที่จวนแม่ทัพออกหน้าปกป้องนางขนาดนี้ ยิ่งทำให้พวกเขาตระหนักว่าหลินหลินไม่ใช่คนที่พวกเขาจะมาหาเรื่องได้ง่ายๆณ จวนตระกูลไป๋ไป๋หลิงก้าวเท้าเข้าเรือนด้วยท่าทางร้อนรน นางโยนเหรียญทองทั้งห้าเหรียญลงพื้นอย่างแรง ก่อนจะเดินวนไปมาในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ"เกิดอะไรขึ้น ไป๋หลิง" ฮูหยินไป๋ มารดาของนาง เดินเข้ามาในห้องพอดี สายตาของนางเหลือบไปเห็นเหรีย
เด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนร้องไห้อยู่ตรงมุมมืดของร้านค้า เด็กน้อยดูหวาดกลัวและกอดตัวเองแน่น ไม่มีใครสนใจจะเข้าไปช่วยเหลือเขา ทำให้นางรู้สึกสงสารจับใจหลินหลินค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้น เขาเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ผอมบาง ใช้ชุดเก่าๆบางๆ ดูจากสภาพแล้วน่าจะอายุประมาณ 6 ขวบ"เจ้าหนู เจ้าร้องไห้ทำไม บอกพี่สาวได้ไหม"หลินหลินถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเด็กน้อยสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียง เขาถอยหลังไปติดกำแพง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและหวาดกลัว"ข้า...ข้ารอท่านลุงขอรับ " เด็กน้อยตอบเสียงสั่นเครือ"อ่อ..แล้วลุงของเจ้าไปที่ใด..พี่สาวจะได้ไปส่งเจ้า"เด็กน้อยส่ายหน้าทั้งน้ำตา"ข้ารอท่านลุงมาสองวันแล้ว ท่านลุงบอกว่าจะไปเอาของแล้วจะกลับมา แต่ท่านลุงยังไม่กลับมาเลยขอรับ"หลินหลินตกใจ ดีที่ไม่มีใครเห็นเด็กน้อยแล้วอุ้มไปขาย นางเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเด็กน้อยแล้วก็รู้สึกใจหายหลินหลินนั่งยองๆ ลง เว้นระยะห่างจากเด็กชายเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เขารู้สึกอึดอัด"เจ้าชื่ออะไร แล้วบ้านเจ้าอยู่ที่ไหน จำได้ไหม" หลินหลินถามต่อเด็กน้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบ "ข้าชื่อหยุนไค่ขอรับ .... ข้าจำไม่ได้ว่าบ้า
เช้าวันใหม่ หลินหลินออกมาส่งท่านแม่ทัพที่หน้าจวนเหมือนทุกครั้ง เมื่อเขาขี่ม้าไปไกลแล้ว หลินหลินจึงแจ้งพ่อบ้านเห่อว่านางจะไปลองชิมอาหารที่เหลา"พ่อบ้านเห่อ ท่านมีร้านแนะนำหรือไม่เจ้าคะ?""มีขอรับคุณหนู ร้าน 'เจีย หย่าว' เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองนี้เลยขอรับ "**เจีย หย่าว(แปลว่าอาหารเลิศรส)**หลิวเคอรับคำสั่งแล้วรีบเตรียมรถม้าออกมารอ หลินหลินขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านเจีย หย่าว เมื่อเข้ามาภายในร้าน หลิวเคอก็จัดการเตรียมทุกอย่างให้นางเรียบร้อยตอนนี้นางนั่งอยู่บนห้องส่วนตัว สั่งอาหารขึ้นชื่อมา 3 อย่าง แต่ที่นางชอบมากที่สุดคือต้มปลาใส่ผักดองน้ำซุปใสสีทองอร่ามส่งกลิ่นหอมกรุ่น ปลาสดเนื้อขาวนุ่มละลายในปาก ผักดองเปรี้ยวเค็มตัดรสชาติได้อย่างลงตัว ทำให้หลินหลินรู้สึกสดชื่นและเจริญอาหารยิ่งนักเมื่อหลินหลินทานเสร็จ เสี่ยวเอ้อก็เข้ามาเก็บจานชามออกไป นางสั่งน้ำชาเพิ่มอีกหนึ่งกา แล้วนั่งมองบรรยากาศของผู้คนในร้านอย่างเพลิดเพลิน"ก๊อกๆๆ คุณหนูขอรับ" เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลิวเคอที่รออยู่หน้าห้องเอ่ยเรียกนาง"เข้ามาได้เจ้าค่ะ พี่หลิวเคอ"แต่คนที่เข้ามากลับเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีใบหน้างดงามราว
