หลินเซียงหันไปมองทันที พบเพียงอาคารที่กำลังก่อสร้างหลายหลังโดยไม่มีสิ่งอื่นใดแต่สายตาที่มองมานั้นช่างจริงจังเหลือเกินหลินเซียงไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกผิดพลาดแดดร้อนจัดส่องลงมาบนตัวเธอ เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อยตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เธอจึงรวบเสื้อโค้ตสีเบจที่สวมอยู่แล้วเดินเร็วไปข้างหน้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย จึงควรตรวจสอบให้เสร็จแล้วจากไปโดยเร็ว...รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าพื้นที่ก่อสร้าง หัวหน้าคนงานมีสีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนจะยื่นหมวกนิรภัยให้“ประธานลู่ครับ ที่นี่อันตราย ทำไมท่านถึงมาเองล่ะครับ?”ลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม สวมโค้ตสีดำ ทั้งตัวดูสง่างามและเย็นชา ท่าทางการเคลื่อนไหวทุกอย่างแสดงถึงความสูงส่ง คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาแผ่พลังอำนาจอันร้ายกาจซ่งจั่วรับหมวกนิรภัยแล้วส่งให้เขาลู่สือเยี่ยนสวมหมวกไปพลางพูดไปพลางว่า “ผมมาไม่ได้เหรอ?”หวังกงถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่งลู่สือเยี่ยนดูเหมือนยังหนุ่ม แต่ใครจะคิดว่านิสัยจะเข้าใจยากถึงเพียงนี้แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ ลู่สือเยี่ยนก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งจั่วยิ้มบาง และพูดว่า “ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ด
หลินเซียง “ฮ่า ฮ่า ตลกดี”ลู่สือเยี่ยน “ชอบก็ดีแล้ว”สุดท้ายหลินเซียงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก ก่อนจะรีบดึงแขนออก แล้วเดินไปที่ประตูลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามหลังเธอ แม้เธอจะเดินเร็วแค่ไหน เขาก็ยังตามทันได้อย่างไม่ยากเย็น ท่าทางราวกับกำลังเดินเล่นอยู่หลินเซียง “…”ช่วงขายาวนี่มันดีจริง ๆ!คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันงุนงง หวังกงหันไปถามซ่งจั่ว “คุณซ่งครับ นี่มันอะไรกัน?”เกิดอะไรขึ้น?แต่ซ่งจั่วไม่ตอบคำถามเขา กลับชี้ไปที่แบบแปลนในจุดหนึ่งแล้วถามว่า “ตรงนี้คืออะไรครับ?”หวังกงรีบอธิบายอย่างตั้งใจทันทีแบบนี้ก็ไม่มีใครสนใจลู่สือเยี่ยนและหลินเซียงอีกต่อไปหลังออกจากพื้นที่ก่อสร้าง หลินเซียงเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินลู่สือเยี่ยนยังคงเดินตามหลังเธอ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกทั้งคู่หย่ากันแล้ว ทำไมเขายังคงรั้งเธอไว้ไม่ปล่อย?เธอหันไปมองเขา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ลู่สือเยี่ยนล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโค้ต ท่าทางสง่างามแต่ดูผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “นั่งรถไฟใต
“เมื่อไหร่คุณจะหย่ากับเธอสักที”ในห้องอาหารส่วนตัว หญิงสาวคนหนึ่งจ้องมองชายตรงหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่หลินเซียงยืนอยู่นอกห้อง สองมือสองเท้าของเธอเย็นเฉียบ เธอมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาและเฉียบคมของชายอีกคนโดยไม่กะพริบตา เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงทุกขณะนั่นคือสามีของเธอ ลู่สือเยี่ยนเขาเป็นใบ้ ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในคลับแห่งนี้ วันนี้เธอเลิกงานเร็วกว่ากำหนดจึงมาที่นี่เพื่อกลับบ้านพร้อมเขา