“ขอบคุณนะคะ แต่ไม่จำเป็น!”“ทำไมจะไม่จำเป็น ในเมื่อเด็กทั้งสองคนก็เป็นลูกผมเหมือนกัน” ไคล์ตัลรีบเดินตามมาที่รถ“คุณพูดเรื่องอะไรคะ” ใบหน้าสวยเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย พร้อมทั้งแสดงท่าทางไม่รู้เรื่องอะไรในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ก็เด็กสองคนนี้เป็นลูกผม” ไคล์ตัลยังคงยืนยันคำตอบเดิมด้วยความมั่นใจ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปตรวจอะไรที่โรงพยาบาลทั้งนั้น เพราะหน้าตาเด็กทั้งสองคนเหมือนเขาอย่างชัดเจน“ขอโทษนะคะ เด็กสองคนนี้เป็นลูกของฉันค่ะ” อมีนาไม่ยอมให้ใครมาแย่งลูกไปจากเธออย่างแน่นอนและถ้าหากว่าเขารักเธอจริงห้าปีที่แล้วเขาต้องดูแลปกป้องเธอให้ดีกว่านี้ ไม่ปล่อยให้เธอโดนทำร้ายจนต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปแบบนี้หรอกถึงแม้จะรักเขามากแค่ไหนแต่ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ทำให้เธอได้เรียนรู้และเข้มแข็งมากขึ้น ในชีวิตของเธอไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับลูกๆ อีกแล้ว“แต่ผมเป็น…” คุณชายมาเฟียพูดยังไม่ทันจบก็โดนอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาก่อนจนทำให้เขาต้องหยุดพูด“ขอโทษนะคะพอดีฉันมีงานต้องทำ ขอตัวก่อนนะคะ” อมีนารีบพาลูกๆ ขึ้นรถ แต่ก็โดนชายหนุ่มยืนขวางทางเอาไว้ไม่ยอมให้เธอไป“แต่ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย” ไคล์ตัลอยากจะคุยกับเธอให้รู
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาชีวิตที่ปกติสุขของอมีนาก็เริ่มวนกลับมาเจอเรื่องราวเดิมๆ อีกครั้ง เมื่อคุณชายมาเฟียมาปรากฏตัวที่บ้านของเธอในช่วงเวลาวันหยุด“ใครอะแก” สาวสวยนั่งรอเมนูที่เธออยู่หน้าก็หันไปเจอชายหนุ่มที่ทั้งหล่อทั้งดูจนใครๆ ต่างก็หันมอง“นั่นน่ะสิหล่อมากเลย” เพื่อนอีกคนก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย นานๆ จะเจอผู้ชายหล่อๆ ราวกับพระเอกในซีรีส์เสียงลูกค้าพูดคุยกันอยู่หน้าร้านในขณะที่อมีนากำลังชงน้ำให้ลูกค้าอยู่ แต่หูของเธอดันไปได้ยินบทสนทนาของลูกค้าพอดีตึกตัก! ตึกตัก!หัวใจดวงน้อยเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมานอกอกเมื่อเห็นชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวสีดำ ซึ่งดูแตกต่างจากเวลาที่เขาใส่ชุดทำงานเป็นอย่างมาก นานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นเขาแต่งตัวสบายๆ แบบนี้ถึงจะใส่เสื้อยืดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อและดูดีลดน้อยลง จะมีผู้ชายสักกี่คนที่แต่งตัวง่ายๆ สบายๆ แต่ยังหล่อได้แบบเขาอีก“รับน้ำอะไรคะ” อมีนาพยายามตั้งสติจะได้ไม่หลงไปกับความหล่อของเขาแล้วถามไปตามปกติตามแบบฉบับแม่ค้าขายน้ำปั่น“มีน้ำอะไรบ้างครับ” คุณชายมาเฟียถามขึ้นมาพร้อมกับมองเข้าไปภายในบ้านหลังเล็กเผื่อว่าจะเจอเด็กๆ เล่นอยู่ข้างใน“มีเมนูตา
หนึ่งเดือนต่อมาไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคุณชายก็ยังคงมาหาอมีนาที่บ้านทุกวันและทุกครั้งที่มาก็จะมีของเล่นเด็กติดไม้ติดมือมาด้วยทุกครั้งถึงแม้บางวันไคล์ตัลจะติดงานหรือว่ามีธุระด่วนทำให้เขาไม่ได้มาง้อเธอ เขาก็จะสั่งให้ลูกน้องซื้ออาหารดีๆ และของเล่นแพงๆ มาส่งที่บ้าน ซึ่งแน่นอนว่าคนขี้เกรงใจแบบอมีนาต้องรับเอาไว้อย่างแน่นอน เพราะเธอรู้ดีว่ามันเป็นหน้าที่ ถ้าเธอปฏิเสธไม่รับของคนที่มาส่งอาจจะเดือดร้อนก็ได้ สุดท้ายเธอก็ต้องจำใจยอมรับของเอาไว้ ถึงจะไม่เต็มใจรับเอาไว้ก็ตาม“มาส่งของครับ” พนักงานส่งของคนเดิมมายืนรอที่หน้าบ้าน“เอ่อ…” หญิงสาวแสดงท่าทางอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก เมื่อได้เห็นพนักงานส่งของคนเดิม“รับไว้เถอะครับ ถือว่าช่วยผม” พนักงานส่งของทำหน้าเศร้าขอร้องเพราะมันคือหน้าที่“เฮ้อ~ วันนี้มาส่งอะไรคะ?” เมื่อปฏิเสธไม่ได้หญิงสาวจึงเลือกที่จะถามกลับ“เยอะเหมือนเดิมครับ” พนักส่งของไม่รู้จะตอบยังไง เพราะของที่มาส่งนั้นเยอะแยะไปหมดมีแทบจะทุกอย่างตั้งแต่ของใช้ไปจนถึงของเล่น“ขอบคุณนะคะ” อมีนากล่าวขอบคุณตามมารยาทก่อนจะเปิดดูของที่อยู่ภายในกล่อง“วันนี้คุณน้าส่งอะไรมาให้คะ” มิราถามขึ้นมาด้วยความตื่น
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ ทำไมรอบนี้พ่อไปส่งน้ำนานจังเลย” อมีนาถามผู้เป็นพ่อขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ปกติพ่อไม่เคยออกไปส่งน้ำนานขนาดนี้“ไม่มีอะไรหรอกลูก” ประจักรตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ และเป็นการโกหกเพื่อความสบายใจ“ค่ะ งั้นมีนเก็บร้านก่อนนะคะ จะได้เข้าครัวไปทำอาหารเย็น” อมีนาก้มหน้าก้มตาล้างอุปกรณ์ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อถึงเวลาที่เธอจะต้องปิดร้านเพื่อที่จะไปทำอาหารเย็นต่อ“ไม่ต้องทำหรอกเดี๋ยววันนี้พ่อจะพามิรากับมาร์เวลไปเดินเล่นที่ตลาดแล้วจะซื้อกับข้าวมาด้วย”ประจักรชอบพาหลานๆ ไปเดินเล่นซื้อของด้วยกันเป็นประจำ โชคดีที่วันนี้มีตลาดนัดในวัดจึงถือโอกาสนี้พาหลานๆ ออกไปเดินเล่น ปล่อยให้อมีนาได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง“ตลาด…” อมีนาพูดทวนในสิ่งที่คุณพ่อพูดเสียงเบา เพราะเธอไม่ค่อยได้ออกไปไหนนอกจากไปส่งลูกที่โรงเรียนกับไปซื้อของเข้าร้าน“ตลาดที่วัดท้ายหมู่บ้านไง มีนจะได้มีเวลาเก็บของเช็คของที่จะต้องซื้อเพิ่มพรุ่งนี้” ประจักรพยายามเอาเหตุผลมาพูดจะได้ไม่ดูผิดปกติจนเกินไป“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” อมีนาตอบพร้อมรอยยิ้ม“มีใครจะไปตลาดไปตาบ้างไหมนะ” ประจักรเดินเข้าไปถามหลานๆ ที่กำลังเล่นของเล่นอยู่ภายในบ้าน“ไปครับ / ไปค่
หนึ่งเดือนต่อมาไคล์ตัลมาหาลูกและเล่นกับลูกแทบทุกวัน จนเด็กๆ เริ่มที่จะคุ้นเคยและสนิทกับคุณพ่อมากขึ้น เพราะคุณพ่อซื้อของเล่นมาให้ไม่ว่าลูกๆ อยากจะได้อะไรก็หามาให้ตลอด แบบนี้จะไม่ให้ลูกๆ ติดคุณพ่อได้ยังไงส่วนคุณแม่คนสวยก็เริ่มที่จะใจอ่อนแล้ว ยิ่งเห็นลูกมีความสุขเธอก็รู้สึกมีความสุขตามลูกๆ ไปด้วยตามประสาคนเป็นแม่“คุณแม่ครับ” มาร์เวลเดินมาหาคุณแม่ที่หน้าบ้านด้วยความสงสัยแต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยถามอะไร“ครับ” เมื่อได้ยินเสียงลูกอมีนาก็ละสายตาจากทุกอย่างแล้วหันไปโฟกัสที่ลูกทันที ไม่ว่าเธอจะทำอะไรลูกก็ต้องมาก่อนทุกอย่างเสมอ“วันนี้คุณพ่อจะมาไหมครับ” มาร์เวลนั่งรอคุณพ่อมาตั้งแต่เช้าแต่ก็ยังไม่เห็นว่าคุณพ่อจะมาหาจึงเดินมาถามคุณแม่เผื่อจะได้คำตอบ“แล้วเมื่อคืนคุณพ่อบอกมาร์เวลว่ายังไงครับ” คุณแม่คนสวยถามลูกชายขึ้นมา เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ไคล์ตัลจะมาหรือเปล่า“คุณพ่อบอกว่าจะมาครับ” มาร์เวลตอบเสียงเศร้า เมื่อตื่นมานั่งรอคุณพ่อตั้งแต่เช้าแต่ก็ยังไม่เห็นมา“วันนี้วันหยุดอีกหน่อยคุณพ่อก็น่าจะมาแล้วครับ” คุณแม่คนสวยตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้มบางๆ“มิราก็รอคุณพ่อนานแล้วเหมือนกันค่ะ” มิราบ่นขึ้นมาอีก
ใช้เวลาเดินทางเกือบสามชั่วโมงรถยนต์คันหรูก็มาจอดหน้าบ้านพักหลังใหญ่ติดทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวอยู่ห่างจากผู้คน เพราะเป็นบ้านพักตากอากาศที่คุณชายมาเฟียซื้อเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน“บ้านหลังใหญ่สวยมากเลยครับ” มาร์เวลที่ตื่นขึ้นมาเห็นถึงกับร้องทักด้วยความตื่นเต้น“สวยมากเลยค่ะ” ตามด้วยเสียงของมิราที่ยิ้มร่าดีใจไม่ต่างกัน“เข้าไปดูในบ้านก่อนดีกว่าครับ บ้านติดทะเลด้วยนะ” ไคล์ตัลรีบชวนเด็กๆ เข้าไปภายในบ้านทันที“คุณแม่เข้าไปดูในบ้านกันค่ะ” มิราหันไปชวนคุณแม่พร้อมรอยยิ้ม“แม่ขอไปเอากระเป๋าก่อนนะคะ” อมีนาบอกก่อนจะเดินลงจากรถพร้อมกับรอจับมือลูกๆ ที่กำลังจะลงจากรถตามมา“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวให้แม่บ้านมายกไปเก็บให้” ไคล์ตัลบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะที่นี่มีแม่บ้านคอยดูแลอยู่ตลอด“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบเป็นเชิงเข้าใจ บางทีเธอก็คุ้นชินกับการทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยตัวเองจนลืมไปว่าไคล์ตัลเป็นคนรวยใช้ชีวิตแบบสุขสบายเวลาเธออยู่ด้วยก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ“ไปกันครับ”มาร์เวลกับมิราจับมือคุณแม่วิ่งเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นเต้นตามประสาเด็กที่ไม่เคยมาเที่ยวและไม่เคยได้อยู่บ้านหลังใหญ่แบ
เช้าวันต่อมาตับ! ตับ! ตับ!บทรักอันเร่าร้อนดำเนินมาจนถึงตอนเช้า ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะห้ามหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าคุณชายมาเฟียจะยอมหยุด จนกระทั่ง…ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พอได้แล้วค่ะ มีคนมาเคาะประตูแล้ว” อมีนาท้วงขึ้นหลังจากที่เธอนอนหลับไปได้ไม่นาน พอตื่นมาก็เห็นว่าเขายังคงสอบสะโพกหนาไม่ยอมหยุด“ใกล้เสร็จแล้ว” ใบหน้าหล่อเหยเกขึ้นด้วยความทรมาน เผยให้เห็นเส้นเลือดปูดนูนที่ลำคออย่างชัดเจน ยิ่งได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ ไคล์ตัลก็ยิ่งต้องเร่งให้ร่างกายปลดปล่อยเร็วๆ“คุณแม่ตื่นหรือยังครับ” เสียงสดใสดังขึ้นมาจากหน้าประตู“ลูกตื่นกันแล้วค่ะ” อมีนาตาโตด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าลูกๆ มายืนรอที่หน้าห้องกันแล้วตับ! ตับ! ตับ!มือหนาจับเอวบางเอาไว้แน่น พร้อมกับอัดกระแทกเน้นๆ จนกว่าเขาจะรู้สึกพอใจและได้ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง“อ่า” ร่างกายกำยำคำรามออกมาอีกครั้ง ก่อนจะฟุบตัวนอนลงข้างๆ และปล่อยร่างกายหญิงสาวให้เป็นอิสระมือบางคว้าชุดคลุมมาใส่ก่อนจะจัดการทรงผมและชุดที่ใส่ให้เข้าที่ก่อนจะเปิดประตูออกไปหาลูกๆ ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง โดยความรู้สึกแรกในตอนที่เท้าแตะพื้นคือความเจ็บแสบตรงกลางหว่างขา แต่เธอก็ต้องฝืนและ
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จอมีนาก็พาลูกๆ ไปเล่นที่ชายหาดตามที่พูดคุยกันเอาไว้ก่อนหน้าใบหน้าสวยมองลูกๆ ทั้งสองพร้อมรอยยิ้ม เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่ได้พาลูกออกมาเที่ยวจะทำให้ลูกมีความสุขได้มากขนาดนี้แบบนี้สินะที่คนอื่นบอกว่าให้พาลูกออกไปเรียนรู้และท่องเที่ยวจะทำให้เด็กๆ ได้เปิดประสบการณ์และได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากขึ้น เพราะช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้มากที่สุด“มาร์เวลชอบทะเลมากเลยครับ” ในขณะที่นั่งเล่นทรายด้วยกัน อยู่ๆ มาร์เวลก็พูดขึ้นมา“มิราก็ชอบมากค่ะ ชอบบ้านหลังใหญ่ด้วย” ตามด้วยเสียงของมิรา“บ้านหลังใหญ่นอนสบายไหมคะ” อมีนาถามเด็กๆ เพราะเมื่อคืนส่งเด็กๆ เข้าห้องนอนเสร็จเธอก็กลับเข้าห้องนอนตัวเอง“สบายค่ะ” มิราตอบพร้อมรอยยิ้มแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ของเล่นและทรายที่อยู่ตรงหน้า“เตียงนุ่มมาก มาร์เวลอยากจะนอนที่นี่ต่อครับ” มาร์เวลดูมีความสุขมากกว่าทุกครั้ง สงสัยว่าจะชอบที่นี่แล้วจริงๆ“แต่วันนี้เราต้องกลับกันแล้วนะคะ พรุ่งนี้ลูกต้องไปโรงเรียนกันแล้ว” อมีนาไม่อยากจะให้ลูกๆ ขาดเรียน เพราะยังไม่ใช่เรื่องจำเป็นและกลัวว่าลูกจะเรียนไม่ทันเพื่อน“ไม่ไปโรงเรียนสักวันไม่ได้
อมีนานั่งเงียบอยู่สักพักเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางทีเธอก็มีส่วนผิดที่แกล้งพูดให้เขาอยากรู้ จนเขาต้องรีบขับรถมาหาเธอแบบนี้และในครั้งนี้เธอก็มีส่วนผิดไปด้วย จะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้“มีนมีเรื่องอะไรจะบอกพี่เหรอครับ”หลังจากที่นั่งเงียบและรอให้หญิงสาวใจเย็นลงสักพัก เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งเพื่อว่าเธอจะยอมบอกหญิงสาวไม่ตอบอะไรมีเพียงความเงียบที่เป็นสิ่งปกคลุมบรรยากาศภายในห้อง ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินไปหยิบอะไรบางอย่างออกมา“มีนมีของจะให้ค่ะ”มือบางยื่นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีน้ำเงิน ภายนอกดูเรียบหรูแต่ขนาดกล่องกลับเล็กจนน่าแปลกใจใบหน้าหล่อมองกล่องที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัยและแปลกใจในเวลาเดียวกัน แต่ภายในใจเขาก็คิดไปด้วยว่าอะไรจะอยู่ในกล่อง“เปิดดูสิคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม เธอนั่งมองชายหนุ่มที่กำลังแกะกล่องของขวัญอย่างตั้งใจ“มีนท้องใช่ไหม”ทันทีที่แกะออกและได้เห็นแท่งเล็กๆ ที่อยู่ด้านในไคล์ตัลก็เดาได้ทันทีว่าต้องใช่อย่างที่เขาคิดเอาไว้อย่างแน่นอน“ค่ะ พี่ไม่ตื่นเต้นเหรอคะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบก่อนจะถามกลับด้วยความแปลกใจ“ไม่ตื่นเต้น แต่พี่
เช้าวันต่อมาเป็นอีกวันที่อมีนาตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย มีเพียงกระดาษโน้ตใบเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอนมือบางยื่นไปหยิบกระดาษมาอ่าน เพราะคิดว่าคงจะเป็นข้อความจากชายหนุ่มที่เขียนฝากไว้ให้เธออย่างแน่นอน‘วันนี้พี่มีงานด่วน แล้วจะรีบกลับมาหานะครับ’ทันทีที่อ่านจบใบหน้าสวยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาเคยบอกเธอเอาไว้ว่าถ้าหากเขามีงานด่วนเขาจะเขียนข้อความเอาไว้จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลานอนพักผ่อนของเธอหญิงสาวเก็บกระดาษไว้ในลิ้นชักก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะลงไปเล่นกับไมเนอร์ลูกชายคนเล็กลงมาเล่นกับไมเนอร์ได้สักพักอมีนาก็ขอตัวออกมาซื้อของข้างนอก โดยที่มีคนขับรถพาออกมาเช่นเคย เพราะเป็นคำสั่งของคุณชายที่สั่งเอาไว้ว่าห้ามให้เธอออกไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด“ให้ผมลงไปซื้อให้ไหมครับ” คนขับรถเอ่ยถามเหมือนกับทุกครั้งตามหน้าที่ เพราะข้างนอกอากาศค่อนข้างร้อนมาก“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธก่อนจะเดินลงจากรถและตรงไปยังร้านขายยาที่อยู่ไม่ไกล“ซื้อที่ตรวจครรภ์หน่อยค่ะ” อมีนาเอ่ยบอกสิ่งที่เธอต้องการอย่างไม่ลังเล“ค่ะ”เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็หยิบของใส่ในกระเป๋าส
ห้าวันต่อมาและแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนจะต้องเดินทางกลับ หลังจากที่การเดินทางถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะเด็กๆ ติดใจอยากอยู่ต่อ งอแงไม่ยอมกลับ แต่อมีนาก็พูดคุยกับลูกๆ ให้เข้าใจ จนในที่สุดเด็กๆ ก็ยอมกลับแต่โดยดีคฤหาสน์หลังใหญ่กำลังวุ่นวายและทำอาหารรอต้อนรับเจ้าของบ้านหลังจากที่ไปเที่ยวกันนานหลายวัน ก่อนจะเดินทางกลับคุณหญิงได้โทรบอกแม่บ้านจัดเตรียมอาหารไทยเอาไว้ทั้งคาวและหวาน เพราะรู้ดีว่าทุกคนนั้นคิดถึงอาหารไทยมากแค่ไหนเดินทางมาถึงบ้านในช่วงบ่ายเด็กๆ ก็นอนหลับสบายมาตลอดทาง แต่ทว่าหน้าที่ของคนเห็นแม่เมื่อมาถึงบ้านก็ต้องเก็บของออกจากกระเป๋าให้เรียบร้อย“ทำอะไรอยู่ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอน“มีนเก็บของอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขที่ได้ทำเพื่อลูกๆ และสามี“เหนื่อยไหมครับ พักก่อนก็ได้นะ” ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง เพราะสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เธอไม่จำเป็นต้องทำเองด้วยซ้ำ แค่เรียกแม่บ้านมาทำให้ก็จบแล้ว“นิดหน่อยค่ะ”“หิวไหมครับ”หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบช่วงนี้เธอกินข้าวไม่ค่อยอร่อย ส่วนใหญ่จะเน้นของทานเล่นมากกว่าอาหาร“วัน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาการเดินทางไปทำงานต่างประเทศไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับไคล์ตัลอีกต่อไป เพราะการทำงานเป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย แต่การได้พาลูกๆ และคนในครอบครัวเที่ยวนั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าทำงานเพียงไม่กี่วันแต่อยู่เที่ยวต่อเกือบหนึ่งอาทิตย์ นานๆ จะได้พาลูกมาเที่ยวก็ต้องอยู่เที่ยวนานๆ ให้คุ้มค่ามากที่สุด“สนุกไหมครับ” ไคล์ตัลหันไปถามลูกๆ ที่เดินตามหลัง หลังจากที่พาไปเที่ยวสวนสนุกที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก“สนุกครับ” มาร์เวลตอบเสียงดัง“สนุกมากเลยค่ะ” ตามด้วยเสียงของมิราที่ยิ้มกว้างมาแต่ไกล“วันนี้เที่ยวสวนสนุกมาทั้เรางวันแล้ว เรากลับบ้านพักกันก่อนดีกว่านะคะ”“ค่ะ รอไมเนอร์โตก่อนแล้วเราค่อยพาไมเนอร์มาเที่ยวสวนสนุกกันอีกนะคะ” มิราสนุกจนอยากจะมาเที่ยวอีกครั้ง แต่ก็ติดตรงที่ว่าอยู่ไกล คงต้องรอน้องโตก่อนค่อยมาเที่ยวด้วยกันคงจะสนุกมากแน่ๆ“ได้ครับ ไว้พ่อจะพามาอีกนะ” ไคล์ตัลตอบลูกสาว“ถ้าคุณพ่อไปทำงานต่างประเทศแบบนี้อีกชวนมิรากับมาร์เวลไปเป็นเพื่อนได้นะครับ” มาร์เวลรีบเสนอตัวเองกับน้องสาวขึ้นมาทันที วันนี้อากาศหนาวหิมะตก ไมเนอร์ยังเด็กก็เลยต้องรอพี่ๆ อยู่ที่บ้านพัก“ได้ครับ” ไคล์ตัลหัวเร
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ชายหนุ่มไม่ไปทำงานอยู่นานหลายเดือน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปทำงานอย่างหนักหน่วงกันแล้ว เนื่องจากบริษัทเติบโตไปในทางที่ดีมากขึ้นและมีคู่ค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ไคล์ตัลก็เลยต้องได้ออกงานและเดินทางไปพบปะและพูดคุยกับคู่ค้าใหม่ๆ อยู่บ่อยครั้ง“เลิกงานแล้วเหรอคะ” อมีนาเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ“วันนี้งานเยอะเหรอคะหรือว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” อมีนายังคงถามต่อเพราะสีหน้าและท่าทางของไคล์ตัลยังคงแสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนกับว่าเขากำลังมีปัญหาอะไรบางอย่าง“เปล่าครับ” ไคล์ตัลปฏิเสธ“แล้วทำไมถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้ด้วยคะ” หญิงสาวยื่นแก้วน้ำดื่มเย็นๆ มาให้ชายหนุ่มได้ดื่ม เพื่อจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง“พอดีมีงานที่ต่างประเทศที่พี่จะต้องไปเคลียร์ แต่พี่ไม่อยากไป” ร่างหน้าดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนจะตอบหญิงสาว“ทำไมถึงไม่อยากไปล่ะคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเรื่องงานเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร“ถ้าไปก็ต้องไปหลายวัน พี่ไม่อยากห่างลูก” ไคล์ตัลตอบเสียงเบาตั้งแต่มี
เช้าวันต่อมาหลังจากกิจกรรมปั้มลูกคนสุดท้ายจบลงอมีนาก็หมดแรงและนอนหลับสบายจนลืมเวลาตื่น จนกระทั่งได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งเอาไว้ในเวลาเก้าโมงเช้ามือบางยื่นไปหยิบโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังรบกวนโดยที่เธอเองก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว“พี่ไคล์ตัล” หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มในขณะที่เธอนอนหลับตาอยู่และไม่รู้เลยว่าภายในห้องมีใครอยู่หรือเปล่า แต่ปกติในห้องนอนตอนเช้าก็มีแค่เธอกับเขาที่นอนด้วยกันทว่าในห้องกลับเงียบไร้เสียงตอบรับใดๆ อมีนาจึงลุกขึ้นนั่งและมองสำรวจรอบๆ ห้องนอนแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่ในห้อง“หายไปไหนนะ” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ทำไมวันนี้เธอถึงได้นอนตื่นสายขนาดนี้นะ“สงสัยจะไปทำงานแล้วแน่เลย”อมีนาคิดไปในทางที่ดีเพราะเมื่อวานได้ยินชายหนุ่มบ่นว่าจะต้องไปทำงาน เธอรีบลุกจากเตียงนอนแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัวทันทีเมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอมีนาก็ลงมาหาลูกที่ห้องนั่งเล่น เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ไมเนอร์นั่งกำลังเล่นอยู่กับพี่เลี้ยง ส่วนมิราก
หนึ่งปีต่อมาบ้านหลังใหญ่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ มีลูกๆ หลานๆ คอยเติมเต็มความสุขให้กันในครอบครัว“ไมเนอร์นอนหรือยังครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังกล่อมลูกนอนอยู่ แต่เอขก็ไม่มั่นใจว่าลูกหลับหรือยังเพราะมองไม่ค่อยถนัดชู่ววว~อมีนาส่งสัญญาณเพื่อให้อีกฝ่ายเงียบก่อน เพราะลูกกำลังจะเคลิ้มหลับถ้าหากมีเสียงดังรบกวนลูกอาจจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้คุณแม่คนสวยกล่อมลูกน้อยนอนจนหลับสนิทก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปหาชายหนุ่มที่ออกไปรออยู่ด้านนอกโชคดีที่อมีนาฝึกไมเนอร์ให้นอนและตื่นเป็นเวลา เธอพาลูกเข้านอนตอนสองทุ่ม ไมเนอร์ก็นอนยาวจนถึงเช้าได้อย่างสบาย ไม่ตื่นมางอแงกลางดึก“มีอะไรคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนรออยู่“พี่มีของจะให้” มือหนาจูงมือหญิงสาวเข้าห้องนอนตัวเองทันทีใบหน้าสวยขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยและแปลกใจในการกระทำของชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรและยอมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย“ชุดอะไรคะ”เมื่อเปิดดูของที่อยู่ในถุงแบรนด์เนมอมีนาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันที ซึ่งเป็นชุดที่ดูไม่เหมือนชุดเลยสักนิด เนื้อผ้าก็บางโปร่งเวลาที่ใส่ก็คงจะเหมือนกับไม่ได้ใส่ เพราะถ้าใส
สองวันต่อมา“เก็บของเสร็จหรือยังลูก” คุณหญิงเดินเข้ามาถามเมื่อวันนี้อมีนาจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว“เสร็จแล้วครับ กำลังรอมีนเปลี่ยนชุดอยู่ครับ” ไตล์ตัลตอบคุณแม่ ไม่นานอมีนาก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเดรสยาวคลุมเข่า“งั้นแม่ลงไปรอข้างล่างนะ จะไปจ่ายค่าโรงพยาบาลให้” คุณหญิงบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินออกไป“คุณแม่ท่านใจดีกับมีนมากเลยนะคะ” อมีนาอดที่จะท้วงขึ้นมาไม่ได้และรู้สึกเกรงใจที่คุณหญิงทำทุกอย่างให้เธอขนาดนี้“ก็คุณแม่รักและเอ็นดูมีนไง” ไคล์ตัลกอดหญิงสาวแล้วช่วยพยุงเธอเดินมายังรถเข็นเนื่องจากแผลผ่าคลอดยังไม่ค่อยหายดีเท่าไหร่และอมีนาก็ยังรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ อยู่บ้าง เจ้าหน้าที่จึงมาช่วยเข็นรถให้เธอนั่ง“มีน…” เสียงใครบางคนเรียกอมีนาขึ้นมาในระหว่างที่มายืนรออยู่ที่หน้าห้องกุมารเวชกรรม“เพียงดาว” อมีนายิ้มกว้างออกมาเมื่อได้เห็นเพื่อนรักอย่างเพียงดาวหลังจากที่ไม่ได้เจอและไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปี“สวัสดีค่ะคุณชาย” เพียงดาวยกมือขึ้นไหว้อดีตเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อนรัก“มาทำอะไรเหรอ” อมีนาถามเพื่อนรักด้วยความสงสัยเพราะตรงนี้เป็นตึกเด็กและเธอก็มายืนรอรับลูกชายกลับบ้าน“พาหลานมาหาหมอน่ะ
วันต่อมาหลังจากที่เมื่อวานทุกคนได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่ก็ดีใจและตื่นเต้นกันใหญ่ ทำเอามิรากับมาร์เวลไม่อยากกลับบ้าน เพราะอยากจะเล่นกับน้องมากกว่า แต่ทุกคนก็ช่วยกันพูดให้เด็กๆ เข้าใจจนยอมกลับบ้านกันได้“ทำไมใส่ชุดนี้กันล่ะ” คุณตาถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเด็กๆ ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนทั้งๆ ที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด“มาร์เวลจะไปหาน้องครับ” มาร์เวลตอบขึ้นมาก่อนใคร“แต่วันนี้ต้องไปโรงเรียนนะครับ” คุณตาพยายามพูดด้วยเหตุผล“ไม่ไปครับ มาร์เวลอยากไปหาน้อง” มาร์เวลยังคงยืนยันคำตอบเดิม“มิราก็อยากไปหาน้องค่ะ” ตามมาด้วยเสียงของมิรา“งั้นเราไปหาน้องกันนะ ย่าไลน์บอกคุณครูให้แล้วว่าวันนี้มิรากับมาร์เวลไม่ไปโรงเรียน” คุณย่าพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี สรุปว่าวันนี้ทุกคนจะต้องไปที่โรงพยาบาลกันหมด“เย้ๆ ไปหาน้องกันครับ” มาร์เวลกับมิรากระโดดดีใจกันยกใหญ่ที่จะได้ไปหาน้องคุณตาได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับท่าทางของคุณย่ากับหลานๆ ที่ดูตามใจกันสุดๆ ไม่ว่าหลานจะพูดอะไรก็ตามใจทุกอย่างใช้เวลาไม่นานทุกคนก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องวีไอพีที่เคยมาเมื่อวาน โดยที่มีมิรากับมาร์เวลเดินนำทางอยู่ตลอด“มาร์เวลกับมิรามาหาน้องแ