ยี่สิบวันต่อมา ขบวนของหนิงหยางก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง พวกเขาขอแยกตัวออกไปหาร้านขายของแปลกของครอบครัวหนิงหยาง บรรดาอาจารย์และบัณฑิตคนอื่นจึงเพิ่งจะรู้ว่าหนิงหยางมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว พวกเขาไม่ได้ตำหนิอันใดที่หนิงหยางไม่ได้บอกพวกเขา อย่างไรพวกเขาก็ไม่ค่อยสนิทกันมากนัก เนื่องด้วยต่างคนต่างก็มีอาจารย์ประจำของตนเองอยู่แต่แรก
หนิงหยางให้คนขับรถม้าถามทางผู้คนไปยังร้านขายของแปลกทันทีหลังจากแยกตัวออกจากขบวนเดินทาง คนขับรถม้าสอบถามเส้นทางจนรู้ว่าต้องไปทางไหนเขาจึงขับรถม้าไปที่นั่นอย่างช้า ๆ เพราะผู้คนในเมืองหลวงช่างมากมายนัก ทำให้เขากลัวจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
หนิงหยางกับอาจารย์ก็เข้าใจคนขับรถม้าดี อย่างไรก็มาถึงเมืองหลวงแล้วพวกเขาจึงไม่เร่งรีบอีกต่อไป หนิงหยางตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้พบกับท่านพ่อและพี่ใหญ่ของเขาที่ร้านขายของแปลก เขารู้แต่แรกแล้วว่าท่านแม่นั้นปักผ้าอยู่ที่จวนเฉย ๆ นางไม่ได้
หนิงชิงเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพแล้วนางก็ไปคารวะพ่อกับแม่สามีนางเหมือนเช่นปกติที่นางกลับจวนเร็ว พวกท่านบอกให้หนิงชิงนั่งลงเสียก่อน เพราะพวกเขามีข่าวจะบอกนาง หนิงชิงนั่งลงตามที่ท่านทั้งสองบอก นางสงสัยว่าพวกท่านมีเรื่องอันใดกันจึงได้ทำสีหน้าจริงจังเช่นนี้“อีกสามวันในวังจะมีงานเลี้ยง หนิงชิง เจ้าต้องไปด้วยรู้หรือไม่ คราวนี้ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงเพื่ออยากดูว่าฮูหยินแม่ทัพอย่างเจ้ามีความสามารถอันใด เจ้าต้องเตรียมการแสดงไปด้วยเผื่อเอาไว้ เจ้าคิดว่าทำได้หรือไม่”“ท่านแม่ ข้าไม่เคยเรียนรู้การแสดงอันใด สิ่งเดียวที่ข้าจะแสดงได้ก็คือการออกแบบสิ่งของหรือไม่ก็สร้างสิ่งของให้พวกเขาดูเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าข้าจะทำเช่นนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”“ท่านพี่ว่าอย่างไรเจ้าคะ หากหนิงชิงจะสร้างสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการแสดงของนาง”“พี่ว่าก็น่าจะได้นะ หนิงชิง เจ้าก็เลือกสิ่งของที่ใช้เวลาสร้างไม่นานและมีประโยชน์สักอย่างหนึ่งก็
“องครักษ์ ตบปากนางจนกว่านางจะสำนึกได้ว่าข้าเป็นใคร” องครักษ์หันมองหน้ากันแต่ไม่กล้าขัดคำสั่งฮูหยินน้อย พวกเขาคนหนึ่งจับแขนเฉียวหลัวหลัว อีกคนก็ตบปากนางไม่เบานักไปหลายที เฉียวหลัวหลัวได้แต่กรีดร้องอย่างเจ็บปวด บ่าวของนางที่ตามมาด้วยยังด่าทอองครักษ์และหนิงชิงอย่างหยาบคาย จนหนิงชิงต้องเอ่ยปากอีกครั้ง“องครักษ์ ตบปากบ่าวของนางด้วย ข้าเป็นฮูหยินแม่ทัพใหญ่ ใช่คนที่พวกเจ้าจะมากล่าวหาว่าร้ายได้ง่าย ๆ หรืออย่างไร บ้านเมืองมีกฎหมาย พวกเจ้ากล้าแม้กระทั่งว่าร้ายข้าโดยไม่มีหลักฐานอันใด ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง และข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่เคยวางแผนอันใดใส่ท่านแม่ทัพ เป็นเขาที่รอข้ามานานหลายปีกว่าจะได้แต่งงานกับข้า วันนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องทำมากมาย ไม่ได้มีเวลาจะมาต่อปากต่อคำกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงให้คนของข้าลงโทษเจ้าเสีย แทนที่จะไปร้องเรียนทางการที่เจ้ากับบ่าวของเจ้าทำตัวก้าวร้าวกับข้า แม่ค้า รีบนำเสื้อผ้ามาให้ข้าเลือกเสีย เสร็จแล้วข้าจะได้รีบไปทำงานต่อ ข้าไม่ได้มีเวลาว่างมากพอกับเรื่องไร้สาระ”