ค่ายทหารเทียนชุนเดินออกมาจากที่ประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หัวใจของเขากระตุกวูบเมื่อเห็นองครักษ์คนสนิทที่คอยคุ้มกันหลินหลินมายืนรออยู่ สายตาขององครักษ์เต็มไปด้วยความกังวล"ท่านแม่ทัพ" องครักษ์โค้งคำนับ"มีเรื่องด่วนต้องรายงานขอรับ""ว่ามา"เทียนชุนตอบเสียงเรียบ แต่ภายในใจร้อนรุ่มไปด้วยความกระวนกระวาย"วันนี้นายท่านเย่วหรงและนายหญิงหยางเฟยไปพบคุณหนูหลินหลินขอรับ หลังจากนั้นไม่นาน คุณหนูหลินก็มีคำสั่งให้พวกเราย้ายข้าวของออกจากจวนท่านแม่ทัพ ให้เสร็จภายในสองชั่วยามขอรับ"องครักษ์รายงานด้วยน้ำเสียงร้อนรน"พวกเราไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เพราะคนในห้องใช้เวทป้องกันเสียงขอรับ"เทียนชุนกำหมัดแน่น ความรู้สึกตึงเครียดก่อตัวขึ้นในอก เขาพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ความกลัวที่จะสูญเสียหลินหลินไป...กัดกินหัวใจของเขาเกิดอะไรขึ้น?หลินหลินโกรธอะไร?หรือว่าบิดามารดาทำอะไรให้นางไม่พอใจ? คำถามมากมายตีกันวุ่นวายอยู่ในหัวของเขา แต่ลึกๆ แล้วเขาก็ยังเชื่อมั่นในบิดามารดาของเขา พวกท่านเป็นคนมีเหตุผลและไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลสักครั้ง..."อืม" เทียนชุนพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติทั้งๆที่ในใจหวาดกลัว ในชีวิตเขาคงมีแค
ข่าวการแต่งงานของท่านแม่ทัพเทียนชุนและหลินหลินแพร่สะพัดไปทั่วเมืองเหนือ ชาวบ้านต่างพูดถึงความรักที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบไม่คาดคิดของทั้งคู่ราวกับเทพนิยายแม้บางคนยังคงสงสัยในชาติกำเนิดของหลินหลิน แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากถามตรงๆ เพราะเกรงกลัวอำนาจของท่านแม่ทัพ ทว่าไม่นานนัก ก็มีผู้รู้กลุ่มหนึ่งออกมาเปิดเผยเรื่องราวอันน่าทึ่งของหลินหลินให้ชาวบ้านได้รับรู้ เพียงแค่เรื่องแรกที่ว่านางเป็นถึงนักเวทระดับสูงก็ทำเอาชาวบ้านแตกตื่น แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง พวกเขาแอบกระซิบถามกันด้วยความหวาดหวั่นว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาได้กล่าวอะไรล่วงเกินท่านนักเวทไปหรือไม่?ยังไม่ทันได้หายตกใจ ชาวบ้านอีกคนหนึ่งก็รีบออกมาเล่าเรื่องราวของตนเอง เขาเคยเป็นคนเร่ร่อนที่ได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนูหลินหลินและครอบครัว"ชีวิตของข้าในตอนนั้นยากลำบากแสนสาหัส" ชายผู้นั้นเริ่มต้นเล่า "ไม่มีข้าวกิน ไม่มีงานทำ ไม่มีใครเหลียวแล เพราะคนเร่ร่อนตอนนั้นมีจำนวนเยอะมาก ข้าแทบมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้ครอบครัวอิ่มท้องได้เลยสักมื้อ""จนกระทั่งวันหนึ่ง รถม้าหลายคันวิ่งออกมายังที่คนเร่ร่อนรวมตัวกันอยู่ ข้าได้พบคุณหนูหลินหลินเป็นครั้งแรก
