ลั่วจิ่วหลีพยักหน้า พลางคล้องแขนมารดาเอาไว้“ได้เจ้าค่ะ ข้าก็จะไปเยี่ยมท่านพี่และหลานตัวน้อยกับท่านแม่ด้วย”เรื่องบุญคุณความแค้นที่แสนวุ่นวายระหว่างตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่เกี่ยวอันใดกับนาง นางก็แค่อยากรู้อยากเห็นนิดหน่อยเท่านั้นก่อนหน้านี้ นางเคยคิดว่าอ๋องเก้าเป็นบุรุษที่ทรงอำนาจ เด็ดขาด และเย็นชา แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะรู้ว่าเนื้อแท้เบื้องลึกของอ๋องเก้า ไม่ได้มีเพียงความเด็ดขาดและเย็นชาเท่านั้น หากยังมีนิสัยผูกใจเจ็บอีกด้วยบุรุษที่จดจำความแค้นได้เก่งปานนี้ หากวันหน้าจำต้องข้องแวะกับเขา นางคงต้องระวังให้มากทางด้านของอ๋องเก้าที่ถูกลั่วจิ่วหลีตราหน้าว่าเป็นบุรุษผูกใจเจ็บนั้น ขณะนี้เขากลับถึงจวนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดุดัน ดวงตาแข็งกร้าวดุจเหล็กกล้าฉินอิ่นที่เดินตามนายท่านอยู่ด้านหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงนายท่านเกลียดชังตระกูลของอ๋องอันชินอย่างถึงที่สุด เขาไม่เพียงแต่จะเกลียดอ๋องอันชินที่เป็นคนต่ำช้า แต่ยังเกลียดหมิงชิน คุณหนูใหญ่ของตระกูลนั้นอีกด้วยเมื่อเดือนสิบสองของปีที่แล้ว นายท่านกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อร่วมงานแต่งของอ๋องเจา เดิมทีนายท่านไม่คิดจะกลับ
“แต่ตอนนี้ จวนอ๋องเจามีคนเฝ้าอยู่ตลอดเวลา แม้แต่นกยังบินเข้าไปไม่ได้ง่ายๆ”“ส่วนจวนอี้กั๋วกงก็มีฉินอู่คอยเฝ้าอยู่ อีกอย่างเวลาที่คุณหนูรองตระกูลลั่วจะออกไปไหนมาไหนก็มักมีบ่าวตามติดไปด้วย นางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างแน่นอน”เซียวหมิงเสวียนได้ยินเช่นนั้น ก็พยักหน้าลง“หากให้สองคนนี้โผล่ออกมาพร้อมกันต่อหน้านาง เจ้าคิดว่านางจะออกมาหรือไม่?”ฉินอิ่นได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับชื่นชมไม่หยุด เขานึกในใจว่า ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายเฉินยางเคยบอกว่า นายท่านเป็นจิ้งจอกเฒ่าพันปีที่บำเพ็ญเพียรจนบรรลุ นายท่านมีความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกแฝงอยู่จริง ๆ แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา เขาไม่ใช่คุณชายเฉินยางเสียหน่อยฉินอิ่นยกมือขึ้นลูบจมูกเบา ๆ ด้วยความรู้สึกประหม่า เซียวหมิงเสวียนกล่าวต่อ“ในเมื่อจะล่อให้ศัตรูโผล่หัวออกมา ก็ต้องแสดงละครให้สมจริง”พูดจบ เขาก็กวักมือเรียกฉินอิ่นให้เข้ามาใกล้ฉินอิ่นก้มตัวลง ก่อนจะเงี่ยหูฟัง เมื่อได้ยินสิ่งที่นายท่านพูด ฉินอิ่นก็ส่ายหน้าทันที“นายท่าน แบบนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้คือวันที่สิบห้า ทุกวันที่สิบห้าของทุกเดือน นายท่านไม่ควรอยู่นอกจวน มันอันตรายและจะ…”เซียวหมิง
