แชร์

บทที่ 226

ผู้เขียน: เบลล่า
"ฉันคิดถึงคุณ ถ้าคุณมาเยี่ยมทาวอนบ่อยๆ ก็จะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงแต่จะได้เจอฉัน..." ฉันมองเขาอย่างมีเลศนัย

"แต่คุณยังจะได้เสริมสร้างตำแหน่งของตัวเองในใจทาวอน ในฐานะทายาท ด้วยการแสดงความมุ่งมั่นต่อครอบครัว"

เขาส่ายหัวช้าๆ หันมาเผชิญหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"ไม่ล่ะ ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ซิดนีย์ คุณได้ยินรายละเอียดอะไรบ้างไหม เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคุยกันในการประชุมพวกนั้น?" เขาถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง ฉันแทบจะได้ยินเสียงเฟืองในหัวเขาหมุน ขณะที่เขากำลังวางแผนอะไรบางอย่าง

"ไม่ค่อยนะ" ฉันตอบพร้อมกับส่ายหัว "พวกเขาพูดกันเบาๆ จนฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ฉันคิดว่าทาวอนกำลังเริ่มถ่ายโอนอำนาจให้แอ็กเซล"

ฉันยักไหล่ ขณะที่เขามองฉันอย่างระแวดระวัง "ฉันหมายถึง ทำไมเขาถึงเอาแต่อยู่แต่ในคฤหาสน์ ไม่ออกไปไหน? เดาได้ว่าแอ็กเซลกำลังดูแลงานต่างๆ แล้วกลับมารายงานทาวอน และรับคำสั่งจากเขาในทุกเย็น"

ดวงตาของดีแลนเย็นชาลง

ฉันรู้ว่าต้องพยายามเอาใจเขา จึงรีบพูดเสริม "แต่อีกอย่าง มันอาจจะเป็นการทดสอบก็ได้นะ บางทีแอ็กเซลอาจจะแค่รับหน้าที่มากขึ้นชั่วคราว เพื่อให้ทาวอนประเมินว่าเขารับผิดชอบได้ดีแค่ไหน แล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 227

    หลายวันต่อมามุมมองของซิดนีย์ฉันตื่นขึ้นมาในบ้านที่เงียบสงัด แม้คฤหาสน์แห่งนี้จะไม่ได้เสียงดังอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มักจะมีเสียงจอแจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเสียงทุ้มๆ แบบนักธุรกิจของทาวอน (ต่างจากเสียงที่เขาใช้ในห้องนั้น) กำลังคุยโทรศัพท์เรื่องงาน เสียงแส้หวด เสียงจานกระทบกันในครัว หรือเสียงพูดคุยและหัวเราะคิกคักของพนักงาน ขณะที่พวกเขาเม้าท์มอยและเล่นมุกตลกกันฉันคุ้นเคยกับคฤหาสน์ที่เงียบสงบ แต่ก็ไม่เงียบจนเกินไป ทว่าเช้านี้? คฤหาสน์เงียบสนิท หากมีเข็มตกลงพื้น สาบานได้เลยว่าเสียงสะท้อนจะดังไปทั่วคฤหาสน์ มันเงียบจนน่าขนลุก ราวกับว่าแม้แต่กำแพงก็กำลังกลั้นหายใจหลังจากลอบมองออกไปสองสามครั้ง เพื่อฟังบทสนทนา หรือหาคำใบ้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ยอมแพ้ แล้วไปอาบน้ำ น้ำร้อนช่วยบรรเทาความรู้สึกหวาดกลัวที่อยู่ในใจฉันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นฉันแต่งตัวลงไปทานอาหารเช้าคนเดียวตามปกติ เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน และเป็นเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบอันผิดปกตินี้ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นคนสุดท้ายบนโลกสการ์เล็ตเป็นคนเสิร์ฟอาหารเช้าให้ฉันการปรากฏตัวของเธอ เกือบจะทำให้ฉันตกใจในความเงียบที่น่าขน