ภายในห้องหอที่ประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีแดงและดอกไม้สด แสงเทียนสลัวสร้างบรรยากาศโรแมนติกและอบอุ่น เทียนชุนในชุดสีแดงเข้มสง่างาม นั่งมองหลินหลินในชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงสายตาของทั้งคู่ประสานกันราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ทำให้หลินหลินรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างนางรู้สึกว่าวันนี้เทียนชุนดูหล่อเหลากว่าทุกวันที่ผ่านมา ใบหน้าคมคายของเขาสว่างไสวด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ดวงตาเป็นประกายด้วยความรักที่ล้นปรี่ หลินหลินรู้สึกหัวใจเต้นแรง ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน"ข้าชอบเวลาที่ท่านยิ้ม"มือบางยกมือไปทาบกับแก้มของเขาเบาๆ เทียนชุนจับมือบางมาจุมพิตก่อนประคองหลินหลินไปนั่งลงที่โต๊ะกลางห้อง เขาหยิบสุรามงคลขึ้นมา รินใส่จอกสองใบ ก่อนจะยื่นจอกหนึ่งให้หลินหลิน ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนหวานแผ่ซ่านไปทั่วห้อง"จอกนี้เพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ของเรา "เทียนชุนเอ่ยเสียงนุ่มหลินหลินรับจอกสุรามาดื่ม แต่นางไม่รู้ว่าเขาจะตามมาประกบจูบเพื่อปล้นสุราไปจากปากของนาง!"อืม....สุรานี้หวานนัก" เทียนชุนในเวลานี้ทำให้หลินหลินรู้สึกเหนือการควบคุม เทียนชุนลุกขึ้นพาหลินหลินไปที่โต๊ะกระจก เขาจับนางนั่งลงและย
บทพิเศษเสี่ยวเฮย และ เสี่ยวหมี(หมีหิมะ)ภายในมิติ ทันทีที่หลินหลินจากไป เสี่ยวเฮยทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม"ฮือๆ นายหญิง... ทำไม... ทำไมถึงทิ้งข้า"เสี่ยวเฮยคร่ำครวญด้วยความเสียใจเสี่ยวหมีเดินเข้ามาใกล้ "เสี่ยวเฮย เจ้าอย่าเสียใจไปเลย นายหญิงคงมีเหตุผลของนาง""เหตุผลอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ!" เสี่ยวเฮยร้องไห้โฮ "ข้ารักนายหญิง ข้าอยากอยู่กับนายหญิงตลอดไป"เสี่ยวหมีมองเสี่ยวเฮยด้วยความสงสาร "เสี่ยวเฮย... " เสี่ยวหมีลังเล "ข้า.. ข้าอ่านตำราโบราณออก""แล้วอย่าไร" เสี่ยวเฮยเงยหน้ามองเสี่ยวหมี"ตำราโบราณกล่าวไว้ว่า หากต้องกำจัดอสูรหิมะ ต้องระเบิดพลังจากภายในด้วยพลังระดับ 8 สองสาย และระดับ 9 หนึ่งสาย"เสี่ยวหมีอธิบายเสี่ยวเฮยขมวดคิ้ว "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายหญิง""นายหญิงเป็นมนุษย์ นางมีพลังระดับ 9 ที่นายหญิงยกเลิกพันธะสัญญา ก็เพราะ... นางต้องการปกป้องเจ้า"เสี่ยวเฮยนิ่งอึ้ง "ปกป้องข้า?""ใช่ นางรู้ว่า หากเจ้ายังมีพันธะสัญญาอยู่ หากนางระเบิดพลังเจ้าจะตายไปด้วย "เสี่ยวหมีพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า "นางรักเจ้ามาก เสี่ยวเฮย"เสี่ยวเฮยเบิกตากว้าง หัวใจของมันรู้สึกอบอุ่น ใน
ภายในจวนท่านแม่ทัพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงร้องโอดโอยของหลินหลินดังเล็ดลอดออกมาจากห้องคลอดเป็นระยะๆ ทำให้เทียนชุนที่ยืนรออยู่ด้านนอกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เขากำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นความกังวลเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้"หลินเอ๋อร์ เจ้าต้องปลอดภัยนะ"เขาพึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน พวกเขานั่งรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เสียงร้องของหลินหลินแต่ละครั้งทำให้หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้น"ลูกต้องปลอดภัยนะ"มารดาของหลินหลินพึมพำภาวนา