ไม่นึกเลยว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าผู้ชายซึ่งทำงานประจำอยู่ที่นี่ สวมเครื่องแบบพนักงานเสิร์ฟ ตอนนี้กลับสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ผมตัดสั้นได้รับการจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ท่าทางสง่างามและเย็นชาอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเขาเผยอริมฝีปากบาง ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มไพเราะ “ไว้ผมจะคุยเรื่องนี้กับเธอโดยเร็วที่สุด”เธอหลับตาลงทันทีและหันหลังกลับเขาพูดได้อย่างคนปกติเสียงของเขาฟังรื่นหูดีจริง ๆแต่ทว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ ประโยคแรกที่เธอได้ยินเขาพูดกลับกลายเป็นการหย่าร้างหลินเซียงตกอยู่ในความสับสน แวบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองน่าจะจำคนผิดชายที่สง่างามและเย็นชาคนนั
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินเสียงของเขาเคล้าไปกับเสียงเพลงในคลับ ทำให้ได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่แต่ในตอนนี้ เสียงทุ้มลึกราวแม่เหล็กของเขากลับดังเหนือศีรษะของเธอ ชัดเจนจนทิ่มแทงหัวใจของเธออย่างแรง เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกที่แท้เขาก็พูดคุยได้เหมือนคนปกติแต่เขากลับไม่บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันทีแถมเขายังคิดจะหย่ากับเธอด้วยทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงทำไมกัน?ทำไมต้องหย่าด้วย?หลินเซียงอยากถามออกไปแทบตาย แต่เธอก็อดกลั้นเอาไว้ถ้าเขาต้องการแบบนั้นจริง ๆ แล้วมันเพราะอะไรกัน?ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยทำอะไรให้เขารู้สึกเสียใจเลยสักครั้ง ถึงเขาจะอยากหย่า แต่ก็ควรให้เหตุผลแก่เธอ!หัวใจของหลินเซียงเย็นเฉียบ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังโหยหาความอบอุ่นจากร่างกายของเขา กอดเขาแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย“อืม ฉันได้ยินคุณคุยกับใครบางคน แต่ไม่ได้ยินว่าคุณพูดอะไรบ้าง อาเยี่ยน เสียงของคุณเพราะมากเลย”พูดจบเธอก็จูบแผ่นหลังของเขาอาเยี่ยนนั่นคือชื่อที่เธอเรียกเขา จะเรียกก็ต่อเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง ในช่วงที่ใกล้ชิดกันอย่างที่สุดเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาได้ยิน เขาจะโต้ตอบเธอด้วยการกระทำที่บ้าคลั่งยิ่งขึ้นแต่ทว่
หลินเซียงมองหน้าเขา “ตอบสิ” ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเรียบ “กินข้าวก่อนเถอะ”เขาผลักเธอออกไป เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้ววางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะหัวใจของหลินเซียงจมลงสู่ก้นเหวอีกครั้ง จ้องมองแผ่นหลังของเขาสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเธอพยายามห้ามไม่ให้เขาพูดเรื่องหย่าออกมาถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท่าทีของเขามันชัดเจนแล้วเขากำลังทำตัวเหินห่างจากเธอ ไม่เอ่ยแม้กระทั่งคำสัญญาจอมปลอมด้วยซ้ำเมื่อก่อน เขาไม่เป็นแบบนี้เลยแม้สักนิด!ตอนแรก เขาตามติดแทบจะสิงร่าง ติดตามไปทุกที่ที่เธอไป มีนิสัยติดเธอมากต่อมา เธอจึงตัดสินใจรับเขาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน และเริ่มสอนวิธีเขียนอ่าน ฝึกภาษามือกับเขา นับจากนั้นเขาก็ยิ่งติดเธองอมแงมขึ้นเรื่อย ๆไม่ว่าเธอจะทำอะไร จะมีสายตาของเขาก็คอยมองตามอยู่เสมอราวกับเธอเป็นโลกทั้งใบของเขา“ลู่สือเยี่ยน คุณไม่ได้จูบอรุณสวัสดิ์ฉันด้วยซ้ำ”หลินเซียงเดินไปหา นี่เป็นข้อตกลงที่พวกเขาทำเป็นกิจวัตรหลังจากยืนยันความสัมพันธ์ลู่สือเยี่ยนผลักแก้วนมถั่วเหลืองไปตรงหน้าเธอ “กินข้าวก่อนเถอะ ไว้ผมค่อยเล่าให้คุณฟังทีหลัง”มือของหลินเซียงกำแน่น “ถ้าฉันไม่กิน คุณจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นใช
เมื่อมาถึงบริษัท หลินเซียงเพิ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาใกล้และพูดว่า “หลินเซียง เธอรู้หรือยัง? บริษัทของเราถูกซื้อกิจการไปแล้ว! คนซื้อคือนายน้อยสามที่หายตัวไปอย่างลึกลับของตระกูลลู่ ดูเหมือนว่าเขาจะชื่อลู่สือเยี่ยนอะไรนี่แหละ”หลินเซียงตกตะลึง “ชื่ออะไรนะ?”“ลู่สือเยี่ยน ฉันเห็นรูปแล้ว เขาหล่อมากเลย! ว่ากันว่าเขาหายไปตั้งหนึ่งปี เพิ่งกลับมาที่ตระกูลลู่ไม่นาน กลับมาก็เริ่มปรับปรุงบริษัทสาขานี้ทันที บริษัทของเราเลยได้อานิสงส์โดยตรง พระเจ้าช่วย การมีผู้ชายที่หล่อเหลาและอ่อนโยนเป็นเจ้านายแบบนี้ ต่อให้ฉันนอนหลับฝันยังลุกขึ้นมาละเมอยิ้มเลย!”หลินเซียงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู ข้อความแรกที่ผุดขึ้นมาบนหน้าฟีด คือข่าวลูกชายคนที่สามของตระกูลลู่ ลู่สือเยี่ยนกลับมาแล้ว หลังจากหายตัวไปเป็นเวลาหนึ่งปีในภาพ ชายคนนั้นสวมชุดสูทสีดำ ตัดผมสั้นแบ่งข้าง ใบหน้าหล่อเหลาและเฉียบคม ดวงตาฟีนิกซ์คมกริบคู่นั้นฉายประกายเย็นเยียบ ทั้งร่างกายเผยให้เห็นสง่าราศีที่สูงส่งและเย็นชาลู่สือเยี่ยน ความจริงแล้วเขาเป็นนายน้อยสามของตระกูลลู่ ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของเมืองอวิ๋นเฉิง!
เขาทำแบบนั้นกับเธอได้ยังไง?ความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นในใจทำให้ลมหายใจจิตขัด!เมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของเธอ สายตาของลู่สือเยี่ยนก็อ่อนลง แต่สีหน้าของเขากลับเย็นชาลงกว่าเก่า “ผมมีเหตุผลของตัวเอง และจะไม่บอกคุณด้วย ที่ผมทำก็เพื่อปกป้องคุณเหมือนกัน”“เหอะ!”หลินเซียงหัวเราะเยาะ กลั้นน้ำตา น้ำเสียงเย็นลงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วไง ฉันไม่หย่า อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้!”เธอหันหลังกลับและตั้งท่าจะจากไป“คุณคงไม่อยากเสียงานนี้ไปหรอกใช่ไหม?”เสียงเย็นชาของชายคนนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง “คุณเป็นเด็กกำพร้า กว่าจะตั้งหลักในเมืองนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย งานนี้คงมีความสำคัญต่อคุณมาก”หลินเซียงมองเขาด้วยความโกรธ “คุณจะทำอะไร?”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับ “เซ็นใบหย่าซะ แล้วสิ่งที่ผมพูดก่อนหน้านี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิม”เขากำลังขู่เธอ!มือของหลินเซียงสั่นเทาด้วยความโกรธ ถ้าไม่ติดที่อยู่ไกลเกินไป เธอคงตบหน้าเขาไปแล้ว!“ลู่สือเยี่ยน คุณมันไร้ยางอาย!”ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เขากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง?หรือว่าเดิมทีเขาก็เป็นคนโหดเหี้ยมขนาดนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตา?ลู่สือเยี
ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ถามลู่สือเยี่ยนในห้องอาหารวันนั้นว่าเมื่อไหร่เขาจะหย่าเธอคล้องแขนเขาไว้อย่างสนิทเสน่หาลู่สือเหยียนไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเลยตอนที่เธอพาเขากลับมาบ้านครั้งแรก แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่ความทรงจำตามสัญชาตญาณของร่างกายบางส่วนยังคงอยู่ หลังจากที่เขาปรับตัวคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายทำความสะอาดบ้านให้เธอ ทุกที่สะอาดอย่างไม่มีที่ติเขาไม่เคยรับของที่คนอื่นมอบให้เลย และก็ไม่กินอาหารจากแผงริมถนนข้างนอกด้วย บางครั้งเขาก็มีนิสัยบางอย่างที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีแต่ตอนนี้ เขากลับปล่อยให้สาวอื่นคล้องแขน แถมทั้งสองยังดูสนิทสนมกันมากนี่เขากำลังบอกเธอทางอ้อม ว่าถึงแม้เธอจะไม่ยอมหย่า เขาก็จะคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ดีใช่ไหม?หลินเซียงขยำชายเสื้อของตัวเองแน่น หัวใจของเธอเต้นรัว ดวงตาฉายแววแห่งความเจ็บปวดลู่สือเยี่ยน คุณใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง?สร้อยคอที่เธอเลือกมากับมือ เขากลับมอบให้ผู้หญิงคนอื่น!เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขของเขา แต่ถูกตัดสายทันทีที่โทรออก ถึงอย่างนั้นก็ยังคงโทรย้ำ ๆ ต่อไปราวกับไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รับจนกระทั่งเขารับสาย “มีอะไ
หลินเซียง “ฮ่า ฮ่า ตลกดี”ลู่สือเยี่ยน “ชอบก็ดีแล้ว”สุดท้ายหลินเซียงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก ก่อนจะรีบดึงแขนออก แล้วเดินไปที่ประตูลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามหลังเธอ แม้เธอจะเดินเร็วแค่ไหน เขาก็ยังตามทันได้อย่างไม่ยากเย็น ท่าทางราวกับกำลังเดินเล่นอยู่หลินเซียง “…”ช่วงขายาวนี่มันดีจริง ๆ!คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันงุนงง หวังกงหันไปถามซ่งจั่ว “คุณซ่งครับ นี่มันอะไรกัน?”เกิดอะไรขึ้น?แต่ซ่งจั่วไม่ตอบคำถามเขา กลับชี้ไปที่แบบแปลนในจุดหนึ่งแล้วถามว่า “ตรงนี้คืออะไรครับ?”หวังกงรีบอธิบายอย่างตั้งใจทันทีแบบนี้ก็ไม่มีใครสนใจลู่สือเยี่ยนและหลินเซียงอีกต่อไปหลังออกจากพื้นที่ก่อสร้าง หลินเซียงเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินลู่สือเยี่ยนยังคงเดินตามหลังเธอ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกทั้งคู่หย่ากันแล้ว ทำไมเขายังคงรั้งเธอไว้ไม่ปล่อย?เธอหันไปมองเขา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ลู่สือเยี่ยนล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโค้ต ท่าทางสง่างามแต่ดูผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “นั่งรถไฟใต
หลินเซียงหันไปมองทันที พบเพียงอาคารที่กำลังก่อสร้างหลายหลังโดยไม่มีสิ่งอื่นใดแต่สายตาที่มองมานั้นช่างจริงจังเหลือเกินหลินเซียงไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกผิดพลาดแดดร้อนจัดส่องลงมาบนตัวเธอ เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อยตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เธอจึงรวบเสื้อโค้ตสีเบจที่สวมอยู่แล้วเดินเร็วไปข้างหน้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย จึงควรตรวจสอบให้เสร็จแล้วจากไปโดยเร็ว...รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าพื้นที่ก่อสร้าง หัวหน้าคนงานมีสีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนจะยื่นหมวกนิรภัยให้“ประธานลู่ครับ ที่นี่อันตราย ทำไมท่านถึงมาเองล่ะครับ?”ลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม สวมโค้ตสีดำ ทั้งตัวดูสง่างามและเย็นชา ท่าทางการเคลื่อนไหวทุกอย่างแสดงถึงความสูงส่ง คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาแผ่พลังอำนาจอันร้ายกาจซ่งจั่วรับหมวกนิรภัยแล้วส่งให้เขาลู่สือเยี่ยนสวมหมวกไปพลางพูดไปพลางว่า “ผมมาไม่ได้เหรอ?”หวังกงถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่งลู่สือเยี่ยนดูเหมือนยังหนุ่ม แต่ใครจะคิดว่านิสัยจะเข้าใจยากถึงเพียงนี้แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ ลู่สือเยี่ยนก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งจั่วยิ้มบาง และพูดว่า “ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ด
ไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้เป็นหมูหรือไง?กินเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?นั่นกับข้าวสองอย่างกับซุปอีกชามเลยนะ!อาหารสำหรับสองวันของเธอถูกเขากินหมดแล้ว!หลินเซียงยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ พรุ่งนี้ต้องไปเปลี่ยนรหัสที่ชั้นล่าง ไม่ให้เขาขึ้นมาได้!แล้วก็เปลี่ยนลูกบิดประตูด้วย!ตอนนี้เธอมีเงินเหลือเฟือ!หลินเซียงโมโหมาก เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อดูสภาพ แล้วก็เห็นกับข้าวที่อุ่นไว้บนเตาความโมโหของหลินเซียงชะงักไปชั่วขณะหึ!เธอยิ้มเยาะ แล้วหยิบกับข้าวที่อุ่นไว้มากินต่อเธอหิวจริง ๆ…วันรุ่งขึ้นหลินเซียงจ้างช่างมาเปลี่ยนลูกบิดประตู เปลี่ยนรหัสลิฟต์ แล้วค่อยไปทำงานวันนี้ซืออวี่มาเร็วมาก แต่กลับดูอิดโรยหลินเซียงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรคะ? ช่วงนี้นอนไม่หลับเหรอ?”ซืออวี่หาว “ใช่แล้ว สองวันนี้ยุ่งมาก ฮอร์โมนแปรปรวนหมด ไม่สวยแล้ว”หลินเซียงหัวเราะ “งั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”ซืออวี่ส่ายหัว “ไม่ อยู่ที่นี่ก็พักได้”หลินเซียง “…”สุดยอดเลยเธอดึงเก้าอี้นั่งลง มีนมกล่องหนึ่งอยู่ตรงหน้า พอมองขึ้นไปก็เห็นสวี่ซิงเย่ยิ้มเขินอายเล็กน้อย“ผมซื้อนมมา แต่ลืมไปว่าตัวเองแพ้นม ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ช่วยผมดื่มใ
หลินเซียงโมโหจนอยากจะเตะคน!“ปล่อย!”ลู่สือเยี่ยนก้มมองเธอ เดินเข้าไปพร้อมกับพูดว่า “ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยเดี๋ยวคุณก็ตีผมสิ”หลินเซียงมองเขาด้วยความโมโห ไม่ใช่แค่ “เดี๋ยวก็” แต่เป็น “แน่ ๆ!”ผู้ชายคนนี้น่าทุบจริงๆ!เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านก็ไม่พบผู้ชายแปลกหน้าคนไหน ความเย็นชาของลู่สือเยี่ยนก็ลดลง เขาโอบหลินเซียงไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นกับข้าวบนโต๊ะอาหารก็เลิกคิ้วเล็กน้อยเขาบีบเอวเธอเบา ๆ กระซิบว่า “คุณไม่ได้บอกว่าไม่ได้ทำกับข้าวหรือไง?”หลินเซียง “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเข้ามา ไม่อยากให้คุณกิน ฟังไม่ออกหรือไง?”ลู่สือเยี่ยน “ฟังออก แต่ผมไม่ทำตาม”หลินเซียง “…”น่าโมโหมาก!ผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริง ๆ!เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอ อารมณ์ของลู่สือเยี่ยนกลับดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาปล่อยเธอ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมากินช้อนส้อมนั้นเป็นของหลินเซียงข้าวในนั้น เธอกินไปคำหนึ่งแล้วด้วยซ้ำเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เกรงใจของเขา หลินเซียงกอดอก ถามว่า “ลู่สือเยี่ยน คุณหมายความว่ายังไง?”“หืม?”ลู่สือเยี่ยนกินข้าวไปด้วย เงยหน้ามองเธอ เหมือนกับว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอหมายความว่าอ
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