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 228

    มีความดูแคลนแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเธอ ราวกับว่าความไม่เชื่อของฉัน เป็นเรื่องโง่เขลาที่ไร้เดียงสา"ไม่ใช่อย่างนั้น..." ฉันลากเสียงจบประโยคแน่นอน ฉันรู้ว่าดีแลนสามารถฆ่าแอ็กเซลได้ แต่ฉันแค่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ การฆาตรกรรมอย่างเลือดเย็นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การสังหารลูกชายของเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลอย่างอุกอาจเช่นนี้ มันทำให้ฉันงุนงงแอ็กเซลเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเจ้าพ่อมาเฟีย น่าจะทั้งแข็งแกร่งและฉลาดกว่าไม่ใช่เหรอ?แต่แล้วเสียงเล็ก ๆ ในหัวของฉันก็ตอบกลับมา เขาไม่เคยต้องปลอมตัวเป็นคนอื่นอยู่ตั้งหลายปีหรือฆ่าคนมากมายเพื่อปกปิดความลับของเขานี่นาบางทีการหลอกลวงและชีวิตที่เปื้อนเลือดของดีแลน อาจทำให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับความโหดร้ายที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มากกว่าใช่ แต่แอ็กเซลเติบโตมาในโลกของมาเฟีย โลกที่เต็มไปด้วยอันตราย เขาควรจะรู้ดีว่าต้องมีคนตามล่าตัว เพราะเขาเป็นทายาทเจ้าพ่อเพียงคนเดียว นี่ดูสมเหตุสมผลที่สุดภายนอกที่ดูอ่อนโยนบางทีก็อาจหลอกตาได้ ดูอย่างดีแลนสิ ภายนอกดูอ่อนโยน แต่ภายนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต"ฉันว่าแอ็กเซลประมาทเกินไป" สการ์เล็ตพูดขัดความคิดในหัวของฉัน ควันบุหรี่ลอยออกจากปา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 229

    ฉันรู้ว่าใต้ความแข็งกร้าว ความประชดประชัน และท่าทางที่ดูไม่แยแสของสการ์เล็ตนั้น ยังมีความฉลาด ร่าเริง และใส่ใจซ่อนอยู่ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่เธอตกหลุมรักลุยจิผู้เจ้าชู้เข้าอย่างจังในตอนแรก ช่างน่าเศร้าที่ชายที่เธอรักอย่างบ้าคลั่งต้องถูกฆ่าตายช่วงเวลาที่สงบสุขของเราถูกทำลายลงด้วยเสียงเครื่องยนต์ของรถทาวอนที่แล่นเข้ามาในเขตบ้าน ล้อรถบดกับกรวดดังลั่นฉันกับสการ์เล็ตต่างสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นเธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและดับบุหรี่ในมือทันควัน“ฉันต้องกลับไปประจำตำแหน่งแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ความผ่อนคลายที่เคยมีหายไปจากเสียงของเธอทันที แทบไม่เหลือแม้แต่การเหลียวหลังกลับมา เธอเดินจากไป ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวบนระเบียงฉันถอนหายใจหนักๆ และลุกขึ้น เดินเข้าไปในบ้านเพื่อต้อนรับทาวอนกลับมา และบางทีอาจแสดงความเสียใจอีกครั้งสำหรับการสูญเสียที่น่าเศร้าของเขา แม้ว่ามันจะรู้สึกกระอักกระอ่วนในสถานการณ์นี้ก็ตามเมื่อประตูเปิด เบลล่ากับทาวอนเดินเข้ามา ฉันมองดูเบลล่า นิ้วมือของเธอประสานแน่นกับทาวอน ในขณะที่เขานั่งลงบนเก้าอี้ทุกประโยคที่ฉันซ้อมมาหลุดหายไปหมดจากหัว และฉันก็ยืนอยู

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 230

    มุมมองของซิดนีย์สการ์เล็ตไม่บอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนของเรา แม้ว่าเจ้าพ่อทาวอนจะตัดสินใจไว้ชีวิตดีแลนก็ตาม ฉันไม่รู้ว่าเบลล่ารู้เรื่องนี้หรือยัง แม้อยากจะถามเธอ แต่เธอไม่ได้อยู่แถวนี้เพราะมัวแต่ปลอบใจคนรักของเธอไม่รอช้า ฉันเตรียมตัวและรีบออกจากคฤหาสน์ทันที อันที่จริง ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปบ้านของดีแลนได้อย่างไร ฉันไม่มีทั้งวิธีการสื่อสารหรือพาหนะที่จะไป ฉันยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า พลางคิดว่าจะทำอย่างไรดี…โชคดีที่ชายคนหนึ่งในกลุ่มลูกน้องของทาวอนเดินเข้ามาหา เขาชี้ไปที่รถคันหรูด้วยรอยยิ้มที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี"เจ้าพ่อให้ผมพาคุณไปที่คฤหาสน์ของคุณลูคัสครับ"โอ้ เยี่ยมไปเลย!"ได้ค่ะ ขอบคุณมาก" ฉันยิ้มตอบกลับอย่างสดใส ก่อนจะเดินตามเขาไปขึ้นรถเขาขับพาฉันมาที่บ้านของดีแลน ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ประตูก็เปิดออกและรถถูกอนุญาตให้ขับเข้าไปได้ในบริเวณบ้าน มีลูกน้องของดีแลนหลายคนยืนอยู่ เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ปกติพวกเขามักจะอยู่ลับสายตา แต่วันนี้ ฉันสามารถมองเห็นพวกเขาผ่านกระจกรถที่ติดฟิล์มทึบได้ บางคนยืนเฝ้าระวังอย่างตั้งใจ ขณะที่บางคนก็ยืนคุยกันอย่างเกร็งๆ และหัวเราะออกมาแบบฝืนๆ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 231