ทันใดนั้นเสียงร้องของทารกก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัดในจวน ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องคลอดด้วยความตื่นเต้นไม่นาน หมอตำแยก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง "ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินคลอดลูกแฝดชายหญิง เป็นเด็กที่แข็งแรงมาก"เทียนชุนรีบพุ่งเข้าไปในห้องคลอดทันที เขาเห็นหลินหลินนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียวแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ข้างกายนางมีทารกน้อยสองคนนอนอยู่เทียนชุนทรุดตัวลงข้างเตียง จับมือภรรยาไว้แน่น"หลินเอ๋อร์ เจ้าเก่งมาก"
หลินหลินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคยของเทียนชุน ทันทีที่สติกลับคืนมา ภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนหมดสติก็ฉายชัดขึ้นในห้วงความคิด เสียงระเบิดดังสนั่น ภาพดวงตาที่ทั้งสองมองมาที่นาง…น้ำตาไหลอาบแก้มหลินหลินอีกครั้ง ความเจ็บปวดของความสูญเสียกัดกินหัวใจของนางอย่างรุนแรง นางพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้"เสี่ยวเฮย... เสี่ยวหมี..."นางพึมพำชื่อของพวกมันซ้ำๆ ราวกับต้องการเรียกพวกเขากลับมาเทียนชุนตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากร่างกายของภรรยา เขามองหลินหลินที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก หัวใจของเขาเจ็บปวดไม่ต่างกัน เขาโอบกอดนางไว้แน่น พยายามปลอบโยน" หลินเอ๋อร์"เขาพูดเสียงแผ่วเบา "ทุกอย่างจบแล้ว"หลินหลินเงยหน้ามองสามี น้ำตาไหลอาบแก้ม "ข้า... ข้าทำไม่สำเร็จ"นางพูดเสียงสั่นเครือ "ข้าไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้"เทียนชุนส่ายหน้า "ไม่ใช่ความผิดของเจ้า พวกเขาเลือกที่จะเสียสละตัวเองเช่นเจ้าเลือกที่จะสละตัวเองเพื่อพวกเรา""แต่..."หลินหลินยังคงร้องไห้ไม่หยุดเทียนชุนเช็ดน้ำตาให้ภรรยาอย่างอ่อนโยน "เสี่ยวเฮยและเสี่ยวหมีคงภูมิใจในตัวเอง ที่พวกเขา
หลินหลินรีบร้อนเข้าสู่มิติเพื่อเตรียมตัวรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ แม้จะมีเวลาจำกัดเพียงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) แต่นางก็ไม่รอช้า มุ่งตรงไปยังหอตำราเวททันทีภายในหอตำรา บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึม อักษรโบราณสีทองเรียงรายอยู่บนผนังถ้ำสูงตระหง่าน หลินหลิน ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสูรหิมะ สัตว์ในตำนานที่กำลังคุกคามพวกเขา ครั้งนี้อักษรไม่ได้พุงเข้ามาที่ตัวของนางแต่ปรากฏหนังสือโบราณเก่าแก่อสูรหิมะ... สัตว์ในตำนานที่ถือกำเนิดจากพายุหิมะอันรุนแรง ดูดกลืนพลังจากความหนาวเย็นจนกลายเป็นอสูรร้ายทรงพลัง มันออกตามล่านักเวทระดับ 9 เพื่อดูดกลืนพลังขั้นสุดท้ายของพวกเขาหลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตัวอักษรในตำราเต้นระริกราวกับจะตอกย้ำความจริงที่ว่า มีเพียงนางและสามีเท่านั้นที่อยู่ในระดับ 9 มือของนางเริ่มสั่นไหว ความกลัวกัดกินหัวใจนางพลิกหน้าตำราต่อไปอย่างรวดเร็ว ค้นหาวิธีที่จะหยุดยั้งอสูรตนนี้มีเพียงสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ 9 ครั้งเท่านั้นที่จะสังหารมันได้ หรือ... การระเบิดพลังจากภายใน ต้องใช้พลังเวทระดับ9 หนึ่งขุม หรือระดับ 8 สองขุม ถึงจะจัดการกับอสูรหิมะตนนี้ได้หลินหลินหน้าซีดเผือด มือบางสั่นเทาจนเสี่ยวเ
