“จิงจิง ฉันเพิ่งห็นแหวนแต่งงานที่ไห่ถงสวมอยู่”หลานจิงมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "คุณคิดว่าเราทุกคนไม่มีตาและมีเพียงคุณเท่านั้นที่เห็นมันเหรอ? เห็นมันแล้วทำไมล่ะ? แหวนแต่งงานของไห่ถงมันมีอะไร?"ซางหวู่เหิงยังคงเงียบ ครุ่นคิดว่าจะพูดอย่างไรดี“ในฐานะสามีภรรยาไม่มีอะไรที่พูดออกมาไม่ได้นะ คุณเรียกฉันมาที่ชั้นบนเพื่อบอกอะไรบางอย่างใช่ไหม มีเรื่องอะไรก็บอกฉันมาเถอะ“จิงจิง คุณจำได้ไหมว่าฉันเคยบอกคุณเกี่ยวกับจ้านหยินอวดแหวนแต่งงานในวงสังคมได้ไหม”หลานจิงพยักหน้าและพูดว่า "แน่นอน ฉันจำวันนั้นได้ในตอนเช้า คุณขอให้ฉันไปบอกเสี่ยวเฟย และคุณก็ยังเป็นคนดี ส่วนฉันกลายเป็นคนไม่ดี จากสีหน้าไม่สบายใจของเสี่ยวเฟย ฉันอยากจะร้องไห้ให้เธอเลยด้วยซ้ำ"“คุณยังบอกอีกว่าเมื่อคุณบังเอิญเจอจ้านหยินที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกวนเฉิง เขาชวนคุณไปทานอาหารเย็น หลังจากกลับบ้าน คุณเอาแต่คุยกับฉันทั้งคืน โดยบอกว่าคุณไม่เคยคิดฝันว่าจะมีจ้านหยินมาเลี้ยงอาหารค่ำในชีวิตนี้”“คุณยังสงสัยอยู่เหรอว่าจ้านหยินมีแรงจูงใจแอบแฝงต่อคุณ? คุณแต่งงานแล้ว และจ้านหยินก็แต่งงานแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องเขาชอบผู้ชาย แม้ว่าเขาจะชอบผู้ชาย เขาก็จะ
ซางหวู่เหิงก็พิจารณาเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อน้องสาวของเขาบอกว่าแซ่ของสามีของไห่ถงคือจ้าน เขาก็เลยไม่ได้คิดถึงจ้านหยินแม้ว่าตระกูลจ้านจะหยั่งรากลึกและอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน และยังย้ายออกจากบ้านนอก ว่ากันว่าในหมู่บ้านบรรพบุรุษของพวกเขาทุกคนมีแซ่จ้านหลังจากที่บรรพบุรุษของจ้านหยินร่ำรวย ซางหวู่เหิงไม่รู้ว่าพวกเขานำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ทั้งตระกูลหรือไม่แต่เขารู้ว่ามีพนักงานจำนวนมากที่ใช้แซ่จ้านในสำนักงานใหญ่และบริษัทในเครือของจ้านซื่อกรุ๊ปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจ้านที่ร่ำรวยในปัจจุบัน เพียงแค่แซ่เหมือนกัน“ดังนั้นฉันเรียกคุณมา แค่อยากคุยกับคุณ หลังจากนั้นให้คุณหาโอกาสแอบถามไห่ถงว่าสามีของเธอชื่ออะไร อย่าให้แม่และเสี่ยวเฟยได้ยินเข้า คุณก็รู้ว่าเสี่ยวเฟยยังไม่ได้ปล่อยวามรู้สึกที่มีต่อจ้านหยินไปอย่างหมดสิ้น”“แม่เพิ่งพบไห่ถงและพี่สาวเธอ ดังนั้นอย่าให้เธอรู้ตอนนี้ดีกว่า ถ้าสามีของไห่ถงคือจ้านหยินจริงๆ ใครจะรู้ว่าแม่จะมีปฏิกิริยายังไง ตอนนี้เธออยากสนับสนุนหลานสาวทั้งสองคนอย่างสุดใจ แต่แม่ก็ยังรักเสี่ยวเฟยที่สุดอยู่ดี”“แม้แต่พวกเราเองก็ยังเอนเอียงไปทางเสี่ย
“ในที่สุดเสี่ยวเฟยก็ทำใจตัดใจจากจ้านหยินในที่สุด เมื่อเธอตัดใจอย่างจริงจัง และสามารถเผชิญหน้ากับจ้านหยินอย่างใจเย็น จากนั้นยอมรับความจริงที่ว่าเขาแต่งงานแล้ว พวกเราก็สามารถบอกเธอได้”ซางหวู่เหิงถอนหายใจ “ถ้าเธอรู้ว่าสามีของไห่ถงคือคนที่เธอรักแต่ไม่สามารถครอบครองได้ ฉันก็นึกไม่ออกถึงผลที่ตามมา ไห่ตงอาจไม่อยู่ใกล้เรา แต่เสี่ยวเฟยเข้ากันได้ดีกับเธอ”“ฉันต้องคิดถึงเสี่ยวเฟยเสมอ”“แต่ตอนนี้ไห่ถงกลายเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณแล้ว และสามีที่แต่งงานฟ้าแลบของเธอก็คือน้องเขยของคุณ ถ้าเป็นจ้านหยินจริงๆ เขาจะต้องมาที่บ้านของเรากับไห่ถงวันใดวันหนึ่ง เขาจะหลีกเลี่ยงไม่เจอกับคุณแม่ได้อย่างไร?”การไม่มาเจอพวกเขาก็สมเหตุสมผลแต่ครอบครัวฝั่งภรรยาก็เป็นญาติผู้ใหญ่ ดังนั้นสามีของไห่ถงต้องเจอพวกเขาแน่นอน“คืนนี้ฉันจะนัดพบกับจ้านหยิน และถามเขาว่าเขาวางแผนจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร พวกเขาแอบแต่งงานกันหรือเปล่า? ไห่ถงรู้ตัวตนของเขาหรือไม่? เธออาจจะไม่รู้ ถ้าเธอรู้ เธอคงไม่กล้าแต่งงานกับเขา”หลานจิงเตือนเขา: "ไห่ถงบอกว่าสามีของเธออยู่ระหว่างการเดินทางไปทำงานและจะไม่กลับมาสักระยะหนึ่ง"“หวู่เหิง ทำไมคุณไม่โท
หลานจิงนรีบเปิดปากถามอย่างว่องไว: "คุณแม่ พวกเราก็รู้จักตระกูลจ้านเหมือนกัน เชิญตระกูลจ้านมาด้วยไหมคะ?"หลังจากถามไป เธอก็รีบมองไปที่น้องสะใภ้ก่อนจะรีบตบปากตัวเอง “ปากของฉันนี่ มักจะพูดโดยไม่คิด”เธอยังเหลือบมองไปที่ไห่ถงโดยเห็นว่าไห่ถงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ตอนที่พูดถึงตระกูลจ้านในใจของหลานจิงสงสัยว่า: ครอบครัวของสามีของไห่ถงเป็นตระกูลจ้านที่ร่ำรวยที่สุดจริงหรือ?คุณนายซางไม่โกรธลูกสะใภ้ และถามว่า: "แม้ว่าพวกเราจะส่งคำเชิญไปให้พวกเขา พวกเขาก็จะไม่ส่งใครมา อย่าทำให้ตัวเองต้องอับอายเลย"ผู้เฒ่าของตระกูลจ้านไม่ชอบลูกสาวของเธอเสี่ยวเฟยชอบจ้านหยินมาหลายปีแล้วและยังตามจีบเขาอย่างเปิดเผย แต่ผู้เฒ่าของตระกูลจ้านก็ไม่โต้ตอบใดๆ สิ่งนี้บ่งชี้ว่าตระกูลจ้านไม่ต้องการที่จะคืนดีหรือต้องการเกี่ยวข้องกับตระกูลซางแบบดองกันผ่านการแต่งงานคุณนายซางรู้สึกว่าการได้เจอหลานสาวของเธอเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และไม่ต้องการให้ทัศนคติของตระกูลจ้านมาบั่นทอนอารมณ์ดีของเธอซางเสี่ยวเฟยรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ แต่เธอไม่ได้แสดงมันออกมาบนใบหน้า จึงยิ้มและพูดว่า "พี่สะใภ้ คุณไม่ต้องสนใจความคิดของฉันหรอก แม่ต่างหากที่
