เธอยังควบคุมอาหารได้ดีมาก และไม่ทานอะไรที่มีน้ำตาลและไขมันสูงตอนนี้เธอมีน้ำหนักลดลงเหลือ 75 กก. และเธอตั้งเป้าว่าจะลดน้ำหนักอีก 10 กก. หากเธอยังคงพยายามต่อไป เธอจะสามารถกลับมามีหุ่นเหมือนเดิมได้อีกครั้งหลังจากลดน้ำหนักไปได้หลายสิบกิโลกรัม เธอก็ดูดีขึ้นมากเมื่อไห่หลิงวิ่งกลับมาที่ร้าน บังเอิญเห็นอดีตสามีของเธอกำลังรออยู่รถของโจวหงหลินจอดอยู่ที่ทางเข้าร้าน เพราะไห่หลิงปิดประตูกระจกไว้ เขาจึงเข้าไปข้างในไม่ได้ จึงยืนพิงกับรถ โดยมือข้างหนึ่งอยู่ในกระเป๋าและอีกข้างถือบุหรี่ไว้ และสูดเข้าไปครั้งละสองมวนเป็นครั้งคราวไห่หลิงขมวดคิ้วไม่ชอบเลยที่เห็นอดีตสามีปรากฏตัวต่อหน้าเขาไม่ได้มาเยี่ยมลูกชายแน่ไห่หลิงยังคิดว่าอยากจะหัวเราะก่อนจะหย่า โจวหงหลินออกจากบ้านแต่เช้าตรู่และกลับบ้านดึกทุกวัน ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันเลย และเขาก็ไม่อยากพูดคุยกับเธออีกด้วย และด้วยเรื่องที่เธอเล่าให้เขาฟัง จะเป็นเรื่องครอบครัว และในความเห็นของเขา ก็เป็นเรื่องเล็กน้อย และเขาก็รำคาญที่จะได้ยินเขาอยากคุยเรื่องหุ้นและโครงการต่างๆ แต่เธอไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ลาออกจากงานมา และไม่สามารถให้คำแน
ไห่หลิงระเบิดหัวเราะอย่างโกรธจัดและพูดว่า “ฉันทำให้อะไรให้คุณเสียงานหรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของคุณเอง คุณจะใช้กลอุบายพวกนั้นกับฉันไหม? เป็นตัวของคุณเองต่างหากที่ทำให้คุณเสียงาน และก็โทษใครไม่ได้ทั้งนั้น"เธอพูดอย่างเย็นชา “ฉันก็เสียใจเหมือนกัน ที่ตาบอดมองไม่เห็นไอ้ชาติหมาในตัวคุณตั้งแต่เนิ่นๆ และไม่หย่ากับคุณเร็วกว่านี้ โจวหงหลิน ฉันบอกคุณได้เลยว่า ฉันจะไม่มีวันเสียใจที่หย่ากับคุณไปตลอดชีวิต"โจวหงหลินจ้องเธอตาขวาง และพูดว่า "แม้ว่าฉันจะไม่โลภ เธอก็มีจ้านหยินคอยช่วยเหลือ ฉันก็ยังจะเสียงานอยู่ดี! มีคนบอกว่าหนึ่งวันคือร้อยวันของความเห็นใจกันต่อคู่สามีภรรยา และพวกเราแต่งงานกันมาก็หลายปีแล้ว แต่คุณช่างใจดำและขุดหลุมฝังฉัน"ตอนที่หย่ากัน เขาขอให้เธออย่าใช้หลักฐานเหล่านั้นเพื่อแก้แค้นเขาหลังหย่ากันแล้ว เธอก็ตอบตกลง แต่เพียงสัญญาว่าจะไม่แก้แค้นเขาอีก แต่ไม่รวมถึงไห่ถงและสามีนี่มันจงใจอย่างเห็นได้ชัด"คุณรู้ไหมว่าจ้านหยินคือนายน้อยจ้าน? คุณรู้ไหมว่านายน้อยจ้าน ทำให้ฉันน้ำตาตกใน เสียงาน และทำลายอนาคตของฉันได้""ฉันจะไปรู้ตัวตนที่แท้จริงของจ้านหยินได้อย่างไร? "ไห่หลิงพูดแย้ง" ในฐา
