เมื่อหนิงชิงอยู่ไฟครบเดือนแล้ว เจียงเฉิงก็ออกอาการเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ทำเอาหนิงชิงได้แต่ระอา หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะครบการอยู่ไฟ เป็นเจียงเฉิงที่พาลูก ๆ มากินนมกับนาง เขาได้แต่ถามว่านมอร่อยไหมอยู่นั่นแหละ แถมยังคิดจะชิมนมจากอกนางเสียอีก จนนางได้แต่บ่นว่าเขาว่าเป็นพ่อประสาอะไรจะมาแย่งลูกกินนม เจียงเฉิงจึงได้แต่ต้องสงบเสงี่ยมเพราะหนิงชิงขู่ว่าจะไม่ให้เขาพาลูกเข้ามาอีกหากยังเอาแต่พูดว่าจะกินนม
วันต่อมา หนิงชิงออกไปทานอาหารร่วมกับพ่อแม่สามีดังเช่นปกติ ตอนนี้นางกินทุกอย่างได้เหมือนเดิมแล้ว หนิงชิงดีใจมาก นางเบื่อที่จะต้องกินแต่อาหารรสเปรี้ยวเสียเหลือเกิน ในเมื่อวันนี้เป็นวันแรกที่นางมาร่วมโต๊ะกับทุกคน หนิงชิงก็กินข้าวพร้อมรอยยิ้ม
“หนิงชิงจะต้องเข้าร้านอีกหรือเปล่าลูก แม่ว่ารอให้เด็ก ๆ โตกันเสียก่อนดีหรือไม่ เจ้าค่อยเข้าร้าน”
“ได้เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเองก็อยากเลี้ยงเขาด้วยตนเองอยู่เหมือนกัน หา
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
[ ค่ะบอส กำลังจะขึ้นรถตู้แล้วค่ะ ][ อย่าลืมเช็คเอกสารให้ผมก่อนด้วยนะ เดี๋ยวผมรอสาย ][ ทราบแล้วค่ะ สักครู่นะคะบอส ] หนิงชิงรีบวิ่งขึ้นรถตู้ที่กำลังจะออกเดินทางไปเมืองไห่เฉิง ที่ซึ่งเธอต้องไปดูทำเลให้กับบอสของเธอ จากนั้นหนิงชิงก็รื้อกระเป๋าเอาเอกสารออกมาเพื่อบอกข้อมูลที่บอสต้องการ ไม่นานหลังจากคุยโทรศัพท์ เสียงเบรกดังกึกก้องไปทั่วทั้งรถตู้ที่เธอนั่งเอี๊ยด!!! โครม! รถตู้ที่ถูกรถบรรทุกหลับในชนเข้าอย่างจังจนร่างของหนิงชิงที่ยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยลอยทะลุออกจากรถตู้จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก่อนตายเธอได้แต่คิดว่าตนเองสะเพร่าที่ไม่คาดเข็มขัด คนอื่น ๆ ในรถบาดเจ็บกันมากน้อยต่างกันไป มีเพียงหนิงชิงคนเดียวที่วิญญาณหลุดออกจากร่างแล้ว วิญญาณของหนิงชิงได้แต่ดูสภาพรถตู้และคนอื่น ๆ เธอยังคิดว่าซวยจริง ๆ ที่เธอไม่คาดเข็มขัดนิรภัยจนต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย หลังคิดสะระตะไม่นานก็มีเสียงเฒ่าชราเรียกเธอ เธอจึงหันไปมองเห็นเฒ่าชรากำลังลอยอยู่เหมือนเธอ“คุณตาก็ตายแล้วเหมือนกันเหรอคะ”“เพ้ย! ตายเตยอะไร ข้าเป็นเทพที่จะมาช่วยเจ้าต่างหากเล่า แต่ข้ามาช้าเกินไปจนเจ้าวิญญาณออกจากร่
