เมื่อกลับถึงร้านค้า หนิงชิงให้เงินบ่าวไพร่ไปซื้ออาหารมาฉลองการสอบผ่านของหนิงหยาง นางบอกให้นำอาหารที่ดีที่สุดมาเป็นจำนวนมากเผื่อพวกเขาด้วย วันนี้นางจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารพวกเขาเอง บ่าวไพร่ต่างแสดงความยินดีกับคุณชายน้อยแล้วขอตัวไปซื้ออาหารตามที่คุณหนูใหญ่สั่ง พวกเขาดีใจจริง ๆ ที่เหล่านายท่านไม่แบ่งแยกพวกเขาออกจากงานเลี้ยงครั้งนี้ พวกเขาไม่คิดว่าครอบครัวนายท่านจะเป็นกันเองตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเหตุใดผู้จัดการกับพ่อบ้านใหญ่จึงได้ให้พวกเขาตั้งใจทำงานให้กับนายท่านทั้งหลายอย่างดี นี่เป็นเพราะความดีของเหล่านายท่านที่ซื้อใจพวกเขาได้นั่นเอง
สามเค่อต่อมาคนงานก็กลับมาพร้อมอาหารจำนวนมาก พวกเขาแบ่งอาหารอย่างที่คุณหนูใหญ่สั่งก่อนจะจัดอาหารให้บรรดานายท่านและคุณหนูที่โต๊ะส่วนตัวของพวกท่าน ส่วนพวกเขาก็ไปเรียกเพื่อน ๆ ในร้านมากินข้าวก่อนค่อยไปทำงานต่อ หนิงชิงเห็นพวกเขารู้ความเช่นนี้ก็ได้แต่ยิ้มยินดี นางไม่รู้ว่าหากน
รุ่งเช้าหลังอาหารวันต่อมา หนิงชิง หนิงกวานและเสี่ยวชุ่ยไปส่งหนิงหยางที่โรงเรียนใหม่ของเขา พวกนางซื้อเสื้อผ้าเพิ่มให้กับหนิงหยางอีกนับสิบตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพราะหนึ่งปีนี้เขาจะได้ตั้งใจทบทวนตำรา ไม่ต้องห่วงเรื่องเสื้อผ้าหรืออาหารการกินใด ๆ หนิงชิงยังให้เงินเขาเอาไว้อีกห้าร้อยตำลึงนอกจากเงินสามสิบตำลึงที่เขาจะจ่ายให้กับโรงเรียน นางเห็นว่าน้องชายโตแล้วสามารถพิจารณาได้เองว่าสิ่งใดจำเป็นต้องซื้อ หากเป็นครอบครัวทั่วไปเงินห้าร้อยตำลึงสามารถอยู่ได้ไปจนตลอดชีวิต แต่หนิงชิงนึกถึงราคาหนังสือของหนิงหยางที่เจียงเฉิงเคยพานางไปซื้อ นางจึงให้เงินเผื่อเอาไว้กับน้องชายและสั่งว่าถ้าเงินหมดให้ไปรับที่ร้านแล้วส่งจดหมายมาบอกนาง นางจะชดเชยเงินให้ทางร้านเอง หนิงหยางรับฟังพี่สาวเขา เขาไม่เคยจากครอบครัวไปไหนจึงได้แต่น้ำตารื้น ถึงจะบอกว่าเขาโตแล้วก็เถอะ แต่เขาเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านอยู่ดี เขาจึงรู้สึกโหวงเหวงไม่น้อยที่จะต้องจากกับครอบครัว หนิงชิง
เมื่อตกลงเรื่องการเดินทางกับพ่อแม่ได้แล้ว หนิงชิงก็ขอบคุณพี่ชายเสี่ยวเจียงที่มาเป็นธุระให้นางอีกครั้ง พวกเขาแยกกันหลังจากทานอาหารเสร็จต่างคนต่างไปพักผ่อน ส่วนหนิงชิงยังต้องจัดเตรียมของสำหรับการเดินทางไกลในครั้งนี้ นางจะต้องเอาเงินไปเพิ่มสักสองหมื่นตำลึง เพราะไปเมืองสือครั้งนี้นางหมดเงินไปหลายพันตำลึง จึงต้องหาเงินไปเผื่อเอาไว้สำหรับการจัดตั้งร้านสาขาใหม่ของนาง หนิงชิงนึกถึงพวกพี่ชายเจิ้ง นางจะให้พี่ชายเจิ้งหงกับพี่ชายเจิ้งหย่งไปด้วยในคราวเดียว รอพรุ่งนี้ออกเดินทางสายหน่อยก็คงไม่เป็นไร อย่างไรนางก็ต้องกินข้าวเช้าก่อนอยู่ดี รุ่งเช้าวันต่อมาหนิงชิงมองหนิงกุ้ยกับชายร่างใหญ่ที่ช่วยกันทำอาหารอย่างแปลกใจ เอาไว้นางกลับมาค่อยสอบถามน้องสาวก็ยังไม่สาย หนิงชิงสั่งต้าเจียงให้พาเจิ้งหงกับเจิ้งหย่งไปด้วยเลย ให้พวกเขาเก็บเสื้อผ้าหลังอาหารเช้าให้เรียบร้อยเพื่อไปประจำที่สาขาใหม่เหมือนตอนที่พวกเขาไปสอนคนที่เมืองสือ ต้าเจียงรับคำสั่งคุณหนูใหญ่