"เราจะพักที่นี่เอาแรงก่อน" หลินหลินหันไปบอกกับทั้งสามคน ก่อนจะมอบน้ำทิพย์ให้พวกเขาคนละกระบอกนางใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวอีกหนึ่งเค่อ (30 นาที) ก่อนจะขอตัวกลับไปทำภารกิจต่อระบบแจ้งเตือนว่ายังมีผู้รอดชีวิตอีก 2 คน แต่ดวงตาตรวจสอบของนางกลับใช้การไม่ได้ในพายุหิมะที่รุนแรงเช่นนี้ นางต้องพึ่งดวงล้วนๆในการค้นหาพวกเขาหลินหลินและเหล่าทหารกลับมายังจวนแม่ทัพอีกครั้งครั้งนี้นางร่ายโล่เวทขึ้นมาเพื่อต้านทานพายุ นางจะเป็นผู้นำทัพหน้า ส่วนหลิวเคออยู่ซ้าย โหลกังอยู่ขวา และอิงหานคอยระวังหลัง ทุกคนต่างดึงพลังเวทของตนเองออกมาใช้อย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำพวกเขาเดินฝ่าพายุหิมะไปอย่างยากลำบาก หิมะหนาแน่นจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า ลมพัดกระหน่ำจนแทบจะปลิวไปตามลม หลายครั้งที่พวกเขาเกือบจะล้มลง แต่ก็ยังคงประคองกันและกันไว้ได้ตอนนี้พวกเขาพบกับภาพที่น่าสลดใจที่สุด...เท่าที่เคยพบเจอ สองตายายนอนกอดกัน ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนา ราวกับกำลังหลับใหลอย่างสงบ แต่หลินหลินรู้ดีว่าพวกเขาจากไปแล้วหลินหลินทรุดตัวลงข้างๆ ร่างของสองตายาย น้ำตาไหลอาบแก้มของนางอย่างไม่อาจควบคุมได้ น
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เทียนชุนยังคงโอบกอดหลินหลินไว้แนบอก ความรู้สึกภายในของเขาลึกล้ำเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดในฐานะสามี เขาอยากปกป้องภรรยาสุดที่รักจากอันตรายข้างนอก แต่ในฐานะแม่ทัพ เขาก็ไม่อาจละทิ้งประชาชนในแดนเหนือได้เช่นกัน เขาติดอยู่ในวังวนของความขัดแย้งภายในใจ ปล่อยนางไปก็ห่วง กักตัวนางไว้ก็ผิดต่อหน้าที่หลินหลินที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง เริ่มตั้งสติและรวบรวมความกล้า นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ และการเดิมพันครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อคนที่นางรักหลินหลินค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของสามี เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างแน่วแน่"ท่านพี่" นางเอ่ยเสียงหนักแน่น"สำหรับข้า ท่านคือโลกทั้งใบ ดังนั้นข้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ กลับมาเคียงข้างท่านให้ได้ ข้าสัญญา"แววตาของหลินหลินเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความรักที่ล้นปรี่ เทียนชุนมองลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น เขาเห็นถึงความแข็งแกร่งและความเสียสละที่ซ่อนอยู่ภายใน แม้ใจจะแหลกสลายที่ต้องปล่อยนางไป แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งภรรยาของเขาได้เขาพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ "พี่จะรอเจ้า...
ยามจื่อ (00.00 น.) ความมืดมิดปกคลุมราตรีไร้เสียง มองเห็นเพียงแสงเทียนริบหรี่จากบ้านเรือนบางหลัง ทว่าในเงามืดนั้น มีกลุ่มเงาเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและเงียบเชียบ นำโดยหลิวเคอ และทหารฝีมือดีของหลินหลินอีกหลายสิบนาย ด้วยวรยุทธ์และพลังเวทที่สูงส่งถึงระดับ 7 พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับภูตพราย ไร้ร่องรอย ไม่มีใครแม้แต่จะรู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขา แต่ละคนล้วนมีถุงมิติขนาดเล็กที่หลินหลินกว้านซื้อมาจากระบบมากถึง 500 ใบบ้านเรือนทุกหลังในเมืองถูกเยี่ยมเยือนโดยกลุ่มเงาเหล่านี้ พวกเขาเข้าออกอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ของมีค่าทุกชิ้นถูกกวาดลงถุงมิติอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ เงิน เครื่องประดับ หรือของสำคัญอื่นๆ ล้วนถูกเก็บลงถุงมิติข้างตัวยามหยิน (03.00น.)ไม่มีบ้านเรือนหลังไหนที่พวกเขาไม่ไปเยือน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว ราวกับปฏิบัติการลับที่ได้รับการวางแผนมาอย่างดีรุ่งเช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับความโกลาหล เมื่อชาวเมืองทุกหลังคาเรือนตื่นขึ้นมาพบว่าของมีค่าภายในบ้านหายไปอย่างไร้ร่องรอย! แม้แต่โต๊ะรับแขกไม้เนื้อดีก็ยังอันตรธานไป สร้างความตื่นตระหนกและหวาดกลัวไปทั่วหลินหลินคาดกา
ขณะที่หลินหลินกำลังมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งต่อไป นางก็สำลักเลือดออกมาจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ ทหารที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ"นายหญิง!!"หลินหลินยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นอะไร"นางฝืนยิ้มให้พวกเขา แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง พลังเวทในตัวนางเหลือน้อยเต็มที การสร้างปราการครั้งใหญ่เมื่อครู่นี้ดูดพลังของนางไปมากมาย หลินหลินกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาในอก พยายามรักษาท่าทีให้นิ่งสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นางรู้ดีว่าร่างกายของนางกำลังส่งสัญญาณเตือน"ไม่เป็นไรหลินหลิน เจ้าจะไม่เป็นอะไร"หลินหลินพูดเสียงแผ่วเบา เพื่อส่งกำลังใจให้ตัวเองข้าจะต้องเข้มแข็ง ข้าต้องทำได้ นางบอกตัวเองในใจภาพความฝันที่สองเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนนาง ความรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องทุกคนได้ยังคงกัดกินหัวใจของนาง นางไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกในความฝันนั้น นางเห็นตัวเองเลือกสร้างปราการคุ้มกันเมืองแดนเหนือเอาไว้ เพราะคิดว่าเพียงแค่พายุผ่านไปทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ค่ายทหารถูกพายุถล่มจนพังพินาศ และเมื่อพายุสงบลง กองกำลังศัตรูก็บุกเข้าโจมตีทันที แม้ว่าในท้ายที่สุด นางแล
เทียนชุนแทบไม่ได้ฟังที่หลินหลินพูด เขาจดจ้องอยู่แต่กับเรือนร่างตรงหน้า เทียนชุนประกบจูบหญิงสาวอย่างโหยหา หลายวันมานี้เขาคิดถึงนางแทบขาดใจ เมื่อคืนที่เห็นนางเหนื่อยจึงไม่อยากรบกวนนาง อยากให้นางได้พักผ่อน แต่ไม่คิดว่าเช้ามาเขาจะได้อาหารเช้าที่แสนวิเศษ "ท่านพี่...อ้า.. "นิ้วสากลูบไล้เนื้ออวบอูมอย่างช่ำชอง นิ้วหนาชำแหละกลีบชมพูเข้าไปในช่องทางรักอย่างโหยหา..เขาชักนิ้วเข้าออกระรัวจนร่างบางหวีดร้อง....."อะๆๆๆ..อ้า! " ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียว เทียนชุนดึงนิ้วที่เปียกย้อมด้วยน้ำรักของสตรีตรงหน้าออกมา เขาชูให้นางดูก่อนใช้ลิ้นเลียนิ้วหนา หลินหลินมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว เขาดูเซ็กซี่ขยี้ใจนางมาก..."อ้า... "ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มหนัก เทียนชุนควักท่อนเอ็นที่พองโตออกมาชักรูดสองสามทีก่อนเสียบอัดเข้าไปจนมิดด้าม"อ้า..หลินเอ๋อร์... "ร่างหนาครางต่ำ..."อืมมมม!!! "พั่บ..พั่บ..พั่บ..พั่บ..เสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้องห้องนอน หลินหลินตัวโยกไปตามแรงกระแทกของสามี"อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ! งื้อ... ""ใหญ่มากท่านพี่ของท่านใหญ่มาก..." เทียนชุนที่ได้ยินภรรยา