อากาศร้อนจัดจนผู้คนกระหายน้ำ ลั่วจิ่วหลีเองก็ดื่มน้ำไม่หยุด ทำให้ทหารและม้าลากรถล้วนเหน็ดเหนื่อยจนไปต่อไม่ไหวจนกระทั่งรถม้าด้านหน้าหยุดลง ก่อนจะมีใครบางคนเดินเข้ามา“คุณหนูรองตระกูลลั่ว ด้านหน้ามีโรงน้ำชา เชิญท่านพักผ่อนก่อนเดินทางต่อเถิดขอรับ”ลั่วจิ่วหลีได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านนอก ฟังดูคล้ายฉินอิ่น องครักษ์ของอ๋องเก้า แต่เมื่อแง้มม่านออกมาดู กลับพบว่าเป็นองครักษ์คนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้านางเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องเก้าคิดจะทำการอันใดอีกนางเงยหน้ามองโรงน้ำชาที่อยู่ไม่ไกล และเห็น ‘อ๋องเจา’ นั่งอยู่ในนั้น เขากำลังก้มหน้าดื่มน้ำชาเงียบๆทันทีที่เห็นเขา สีหน้าของลั่วจิ่วหลีก็พลันเย็นชา“ข้ามิได้กระหาย พวกเจ้าทั้งหลายดื่มกันเถิด”พูดจบ นางก็ปิดม่านลง ก่อนจะกลับเข้าไปในรถม้าดังเดิมองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกชะงักไป ก่อนมองกลับไปยังโรงน้ำชา แล้วส่ายหัวอย่างจนใจองครักษ์เดินเข้าไปในโรงน้ำชา และหยุดอยู่ข้างอ๋องเจา‘อ๋องเจา’ เงยหน้าขึ้น“นางเล่า? เหตุใดจึงมิยอมพัก?” องครักษ์อึกอัก“คุณหนูรองตระกูลลั่วบอกว่า มิได้กระหายพ่ะย่ะค่ะ”“อืม”‘อ๋องเจา’ ไม่ได้มีท่าทีอะไรมากมาย“แล้วพวกที่ตามมาด้
ลั่วจิ่วหลีและชุนหรง เมื่อเสร็จธุระแล้ว ก็ลุกขึ้นและเดินกลับไปยังทางเดิมแต่ยังเดินไปไม่ถึงห้าก้าว ก็ได้ยินเสียงใบไม้พลิ้วไหวจากด้านหลังเมื่อหันกลับไปมอง ก็พบกับคมมีดที่พุ่งตรงเข้ามา พร้อมกับสตรีสวมผ้าคลุม“นังสารเลว ตายซะเถอะ!”สตรีสวมผ้าคลุมใช้มีดในมือแทงไปยังลำคอของลั่วจิ่วหลีสุดกำลัง ราวกับต้องการแทงทะลุคอหอยของนาง!“คุณหนู ระวัง!”ชุนหรงดึงตัวลั่วจิ่วหลีมาหลบอยู่ด้านหลังทันทีชุนหรงยื่นมือออกไปขัดขวางพร้อมทั้งร้องตะโกนสุดเสียง“ช่วยด้วย! มีคนลอบสังหาร!”ลั่วจิ่วหลีตกใจตัวโยน เด็กสาวตรงหน้าไร้ซึ่งวิทยายุทธ์ และไม่มีแม้กระทั่งอาวุธป้องกันตัว มีเพียงตัวเปล่า จะปกป้องนางได้อย่างไรนางพยายามจะดึงชุนหรงให้ถอยไป แต่ไม่ทันการ มีดตรงหน้าได้บาดเข้าที่แขนเสื้อของชุนหรง จนทำให้มีแผลเป็นทางยาวแม้จะเจ็บปวดและมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด แต่ชุนหรงกลับกัดฟันสู้และไม่ยอมถอย“ชุนหรง ถอยออกไปเร็วเข้า!”ลั่วจิ่วหลีตะหวาดเสียงดังลั่น แววตาแข็งกร้าวดุจคมมีด นางเบี่ยงตัวหลบคมมีด ก่อนจะพลิกตัวกลับหลังหลบการโจมตีอีกครั้ง และใช้เท้าถีบมีดในมือของสตรีผู้นั้นจนหลุดกระเด็นออกไปสตรีสวมผ้าคลุมก้าวถอย
เยียนทิงเหลียนที่ถูกโจมตี อีกทั้งยังถูกแทงตาจนบอด ในตอนนี้นางลงไปนอนขดตัวอยู่บนพื้น ใช้มือกุมดวงตาข้างที่มีเลือดไหลออกมา นางส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดทางด้านลั่วจิ่วหลี ในตอนนี้นางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะชุนหรงกำลังได้รับบาดเจ็บเพราะเข้ามาปกป้องนาง และเซียวหมิงเสวียนก็ยังได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยนางด้วยเช่นกัน นางกลัวว่าชุนหรงและเซียวหมิงเสวียนจะถึงแก่ชีวิต