บ่าวทั้งสามฟังที่หนิงชิงพูดแล้วก็ได้แต่นึกขอบคุณนางที่ทำทุกสิ่งเพื่อพวกเขา พวกเขายิ่งเคารพนางมากยิ่งขึ้น หากคุณหนูใหญ่ให้ทำสิ่งใด แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ขัดคำสั่ง กว่าที่หนิงชิงกับพวกจะเดินทางถึงมณฑลหูกุ้ยก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่เก้าในการเดินทางแล้ว เนื่องจากระยะทางไกลไม่น้อย รวมทั้งพวกเขาไม่รู้ทางไปที่เมืองหูกุ้ยจึงได้สอบถามคนมาตลอดทางกระทั่งมาถึงได้เสียที ต้าเจียงขับรถม้าพาทุกคนเข้าไปในเมืองอย่างช้า ๆ หนิงชิงสั่งให้ต้าเจียงไปที่ที่ว่าการมณฑลเลยเพื่อหาร้านทันที คืนนี้พวกนางจะได้หาที่พักก่อนหากยังซื้อขายไม่ได้ ต้าเจียงสอบถามคนไปจนถึงที่ว่าการ เขาลงจากรถม้าเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ซื้อขายร้านค้าภายในเมือง ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็ออกมาคุยกับเขา“คารวะท่านเจ้าหน้าที่ขอรับ ข้าเป็นพ่อบ้านตระกูลหนิง มาติดต่อขอซื้อร้านว่างที่เมืองนี
หลังอาหารเย็นไม่นานนัก ต้าเจียงก็กลับมาถึงร้านค้าพร้อมโฉนดที่ดิน นับว่าเจ้าหน้าที่ทำงานได้รวดเร็วจริง ๆ หนิงชิงให้ต้าเจียงกินข้าวเสียก่อนแล้วค่อยคุยกัน เขาจึงนั่งลงกินข้าวที่เจิ้งหงกับเจิ้งหย่งเหลือเอาไว้ให้ไม่น้อย หนิงชิงคุยกับเจิ้งหงและเจิ้งหย่งเรื่องที่นางจะให้พวกเขาประจำการที่สาขานี้ นางไม่รู้ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่“ได้ขอรับคุณหนู พวกเราจะอยู่ดูแลคนงานที่สาขานี้ให้ขอรับ อย่างไรร้านที่เมืองกังก็มีงานไม่มากนัก พวกเราน่าจะช่วยทางนี้ได้มากกว่าขอรับ”“ขอบใจพวกเจ้ามากนะที่ช่วยกันทำงานและศึกษางานใหม่ ๆ กันมาตลอด ที่นี่ห่างไกลจากเมืองกังไม่น้อย หากต้าเจียงต้องมาตรวจงานก็คงต้องพึ่งพวกเจ้าให้ควบคุมคนงานใหม่ที่ข้าจะซื้อมาให้พวกเจ้าเสียก่อนล่ะนะ”“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องกังวลขอรับ พวกเราจะทำงานและดูแลร้านนี้ให้ดีอย่างแน่นอนขอรับ” หนิงชิงค่อยพรูลมหาย
หลังจากกินอาหารและทาสใหม่เปลี่ยนชุดกันหมดแล้ว หนิงชิงก็เรียกพวกเขามาคุยกัน“ตอนนี้พวกเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะซื่อสัตย์และตั้งใจทำงาน หากใครทำงานดีก็จะได้เงินดีด้วยเช่นกัน ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นทาส แต่บ่าวทุกคนที่อยู่กับข้าก็ได้รับเงินเดือนไม่น้อยเลยสักคนเดียว หากไม่เชื่อพวกเจ้าค่อยลองสอบถามกับเจิ้งหงหรือเจิ้งหย่งก็ได้ ที่สาขานี้จะมีทั้งสองคนคอยดูแลงานแทนข้า ส่วนพ่อบ้านใหญ่อย่างต้าเจียงจะมาตรวจสอบบัญชีทุก ๆ หนึ่งเดือนและจ่ายค่าจ้างให้พวกเจ้า พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”“พวกเราเข้าใจขอรับ” คนทั้งแปดตอบเสียงดังฟังชัด พวกเขาไม่คิดว่าจะโชคดีได้รับใช้ครอบครัวที่ดีเช่นนี้ ตั้งแต่เป็นทาสมาพวกเขาไม่เคยได้เงินเดือนเลยแม้สักครั้งเดียวในชีวิต ตอนนี้พวกเขามีนายที่ดี มีหรือที่จะคิดเป็นอื่น“พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ทั้งห้าคนที่ทำงานไม้ต้องเรียนรู้และทำงานกับเจิ้งหย่