    ในรถ ก่อนที่เราจะออกจากคฤหาสน์ของดีแลน เขาพูดขึ้นว่า "ผมจะต้องถูกตรวจค้นตอนเข้าคฤหาสน์แน่ๆ ซ่อนปืนนี้ไว้ และโยนมันให้ผมตอนที่จำเป็น โอเคไหม?"ฉันพยักหน้า จากนั้นเขาก็ส่งปืนในมือให้ฉัน ฉันรับมันมาแล้วมองเขาลงจากรถไปสั่งการลูกน้องหลังจากดีแลนถูกตรวจค้นและได้รับอนุญาตให้เข้าไปในคฤหาสน์ได้ ฉันส่งยิ้มให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนเดินผ่านเข้าไป ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมายืนข้างดีแลนโดยไม่มีใครตรวจค้นฉันบรรยากาศในคฤหาสน์ยังคงหนักอึ้งไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ ทุกคนยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดเหมือนที่ฉันเห็นครั้งล่าสุดเมื่ออาหารค่ำถูกเสิร์ฟ เราตรงไปยังห้องอาหาร ฉันค่อยๆ เอาปืนออกจากกระเช้าวิสกี้ แล้วซ่อนมันไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะวางมันไว้ข้างดีแลนและนั่งลงข้างเขาเรานั่งพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ขณะรอทาวอนหลังจากเวลาผ่านไปนาน ทาวอนก็ประกาศการมาถึงของเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ "มาแล้วสินะ เจ้าลูกชาย"ฉันได้ยินดีแลนพึมพำเบาๆ ว่า "ในที่สุด" ขณะที่เขาเดินลงบันได โดยมีเบลล่าเดินเคียงข้างดวงตาของทาวอนเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเศร้า ใบหน้าของเขาซีดเซียว ดีแลนพยักหน้าและลุกขึ้น เขา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 232

    มุมมองของซิดนีย์ดีแลนเหนี่ยวไกปืน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาบีบปืนแน่นและเหนี่ยวไกซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับคนโง่ ฉันมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เต้นรัว ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนอยู่ในรถย้อนกลับมาในหัวฉันอีกครั้งตอนที่ดีแลนลงจากรถเพื่อไปสั่งการลูกน้อง ฉันเป็นคนเดียวที่ถูกทิ้งไว้ในรถ มองซ้ายมองขวาอย่างร้อนรน ก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาและเอากระสุนออกด้วยมือที่สั่นเทา ฉันไม่ได้มีแผนการอะไรอยู่ในหัวเลย ณ ตอนนั้น แต่รู้แค่ว่าถ้าเขายิงได้ เขาต้องยิงแน่และตอนนี้มันก็กำลังเกิดขึ้นจริงๆเมื่อทาวอนเข้าใจสถานการณ์ บอดี้การ์ดของเขารีบหยิบอาวุธออกมายิงใส่ดีแลนอย่างไร้ความปรานี กระสุนทะลุผ่านเสื้อและร่างกายของเขา จนร่างของดีแลนทนรับไม่ไหวอีกต่อไป เขาล้มลงไปกับพื้น สายตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเจ็บปวดของเขามองมาที่ฉัน ซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังเก้าอี้ฉันอยากวิ่งไปบอกเขาเหลือเกินว่าฉันเป็นคนเอากระสุนออกจากปืน ฉันอยากบอกว่าแผนทั้งหมดนี้เป็นของฉันเอง แต่ฉันทำไม่ได้... ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ในตอนที่บอดี้การ์ดยังคงกราดยิงเขาในที่สุด เมื่อทาวอนสั่งให้หยุดยิง ฉันคลานฝ่าความเสียหายรอบตัวไปหาร่า