ย้อนกลับมาเมื่อเกือบร้อยปีก่อน ในเมืองหลวงมีตระกูลหนิงที่เป็นช่างหลวงมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พวกเขาใช้ความรู้ความสามารถที่มีเฉพาะคนในตระกูลหนิงเท่านั้นที่รู้ รับใช้ราชสำนักมาตลอดเวลากว่าร้อยปีจนทำให้ตระกูลหนิงเจิรญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบัน แต่ยิ่งพวกเขาได้รับความไว้วางใจมากเท่าไหร่ ความปลอดภัยของคนในครอบครัวพวกเขายิ่งลดน้อยลงเท่านั้น ยิ่งการแข่งขันในราชสำนักที่มีมานานหลายปี พวกเขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังตนเองและคนในครอบครัวไม่ให้เผลอทำสิ่งใดผิดพลาดไปจนต้องถูกลงโทษจากฮ่องเต้ ตระกูลหนิงที่มีหน้าที่ออกแบบอาวุธและสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับราชสำนักต่างทำงานอย่างขยันขันแข็ง พวกเขามีระเบียบในการทำงานมาโดยตลอดจนไม่มีใครสามารถจับผิดพวกเขาได้เลย ความรู้ความสามารถเฉพาะของตระกูลหนิงยิ่งไปเข้าตาฮ่องเต้มากขึ้น ฝ่าบาทถึงขั้นมอบรางวัลให้ตระกูลหนิงไม่น้อยที่สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ให้กับแคว้นมากมาย เสนาบดีฝ่ายต่าง ๆ ถึงจะอิจฉาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เหมือนขุนนางหนิง พวกเขาได้แต่ติชมไปตามเรื่องตามราวเพื่อลดความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีให้กับตระกูลหนิง ซึ่งหนิงซวนหยวนผู้
ฮ่องเต้หลังจากอ่านจดหมายฮองเฮาแล้วก็มานั่งคิดเรื่องที่พระสนมร้องขอ เขาเองก็ใช่ว่าจะไว้ใจนางมากนัก เขาจึงให้องครักษ์คนสนิทพาคนไปปล้นจวนตระกูลหนิงเสีย โดยพยายามอย่าฆ่าใครให้้มากเกินไปนัก ไม่เช่นนั้นเขาคงชดใช้ให้ตระกูลหนิงไม่ได้แน่ ตระกูลหนิงไม่รู้เลยว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น พวกเขาเป็นเพียงช่างหลวงจึงไม่มีคนคุ้มกันอันใดในจวน ทำให้องครักษ์ที่เข้าไปขโมยแบบแปลนจำต้องฆ่าคนที่เห็นเหตุการณ์ ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทคงต้องถูกสงสัยเป็นแน่ ด้านหนิงซวนหยวนผู้นำตระกูลได้แต่บอกให้คนสนิทไปแจ้งข่าวเจ้าหน้าที่ว่าพวกเขาถูกโจรปล้นฆ่าที่จวนตอนนี้ ไม่ถึงสองเค่อทหารก็มาปราบปรามโจรเหล่านี้แต่ไม่สามารถจับตัวการได้สักคนเดียว ด้วยว่าฝีมือพวกเขาเป็นรองพวกโจรมากโข พวกเขายังสงสัยว่าร้อยวันพันปีไม่เคยมีการปล้นแบบนี้มาก่อน จู่ ๆ ก็มาเกิดเหตุกับตระกูลหนิงซึ่งฝ่าบาทไว้วางใจได้อย่างไรกัน หนิงซวนหยวนได้แต่ตรวจสอบความเสียหายแล้วก็พบว่าลูกชายและลูกสะใภ้ทั้งสองของเขาถูกฆ่าเสียแล้ว ตอนนี้เขาเหลือเพียงหลานชายสองคนเท่านั้นที่เป็นลูกของลูกชายทั้งสองคน น่าเสียดายที่ตอนนี้คนในจวนเขาเหลือเพียงแ