หลังจากหนิงชิงจากไปแล้ว ก้านลู่ก็ช่วยกันดูแลหน้าร้านเพราะคุณหนูใหญ่สั่งว่าสิ่งของพวกนี้เป็นตัวอย่าง หากลูกค้าอยากได้ก็ให้สั่งเอาไว้ก่อนพร้อมกับวางมัดจำแล้วค่อยสั่งให้คนงานสร้างออกมา นี่เป็นเทคนิคที่จะไม่ทำให้ทุนจมของหนิงชิง นางสร้างสิ่งของเยอะก็จริง แต่ก็ไม่ได้สร้างออกมาจำนวนมากนอกจากจะมีคนมาสั่งซื้อ ที่เมืองสือมีคนซื้อมากก็เพราะนางทำเช่นนี้เช่นเดียวกัน เรื่องประโยชน์ใช้สอยสิ่งของต่าง ๆ เจิ้งหงกับเจิ้งหย่งก็อธิบายให้หูอ้าย หูกวนและก้านลู่ฟังแล้วก่อนที่จะนำออกมาหน้าร้าน พวกเขาจึงไม่กังวลว่าทั้งสามคนจะดูแลหน้าร้านไม่ได้ หากสงสัยสิ่งใดก็สามารถเข้าไปสอบถามพวกเขาให้มาสาธิตวิธีการใช้งานให้ได้เช่นกัน อย่างไรคุณหนูก็ฝากสาขานี้เอาไว้กับพวกเขา อย่างไรพวกเขาต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ด้านหนิงชิงกับต้าเจียงกว่าที่จะเดินทางถึงเมืองกังก็ใช้เวลาเก้าวันเช่นเคย พวกนางมาถึงเมืองกังก็เป็นช่วงบ่ายแล้วเช่นเดียวกับตอนไปที่เมืองหูกุ้ย นับว่าการเดินทางค
หนิงชิงนั่งเขียนจดหมายบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เจียงเฉิงรู้ นางไม่รู้ว่าที่เมืองหูกุ้ยมีพันธมิตรของตระกูลเจียงหรือไม่ นางอยากให้พวกเขาช่วยดูแลคนงานในร้านของนางด้วย เนื่องจากนางไม่รู้จักใครที่เมืองหูกุ้ยเลย หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับคนของนางนางคงรู้สึกผิดเป็นแน่ เมื่อเขียนจดหมายเสร็จแล้วหนิงชิงก็รอทหารที่มักจะมาถามหาจดหมายจากนางในช่วงบ่ายของวันอยู่เป็นประจำ และไม่นานก็มีทหารมาจริง ๆ หนิงชิงจึงยื่นจดหมายให้กับเขา ตอนนี้ร้านข้าวเช้าปิดไปนานแล้ว หนิงชิงไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองใช้เวลาเขียนจดหมายนานมากถึงขนาดนี้ อาหารเที่ยงนางก็ลืมออกมากินเสียด้วยซ้ำ เป็นปกติที่แม่ของนางจะไม่มาเรียกเผื่อว่านางกำลังออกแบบงานอยู่จะเสียสมาธิได้ เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันมานานหลายปีแล้ว ทหารที่มาส่งจดหมายและรับจดหมายเห็นหนิงชิงอยู่เสียที เขาส่งจดหมายที่แม่ทัพใหญ่เขียนมาให้นางก่อนที่จะรับจดหมายจากนางเพื่อนำไปส่งให้กับแม่ทัพใหญ่ที่เ
ฮุ่ยหลางได้รับจดหมายจากฮ่องเต้ในอีกห้าวันถัดมา เขารีบไปหาแม่สื่อเพื่อให้ไปคุยเรื่องงานแต่งงานของเขากับหนิงกุ้ยทันที โชคดีที่ฝ่าบาทอนุญาต แถมยังสั่งให้เขาอยู่คุ้มครองหนิงกุ้ยให้ดีด้วย ไม่จำเป็นต้องกลับเมืองหลวง เรื่องนี้ทำให้เขาดีใจมากที่จะได้อยู่กับภรรยาและดูแลนาง แม่สื่อได้รับค่าจ้างไม่น้อยจากฮุ่ยหลาง นางพาฮุ่ยหลางไปแลกเปลี่ยนวันเดือนปีเกิดตามธรรมเนียม รวมทั้งของหมั้นที่ฮุ่ยหลางแอบซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาเป็นองครักษ์มาตั้งแต่เด็กทำให้มีเงินสะสมไม่น้อย จึงสามารถจัดการเรื่องพวกนี้เองได้ พ่อแม่ของหนิงกุ้ยพอเห็นของหมั้นก็ได้แต่ตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเขยแต่งเข้าของบ้านพวกเขาจะมีเงินมากมายขนาดนี้ เฉพาะตั๋วแลกเงินที่ให้มาก็เป็นพันตำลึงแล้ว ไหนจะผ้าไหมชั้นดีพร้อมเครื่องประดับอีกเล่า มูลค่าสิ่งของหมั้นนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเขาส่งวันเดือนปีเกิดของหนิงกุ้ยให้กับแม่สื่อตามธรรมเนียมแล้วจ
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb