ตอนนี้สองพี่น้องล้วนมีความสามารถแล้ว ได้กลับมายึดทรัพย์สินของพ่อแม่คืนป้าอาหยูก็ยกมือทั้งสองข้างเห็นด้วย“นั่นซิ ตอนนั้นชัดเจนว่าพวกคุณพูดแบบนั้น บอกว่าตอนอยู่ไม่ต้องเลี้ยงดู ตอนตายไม่ต้องฝัง พวกคุณไม่ได้เลี้ยงดูไห่หลิงสองพี่น้อง แต่ยังต้องการเงินของพวกเธอ? ลูกชายและหลานชายของคุณพวกนั้น ได้รับประโยชน์มากมายขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ขอเงินจากพวกเขา?”“ครอบครัวใหญ่เกิดเหตุน่าสลดแล้ว รังแกลูกสาวกำพร้า พวกคุณทำเกินไปแล้ว คุณต่างหากที่ควรโดนฟ้าผ่า อายุตั้งมากแล้ว จะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี? ไม่กลัวว่าตายแล้วจะต้องลงขุมสิบแปดนรกหรือ ชั่วชีวิตไม่ได้สงบสุข”คนในหมู่บ้าน แม้จะคิดว่าลูกสาวที่แต่งแล้วออกไปไม่ควรกลับมาแย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัว แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าย่าไห่พวกเขาทำเกินไป อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกเข้ามา"ครอบครัวของพวกเขาเป็นคนไร้ยางอายอยู่แล้ว แต่ละคนร่ำรวยขนาดนั้น อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ขับรถหรู เงินเดือนประจําปีของไห่จื้อเหวินเป็นล้าน ตอนป้าคนที่สองป่วย ไม่อยากจ่ายเงินแม้แต่คนเดียว อยากให้สองพี่น้องไห่หลิงเป็นคนจ่ายเงิน""มีผลประโยชน์ ก็รู้จักแต่ยึดครอง พอมีเรื่องก็ให้สองพี่น้องคนแบกรั
คุณนายซางพูดต่อว่า “วันนี้ฉันมาที่นี่ ไม่ได้อยากโต้เถียงกับพวกคุณ ฉันแค่อยากจะพาหลานสาวสองคนของฉันกลับมาดู ฉันเองก็อยากเห็นที่ที่น้องสาวของฉันเคยอาศัยอยู่มาก่อน ฉันจะบอกพวกคุณไว้นะ ถ้าคุณย้ายออกไปโดยสมัครใจ ปัญหาต่างๆ ก็จะลดลงได้ ถ้ายังยืนกรานไม่ย้ายออกไป พวกเราจะฟ้องร้องพวกคุณและยึดบ้าน""สู้คดีในชั้นศาล ก็ต้องเอาบ้านกลับมา ถึงตอนนั้นศาลจะตัดสินอย่างไรก็แล้วแต่ ของของหลานสาวสองคนของฉัน พวกคุณอย่าคิดจะยึดครอง ไม่ใช่ของหลานสาวฉัน พวกเขาก็ไม่อยากได้ของพวกคุณ"คนหมู่บ้านไห่เจียพวกคุณมองมาที่ฉัน ฉันดูคุณ ที่แท้พี่สาวแท้ๆ ของหงเจียฮุ่ยพบสองพี่น้องไห่ถงแล้วเมื่อรู้ว่าคุณนายซางเป็นป้าแท้ๆ ของไห่ถงและเป็นคนของตระกูลไห่ พวกเขาย่อมไม่พูดเรื่องนี้ในหมู่บ้านสําหรับตระกูลไห่ พี่สาวแท้ๆ ของหงเจียฮุ่ยจํานับญาติกับสองพี่น้องไห่ถง ถือเป็นสิ่งเลวร้ายและทำให้พวกเขาเสียเรื่อง ไห่จื้อเหวินตอนแรกไม่ใช่ว่าเป็นผู้บริหารของบริษัทย่อยของชางซื่อกรุ๊ปหรือ?ได้ยินว่าไห่จื้อเหวินตกงาน ก็เพราะไปล่วงเกินคุณหนูบริษัทพันล้าน จึงถูกไล่ออกจากบริษัท เสียเงินเดือนปีละล้านไปอีกทั้งหลังจากนั้น ไห่จื้อเหวินก็ยังหางาน