สามวันต่อมาหลังจากขนของใช้จำเป็นต่าง ๆ เต็มเกวียนและรถม้าแล้ว หนิงซวนหยวนก็พาครอบครัวที่เหลืออยู่เดินทางไปที่ชายแดนตะวันออก เขาให้พ่อบ้านช่วยดูแลจวนเอาไว้ให้เผื่อวันใดวันหนึ่งหลานชายของเขาอยากกลับไปเยี่ยมหลุมฝังศพพ่อแม่ของพวกเขาในอนาคต ขบวนของหนิงซวนหยวนมีเกวียนสี่เล่มพร้อมรถม้าอีกสองคัน เขายังจ้างผู้คุ้มกันไปส่งยังเมืองชายแดนตะวันออกด้วยกลัวว่าจะมีคนมาปล้นทรัพย์สินของเขาระหว่างทางอีก เรื่องนี้ฮ่องเต้ที่ทำให้ครอบครัวหนิงต้องล่มสลายไปยังส่งองครักษ์เงาติดตามช่วยเหลือพวกเขาและดูความเป็นอยู่ของพวกเขาที่เมืองชายแดนก่อนจะกลับมารายงานให้ฝ่าบาททราบ อย่างไรเขาก็เป็นคนทำเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจึงไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ การเดินทางไกลครั้งนี้หนิงเจิ้งไม่งอแงเลยแม้แต่น้อย ทำให้หนิงซวนหยวนกับภรรยาเบาใจไปไม่น้อย ส่วนหนิงจิ้งเองก็เงียบขรึมลงไปมากตั้งแต่เกิดเรื่อง เขารู้ดีว่าหนิงจิ้งยังคงมีความคิดแค้นพวกโจรอยู่จึงไม่อยากว่าอันใดหลานชายนัก สาเหตุที่เขาพาทุกคนย้ายไปยังชายแดนเป็นเพราะเบื่อหน่ายการแข่งขันกันในราชสำนัก ตอนนี้ลูก ๆ เขาก็ไม่เหลือแล้ว เขาจึงอยากให้หลาน ๆ อยู่อย่างสงบ
หลังมาถึงหมู่บ้านหนิงไค่แล้ว หนิงซวนหยวนแวะที่บ้านผู้ใหญ่บ้านก่อน เขายังไม่รู้ว่าบ้านเดิมของเขายังว่างอยู่หรือไม่“สวัสดีท่านผู้ใหญ่บ้าน ข้าหนิงซวนหยวนที่ส่งจดหมายมาหาท่านก่อนหน้านี้ ไม่ทราบท่านได้ตรวจดูบ้านเก่าให้ข้าหรือยัง” ผู้ใหญ่บ้านมองคนตรงหน้าที่แต่งตัวดีเหมือนขุนนางในเมือง เขาได้แต่ตกใจจนไม่คิดว่าจะมีคนเช่นนี้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านตระกูลหนิง แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดี“บ้านเดิมของท่านผุพังไปหมดแล้วขอรับ ไม่ทราบว่าท่านจะจัดการสร้างใหม่หรือทำอย่างไร ส่วนที่ดินของท่านที่ขอซื้อเพิ่มรอบ ๆ บ้านนั้นข้าจัดการให้ท่านเรียบร้อยแล้วขอรับ” ผู้ใหญ่บ้านมอบตั๋วเงินที่เหลือให้กับหนิงซวนหยวนอย่างซื่อสัตย์ เขาไม่กล้าที่จะยักยอกเงินขุนนางใหญ่เช่นนี้หรอก“เจ้ามีใครพอจะแนะนำให้ข้าได้บ้างเรื่องสร้างเรือน ข้าจะได้จ้างช่างมาทำเสียให้เสร็จสิ้น” ผู้ใหญ่บ้านแนะนำช่างที่เป็นเพื่อนบ้านในหมู่บ้านรวมทั้งคนในหมู่บ้านที่ว่างจากการทำนาแล้วมาช่วยสร้างบ้านให้หนิงซวนหยวน ส่วนครอบครัวพวกเขาจะเช่าบ้านในหมู่บ้านอยู่ไปก่อนเพื่อรอให้บ้านเสร็จเรียบร้อย ส่วนผู้คุ้มกันที่มาด้วยเขาก
เด็ก ๆ พากันขึ้นเขาเกือบสิบคน พวกเขาช่วยกันถือกับดักหลายอันที่หนิงจิ้งทดลองทำแล้วนำไปวางเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ที่คิดว่าสัตว์ป่าจะเข้ามาติดกับดัก หลังจากวางแล้วพวกเขาก็ลงจากเขาไปแล้วตอนเย็นค่อยมาดูว่ามีกับดักอันใดล่าเหยื่อได้บ้าง เด็ก ๆ ที่เคยชินกับการหาของป่ายังชวนหนิงจิ้งไปหาผลไม้อร่อย ๆ กินกันก่อนลงเขาด้วย หนิงจิ้งกับหนิงเจิ้งตัวน้อยที่มาด้วยต่างก็แปลกใจไม่น้อยที่เด็ก ๆ ทุกคนยอมเล่นกับพวกเขาเช่นนี้ หนิงจิ้งจึงพาน้องชายเดินตามพวกเขาไปเก็บผลไม้ได้มาไม่น้อย พวกเขานัดกันช่วงบ่ายว่าจะมาดูกับดักกันอีกครั้ง ให้พวกเขามาตามที่เรือนได้เลยหากจะขึ้นเขา เด็ก ๆ รับปากกับหนิงจิ้งว่าจะไปเรียกเขาแน่นอน หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วหนิงจิ้งกับหนิงเจิ้งก็นำผลไม้อร่อยๆ ไปให้กับท่านปู่ท่านย่า ทั้งสองคนต่างชมเชยหลานชายเสียมากมายเพื่อให้กำลังใจพวกเขา โชคดีที่ทั้งสองคนยอมเล่นกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเป็นห่วงพวกเขามากไปกว่านี้แน่ กระทั่งถึงช่วงบ่ายที่พวกเขานัดกัน หนิงจิ้งกับหนิงเจิ้งก็มารอทุกคนอยู่หน้าประตูเรือนแล้ว พวกเขาพากันขึ้นเขาไปดูกับดักก็พบว่าแต่ละอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb
เมื่อหนิงชิงอยู่ไฟครบเดือนแล้ว เจียงเฉิงก็ออกอาการเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ทำเอาหนิงชิงได้แต่ระอา หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะครบการอยู่ไฟ เป็นเจียงเฉิงที่พาลูก ๆ มากินนมกับนาง เขาได้แต่ถามว่านมอร่อยไหมอยู่นั่นแหละ แถมยังคิดจะชิมนมจากอกนางเสียอีก จนนางได้แต่บ่นว่าเขาว่าเป็นพ่อประสาอะไรจะมาแย่งลูกกินนม เจียงเฉิงจึงได้แต่ต้องสงบเสงี่ยมเพราะหนิงชิงขู่ว่าจะไม่ให้เขาพาลูกเข้ามาอีกหากยังเอาแต่พูดว่าจะกินนม วันต่อมา หนิงชิงออกไปทานอาหารร่วมกับพ่อแม่สามีดังเช่นปกติ ตอนนี้นางกินทุกอย่างได้เหมือนเดิมแล้ว หนิงชิงดีใจมาก นางเบื่อที่จะต้องกินแต่อาหารรสเปรี้ยวเสียเหลือเกิน ในเมื่อวันนี้เป็นวันแรกที่นางมาร่วมโต๊ะกับทุกคน หนิงชิงก็กินข้าวพร้อมรอยยิ้ม“หนิงชิงจะต้องเข้าร้านอีกหรือเปล่าลูก แม่ว่ารอให้เด็ก ๆ โตกันเสียก่อนดีหรือไม่ เจ้าค่อยเข้าร้าน”“ได้เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเองก็อยากเลี้ยงเขาด้วยตนเองอยู่เหมือนกัน หา
พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงพอได้ยินเช่นนี้ก็พากันดีใจที่หนิงชิงไม่กลัวว่าเต้านมจะบิดเบี้ยวหรือเสียรูปหากให้นมลูกเอง นางกลับยินดีที่จะให้นมเด็ก ๆ จากใจจริง ทำให้พวกเขาที่เป็นปู่กับย่ามือใหม่ได้แต่ยิ้มให้ลูกสะใภ้อย่างขอบคุณที่นางมอบหลานชายอ้วน ๆ ให้พวกเขาถึงสองคน ส่วนเจียงเฉิงที่รู้ว่าเขาต้องแยกห้องนอนกับภรรยาก็งอแงและยินดีจะมาอยู่ไฟเป็นเพื่อนภรรยา หนิงชิงจึงได้แต่เอ็ดสามีตัวดีว่านั่นจะได้อย่างไร นางก็แค่อยู่ไฟเดือนเดียว เขาก็นอนอยู่ห้องข้าง ๆ ไม่เห็นจะมีปัญหาอันใด หากเขาคิดถึงนางก็ไปเล่นกับลูกแทนนางที่ต้องอยู่ไฟเสียก็สิ้นเรื่อง เจียงเฉิงฟังภรรยารักเช่นนี้ก็ได้แต่คอตก เขาอดกอดภรรยาถึงหนึ่งเดือนเลยนะไม่ใช่หนึ่งวัน เจียงเฉิงโอดครวญในใจอย่างไม่ยินยอม แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ หากเขาแอบเข้าห้องภรรยายามค่ำคืนแล้วถูกจับได้ล่ะก็ เขาต้องถูกภรรยาโกรธเป็นแน่ เจียงเฉิงคิดแล้วไม่คุ้มกับการถูกภรรยารักโกรธเคือง