นางไม่ทันได้คิดว่าเซียวหมิงเสวียนนั้นมีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีองครักษ์อย่างฉินอิ่นคอยคุ้มกันอยู่ แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเพียงใด เขาก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้นหรอกเซียวหมิงเสวียนมองนางที่กำลังกังวลและมีใบหน้าที่ซีดเซียว“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร”“เจ้าไปช่วยรักษาบ่าวรับใช้ของเจ้าก่อนเถิด”เมื่อเขาพูดเช่นนั้น ลั่วจิ่วหลีจึงรีบวิ่งไปหาชุนหรงทันที“ชุนหรง ชุนหรง”ชุนหรงเจ็บปวดจนเกือบจะหมดสติไป แขนของนางมีแผลเหวอะหวะและเลือดไหลออกมาไม่หยุด นางกัดฟันแน่นและสั่นสะท้านไปทั้งตัวลั่วจิ่วหลีหันหลังไป“ฉินอิ่น รีบช่วยข้าพาชุนหรงไปที่รถม้าก่อน”ฉินอิ่นมองนายท่านของตนเซียวหมิงเสวียนพยักหน้
เพียงชั่วอึดใจ ลั่วจิ่วหลีก็หยิบยาถอนพิษงูพร้อมกับเข็มฉีดยาขึ้นมา ก่อนจะใช้มันฉีดเข้าสู่ร่างของเซียวหมิงเสวียนโดยไม่รีรอเมื่อฉีดยาถอนพิษแล้ว นางก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา นางรีบหงายฝ่ามือที่บาดเจ็บของเซียวหมิงเสวียนขึ้นมา หวังจะบีบเอาพิษและเลือดเสียออก แต่เพราะบริเวณฝ่ามือไม่ได้มีเนื้อที่หนาเหมือนร่างกาย ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นดั่งที่คิดลั่วจิ่วหลีตัดสินอย่างเด็ดขาดด้วยการยกมือเขาขึ้นมา ก่อนจะใช้ปากดูดพิษออก นางดูดพิษขึ้นมา จากนั้นก็ถ่มน้ำลายทิ้ง และทำเช่นนี้วนไปครั้งแล้วครั้งเล่าฉินอิ่นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับตกตะลึง มือที่สั่นระริกเมื่อครู่เพราะความกังวล นิ่งสงบลงทันที เขามองการกระทำของลั่วจิ่วหลีอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะหันไปมองนายท่านของตนด้วยแววตาอ่านได้ยากฉินอิ่นคิดในใจว่า นายท่านทำเกินไปแล้วด้วยวิทยายุทธอันเก่งกาจจนไม่อาจคาดเดาได้ของนายท่าน หากเขาจะใช้พลังภายในขับพิษออกมา ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดแต่นายท่านกลับใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเครื่องทดลอง แม้ฉินอิ่นจะมั่นใจว่านายท่านจะไม่เป็นอะไร แต่การกระทำของคุณหนูรองตระกูลลั่วในครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกสงสารจับใจ! สงสารจนแทบ
เซียวหมิงเสวียนขมวดคิ้ว เขาเกร็งไปทั้งตัวลั่วจิ่วหลีตีแขนเขาอย่างแรง“ผ่อนคลายหน่อย ท่านเกร็งเกินไป ทำเอาหัวเข็มเบี้ยวหมดแล้ว”ฉินอิ่นกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขายกมือขึ้นปิดปาก หัวไหล่สั่นสะท้านนายท่าน นี่กำลังขุดหลุมฝังตัวเองมิใช่หรือ?คุณหนูรองตระกูลลั่วก็ใช่เล่น เมื่อครู่นางยังอ่อนโยนอยู่แท้ ๆ ไยจึงกลับกลายเป็นแม่เสือดุร้ายได้เพียงพริบตาเดียวเซียวหมิงเสวียนปรายตามองเขาฉินอิ่นสะดุ้งตัวโยน ก่อนจะรีบก้มหน้าลงทันทีเซียวหมิงเสวียนกัดฟันแน่น พยายามทำให้ตนเองผ่อนคลาย“ช่างน่าแปลกนัก ท่านอ๋องมิกลัวแม้แต่ปืนผาหน้าไม้ แต่กลับกลัวเข็มของหม่อมฉัน”เซียวหมิงเสวียนเงียบไป เขาคิดแย้งในใจ มันจะเหมือนกันได้อย่างไร?