เรื่องเมื่อปีก่อนหลานคนเล็กของเธอเพราะไห่ถงไม่ยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ จึงพาพวกไปหยุดรถของไห่ถง ต้องการจะสั่งสอนไห่ถงซักหน่อย แต่กลับโดนไห่ถงตีจนร้องไห้ตะโกนเรียกพ่อแม่ สุดท้ายหลานคนเล็กของเธอยังต้องเข้าไปสถานีตํารวจและถูกควบคุมตัวเป็นเวลาสิบห้าวันแต่ไห่ถงกลับไม่เป็นอะไรเลยทั้งๆที่คนลงมือเป็นไห่ถงคนเหล่านั้นกลับบอกว่าไห่ถงนั้นมีเหตุผล บอกว่าไห่ถงแค่ป้องกันตัวเองหลังจากที่ย่าไห่ได้รู้ว่าหลานของเธอติดคุกและยังโดนไห่ถงเล่นงาน เธอก็รู้สึกปวดใจมาก จึงเกลียดไห่ถงอย่างมาก"แม่ รอพ่อกลับมาก่อนค่อยว่ากันเถอะ""ย่า อย่าวู่วาม อย่าวู่วามนะ"คนอื่น ๆ ก็เตือนย่าไห่พวกเขาล้วนไม่มีเหตุผลย่าไห่ชั่วร้ายและไม่มีเหตุผล เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนายน้อยจ้านที่มีอํานาจและคุณนายซางบุคคลระดับนั้น นั่นไม่มีประโยชน์เลยจริง ๆคุณนายซางก็พูดออกมาแล้วว่าจะฟ้องร้องย่าไห่อาจจะไม่รู้เรื่องกฎหมาย แต่พวกเขารู้ดีเมื่อฟ้องร้องคดีกันแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสชนะ สองสามีภรรยาย่าไห่จะได้มรดกส่วนหนึ่งที่เป็นของไห่หยู่ แต่ไม่สามารถยึดครองบ้านหลังนี้ได้อย่างสมบูรณ์ถ้าเกิดย่าไห่ลงมือ แล้วไห่ถงเอาเรื่องขึ้นมา ยังต
เมื่อย่าไห่เห็นลูกสะใภ้และหลานๆ ของเธอ ล้วนชักชวนไห่ถงไปนั่งที่บ้านอย่างแข็งขัน นอกจากนี้เธอยังก่อเรื่องมาตั้งนาน เธอไม่เพียงแต่ไม่ได้รับประโยชน์เท่านั้น แต่ยังถูกชาวบ้านหัวเราะเยาะอีกด้วยเธอทำหน้าดีขึ้นและพูดว่า “ไห่หลิง ไห่ถง ป้าสะใภ้ของพวกเธอพูดถูก พวกเรายังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้ามีเรื่องอะไร ก็เข้าไปนั่งคุยกันข้างในบ้านอย่างช้าๆ ก็ได้”"ย่าก็ไม่อยากโต้เถียงกับพวกเธอแล้ว รอเมื่อปู่ของเธอเขากลับมาค่อยว่ากัน อย่างไรก็ตาม บ้านของย่าก็คือบ้านของย่า"ไห่ถงยิ้มเย็นชา "ฉันก็ไม่อยากโต้เถียงกับย่า ไม่อยากทะเลาะกับพวกคุณ พวกเราไปเจอกันที่ศาลแล้วกัน"การฟ้องร้องคือการกําหนดส่วนแบ่งมรดกที่ถูกต้องที่สุด จากคําพูดของป้าใหญ่ บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินร่วมของพ่อแม่ของเธอหลังจากแต่งงาน ครึ่งหนึ่งเป็นทรัพย์สินของแม่ของเธอ อีกครึ่งหนึ่งถึงเป็นทรัพย์สินของพ่อเธอทรัพย์สินของพ่อของเธอแบ่งกันเท่าๆ กันระหว่างสองพี่น้องกับปู่ย่า บ้านของเธอมีพื้นที่ 100 ตารางเมตร โดยครึ่งหนึ่งเป็นของแม่เธอ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือแบ่งกันเท่าๆ กันระหว่างสองพี่น้องและผู้อาวุโสสองคน ซึ่งเท่ากับผู้อาวุโสทั้งสองสามารถแ
"ฟ้องศาล พวกเราไม่มีทางชนะ?"ย่าไห่พูดว่า “บ้านหลังนี้อาสามแกเป็นคนสร้าง และฉันเป็นแม่แท้ๆ ของเขา ฉันก็ไม่สามารถครอบครองได้เหรอ?”"สามารถครอบครองได้ แต่ย่าไม่ครอบครองมรดกได้ทั้งหมด เหมือนฉันเพิ่งบอกย่าไป ย่าสามารถได้รับส่วนแบ่งมรดกของอาสามได้แค่หนึ่งในสี่ และปู่เองก็ได้รับมรดกหนึ่งในสี่เช่นกัน"ไห่จือชินอธิบายเรื่องให้ย่าฟังอย่างอดทน เพราะเขาเกรงว่าเธอจะทะเลาะกับไห่ถงอีก"ฉันไม่สน ยังไงบ้านนี้ก็ของฉันกับปู่ของแก แน่นอนว่ามันเป็นของพวกเรา และพวกเราก็จะยกให้ใครก็ได้ที่ต้องการ ถ้าแพ้คดีแล้ว สามารถไล่ฉันออกจากบ้านได้ไหม?"ไห่จือชินทำให้ย่าตกใจ "ถ้าศาลออกหมายมาบังคับใช้ ก็จะไล่ปู่และย่าออกจากบ้านทันที และหากย่ายังก่อเรื่อง ก็ได้ไปกินข้าวแดงฟรีในคุกล่ะ ซึ่งเหมือนกับตอนที่ฉันถูกส่งไปกักตัวครั้งล่าสุด ย่า การเข้าไปข้างในน่ากลัวมาก เป็นการดีกว่าสำหรับที่พวกเราจะทำตามกฎหมายนะ"เขาถูกคุมขังเป็นเวลาสิบห้าวัน เมื่อมีประสบการณ์แล้ว ไห่จือชินไม่มีความกล้าที่จะให้ทำเรื่องน่าเกียจอีก"แต่พวกไห่ถงเป็นผู้หญิง ผู้หญิงจะเป็นทายาทได้ยังไง?""ตามกฎหมายมรดก ลูกสาวก็มีสิทธิได้รับมรดกเช่นกัน""นังตัวดี
เมื่อนึกถึงอดีต ไม่เพียงแต่สองพี่น้องไห่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณนายซางและลูกสาที่กำลังฟังเธอก็รู้สึกเศร้ามากเช่นกัน ดวงตาของคุณนายซางเริ่มแดงก่ำถ้าเธอได้พบน้องสาวเร็วกว่านี้ ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปก็ได้แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการจากไปของน้องสาวเธอได้ แต่เธอก็ยังสามารถปกป้องหลานสาวทั้งสองได้ไม่ต้องให้พวกเธอทนทุกข์กับความโหดร้ายของพวกเหล่าญาติๆ หลังจากที่สูญเสียพ่อแม่ไปอย่างกะทันหันอีก พวกเธอได้สัมผัสกับความอบอุ่น ความเย็นชา และความน่ากลัวของมนุษย์มาตั้งแต่ยังเด็ก"ถงถง"จ่านหยินกอดเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยความปวดใจและพูดว่า "ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว มันผ่านไปแล้วนะ"ก่อนตรุษจีน เขากับไห่ถงผ่านประสบการณ์ขึ้นการค้นหายอดฮิตบนอินเตอร์เน็ตไห่ถงได้โพสต์ไดอารี่ของพี่สาวลงอินเตอร์เน็ต เพื่อโต้แย้งข้อพิพาท จากนั้นความคิดเห็นของสาธารณชนก็เปลี่ยนไป เขาเองก็อ่านไดอารี่ที่พี่สาวเขียนไว้เช่นกัน เขากล้าอ่านเพียงครั้งเดียวและไม่กล้าอ่านซ้ำอีกดูครั้งเดียวก็ รู้สึกเจ็บปวดใจแทนภรรยาของเขาเขาไม่ใช่คนอ่อนไหวอะไร แต่หลังจากอ่านไดอารี่ของพี่สะใภ้แล้ว ดวงตาของเขาก็กลับมีน้ำตาคลอบางครั้ง สิ่งที่โหดร้า