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 233

    "ขอบคุณค่ะ" ฉันกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับปลดปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอกชายเหล่านั้นเริ่มเก็บกวาดความวุ่นวาย แต่สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือการลากร่างของดีแลนออกไป ฉันมองตามร่างไร้วิญญาณของเขาที่ถูกลากผ่านพื้น เลือดทิ้งรอยไว้เป็นทาง แม้ส่วนหนึ่งฉันจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยกับจุดจบอันโหดร้ายของเขา แต่ก็รีบผลักความรู้สึกนั้นออกไป เป็นเขาที่ก่อมันขึ้นมาเองสายตาของฉันเหลือบไปที่สการ์เล็ต น้ำตาเอ่อล้นในดวงตา ฉันทำสำเร็จแล้ว แต่ชีวิตบริสุทธิ์ก็ต้องสูญเสียไป คนที่ไม่สมควรต้องตาย ภาพร่างกายซีดเผือดของแอ็กเซลแวบเข้ามาในหัว กระเพาะของฉันบิดเป็นเกลียว ฉันหลับตาและกล่าวคำภาวนาเงียบๆ เพื่อสการ์เล็ตและแอ็กเซล หวังว่าดวงวิญญาณของพวกเขาจะพบความสงบสุขเมื่อฉันลืมตาขึ้น ก็รู้สึกเหมือนมีสายตาจับจ้องมาที่ฉัน ทาวอนยืนมองขณะที่ลูกน้องของเขาจัดการความยุ่งเหยิงในห้อง ส่วนเบลล่ายืนมองฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ฉันได้แต่คาดเดาว่าเธอคิดอะไรอยู่หลังจากได้เห็นเหตุการณ์รุนแรงทั้งหมดนี้ความลับของเธอจะเป็นความลับตลอดไป ฉันคิด และหวังว่าเธอจะเข้าใจ ถึงแม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้น แต่สายสัมพันธ์อันจะบิดเบี้ยวที่เรามี ก็ยังมีความ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 234

    มุมมองของมาร์คผมเงยหน้าขึ้นจากผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ เมื่อประตูเปิดออกและผู้ช่วยก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝีเท้าของเขาลดระยะห่างระหว่างเราในเวลาไม่นานสีหน้าของเขาแสดงถึงความรู้สึกผิด แต่ก็ปนด้วยความยินดีอยู่บ้าง อะไรกันที่ทำให้เขายินดีได้ขนาดนั้น? ผมคิดอย่างหงุดหงิด ดีลธุรกิจ? พันธมิตรหรือการควบรวมกิจการอีกครั้ง?เขาขอโทษผมและผู้เข้าร่วมประชุมก่อนจะลดตัวลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับผมที่ยังนั่งอยู่ จากนั้นก็แตะไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่เขาชูขึ้นตั้งแต่ซิดนีย์เดินทางไปอิตาลีเพื่อตามหาชายหนุ่มของเธอ ชีวิตของผมก็เต็มไปด้วยงานและการดูแลไอเดน ผมทุ่มเทให้กับงานมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะเธอไม่อยู่ แต่เพราะเธอจากไปอีกครั้งเพื่อผู้ชายคนอื่นไอเดนเป็นความน่ารักและเป็นเครื่องเตือนใจเพียงหนึ่งเดียวถึงซิดนีย์ ผมพยายามหาเวลาให้เขาให้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เกรซยุ่งตลอดเวลาแต่ตั้งแต่ซิดนีย์หายตัวไป แม้แต่ไอเดนยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ผมไม่ยิ้มอีกต่อไป แม้จะพยายามเพื่อไอเดน แต่ก็ทำไม่ได้ ทุกครั้งที่ฝืนยิ้ม มักจะทำให้ไอเดนร้องไห้ ดังนั้นผมจึงหยุดพยายามผมกลายเป็นคนเย็นชา ยกเว้นกับไอเดนและเกรซที่ไม่