ปืนผาหน้าไม้ข้ายังหลบได้ แต่เข็มของเจ้าข้าหลบมิได้ลั่วจิ่วหลีบ่นพึมพำ ก่อนจะดึงเข็มออกมาอย่างยากลำบาก“เสร็จแล้วเพคะ”จากนั้น นางก็เก็บของทุกอย่าง ก่อนจะถือหีบยา เดินไปหาเยียนทิงเหลียนที่กำลังหมดสติอยู่นางใช้เท้าเตะไปยังหน้าท้องของเยียนทิงเหลียนด้วยแววตาแข็งกร้าว“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเรื่องต้องถามเยียนทิงเหลียน”เซียวหมิงเสวียนส่งสายตาให้ฉินอิ่น ฉินอิ่นเข้าใจทันที“คุณ
“เพราะตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ อ๋องเจารักข้าเพียงผู้เดียว และคนที่เขาแตะเนื้อต้องตัวก็มีเพียงข้า ส่วนเจ้าน่ะหรือ แม้แต่ชายเสื้อ อ๋องเจาก็ยังไม่เคยจับเลยสักครั้ง”ลั่วจิ่วหลีถลึงตากว้าง ในตอนนี้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและไม่อยากจะเชื่อ ราวกับหัวใจของนางได้แหลกสลายไปแล้ว“เจ้าโกหก! เจ้าพูดไร้สาระ! ข้าแต่งเข้าจวนอ๋องเจาในฐานะสตรีบริสุทธิ์! นอกจากท่านพี่อ๋องเจาแล้ว ข้าไม่เคยให้ผู้ใดแตะต้องตัวข้าเลย!”เซียวหมิงเสวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างเบนสายตาลงมองลั่วจิ่วหลีที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นแม่เสือสาวดุร้าย แต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นไม้เลื้อยที่อ่อนแอไร้ที่พึ่ง เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยโดยที่ไม่มีใครสังเกตไม่เห็นเยียนทิงเหลียนมองลั่วจิ่วหลีที่กำลังสติแตก ความแค้นที่อัดอั้นอยู่ภายในใจก็พลันมลายหายไป“สตรีบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? ลั่วจิ่วหลี เจ้ากำลังพูดถึงตัวเองอย่างนั้นหรือ?”“ฮ่าฮ่าฮ่า! ตอนที่เจ้าแต่งเข้ามาในจวนอ๋องเจา เจ้าก็ไม่ได้บริสุทธิ์แล้ว! เจ้าเคยคุยโอ้อวดว่าตัวเองเป็นหญิงสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ่มิใช่หรือ? เจ้าเห็นว่าความบริสุทธิ์สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดมิใช่หรือ?”“ข้าจะบอกให้เอาบุญนะ ผู้ท
“เพคะ นี่คือยาเม็ดที่หม่อมฉันทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ”“งั้นหรือ?”ฮ่องเต้มองที่ใบหน้าสงบนิ่งของลั่วจิ่วหลี เห็นว่านางไม่ลนลานแม้แต่น้อย และไม่มีทีท่าว่าโกหกเช่นกันก้มหัวลงดูของสิ่งนี้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนหากบอกว่านี่คือขวด วัสดุกลับไม่เหมือน หากพูดว่านี่ไม่ใช่ขวด แต่ยาเม็ดเล็ก ๆ เหล่านั้นกลับใส่อยู่ในนี้จริง ๆ“ในเมื่อเป็นยาเม็ดที่ทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ เหตุใดจึงทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินไม่ได้สติเล่า?”ฮ่องเต้น้ำเสียงเคร่งเครียด สายตาเย็นชาโกรธขึ้งที่ด้านข้าง ฮองเฮาโบกมือไปทางองครักษ์เหล่านั้นบรรดาองครักษ์ก็ถอยออกไปอย่างหงุดหงิด“ลั่วจิ่วหลี เฟิงเต๋อฮูหยินก็กินยาในขวดนี้นี่ล่ะ แล้วก็หมดสติไป”ฮองเฮาเสียงเบามาก จ้องลั่วจิ่วหลีตาไม่กะพริบลั่วจิ่วหลีส่ายหัว น้ำเสียงหนักแน่น เผชิญหน้ากับสายตาที่ฮ่องเต้และฮองเฮาเพ่งพินิจนางโดยปราศจากความกลัวใด ๆ“เป็นไปไม่ได้เพคะ นี่คือยารักษาอาการหัวใจวายของเฟิงเต๋อฮูหยิน ไม่ใช่ยาพิษอะไรแน่นอน?”“ยาพิษ?” ที่ด้านข้าง หูกุ้ยเฟยร้องหึอย่างเย็นชาหนึ่งที เดินเข้ามา“ลั่วจิ่วหลี ที่นี่ไม่มีคนบอกว่าเฟิงเต๋อฮูหยินถูกวางยาพิษเสียหน่อย กลับ
เพียงไม่นาน รถม้าก็มาถึงประตูจวนที่นอกรถม้า สวีหมัวมัวเปิดม่านขึ้น“ฮูหยิน คุณหนูรอง ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ”สองแม่ลูกทยอยลุกขึ้นตามกันไป ลงจากรถม้ายังไม่ทันได้เข้าจวน ก็เห็นพ่อบ้านวิ่งตรงออกมาอย่างรวดเร็ว“ฮูหยิน คุณหนูรอง ในวังมีจดหมายมา เชิญให้คุณหนูไปที่พระตำหนักกานเฉวียนทันทีหลังกลับถึงจวนขอรับ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง อี้กั๋วกงฮูหยินหนังตากระตุก“เกิดอะไรขึ้น?”พ่อบ้านส่ายหัว“ขันทีที่เชิญพระราชโองการไม่ยอมบอก บอกแค่ว่า ให้คุณหนูรองเข้าวังได้ทันที”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง คงให้ข้าเข้าวังไปตรวจร่างกายเฟิงเต๋อฮูหยินอีกครั้ง”ลั่วจิ่วหลีพูดปลอบประโลมแล้ว เวลานี้ สาวใช้เรือนฝูชวีก็นำกล่องยาออกมาแล้วลั่วจิ่วหลีรับกล่องยามา“สวีหมัวมัว ดูแลท่านแม่ให้ดี ข้าไปไม่นานก็กลับ”“เจ้าค่ะ คุณหนูรอง”สวีหมัวมัวประคองอี้กั๋วกงฮูหยิน มองดูลั่วจิ่วหลีขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปทางประตูวัง“พ่อบ้านจาง”อี้กั๋วกงฮูหยินเห็นรถม้าที่ค่อย ๆ ห่างออกไปแล้ว ก็ขมวดคิ้ว“ฮูหยิน”พ่อบ้านจางก้าวขึ้นมา“เอาเงินตำลึงไปเพิ่มหน่อยสิ ไปสืบข่าวมาที”“ขอรับ”พ่อบ้านจางไหนเลยจะกล้าชักช้า จากไปอย่างรีบร้อนตามความร้อนใ
อี้กั๋วกงฮูหยินมองที่นาง“เจ้าฟังออกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ายังเข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้น ท่านอ๋องเก้าก็คงจะเข้าใจได้เช่นกัน”“ท่านแม่ นี่ท่าน...”“จิ่วเอ๋อร์”อี้กั๋วกงฮูหยินคว้ามือลูกสาวตัวเองไว้“แม้แม่จะอยู่ในเรือนหลังมานาน แต่เรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้ คราวที่แล้วกุ้ยเฟยเรียกเจ้าเข้าวัง ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพราะเรื่องที่เจ้าหย่าร้างกับอ๋องเจา เรื่องที่สองพี่น้องตระกูลหูนั่นใส่ร้ายเจ้า แม่ฟังแล้วเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง เรื่องคราวก่อน นางปิดบังไว้ไม่น้อย แต่นึกไม่ถึงว่าแม่ก็ยังไปสืบรู้เรื่องนี้มาจนได้“ท่านแม่ ท่านรู้หมดแล้วหรือ?”อี้กั๋วกงฮูหยินพยักหน้าเบา ๆ“ได้รับความอยุติธรรมขนาดนั้น เจ้าไม่บอกแม่ได้อย่างไรกัน?”ลั่วจิ่วหลียิ้มอย่างสบาย ๆ“ก็ไม่ถือว่าได้รับความอยุติธรรมนะเจ้าคะ สองพี่น้องตระกูลหูนั่นก็ไม่ได้รับผลประโยชน์”“เฮ้อ! เจ้านี่นะ”อี้กั๋วกงฮูหยินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“ท่านอ๋องเก้านั้นเป็นยอดคนก็จริง แต่จะว่าอย่างไรท่านก็เป็นเสด็จอาของอ๋องเจา ต่อไปเจ้าอย่าเข้าใกล้มากเกินไปจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกนินทา”ลั่วจิ่วหลีได้ยินแล้ว ก็หัวเราะเย้