เขาอยากจะบอกว่าเขาไม่สนใจไห่หลิงมานานแล้ว อ้วนอย่างกับหมู ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่ เมื่อเห็นว่าไห่หลิงลดน้ำหนักไปได้หลายสิบกิโลกรัม ทำให้ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก ดังนั้นเขาจึงกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไปในปากไห่หลิงที่ยังไม่อ้วน จริงๆ แล้วสวยมาก และไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่เจียนีเลยในทุกๆ ด้าน"เจียนีใจร้ายมาก พวกเราเคยเป็นสามีภรรยากันไม่ว่าจะพูดอะไรก็ตาม ตราบใดที่ยังติดต่อกันอยู่ เจียนีก็จะสงสัยและเข้ใจผิด ไห่หลิง คุณกับเธอไม่เหมือนกัน"หากไห่หลิงยังรักเขาอยู่......แม้ว่าจะมีผู้หญิงสองคนมาแข่งขันกัน โจวหงหลินก็อดไม่ได้ที่จะอวดถึงความเป็นเลิศของตัวเองฝันกลางวันเหอะไห่หลิงไม่รักเขาอีกต่อไปอารมณ์ของโจวหงหลินก็ค่อนข้างซับซ้อนเขาทรยศต่อไห่ถงก่อน แต่หลังจากที่ไห่หลิงปล่อยความรู้สึกที่มีต่อเขาไป เขาก็รู้สึกภายในใจว้าวุ่นเขาหวังว่าหลังจากการหย่าแล้ว ชีวิตของเขากับเย่เจียนีจะดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ในขณะที่ชีวิตของไห่หลิงจะยากลำบากและน่าสังเวชในความเป็นจริงไห่หลิงกลับดีกว่าเขา"ไห่หลิง ฉันตกงาน และมันยากที่จะหางานใหม่ จ้านหยินหมายหัวฉันอยู่ และแม้ว่าฉันจะพยายามหางานแค่ไหน ฉันก็ไม่สามารถหางานได
โจวหงหลินขับรถออกไปอย่างรวดเร็วระหว่างทางกลับบ้าน เขาเอาแต่ด่าไห่หลิงเป็นคนนิสัยร้าย และบอกว่าเจียนีเป็นคนอ่อนโยนและเข้าใจหัวอก เขาจะไม่เสียใจกับการหย่าร้างเลย!เมื่อกลับไปที่ชั้นล่างของบ้านเช่าและเห็นรถที่คุ้นเคย โจวหงหลินก็รู้สึกปวดหัวนั่นเป็นรถของพี่สาวเขาพี่สาวของเขามาที่นี่อีกแล้วโจวหงหลินขยี้หัวด้วยความรำคาญ แต่เขาก็ยังกลับบ้านเขาและเย่เจียนีตกงาน และเขาไม่จำเป็นเดาด้วยซ้ำว่า จ้านหยินเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พี่สาวและพี่เขยของเขาก็ตกงานเช่นกัน นี่ก็เป็นฝีมือของจ้านหยินหรือเปล่า?ในกรณีนี้ เหมือนกับว่าเขากำลังลากพี่สาวเขาลงมาด้วยทันทีที่เขากลับไปที่ประตูบ้าน โจวหงหลินก็ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งเย่เจียนีและโจวหงหลินต่างก็ถูกบริษัทไล่ออก และสองสามีภรรยาก็ออกจากบริษัทด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทาง โจวหงหลินขอให้เธอลงจากรถแล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้าน เขาบอกว่าเขาอารมณ์ไม่ดีและจำเป็นต้องระบายความคับข้องใจเย่เจียนีเข้าใจและนั่งแท็กซี่กลับบ้านด้วยตัวเองจริงๆ แล้วเธอก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกันตอนที่ทำงานเป็นเลขาของโจวหงหลิน เขาดูแลเธออย่างดีมาโดยตลอดและรายได
เหรินฮุยยังอยากเปิดร้านทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง หากปรับปรุงร้านใหม่จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 500,000 บาท โจวหงอิงรู้สึกว่าปัจจุบันสองสามีภรรยาไม่มีรายได้และทนไม่ได้ที่จะต้องใช้เงินเก็บตัวเองมาเปิดร้านให้สามี เพราะกลัวว่าธุรกิจอาจไปไม่รอดและอาจสูญเสียเงินแต่เธอก็อยากให้สามีของเธอลองดูด้วย เผื่อว่าธุรกิจจะไปได้ดีเธอจะเป็นภรรยาของเถ้าแก่ในอนาคตโจวหงอิงซึ่งคุ้นเคยกับการได้รับความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเธอ มักจะมาขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่และน้องชายของเธอ"ฉันไม่ใช่ไห่หลิง!"เย่เจียนีตะโกนออกมาอย่างเสียสติ "พวกคุณรักไห่หลิงมาก ก็ไปหาเธอสิ แล้วดูซิว่าเธอจะเห็นหัวพวกคุณหรือเปล่า!"สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดเกี่ยวกับครอบครัวโจวก็คือพวกเขาเปรียบเทียบเธอกับไห่หลิงอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ พวกเขาจะพูดต่อหน้าเธอเสมอว่าไห่หลิงไม่ดีตรงนั้น ไม่ดีตรงนี้หลังจากหย่าร้างเธอก็เข้าไปในบ้านและพวกเขาก็เริ่มบอกว่าไห่หลิงดีอย่างนั้นดีอย่างนี้"โจวหงอิง เป็นลูกชายของคุณที่ทำห้องของฉันเละเทะ คุณควรทำความสะอาดมันสิ และเมื่อเหรินเสี่ยวเปาพังเครื่องสำอางและสกินแคร์ของฉัน คุณก็ต้องชดเชยให้ฉัน!"โจวหงอิงก็โกรธและพูด: "ไม
"ฉันเพิ่งแต่งงาน แถมงานแต่งงานยังไม่ถูกจัดขึ้นด้วยซ้ำ พี่คุณก็รังแกฉันแบบนี้และไม่เสแสร้งเป็นพี่สะใภ้ที่ดีด้วยซ้ำ"เธอได้ยินมาว่าเมื่อโจวหงหลินและไห่หลิงยังไม่ได้แต่งงานกัน ครอบครัวโจวต่างก็แสร้งทำเป็นดี และพวกเขาปฏิบัติต่อพี่สาวไห่หลิงเหมือนลูกสาวของพวกเขาเองแต่หลังจากการแต่งงาน เมื่อไห่หลิงตั้งท้องและมีลูก โดยอาจคิดว่าเมื่อมีลูก ไห่หลิงจะไม่ทิ้งพวกเขาไป ครอบครัวโจวก็เผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมาเย่เจียนีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่าครอบครัวโจวสามารถแสดงได้ดีเพียงใดแต่ตอนนี้ เมื่อต้องอยู่กับเธอแล้ว ครอบครัวโจวก็ไม่ได้เสแสร้งด้วยซ้ำเย่เจียนีรักโจวหงหลินจากใจจริง ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่แต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเลสำหรับครอบครัวสามีเจ้าปัญหา เย่เจียนีมั่นใจว่าเธอสามารถรับมือกับพวกเขาได้ ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวพวกเขาเลยตราบใดที่เธอกุมหัวใจของ โจวหงหลินและควบคุมกระเป๋าเงินของเขา เธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัวในขณะที่บ่น เย่เจียนีก็เริ่มร้องไห้เมื่อเห็นเธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร หัวใจของโจวหงหลินก็ปวดร้าว เขามองไปรอบๆ ห้องด้วยความโกรธ เขาโอบแขนของเขารอบไหล่ของเย่เจียนีและตำหนิพี่สาวของเขา "พี่ ทำไมค
โจวหงหลินจ้องพี่สาวตาเขม็น"พี่สาว ทำความสะอาดห้องของฉันด้วย และจับตาดูเสี่ยวเปาให้ดี ทุกครั้งที่พี่มามักจะมีเรื่องวุ่นวายเสมอ เสี่ยวเปาเคยรังแกหยางหยาง ขโมยของเล่นของเขา ครั้งที่แล้วเขายังโกหก ทำให้หยางหยางได้รับบาดเจ็บและสุดท้ายก็ต้องเข้าโรงพยาบาล เพียงเพราะว่าดสี่ยวเปายังเด็กไม่ได้หมายความว่าพี่จะเมินเฉยต่อเขาได้ ถ้าพี่ไม่จัดการเขาตอนนี้ พี่จะไม่สามารถควบคุมเขาได้เมื่อเขาโตขึ้น"โจวหงอิงอยากจะพูดมากกว่านี้แต่จำได้ว่าเธอมาที่นี่ทำไม และพูดอย่างไม่เต็มใจ: "เข้าใจแล้ว ฉันจะทำความสะอาดห้องของนาย เสี่ยวเปาก็เป็นแบบนี้ ฉันจะควบคุมเขาได้ยังไง?"หลังจากปลอบใจภรรยาของเขาแล้ว ในที่สุดโจวหงหลินก็ถามพี่สาวของเขา "แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่?"“ฉันกับพี่เขยตกงานเมื่อเร็วๆ นี้ พวกเราหางานทำแต่ไม่มีใครจ้างเพราะอายุของเรา สถานที่ส่วนใหญ่ต้องการแค่คนอายุต่ำกว่า 35 ปี และเราทั้งคู่ก็อายุเกิน 40 ปีแล้ว”“พี่เขยของนายจึงคิดจะเปิดร้านและเข้าสู่ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ทุกวันนี้ คนซื้อบ้านเยอะมาก พอซื้อแล้ว ก็ต้องปรับปรุงใหม่ ธุรกิจวัสดุก่อสร้างก็มั่นคง มีกำไร แต่เราไม่มีเงินมากนักและหวังว่าจะยืมเงินจากนายบ้าง
ตามที่คาดไว้ เย่เจียนีพูดว่า "พี่ หงหลินและฉันยังคงต้องจัดงานแต่งงานของเรา และบ้านของเรากำลังรีโนเวท ทุกอย่างต้องใช้เงิน และตอนนี้เราทั้งคู่ก็ว่างงาน เราไม่มีเงินให้ยืมคุณหรอก"หลังจากได้ยินสิ่งที่โจวหงหลินพูด เธอก็มั่นใจว่าพี่สะใภ้ขี้เหนียวของเธอมีเงินออมมากมาย อย่างไรก็ตาม คนอย่างเธอซึ่งเคยชินกับการได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว มักนิยมใช้เงินของครอบครัวมากกว่าของตัวเองเมื่อมีเย่เจียนีอยู่ด้วย โจวหงอิงจะไม่ได้รับเงินสักแดงเดียวจากโจวหงหลิน!โจวหงอิงหน้าบึ้งแต่ไม่ได้พูดอะไรอีกขณะเดียวกัน ณ บ้านตระกูลซางไห่ถงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นหรูหราโดยจับมือของหยางหยาง“หยางหยาง อยู่นี่เอง มาเถอะ มาหาคุณป้า”คุณนายซางพูดพร้อมลุกขึ้นพร้อมทักทายหยางหยางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหลังจากที่รู้ว่าคุณนายซางเป็นป้าของเขา หยางหยางก็พบเธอหลายครั้งและเต็มใจที่จะปล่อยให้คุณนายซางอุ้มเขา“คุณป้า”ไห่ถงซื้อผลไม้สองถุงยื่นให้คุณนายซางแล้วพูด: "คุณป้า นี่เป็นผลไม้ที่คุณชอบกินทั้งหมด""คุณป้าชอบผลไม้พวกนี้ แต่ป้าก็ซื้อกินเองได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อหรอก แแค่เธอกับพี่สาวมาเยี่ยมป้าก็ดีใจแล้วไม่ต้องเอาอะ