เมื่อฉัตรินวนรถกลับมาจอดที่ด้านหน้าโรงพยาบาล คนที่เขาบอกให้รอก็หายไปเสียแล้ว ชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจ แต่โทรกี่ครั้งก็สายไม่ว่าง ไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสาย
“หรือว่ายัยนั่นจะบล็อกเบอร์ไปแล้ว”
กล้าดียังไง ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างฮึดฮัดขัดใจ ก่อนลงไปถามเจ้าหน้าที่รปภ. ก็ได้คำตอบว่าหญิงสาวเพิ่งขึ้นแท็กซี่ออกไป แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหนอยู่ดี
อยากจะทึ้งหัวตัวเองค่าที่ผ่านมาหลังจากหย่า เขาก็ไม่เคยรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน จะถามพ่อกับแม่ก็กลัวจะเสียฟอร์ม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมารักษาฟอร์มอีกต่อไป ลูกในท้องของเธอที่อาจจะเป็นลูกของเขา เมื่อก่อนคิดว่าไม่อยากได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่ามีขึ้นมาแล้ว สำนึกแห่งความเป็นพ่อก็ย่อมตามมา
ฉัตรินรีบกดโทรออกอีกหน คราวนี้รอเพียงไม่นานก็ได้ยินปลายสายตอบกลับมา
“ว่าไงตาซี”
“แม่ครับ แม่รู้ไหมว่าตอนนี้ปูนเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน” ปลายสายถึงกับเงียบไป มีเสียงขลุกขลักเดาว่าเป็นเสียงของบิดาที่คงอยู่ใกล้ๆ กัน
“ไม่รู้สิลูก เคยถามแต่หนูปูนบอกว่าอยู่คอนโดอะไร
“เวรของกรรม!” จนิตาถึงกับอุทานลั่น เมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากเพื่อนรัก หลังจากที่เธอรีบแจ้นมาหาถึงที่คอนโดทันทีที่วางสายจากฉัตริน“ท้องเกือบสองเดือนเนี่ยนะ ทำไมแกไม่รีบบอกฉันให้ไวกว่านี้”“ฉันก็เพิ่งรู้ไหม ช่วงก่อนย้ายบ้านก็วุ่นวายจนไม่ทันสังเกต” ปรียากรโบกยาดมไปมา พลางลูบที่หน้าท้องเบาๆ กลัวลูกในท้องตกใจเสียงแปดหลอดของเพื่อนแม่“แล้วนี่จะเอายังไง พ่อของลูก เขารู้เรื่องแล้วด้วย พี่ซีไม่ยอมปล่อยแกไปง่ายๆ แน่” ดูจากที่โทรจิกเธอทุกชั่วโมงก็พอรู้ได้“หรือจะคืนดี”“ไม่!” หญิงสาวตอบทันควัน “แกห้ามบอกเขาเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วย บอกแค่แกแล้วก็พ่อแม่ฉัน”“ฉันน่ะไม่บอกแน่ แต่พ่อแม่ผัวเก่าแกล่ะ จะมั่นใจได้ยังไง เขาพ่อแม่ลูกกัน ยังไงรู้ว่ามีหลานต้องรีบบอกแน่” ปรียากรทำหน้าหนักใจ“ไม่หรอกแก พี่ซีเขาไม่เชื่อว่าลูกในท้องเป็นลูกเขา”“เชี่ยไรวะ!” คุณหมอสาวถึงกับสบถหยาบคาย
ปรียากรมองคนถามอย่างหยั่งเชิง“ถามทำไม อย่าบอกนะว่าเป็นห่วง” คิดว่าเขาคงโต้กลับทำนองว่าอย่าหลงตัวเองเหมือนทุกที แต่ก็เปล่า“ใช่ พี่เป็นห่วง”คำนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง ใจสั่นไหว“ห่วงลูกในท้อง”นั่นไง เธอว่าแล้ว“คุณเอาเวลาไปห่วงลูกในท้องพี่รัญเถอะ อย่ามาวุ่นวายกับลูกฉันเลย” เธอไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง เธอเหนื่อยกับเขาเต็มทีแล้วกระทั่งยอมแพ้และเดินออกจากชีวิตอีกฝ่าย“อย่าลืมสิคะว่าเราหย่ากันแล้ว”ชายหนุ่มนั่งนิ่งงัน เพราะบางสิ่งกำลังก่อกวนในหัวใจเขาอย่างหนักหน่วง“พี่รู้ แต่ถ้าเขาเป็นลูกพี่จริง”ปรียากรเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับโทสะ ไม่ให้เผลอข่วนหน้าคนพูดจนเป็นแผลเหวอะหรือชกเขาไปสักหมัด ข้อหาพูดจาไม่เข้าหูไม่ใช่ลูกเขาจะเป็นลูกใครได้ล่ะ ในเมื่อคืนนั้นเขาเล่นเคี่ยวกรำเธอจนระทวยไปกี่รอบต่อกี่รอบก็จำไม่ได้ จนไข้ขึ้นต้องนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวัน ยังจะมาสงสัยว่าลูกใครไม่เลิกไอ้ผัวผีบ้านี่! ไม่สิ ต้องเรียกว่าผัวเก่า ถึงจะถูก“เอาล่ะ งั้นฉันขอถามหน่อย ถ้าเขาใช่ลูกคุณจริงแล้วจะยังไงต่อ คุณจะกลับมารับผิดชอบฉันกับลูกหรือไง หรือว่าจะมาแย่งลูกไปจากฉัน หรือว่า...จะให้เอาออก เพราะคุณไม่อยากมีล
ที่แผนกสูตินรีเวชกรรม ปรียากรพร้อมด้วยอดีตพ่อแม่สามีนั่งรอคิวเพื่อฟังผลตรวจและอัลตราซาวน์ ทั้งสามพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินและตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพแรกของลูกในท้องหญิงสาว โดยไม่ได้สนใจส่วนเกินที่เดินตามมานั่งที่ด้านหลังเงียบๆ“อ้าว แล้วแกไม่ไปทำงานทำการเหรอเจ้าซี” คุณเกรียงไกรหันไปถามลูกชายที่นั่งทำตัวเป็นอากาศ เพราะไม่มีใครคุยด้วย“เดี๋ยวเสร็จจากฝากครรภ์ค่อยไปครับพ่อ” ชายหนุ่มบอกราวกับจะมาฝากครรภ์เสียเอง“กลับไปเลยก็ได้มั้ง เดี๋ยวทางนี้พ่อกับแม่ดูเอง” คนเป็นแม่บอกอย่างไม่ไยดี แต่ฉัตรินกลับทำหูทวนลม ตาแอบมองอดีตเมียเก่าที่ทำตัวเฉยเมยไม่สนใจ แทบไม่มองหน้าเขาตั้งแต่ตอนนั่งรถมาด้วยกันก็อดขัดใจไม่ได้“คุณปรียากรค่ะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องขานชื่อ ทำให้ทั้งคณะลุกพรึ่บขึ้นแทบพร้อมกัน“จะเข้าไปทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ” ทุกคนพร้อมใจกันปรายตาไปมองส่วนเกินที่ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้เป็นตาเดียว“ครับ ทั้งหมดนี่เลย” ฉัตรินตอบอย่างมั่นใจ ในเมื่อมาแล้วเขาก็อยากเห็นผลผลิตที่อาจเป็น
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ มาบอกได้ ในวินาทีที่ผิวกายอ่อนบางได้สัมผัสกับไออุ่นจากอกของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ฉัตรินรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวนี่คือลูกของเขา ลูกที่เขาเกือบพลั้งทำลายด้วยทิฐิอย่างร้ายกาจ แต่มาวันนี้เขาสามารถเสียสละทุกสิ่งที่มีเพื่อให้คนในอ้อมอกนี้มีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะให้ได้น่าเสียดายที่แม่ของเจ้าตัวน้อยยังไม่ฟื้น หาไม่เธอคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกน้อยของเราในวันนี้หลังจากครบเวลาที่กำหนด ทารกน้อยก็ถูกอุ้มใส่รถเข็นสำหรับเด็ก เพื่อไปให้นมก่อนจะพาไปหาคุณแม่ที่ห้องพักฟื้นโดยปกติฉัตรินไม่ใช่คนรักเด็กหรืออินอะไรกับเด็กมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่มีลูก ชายหนุ่มกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ใจบางเสมอเวลาที่ได้เจอหน้าเจ้าตุ๊กตาน้อยๆ ที่ชื่อน้องปูเป้“ไงคะลูกพ่อ ทักทายคุณแม่หน่อยสิลูก”เสียงสองก็มา เขาได้แต่ขำตัวเอง อย่าให้ใครที่บริษัทมาได้ยินเลยว่าท่านประธานทำเสียงแบบนี้ คงสิ้นความยำเกรงกันก็คราวนี้แต่ช่างประไร ใครสน ลูกเขาออกจะน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&
ที่แผนกสูตินรีเวชกรรม ปรียากรพร้อมด้วยอดีตพ่อแม่สามีนั่งรอคิวเพื่อฟังผลตรวจและอัลตราซาวน์ ทั้งสามพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินและตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพแรกของลูกในท้องหญิงสาว โดยไม่ได้สนใจส่วนเกินที่เดินตามมานั่งที่ด้านหลังเงียบๆ“อ้าว แล้วแกไม่ไปทำงานทำการเหรอเจ้าซี” คุณเกรียงไกรหันไปถามลูกชายที่นั่งทำตัวเป็นอากาศ เพราะไม่มีใครคุยด้วย“เดี๋ยวเสร็จจากฝากครรภ์ค่อยไปครับพ่อ” ชายหนุ่มบอกราวกับจะมาฝากครรภ์เสียเอง“กลับไปเลยก็ได้มั้ง เดี๋ยวทางนี้พ่อกับแม่ดูเอง” คนเป็นแม่บอกอย่างไม่ไยดี แต่ฉัตรินกลับทำหูทวนลม ตาแอบมองอดีตเมียเก่าที่ทำตัวเฉยเมยไม่สนใจ แทบไม่มองหน้าเขาตั้งแต่ตอนนั่งรถมาด้วยกันก็อดขัดใจไม่ได้“คุณปรียากรค่ะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องขานชื่อ ทำให้ทั้งคณะลุกพรึ่บขึ้นแทบพร้อมกัน“จะเข้าไปทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ” ทุกคนพร้อมใจกันปรายตาไปมองส่วนเกินที่ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้เป็นตาเดียว“ครับ ทั้งหมดนี่เลย” ฉัตรินตอบอย่างมั่นใจ ในเมื่อมาแล้วเขาก็อยากเห็นผลผลิตที่อาจเป็น
ปรียากรมองคนถามอย่างหยั่งเชิง“ถามทำไม อย่าบอกนะว่าเป็นห่วง” คิดว่าเขาคงโต้กลับทำนองว่าอย่าหลงตัวเองเหมือนทุกที แต่ก็เปล่า“ใช่ พี่เป็นห่วง”คำนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้ง ใจสั่นไหว“ห่วงลูกในท้อง”นั่นไง เธอว่าแล้ว“คุณเอาเวลาไปห่วงลูกในท้องพี่รัญเถอะ อย่ามาวุ่นวายกับลูกฉันเลย” เธอไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง เธอเหนื่อยกับเขาเต็มทีแล้วกระทั่งยอมแพ้และเดินออกจากชีวิตอีกฝ่าย“อย่าลืมสิคะว่าเราหย่ากันแล้ว”ชายหนุ่มนั่งนิ่งงัน เพราะบางสิ่งกำลังก่อกวนในหัวใจเขาอย่างหนักหน่วง“พี่รู้ แต่ถ้าเขาเป็นลูกพี่จริง”ปรียากรเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับโทสะ ไม่ให้เผลอข่วนหน้าคนพูดจนเป็นแผลเหวอะหรือชกเขาไปสักหมัด ข้อหาพูดจาไม่เข้าหูไม่ใช่ลูกเขาจะเป็นลูกใครได้ล่ะ ในเมื่อคืนนั้นเขาเล่นเคี่ยวกรำเธอจนระทวยไปกี่รอบต่อกี่รอบก็จำไม่ได้ จนไข้ขึ้นต้องนอนโรงพยาบาลตั้งหลายวัน ยังจะมาสงสัยว่าลูกใครไม่เลิกไอ้ผัวผีบ้านี่! ไม่สิ ต้องเรียกว่าผัวเก่า ถึงจะถูก“เอาล่ะ งั้นฉันขอถามหน่อย ถ้าเขาใช่ลูกคุณจริงแล้วจะยังไงต่อ คุณจะกลับมารับผิดชอบฉันกับลูกหรือไง หรือว่าจะมาแย่งลูกไปจากฉัน หรือว่า...จะให้เอาออก เพราะคุณไม่อยากมีล
“เวรของกรรม!” จนิตาถึงกับอุทานลั่น เมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากเพื่อนรัก หลังจากที่เธอรีบแจ้นมาหาถึงที่คอนโดทันทีที่วางสายจากฉัตริน“ท้องเกือบสองเดือนเนี่ยนะ ทำไมแกไม่รีบบอกฉันให้ไวกว่านี้”“ฉันก็เพิ่งรู้ไหม ช่วงก่อนย้ายบ้านก็วุ่นวายจนไม่ทันสังเกต” ปรียากรโบกยาดมไปมา พลางลูบที่หน้าท้องเบาๆ กลัวลูกในท้องตกใจเสียงแปดหลอดของเพื่อนแม่“แล้วนี่จะเอายังไง พ่อของลูก เขารู้เรื่องแล้วด้วย พี่ซีไม่ยอมปล่อยแกไปง่ายๆ แน่” ดูจากที่โทรจิกเธอทุกชั่วโมงก็พอรู้ได้“หรือจะคืนดี”“ไม่!” หญิงสาวตอบทันควัน “แกห้ามบอกเขาเด็ดขาดว่าฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วย บอกแค่แกแล้วก็พ่อแม่ฉัน”“ฉันน่ะไม่บอกแน่ แต่พ่อแม่ผัวเก่าแกล่ะ จะมั่นใจได้ยังไง เขาพ่อแม่ลูกกัน ยังไงรู้ว่ามีหลานต้องรีบบอกแน่” ปรียากรทำหน้าหนักใจ“ไม่หรอกแก พี่ซีเขาไม่เชื่อว่าลูกในท้องเป็นลูกเขา”“เชี่ยไรวะ!” คุณหมอสาวถึงกับสบถหยาบคาย