“แขก?”เช้าตรู่เช่นนี้ ใครกันมาที่จวนอ๋องเก้า แล้วยังส่งจดหมายคารวะมาด้วย?“ใครหรือ?”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเรียบเฉย ยื่นมือไปรับจดหมายคารวะ เมื่อเห็นแล้วก็สีหน้าเคร่งขรึมทันที “จวนอี้กั๋วกง?”“ไป เชิญแขกเข้าไปห้องโถงรับแขก”“พ่ะย่ะค่ะ”คนผู้นั้นออกไปที่ด้านข้าง ฉินอิ่นก้าวขึ้นมา“นายท่าน เป็นอี้อั๋วกงฮูหยินกับคุณหนูรองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“อืม”เซียวหมิงเสวียนสีหน้าดูไร้อารมณ์ แต่กลับลุกขึ้นกลับห้องไปเปลี่ยนชุดฉินอิ่นยืนอยู่นอกห้อง ลูบจมูกไปมา รู้สึกว่าวันนี้นายท่านของเขาแปลกไปไม่น้อย นายท่านเปลี่ยนชุดเป็นพิเศษเพื่อเจอคนนอกตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่จะว่าไปแล้ว คุณหนูรองตระกูลลั่วก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอกถึงนอกเรือนรับแขกแล้ว เซียวหมิงเสวียนก็เห็นสองแม่ลูกกำลังนั่งดื่มชาอยู่วันนี้ลั่วจิ่วหลีสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน ผิวขาวราวกับหิมะ เรียวคิ้วดูเหมือนทิวเขาที่อยู่ไกล ๆ ผัดหน้าเบา ๆ ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากเขารู้สึกว่าลั่วจิ่วหลีในแบบนี้ดูเย็นชา เฉียบคมน้อยกว่าปกติ และดูอ่อนโยนอบอุ่นมากขึ้นลั่วจิ่วหลีเหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมองนางอยู่ จึงเงยหน้ามองไปทางนอกประตูเห็นเซียวหม
สวีหมัวมัวค้อมตัวคำนับ“บ่าวขอขอบพระคุณความห่วงใยจากคุณหนูแทนชุนหรงเจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีรู้สึกอึดอัดไม่น้อย นี่ก็คือระบบชนชั้นสมัยโบราณ แม้บ่าวจะรับมีดแทนนายจนได้รับบาดเจ็บ ก็ยังต้องขอบคุณ แสดงความซาบซึ้งต่อความเมตตาจากนาย “จิ่วเอ๋อร์ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เยียนทิงเหลียนนั่นแหกคุกไม่ใช่หรือ? ถูกจับอีกได้อย่างไร? ได้ยินว่า นางถูกเปลื้องผ้าแล้วไปแขวนไว้บนหอประตูเมืองชั้นนอก เฮ้อ! ช่างเสื่อมเสียจารีตประเพณีบ้านเมืองเสียจริง”ลั่วจิ่วหลีนวดขมับไปมาอย่างจนใจ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน วันนี้นั่งรถม้ามาทั้งวันก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่อีก แต่แม่ถาม นางก็ได้แต่อดทน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองให้แม่ฟัง แน่นอนว่า เรื่องบางอย่างที่ต้องปิดบัง นางก็ไม่ได้ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว“เจ้าว่าอะไรนะ? อ๋องเก้าเพราะช่วยเจ้า ก็ถูกเยียนทิงเหลียนทำร้ายบาดเจ็บหรือ?”“เจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีพยักหน้าเบา ๆ“เยียนทิงเหลียนนั่นไม่ใช่หญิงธรรมดาเลย นางเป็นสายลับของแคว้นซางหนาน ข้าเผลอไปครู่หนึ่ง ยังดีที่มีชุนหรงกับอ๋องเก้า ไม่เช่นนั้น ขณะนี้คนที่นอนปางตายอยู่บนเตียงก็คงเป็นข้าแล้ว”แม้ว่าชุนหรงกับอ๋องเก้าจะไม่ได