หลังจากเสียงร้องครั้งแรกดังออกไป เสียงร้องอีกครั้งก็ตามมาติด ๆ หนิงชิงอดทนไม่ไหวจริง ๆ กว่าที่จะคลอดเด็กอ้วนท้วนทั้งสองคนออกมาได้ นางรู้สึกโล่งท้องแปลก ๆ อาจเป็นเพราะเด็ก ๆ ทั้งสองอยู่ในท้องนางมานานจนนางเคยชินกระมัง หมอตำแยกับหมอหลวงต่างรีบให้นางกำนัลนำคุณชายน้อยทั้งสองไปทำความสะอาดเพื่อนำออกไปให้คนที่รออยู่ข้างนอกดู ส่วนนางกำนัลอีกส่วนหนึ่งก็ช่วยกันทำความสะอาดภายในห้อง หมอตำแยทั้งสองช่วยกันทำแผลให้กับหนิงชิงอย่างเบามือ หนิงชิงที่หมดสิ้นเรี่ยวแรงได้แต่หลับไปอย่างไม่รู้ตัว หมอหลวงเองก็เข้าไปตรวจว่านางเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อพบว่านางเพียงแต่อ่อนเพลียเท่านั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หมอตำแยทั้งสองยังคุยกันว่านางคลอดง่ายมากจริง ๆ แสดงว่านางดูแลร่างกายได้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นการคลอดลูกแฝดแบบนี้ต้องใช้เวลานานกว่าเด็กจะออกมาได้ หมอหลวงได้ยินเข้าก็ได้แต่นึกถึงสารพัดยาบำรุงครรภ์ที่ฮ่องเต้ทรง
เดือนที่สามของการทำงานให้ฮองเฮาของหนิงชิงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นางส่งงานครบแล้วจึงได้สบายใจเสียที ตอนนี้ท้องของนางยิ่งขยายใหญ่ขึ้นจนรู้สึกเหมือนลูกจะออกมาได้ทุกเมื่อ ไหนจะเจ้าตัวแสบทั้งสองยังชอบดิ้นกันเป็นชีวิตจิตใจจนนางเจ็บท้องไปหมด แต่เวลาอยู่กับเจียงเฉิงเมื่อไหร่ลูก ๆ ของนางมักจะดิ้นกันเบา ๆ เหมือนกลัวพ่อดุ หนิงชิงไม่รู้ว่าเจียงเฉิงคุยอันใดกับลูกบ้างตอนนางหลับ หนิงกวานที่เห็นว่าส่งงานให้ฮองเฮาครบแล้วจึงไม่ยอมให้ลูกสาวที่ท้องโย้มาที่ร้านอีกจนกว่าจะคลอด หนิงชิงจึงได้แต่หงอยเมื่อพ่อของนางทำหน้าจริงจัง นางเข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วง แต่นางชอบอยู่ที่ร้านมากกว่านั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่เรือนนี่นา หนิงชิงคิดที่จะอ้าปากอ้อนพ่อของนางแต่กลับถูกเขาเบรกเสียหัวทิ่มว่าเรื่องนี้เป็นท่านแม่ที่ฝากท่านพ่อมาบอกนาง ตอนนี้หนิงชิงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอยู่เรือนรอวันคลอดเท่านั้นแล้ว