บทล่าสุด

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 277

    ฉันเปิดใจกับเธอ “คือว่า…เพื่อน ๆ ของฉันช่วยเหลือฉันเป็นอย่างดีในช่วง โดยเฉพาะคลาร่า แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่ในเมือง และฉันรู้ว่าเดนนิสก็ช่วยเหลือได้มากเหมือนกัน แต่ฉันไม่อยากขอความช่วยเหลือจากเขาอีก เพราะรู้สึกเหมือนฉันเป็นหนี้คนอื่นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น… มันก็แค่ยากที่จะจัดการทุกอย่างในตอนนี้ ทุกวันรู้สึกเหมือนเป็นการบาลานซ์ระหว่างงาน และความต้องการของเอมี่”เธอพยักหน้า น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเห็นใจ เธอเอื้อมมือไปจับมือของฉันอย่างให้กำลังใจ “ฉันเข้าใจ ครอบครัวเป็นเหตุผลที่เหมาะสมที่จะขอผ่าน และฉันก็ไม่อยากบังคับการตัดสินใจใด ๆ กับเธอ”เธอก้มตัวไปข้างหน้าและมองตรงมาที่ฉัน“แต่ขอพูดตามตรงกับเธอเลยนะ ฉันเพิ่งแนะนำเป็นการส่วนตัวว่าควรเพิ่มชื่อของเธอในรายชื่อ แต่ตอนนี้ฉันเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าร่วม”“คาดไม่ถึงเลยค่ะ” ฉันพูดออกมาด้วยความประหลาดใจในความเอาใจใส่ของเธอ ดวงตาของฉันเบิกกว้าง “ขอบคุณนะคะ เรมี่ นั่นมีความหมายกับฉันมาก ฉันไม่รู้ว่าคุณเชื่อมั่นในตัวฉันมากขนาดนั้น”เธอพูดต่อ “นอกจากนี้ ฉันอยากให้เธอรู้ว่าผู้บริหารกำลังสังเกตความอุตสาหะของเธอ พวกเขาจะเลือกพนักงานเพื่อเลื่อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 276

    อนาสตาเซียฉันกวาดสายตาไปที่บันทึกบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คำว่า ‘การพักผ่อนของบริษัท’ และ ‘การสร้างทีม’ โดดเด่นขึ้นมา ทั้งออฟฟิศส่งเสียงฮือฮา เพื่อนร่วมงานที่เหลือของฉันพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาเกี่ยวกับการพักผ่อนที่กำลังจะมาถึง"จริงเหรอเนี่ย? ทั้งสัปดาห์ในฮาวายเลยยะ!" ผู้หญิงผมบลอนด์คนหนึ่งอุทาน โน้มตัวอยู่เหนือไหล่ของฉัน"ผมรู้ น่าทึ่งไหมล่ะ? ตอนนี้ผมเริ่มรวบรวมชุดพักผ่อนทั้งหมดที่จะต้องใช้ไว้รอแล้ว" ชายอีกคนจากฝั่งตรงข้ามของห้องพูดเสริมความตื่นเต้นของพวกเขาแม้จะเด่นชัด แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถตัดผ่านอารมณ์ที่หดหู่ของฉันได้ ฮาวายเหรอ? ฉันฝืนยิ้ม พยายามซ่อนความผิดหวัง ฉันรู้ว่าตัวเองไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพของเอมี่มันไม่ใช่หัวข้อที่ตัดสินใจยากเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีวิตของลูกสาวฉันมาเกี่ยวข้อง ฉันจะให้ความสนใจกับเธอเป็นอันดับแรกเสมอนิ้วของฉันเลื่อนไปบนแป้นพิมพ์ขณะที่พิมพ์ข้อความเพื่อปฏิเสธข้อเสนอการพักผ่อน "ขออภัยค่ะ ฉันไม่สามารถเข้าร่วมการพักผ่อนของบริษัทได้เนื่องจากเหตุผลส่วนตัว..."ฉันเพิ่งเขียนประโยคแรกเสร็จ กองกระดาษหล่นลงบนโต๊ะของฉัน ทำให้ฉันเสียสมาธิ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 275