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”เซียวหมิงเสวียนถวายบังคม ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องทรงพระอักษรออกจากประตูวังแล้ว ระหว่างทางกลับจวน เซียวหมิงเสวียนมองฉินอิ่นแวบหนึ่ง“ส่งข่าวไปยังหอหลิงเซียว ให้พวกเขาไปสืบหาเบื้องหลังของเยียนทิงเหลียนที่แคว้นซางหนาน”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก“นายท่าน ข้าน้อยส่งฉินลิ่วไปเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่หอประตูเมืองชั้นนอกแล้ว ฉินลิ่วรายงานกลับมา บอกว่า... อะแฮ่ม”“บอกว่าเยียนทิงเหลียนถูกแขวนตัวเปลือยเปล่าอยู่บนหอประตูเมืองชั้นนอก ทำให้เกิดความโกลาหลไม่น้อย มีคนเร่ร่อนหื่นกามคิดไม่ดี...”ส่วนคิดไม่ดีว่าอะไร ไม่ต้องให้ฉินอิ่นพูดให้ชัดเจน เซียวหมิงเสวียนก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร“หึ!”เซียวหมิงเสวียนยิ้มอย่างเย็นชา“เช่นนั้นแล้วก็เปิดช่องโหว่ให้พวกเขาเสีย ให้เยียนทิงเหลียนลองสัมผัสดูว่าตอนนั้นนางวางแผนทำร้ายลั่วจิ่วหลีอย่างไร”ฉินอิ่นได้ยินแล้ว ในใจก็แอบสวดมนต์ภาวนาให้เยียนทิงเหลียนดูท่า เยียนทิงเหลียนจนตายก็ไม่มีทางรู้ว่า ตอนนั้นที่นางวางแผนจะทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองตระกูลลั่ว แต่คนที่มีความสัมพันธ์กับคุณหนูรองตระ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยียนทิงเหลียนเดิมทีก็เป็นหญิงงามชั้นยอด เอวบางร่างน้อยราวกับต้นหลิว หน้าอกและบั้นท้ายโค้งเว้าชัดเจน หากใช้คำของอ๋องเจามาอธิบาย นี่คือผู้หญิงที่มอบความสุขให้เขาได้แม้แต่องค์ชายแห่งอาณาจักรหนึ่งยังยอมรับในความงามอันเย้ายวนของเยียนทิงเหลียน นับประสาอะไรกับบรรดาบุรุษธรรมดา ๆเพียงแค่เห็นภาพที่เย้ายวนชวนลุ่มหลงนี้แวบเดียว ก็ทำให้เลือดลมสูบฉีดยิ่งดูยิ่งตื่นเต้น ยิ่งดูยิ่งมีผู้ชายเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นมีคนตะโกนว่านี่ช่างเสียของจริง ๆ มีคนป่าวร้องว่าสาวสวยเช่นนี้ถ้าได้ซุกอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ ด้วยจะมีความสุขขนาดไหนมีคนมือบอนเข้าไปใกล้ ๆ อยากเอานางลงมาใจจะขาด หาความสำราญให้เต็มที่ ก็ถูกทหารที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ ถีบกระเด็นไปอยู่ที่พื้นและยังมีหญิงอารมณ์ร้ายที่เมื่อรู้ว่าสามีตนเองมาจ้องมองดูผู้หญิงเปลือยจนตาแทบออกมานอกเบ้า ก็วิ่งถือไม้นวดแป้งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลมพัด มาบิดหูสามีตัวเอง ด่าว่ายกใหญ่ ด่าสามีตัวเองเสร็จยังไม่พอ ยังหยิบทุกอย่างที่หยิบติดมือมาได้ ปาไปที่ตัวเยียนทิงเหลียนอย่างเอาเป็นเอาตายชาวบ้านร้านตลาดหรือ? เพียงแค่มีคนหนึ่งเริ่มต้น คนที่เหลือก็พากันทำตา