ไห่ถงยิ้มและพูดว่า "เขามักจะส่งข้อความหาฉันเสมอเมื่อเขามีเวลา แต่เขาติดต่อฉันทุกวัน ตอนนี้พวกเราสนิทกันมากขึ้นแล้วค่ะ"ความขัดแย้งระหว่างเธอกับจ้านหยินถูกปิดไม่ให้แม้แต่พี่สาวรู้ ไม่ต้องพูดถึงการบอกให้ครอบครัวของป้าเธอรู้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้พวกเขากังวล“ความสัมพันธ์ควรจะค่อยๆ พัฒนาและก้าวหน้า พวกเธอแต่งงานมาได้สองหรือสามเดือนแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ความรู้สึกของคุณจะเติบโตขึ้น”ซางเสี่ยวเฟยโน้มตัวเข้ามาใกล้ ซุบซิบด้วยเสียงเบาๆ “มีความคืบหน้าระหว่างซูหนานกับเสี่ยวจวินไหม? ตอนนี้ฉันอยากรู้เกี่ยวกับการนินทาของพวกเขามากที่สุด”ซูหนานคือคนที่จ้านหยินไว้ใจมากที่สุดมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงด้านการรวบรวมข่าวกรองน่าแปลกที่เขาถูกให้ไปนัดบอดกับเซินเสี่ยวจวินซางเสี่ยวเฟยคิดกับตัวเองว่าถ้าเธอขายข่าวนี้ให้กับหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ เธอก็สามารถทำเงินได้แน่นอนว่าเธอไม่ได้ขาดเงิน และเมื่อได้เป็นเพื่อนกับ เซินเสี่ยวจวินแล้ว เธอจะไม่ทรยศต่ออีกฝ่ายก่อนที่ซูหนานจะบอกให้โลกรับรู้ ซางเสี่ยวเฟยจะเก็บความลับไว้สำหรับคนทั้งสอง เพื่อไม่ให้นักข่าวมาล้อมเซินเสี่ยวจวินและทำให้เเธอรู้สึกไม่สบายใจหล
หลานจิงดูอยากรู้อยากเห็นมากและถามไห่ถงไห่ถงหันหน้ามาแล้วพูด: "โชคดีที่พี่ฉันไม่ได้ออกมาด้วย ตอนนี้เลยไม่เป็นไร พี่ฉันกับโจวหงหลินหย่ากันแล้ว เป็นเพราะไอ้สวะโจวนั่นทะเลาะกับพี่อยู่เสมอ และฉันรู้ว่ามันเป็นเพราะฉัน ดังนั้นฉันจึงรีบแต่งงาน”เธออธิบายเหตุผลในการแต่งงานอย่างรวดเร็วของเธอกับหลานจิงหลานจิงพยักหน้า “เป็นแบบนี้เอง คุณช่วยยายของสามีคุณ และเธอก็ชอบคุณมาก คงจะต้องขอบคุณที่เธอพาคุณสองคนมาพบกัน”แม้ว่าเธอแทบจะไม่ได้เคยเจอกับหญิงชราตระกูลจ้าน แต่เธอก็ได้ยินจากสามีขว่าหญิงชรานั้นเป็นผู้หญิงที่ง่ายๆ สบายๆ และไม่โอ้อวดชอบเที่ยวเล่นไปรอบๆ และมักจะปิดบังตัวตนของเธอไว้ เหมือนเด็กที่ชอบเล่นซุกซนมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ หลานจิงไม่สามารถเข้าใจได้คุณยายจ้านผู้น่าเกรงขาม เธอต้องการให้ไห่ถงช่วยเธอ รู้สึกเหมือนเป็นหลุมพรางเสียมากกว่าไห่ถงแน่ใจว่าเธอไม่ได้ถูกหมายตาโดยหญิงชราตั้งแต่เนิ่นๆ และจงใจหลอกให้เธอเป็นภรรยาของจ้านหยิน?“ สามีของคุณทำงานที่จ้านซื่อกรุ๊ปหรือเปล่า?”“ใช่”“สามีของคุณแซ่จ้านด้วยเหรอ?”ไห่ถงหันหน้าไปมองหลานจิงแล้วยิ้ม "พี่สะใภ้ คุณคิดว่าสามีของฉันเป็นนายน้อยข
หลานจิงพาไห่ถงเดินดูไปรอบๆ คฤหาสน์ จากนั้นก็ขอตัว แล้วบอกว่าเธอต้องกลับเข้าไปงีบข้างใน“พี่สะใภ้ไปพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันจะนั่งอยู่ที่นี่ เพื่อชมนกชมไม้หน่อย”ไห่ถงไม่ต้องการกลับเข้าไปข้างใน เมื่อเทียบกับการตกแต่งภายในที่หรูหรา เธอชอบวิวตรงลานบ้านมากกว่าก่อนหน้านี้เธอสังเกตเห็นแปลงผักเล็กๆ หลายแปลงข้างกำแพง และเธอเดาว่าป้าเธอคงจะปลูกผักเหล่านั้นด้วยตัวเองเป็นเรื่องจริงที่ตอนนี้คุณนายซางเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวย แต่เธอเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและเคยยากจนมาก่อน ตอนนี้เกษียณแล้วและไม่ได้บริหารบริษัทอีกต่อไป เป็นเรื่องปกติที่เธอจะปลูกผัก“เธอหนาวไหม? ถ้าหนาว ฉันจะให้คนเอาเสื้อคลุมของฉันมาให้”ไห่ถงและพี่เธอไม่ได้นำเสื้อผ้าติดตัวมาด้วย เพราะพวกเขาคิดว่าแค่จะมาทานอาหารและพูดคุยกันแบบสบายๆ ก่อนกลับบ้านไม่คาดคิดคุณนายซางต้องการให้พวกเธอค้างอยู่สองสามวัน และเธอจะต้องกลับไปในตอนเย็นเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้ แต่ฉันยังไม่หนาว”หลานจิงยิ้ม "งั้นเธอรอที่นี่นะ ฉันจะกลับเข้าไปข้างในเพื่อหลับสักหน่อยเพราะชินแล้วน่ะ ฉันจะหมดแรงหากไม่ได้พักผ่อนในเวลานี้"ไห่ถงทำสีหน้าเข้าใจกิจวั
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก"โอเค"จ้านหยินรู้สึกโล่งใจ“คุณเป็นหวัด ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ และไปหาหมอหลังเลิกงาน เอางี้ไหม ทำไมไม่ไปตอนนี้ล่ะ อย่าผัดวันประกันพรุ่งก่อนที่จะเป็นหนักกว่านี้ มีไข้หรือเปล่า?”จ้านหยินยกมือขึ้นแล้วแตะหน้าผากซึ่งค่อนข้างร้อน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนี้เขารู้สึกรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้บอกความจริงกับไห่ถง “ฉันไม่มีไข้ อุณหภูมิปกติ ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี ฉันจะไปร้านขายยาเพื่อซื้อยาแก้หวัดทีหลัง คุณอยู่ที่บ้านป้าของคุณเป็นยังไงบ้าง?”“ลุงและพวกลูกพี่ลูกน้องปฏิบัติต่อคุณอย่างดีหรือเปล่า?”“ฉันเห็นหน้าและริมฝีปากของคุณแดงนิดหน่อย จ้านหยิน คุณแน่ใจเหรอว่าคุณไม่มีไข้?”ไห่ถงเป็นคนช่างสังเกตมาก“ลุงและลูกพี่ลูกน้องของฉันเยี่ยมมาก เสี่ยวเฟยกับฉันก็เข้ากันได้ทันที จ้านหยิน มันน่าทึ่งมากที่สายสัมพันธ์ทางสายเลือดมันทำงาน เสี่ยวเฟยกับฉันไม่เคยพบกันหรือรู้มาก่อนว่ามีกันและกัน แต่พวกเราเข้ากันได้ดีในการพบกันครั้งแรก”จ้านหยินยิ้ม "ฝากทักทายป้าของคุณด้วย ตอนนี้ฉันไม่สามารถไปเยี่ยมเธอได้ แต่ฉันจะไปกับคุณในช่วงวันหยุดตรุษจีนเพื่อพบเธอ"เขาวางแผนที่จะซื่อสัตย์กับไห่