    ในช่วงเวลานี้เช่นกัน ผมตัดสินใจว่าจะกลับมาที่เมือง ชารอนประท้วงและถึงกับอ้อนวอนให้ผมอยู่ต่อเพราะเธอไม่สามารถทิ้งธุรกิจได้ แต่ผมทำไม่ได้ ผมต้องการพื้นที่และเวลาที่จะคิดทบทวนจริง ๆแต่ไม่ว่าผมจะใช้เวลาเตรียมตัวมากแค่ไหนหรือการตัดสินใจใด ๆ ที่ต้องทำ การแต่งงานก็ยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากลักษณะของการแต่งงานและการลงนามในเอกสารที่ผมได้ลงนามไปแล้ว ไม่ว่ายังไงการแต่งงานก็ต้องจัดขึ้นผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่เมื่อผมเจออนาสตาเซียอีกครั้ง มันก็ทำให้หัวของผมสับสนมากยิ่งขึ้น และทำให้ผมรู้ว่าผมจะไม่มีวันพร้อมสำหรับการแต่งงาน หรือกลับไปสู่ความสัมพันธ์ที่กำลังสร้างกับชารอน ดังนั้นผมทำในสิ่งที่พอจะทำได้ คือหลีกเลี่ยงชารอนและการแต่งงานที่ใกล้เข้ามาในทุกวิถีทางที่ผมมีกำลังตอนนี้ เธอนั่งตรงข้ามโต๊ะ ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่ผมจากขอบแก้วอเมริกาโน่เย็น ผมครุ่นคิดเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนว่าฉันจะหลุดพ้นจากเธอหรือการแต่งงานได้อย่างไร“ฟังฉันอยู่หรือเปล่า?” เธอหัวเราะเบา ๆ ขณะที่วางแก้วลงบนโต๊ะผมฝืนยกมุมปากขึ้น “ผมฟังอยู่”“งั้น” เธอยิ้มสดใส “เราจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี? มันนานมากแล้วนะ”“ใช่ รู้สึกเหมื

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 274

    ไอเดนแม่ของผม ไม่ว่าจะมองข้ามรอยยิ้มที่แข็งค้างของผมหรือไม่สนใจ ก็หลีกทางให้ชารอนรับกอดที่ผมตั้งใจสงวนไว้สำหรับเธอเธอโอบกอดผมด้วยรอยยิ้มกว้าง “พระเจ้า! ฉันคิดถึงคุณมากเลย” เธอครางออกมาขณะที่กดใบหน้าเข้ากับอกของฉัน“อืม” ผมครางขณะที่เธอคลายอ้อมกอดรอบตัว แผ่มือลงบนอกของฉัน จากนั้นเธอก็เขย่งเท้าเพื่อจูบผมที่แก้มด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมอยากจะเช็ดรอยริมฝีปากของเธอบนแก้มด้วยเสื้อแจ็คเก็ต แต่ก็อดทนต่อความอยากนั้นและจูบแก้มเธอตอบ พูดตามตรง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าริมฝีปากของผมสัมผัสแก้มเธอหรือเปล่าผมยังคงอยู่ในท่ายืนเดิมขณะที่ชารอนนั่งลง แม่นั่งลงตรงที่ว่างข้าง ๆ เธอแทนที่จะนั่งลง ผมกางขาออกและเอามือล้วงกระเป๋า“แม่ เป็นไงบ้างครับ?” ผมถามอย่างน้อยเธอควรตอบสิ่งนี้เพราะเธอยมแลกอ้อมกอดของลูกชายให้กับคนอื่น“แม่สบายดี ลูกรัก” เธอตอบอย่างยินดีผมหันไปหาชารอนที่สายตาจับจ้องมาที่ผม จับจ้องมาที่ฉันตั้งแต่ผมก้าวเข้ามาในบ้าน“คุณกลับมาเมื่อไหร่? ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ”“คุณจะรู้ได้ไงล่ะ?” เธอทำปากยื่น “คุณไม่รับสายฉันเลย”ผมเลิกคิ้วและเธอก็นั่งไขว้ห้าง ทำให้ชุดเดรสสั้นเลื่อนขึ้นไปที่ต้นขามากขึ้น “แหง

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 273

    คลาร่าฉันเดินอย่างไร้จุดหมายไปรอบ ๆ ร้าน มาซื้อเสื้อผ้าให้เอมี่และตัวเอง ฉันเลือกเสื้อผ้าของเอมี่เสร็จตั้งแต่เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้วโอเค อาจจะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่มันก็สักพักแล้ว ชุดเดรสของผู้ใหญ่ทั้งหมดที่นี่ดูไม่เหมือนสิ่งที่ฉันอยากจะใส่เลยสายตาของฉันมองไปที่ชื่อร้านที่ส่องประกายบนผนัง ตรงประตูหลังจากที่ก้าวเข้าไปในร้านนับครั้งไม่ถ้วนขณะที่ฉันสงสัยว่าเข้ามาในร้านผิดหรือเปล่านี่คือร้านโปรดของฉันที่ฉันอัปเดตตู้เสื้อผ้าอยู่เสมอ และฉันก็มั่นใจเสมอว่าฉันจะได้เห็นสิ่งที่ดึงดูดฉันและเหมาะกับรสนิยมของฉัน แต่จนถึงตอนนี้ ชุดเดรสทั้งหมดที่นี่ดูเหมือนสิ่งที่รุ่นยายจะใส่“รอบนี้พวกเขาเติมสินค้าไร้สาระแบบไหนกัน?” ฉันพึมพำกับตัวเองขณะที่ใช้นิ้วลูบเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนฉันถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นและคราง “เฮ้อ! บางทีฉันควรจะยอมแพ้”ขณะที่ฉันลากเท้า ยังคงขมวดคิ้วให้กับชุดที่น่าเกลียด แต่แล้วชุดเบลเซอร์และกางเกงกำมะหยี่สีแดงสดก็สะดุดตาฉันฉันแทบจะอุทาน “โอ้พระเจ้า!”“ในที่สุดคุณก็เจอสิ่งที่ชอบแล้วเหรอคะ?” พนักงานขายสาวรีบออกมาจากทางเดินที่เธอกำลังจัดเรียงสินค้าใหม่ที่น่าเบื่อ ส่งยิ้มให้

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 272

    ไอเดนผมก้มลงมองร่างเล็กที่กำลังจ้องมองผมด้วยดวงตาโตใสซื่อ หนังสือเด็กสีสันสดใสเปิดอยู่บนพื้นระหว่างเรา“ขอโทษค่ะ!” เธอโบกมือให้ผมและพูดด้วยรอยยิ้มขอโทษเล็ก ๆ มือเล็ก ๆ ของเธอกระพืออยู่ในอากาศเหมือนผีเสื้อผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบเธอ รอยยิ้มช่างติดตรึงใจจริง ๆ ดูเหมือนจะส่องสว่างไปทั่วทั้งโถงทางเดิน“ไม่เป็นไร” ผมตอบขณะที่ก้มลงเก็บหนังสือที่วางอยู่แทบเท้าของเรา หน้ากระดาษมันวาวของมันยับเล็กน้อยจากการตก“ว้าว” ผมได้ยินเธออุทาน และผมก็เงยหน้ามองเธอ งงงวยกับความตื่นเต้นกะทันหันในน้ำเสียงของเธอ“หนูอยากได้ปากกาแบบนั้นจัง” เธอพูดด้วยดวงตาเหมือนลูกสุนัขน่ารัก พร้อมกับริมฝีปากที่ยื่นออกมาอย่างน่าเอ็นดู ที่สามารถละลายหัวใจที่เย็นชาที่สุดได้“แบบไหน?” ผมขมวดคิ้วขณะที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้มลงมองหนังสือในมือ พลิกมันไปมา สงสัยว่าเธอเห็นปากกาที่ไหน“อันนั้นค่ะ” เธอพูดและชี้ไปที่หน้าอกของผม นิ้วเล็กๆ ของเธอเล็งตรงไปที่กระเป๋าเสื้อผมก้มลงมองและเห็นปากกาเงินซ่อนอยู่ในกระเป๋า “อ้อ” ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมหยิบมันมาจากห้องรับรองก่อนหน้านี้โดยไม่ตั้งใจ“งั้นก็เอาไปสิ” ผมหยิบปากกาออกจากกระเป๋าแ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 271

    “กิจกรรมการกุศลเหล่านี้จะรวมเป็นหนึ่งเดียว” เขายิ้ม “หุ้นส่วนของเราหลายคนจากต่างประเทศจะบินมาร่วมงาน…”เสียงพึมพำดังขึ้นเมื่อตัวแทนจากองค์กรการกุศลต่าง ๆ พยักหน้า ประทับใจและพอใจกับแผนที่พวกเขาได้วางไว้“กิจกรรมการกุศลที่จะเกิดขึ้นของเราจะสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสังคม” สายตาของเขามองไปทั่วห้องและผมสาบานได้ว่าดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “เราประทับใจมากที่ได้เห็นทุกคนที่นี่ในวันนี้ ร่วมมือกันในการอุทิศตนเพื่อมัน”บรรยากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ว่าความร่วมมือเหล่านี้จะนำมาสู่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแน่นอน“นั่นคือสิ่งที่นำความสุขมาให้เรา” หนึ่งในตัวแทนพูดขึ้น “พวกเราบางคนใช้ชีวิตเพื่อสิ่งนี้ คุณรู้ไหม เพื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็ก ๆ และผู้ป่วยที่ทำอะไรไม่ได้ เพื่อดูความโล่งอกที่ไหล่ของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง มันเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง”ห้องโถงระเบิดเป็นเสียงยืนยันหลายรูปแบบจากนั้นตัวแทนแต่ละคนได้รับเวลาที่จะพูดถึงความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับวิธีที่เราจะสามารถปรับแผนของเราให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเป็นครั้งที่สามที่ผมพูดขึ้นเพื่อแสด

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 270

    ไอเดนด้วยความขบขันเล็กน้อยและความรู้สึกสูญเสีย ผมมองอาน่าวิ่งออกจากประตูทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เธอวิ่งผ่านชายฉกรรจ์ที่งุนงงและขึ้นบันไดไป เสียงฝีเท้าของเธอดังก้องอยู่ในช่องบันได พวกเราทุกคนมองจนกระทั่งเธอหายลับไปจากสายตาผมรู้จากทุกสิ่งว่าผมคงจะหยุดเธอไว้จากการหนีแบบนั้น ถ้ารู้ว่าเธอจะทำมันตั้งแต่แรก แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเกิดขึ้น แค่ผมเอามือโอบรอบมือเธอ เธอก็หลุดพ้นจากมือไปง่าย ๆมือผมยังคงกำเป็นกำปั้นเบา ๆ ขณะที่ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาสัมผัสที่หลงเหลืออยู่ ความอบอุ่นของผิวและความนุ่มนวลของมือเธอ…ทั้งหมดนั่นรู้สึกเหมือนเป็นความฝันที่เพิ่งจางหาย ตอนนี้ อันที่จริง ถ้าหนุ่ม ๆ ทั้งหลายไม่อยู่ที่นี่ หรือจ้องมองผมเหมือนผมเป็นกวางขวางไฟหน้ารถ ผมคงจะหลับตาลงและสูดกลิ่นของเธอ พยายามจดจำทุกรายละเอียดของการเผชิญหน้าสั้น ๆ ของเราผมก้าวออกจากลิฟต์และหยุดอยู่หน้าพวกเขา โดยที่ใจยังคงจดจ่ออยู่กับอาน่า นั่นคือตอนที่ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตระหนักรู้ว่าผมเป็นใคร พวกเขาโค้งคำนับอย่างลึกซึ้งและทักทายผมด้วยคำพูดที่สับสน“อรุณสวัสดิ์ครับท่าน ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับความไม่สะดวกนะครับ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 269

    “ผมรู้ว่าคุณทำอะไรก็ได้” เขายืนกราน “แต่อย่าลังเลที่จะมาหาผมถ้าคุณต้องการ” เขาหยุดชะงักไปเล็กน้อยแล้วก็เสริมว่า “…หรืออยากมา”พลังที่มองไม่เห็นบางอย่างกระตุ้นให้ฉันหันไปหาเขา และฉันก็ทำ และหัวใจของฉันติดอยู่ที่ลำคอ แม้ว่าบรรยากาศกึ่งมืด ความอ่อนโยนที่ฉันเห็นในดวงตาเหล่านั้นกลับชัดเจนมากเขาหมายถึงอะไร ‘…มาหาผม?’ ฉันคิดขณะที่ฉันรีบหลบสายตาจากเขา มีความหมายแฝงอยู่ในคำพูดของเขาหรือเปล่า?ฉันกลืนน้ำลายเมื่อความคิดอื่นผุดขึ้นมาในหัวของฉัน ใช่ ต้องเป็นสถานการณ์ของเราอยู่แน่นอน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่คิดว่า ‘มาหาผม’ ของเขาอาจหมายความว่าเขากำลังขอให้ฉันกลับไปหาฉันส่ายหัวและหลับตาลงเพื่อกำจัดความคิดไร้สาระทั้งหมดที่ผุดขึ้นมาในหัว เขาแค่เป็นเจ้านายที่ดี อาจจะยังต้องการชดเชยให้พนักงานเก่าสำหรับวิธีที่เขาเข้ายึดบริษัทขณะที่ฉันครุ่นคิดอยู่ในหัวและคำพูดของเขาเริ่มสมเหตุสมผล ไฟโทรศัพท์ของเขาก็ดับลงไอเดนพึมพำ “อะไรเนี่ย… บ้าจริง ดับไปแล้ว”ความตื่นตระหนกที่ลดลงเพิ่มขึ้นในพริบตา การหายใจของฉันถี่ขึ้น มือที่กำเข่าของฉันแน่นขึ้นอย่างเจ็บปวดแ…มือใหญ่อันอบอุ่นของเขาทาบทับมือฉัน ฉันอยากจะดึงออกเหมื

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status