หนิงชิงคุมงานที่ร้านได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ระหว่างสัปดาห์นางก็ให้คนไปส่งสินค้าให้ฮองเฮาที่พระราชวัง โดยขันทีประจำพระองค์จะเป็นคนนำทางให้คนของนางนำสินค้าไปจัดวางให้ลูกค้า ตอนนี้สินค้าของฮองเฮาผลิตออกมาจะเป็นสินค้าชิ้นใหญ่สามชิ้นที่นางเพิ่งส่งไป ยังเหลือสินค้าอื่นอีกห้ารายการที่คนของนางจะต้องสร้างขึ้นมา ซึ่งหนิงชิงให้พวกเขาทำสิ่งที่ง่ายและใหญ่ก่อนที่จะทำงานที่ปราณีตชิ้นเล็กชิ้นอื่น เจียงเฉิงที่เห็นหนิงชิงกลับบ้านตรงเวลาก็เบาใจมากขึ้น เขากลัวว่านางจะกลับดึกดื่นอีกเหมือนเมื่อก่อนทั้งที่ยังท้องอยู่ วันนี้เขามีข่าวจากราชสำนักเรื่องปู่ของนางมาบอกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องเครื่องจักรที่นางไปช่วยแก้ไขนั่นแหละ เจียงเฉิงคิดว่าหนิงชิงน่าจะอยากรู้ว่าฝ่าบาทพอใจหรือไม่ ระหว่างทานอาหาร เจียงเฉิงเล่าให้หนิงชิงฟังถึงความดีความชอบของท่านปู่นางว่าได้รับเลื่อนขั้นอีกครึ่งขั้นจนเกือบได้เป็นเสนาบดีกรมก
หนิงชิงยังอธิบายรายละเอียดของสินค้าแต่ละชิ้นว่านางต้องการให้เจิ้งหานพิถีพิถันแค่ไหน เนื่องจากสินค้าพวกนี้จะถูกนำไปใช้ในวังหลัง ลวดลายต่าง ๆ จึงต้องทำออกมาให้แตกต่างกันเพื่อที่ฮองเฮาจะได้พึงพอใจ จากปกติที่ร้านจะรับสลักเฉพาะลูกค้าที่สั่งจำเพาะเจาะจงเท่านั้น แต่หนิงชิงพิจารณาแล้วว่าสินค้าล็อตนี้จะต้องทำออกมาให้ดีที่สุด ถึงจะส่งช้าก็ไม่เป็นไร ขอแค่มีความปราณีตเพิ่มขึ้นมากกว่างานที่เคยทำมาก็พอ ซึ่งเจิ้งหานก็รับปากคุณหนูใหญ่ว่าเขาจะทำตามที่นางสั่งทุกอย่าง ขอให้นางอย่ากังวล หนิงชิงฟังเจิ้งหานแล้วก็ค่อยคลายใจลงหน่อย งานนี้นางคงต้องมาคุมงานเองเสียแล้ว ติดที่ว่าสามีนางจะว่าอย่างไรหรือไม่หากนางมานั่งคุมงานทุกวันที่ร้าน แต่หนิงชิงคิดว่าเจียงเฉิงน่าจะไม่ว่าอันใด ในเมื่อนางแค่นั่งดูเฉย ๆ ไม่ได้ลงมือทำงานด้วยตนเองอย่างที่เขากังวล เจิ้งหานรับใบสั่งงานจากหนิงชิงและเริ่มทำงานชิ้นแรกทันทีที่ได้
ขณะที่ทุกคนกำลังดีใจที่เครื่องสีข้าวสามารถใช้งานได้ เจียงเฉิงก็เดินมาถึงข้างกายภรรยาของเขาแล้ว พอเขากลับถึงจวนช่วงเย็นก็ยังไม่เห็นนางกลับมา เขาจึงรีบกินข้าวแล้วออกมาตามหานางที่นี่จนได้เห็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ทำงานต่อหน้าต่อตาเขานี่แหละ หนิงชิงได้แต่หันไปยิ้มให้กับสามี นางบอกเขาว่ากินข้าวแล้ว และเครื่องจักรของท่านปู่ก็สำเร็จแล้วด้วย ตอนนี้นางสามารถกลับจวนได้แล้ว ฮวงจิ้งที่ได้ยินเหลนสาวจึงหันไปมองเหลนเขยของเขาพร้อมกับคารวะตามตำแหน่งทางการ หนิงชิงได้แต่บ่นท่านปู่ว่าเขาเป็นเหลนเขยเหตุใดจึงต้องคำนับเขากันเล่า ฮวงจิ้งได้ยินหนิงชิงบ่นจึงได้แต่หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับขอบใจนางกับเจิ้งหานที่มาช่วยงานเขาในวันนี้ ฮวงจิ้งที่กลัวว่าเจียงเฉิงจะโกรธที่หนิงชิงกลับบ้านดึกจึงได้ปล่อยให้พวกเขาจากไป โดยฮวงจิ้งจะไปส่งเจิ้งหานที่ร้านเอง เจียงเฉิงเห็นว่าท่านปู่ของภร