ป้าสองของไห่ถงถามแม่สามีว่า “โฉนดที่ดิน แม่มีอยู่ในมือ? แม่ควรโอนหลังบ้านนี้ เป็นชื่อแม่ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ"หากเป็นบ้านเป็นของผู้เฒ่าทั้งสอง แม้ว่าบ้านนั้นจะสร้างโดยเจ้าสามกับภรรยา ก็ยังอาจกบอกได้ว่าเป็นบ้านที่เจ้าสามกับภรรยา ต้องการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้เฒ่าทั้งสองแบบนั้นสองพี่น้องไห่ก็เอาบ้านคืนไม่ได้แล้วย่าไห่พูดว่า "พวกเราหาทะเบียนบ้ากับโฉนดที่ดินพวกเขาไม่เจอ พ่อของแกกับฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ และสงสัยว่าโฉนดที่ดินจะไปมีประโยชน์อะไร เพราะตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในบ้านแล้ว ใครกล้าไล่พวกเราออกไปได้?""คงเป็นนังเด็กเลว 2 คนนั้น ที่ทะเบียนบ้านและกัยโฉนดที่ดินไป""ย่า พี่ไห่ถงออกมาแล้ว"เมื่อไห่จือชินเห็นจ้านหยินกับไห่ถงออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะทึ้งผมตัวเองเขากลัวญาติผู้พี่คนนี้มากๆ"ไห่จือชินมานี่"ไห่ถงเรียกไห่จือชินออกมาตรงๆเรียกเขา?หลังจากที่ตกตะลึงไปสักครู่ ไห่จือชินก็วิ่งเข้ามาหาอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงประจบประแจงว่า "พี่ไห่ถง มีอะไรเหรอ?""หลุดศพพ่อแม่ฉันอยู่ที่ไหน แกรู้ไหม?"ไห่จือชินตาโต และต้องการปฏิเสธ แต่ภายใต้สายตาของไห่ถงแ
ไห่หลิงคิดว่าความคิดของน้องสาวดี เธอจึงตกลง "โอเค ทำตามที่เธอว่าแล้วกัน"จ้านหยินมองดูเวลา แล้วค่อยๆ พูดออกมา “พี่ หยางหยาง เมื่อเข้าไปในตัวเมืองแล้ว ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ พวกเราผู้ใหญ่ไม่หิว แต่หยางหยางเป็นเด็กที่อดไม่ได้ และน่าจะหิวแล้ว"ไห่ถงมองดูเวลา โดยไม่รู้ตัวว่าใกล้จะเที่ยงแล้วเธอพูด "งั้นพวกเราไปกินข้าวกันก่อน ฉันก็ไม่ได้กินอาหารจากบ้านเกิดมานานแล้ว""กลับไปบ้านมา แล้วรีบไปเตรียมการฟ้องร้องทันที"ไห่ถงพูดกับพี่เธอไห่หลิงเห็นด้วยโดยไม่มีข้อโต้แย้งเมื่อตระหนักถึง ร้านของพี่ที่จะเปิดในวันมะรืนนี้และยุ่งมาก ไห่ถงจึงพูดอย่างจริงใจว่า "พี่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ร้านของพี่จะเปิดในวันมะรืนและต้องยุ่งมาก ฉันเปิดร้านกับเสี่ยวจวิน ดังนั้นฉันจึงให้เธอเฝ้าร้านได้ในขณะที่ฉันไปยื่นเรื่องฟ้องศาล""ถงถง รำบากเธอแล้ว "ไห่หลิงรู้สึกเหมือนเธอเป็นพี่สาว แต่ตอนนี้มีหลายอย่างที่ต้องให้น้องสาวจัดการ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ที่ไร้ประโยชน์"เพื่อจะได้บ้านพ่อแม่คืนมา เป็นสิ่งที่พวกเราต้องทำ ตอนนี้บอกว่ารำบากฉันแล้ว ถ้าบอกมาแบบนี้ พี่เห็นฉันเป็นคนนอกแล้วล่ะ"จ้านหยินจับมือไห่ทง และพูดเบาๆ