“ลงมือ”เซียวหมิงเสวียนไม่แม้แต่จะสนใจดูเยียนทิงเหลียนที่กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสน“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อฉินอิ่นผลักเยียนทิงเหลียนไปข้างหน้า ทั้งร่างของเยียนทิงเหลียนก็ทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อหัวหน้าทหารยามทั้งสองโบกมือให้สัญญาณอย่างสุดแรง ด้านหลังก็มีทหารเฝ้าเมืองก้าวขึ้นมาข้างหน้าทีละก้าว ๆ“อื้อ! อื้อ! อื้อ!”เยียนทิงเหลียนถอยหลังโดยใช้ทั้งมือและเท้าหากเวลานี้นางพูดได้ เสียงขอความเมตตาอย่างน่าเวทนาและเสียงร้องโหยหวนก็คงจะทำให้เกิดความสงสารอันเล็กน้อยจนแทบจะไม่มีอยู่เลยขึ้นมาบ้างน่าเสียดาย ตัวนางในขณะนี้วรยุทธ์ถูกทำลาย ลิ้นก็ถูกตัด ได้แต่ทนรับความอัปยศนี้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ร้องเรียกต่อฟ้าก็ไร้ผล อ้อนวอนต่อดินก็สิ้นหนทาง ทนทุกข์ทรมานแต่เพียงผู้เดียว ดิ้นรนอย่างขมขื่นทันใดนั้นเอง นางก็เห็นว่าบนรถม้าที่อยู่ด้านหลังนั้น ลั่วจิ่วหลีทอดสายตามาที่นางลั่วจิ่วหลี คนชั้นต่ำ นางชั้นต่ำนี่ ต้องเป็นความคิดของเจ้าแน่ ๆ ต้องใช่อย่างแน่นอนเยียนทิงเหลียนหลบทหารเฝ้าเมืองสองคนนั้นที่ไล่ตามมาประชิดตัว โหม่งหัวชนคนหนึ่งจนล้มลง ฝืนทนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกาย วิ่งพุ่งตรงไปทางลั่วจิ่วหลี
เมืองชั้นนอกนั้นหลัก ๆ เป็นที่อยู่ของประชาชนทั่วไป และคนมากหน้าหลายตาจากทุกกลุ่มในสังคม เมืองชั้นในล้วนเป็นที่พำนักของขุนนางชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ ส่วนวังหลวงเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ฮองเฮา เหล่าสนมวังหลัง และบรรดาองค์ชายองค์หญิง จวนอี้กั๋วกงกับจวนอ๋องเก้านั้นอยู่ในเมืองชั้นในทั้งคู่ รถม้ากลับหยุดที่เมืองชั้นนอก ลั่วจิ่วหลีประหลาดใจไม่น้อย“ไปกัน ออกไปดูหน่อยกว่าเกิดอะไรขึ้น?”นางพูดพลางผลักประตูรถม้าออก ก็เห็นเซียวหมิงเสวียนที่อยู่ข้างหน้ายืนอยู่บนรถม้าอย่างสง่างามน่าเกรงขามพอดีผู้คนสองข้างทางเมื่อเห็นท่านอ๋องเก้า ก็พากันคุกเข่าลงที่พื้นไม่ไกลจากนั้น มีหัวหน้าทหารยามสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมืองชั้นนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งด่วน“กระหม่อมถวายบังคมท่านอ๋องเก้า”“อืม ลุกขึ้นเถอะ”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเย็นชาเรียบเฉย“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเก้า”หัวหน้าทหารยามทั้งสองลุกขึ้น“ฉินอิ่น”เซียวหมิงเสวียนโบกมือให้สัญญาณไปทางด้านหลัง“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นขานรับ จากนั้นก็คุมตัวคนคนหนึ่งเดินไปที่หน้าหัวหน้าทหารยามสองคนนั้น เมื่อลั่วจิ่วหลีมองให้ดี ๆ คนที่ถูกคุมตัวมาไม่ใช่เ