หลังจากที่หนิงชิงออกจากร้านเสื้อผ้าไปแล้ว ผู้คนต่างยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันยกใหญ่ว่าฮูหยินแม่ทัพช่างน่ากลัวจริง ๆ อีกทั้งนางยังมากความสามารถ ทั้งยังระงับอารมณ์ตนเองได้ดี หากเป็นคนอื่นคงเข้าไปตบปากคนพูดจาว่าร้ายด้วยตนเองแล้ว แต่หนิงชิงกลับใช้องครักษ์ของนางเป็นคนจัดการแทน สิ่งนี้คงไม่มีใครอีกที่จะทำได้เหมือนฮูหยินแม่ทัพใหญ่ ส่วนข่าวที่ว่านางเป็นฮูหยินบ้านนอกนั้นพวกเขาไม่มีใครตำหนิอันใด ในเมื่อนางเก่งกาจก็ควรค่าแก่การเป็นฮูหยินของจวนแม่ทัพแล้ว ไม่ถึงครึ่งวัน ข่าวคราวนี้ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองหลวง เจียงเฉิงที่อยู่ค่ายทหารยังไม่รู้ว่ามีคนมารังแกภรรยาสุดที่รักของเขา แต่ฮ่องเต้และคนในวังต่างทราบข่าวกันแล้ว ฮ่องเต้ถึงกับหัวเราะว่าหลานสะใภ้ของเขาช่างดีจริง ๆ เขาถึงกับนับวันรอว่าเมื่อใดจะได้พบกับหลานสะใภ้คนนี้ตัวเป็น ๆ เสียที เขาอยากเห็นว่านางจะสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดในงานเลี้ยงครั้งนี้ได้อย่างไร หากว่ามีคนวิพากษ์วิจารณ์นาง
สองวันต่อมา วันนี้หนิงชิงไม่เข้าร้านขายของแปลกเพราะนางต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงกับครอบครัวแม่ทัพในวันนี้ แม่สามีนางให้คนมาช่วยนางอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่หลังอาหารเที่ยง ทั้งที่งานจะจัดขึ้นในช่วงเย็น แต่หนิงชิงที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้มากมายนักจึงจำยอมที่จะปล่อยให้คนของท่านแม่เป็นคนจัดการทุกอย่างให้แทน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม พวกเขาล้วนจัดการให้หนิงชิงจนนางแทบจะกลายเป็นนางฟ้าน้อยไปแล้ว บ่าวไพร่ต่างชมนางเป็นเสียงเดียวกันว่านางสวยมาก วันนี้หนิงชิงใส่ชุดสีฟ้าน้ำทะเลที่มีลวดลายเมฆมงคลอยู่บนเสื้อผ้า อีกทั้งเสื้อผ้าชุดนี้ก็เป็นนางที่เหมามาในวันนั้นโดยไม่ได้ตรวจสอบดูเสียก่อนว่ามีเสื้อผ้าอันใดบ้างจนมาถึงวันนี้ที่คนของท่านแม่เจียงเฉิงมาพบเข้าก็พากันนำชุดนี้มาให้นางใส่ ซึ่งพวกเขาบอกว่าชุดนี้ช่วยขับผิวให้นางยิ่งดูขาวใสสว่างมากกว่าปกติอีกด้วย หนิงชิงมองตนเองในกระจกอย่างแปลก ๆ นางไม่เคยแต่งหน้ามาก่อนนี่จึงเป็นครั้ง
เมื่อเข้าไปในงานแล้วขันทีก็พาพวกเขาไปยังโต๊ะหน้าพระที่นั่ง เพราะอย่างไรครอบครัวแม่ทัพใหญ่ก็มีอำนาจมากกว่าครอบครัวขุนนางคนอื่น ส่วนพวกเจียงเฉิงก็ได้แต่เบาใจที่วันนี้พวกเขาจัดที่นั่งกันเป็นครอบครัว ไม่เช่นนั้นเจียงเฉิงคงหวงภรรยาคนสวยแย่เลยทีเดียว ขนาดว่าเดินเข้างานมาเมื่อกี้ เขาก็ยังเห็นมีชายหนุ่มหลายคนที่มองภรรยาตัวน้อยของเขาตาเป็นมันจนเขาอยากควักลูกตาชายหนุ่มเหล่านั้นออกมานัก ภรรยาเขาก็กระไร จะสวยไปไหนกัน เขาหวงนางจะแย่อยู่แล้ว ครอบครัวขุนนางที่เข้ามาก่อนหน้ายังไม่มีใครไปนั่งตำแหน่งของตนเองมากนัก พวกเขายังคงยืนคุยกันตามประสาเพื่อนร่วมงานที่พาครอบครัวมางานในครั้งนี้ บางคนก็ทาบทามลูก ๆ ให้กันและกันเป็นเรื่องปกติของพวกเขา ยิ่งพอเห็นว่าครอบครัวแม่ทัพใหญ่เข้ามาแล้วนั้น พวกเขาก็มีเรื่องนินทามาเพิ่มอีกนับไม่ถ้วน แต่ใครจะกล้าเสียงดังให้แม่ทัพใหญ่ได้ยินกันเล่า พวกเขายังไม่อยากหัวขาดในวันนี้หรอกหนา ทุกคนได้แต่แอบมองฮูหยินของแม่ทัพใหญ่แล้วก
เมื่อหนิงชิงกลับไปนั่งที่แล้ว ฮ่องเต้ก็ทรงตรัสถามเกี่ยวกับสินค้าในร้านของนางว่ามีสิ่งใดอีกบ้าง เพราะเท่าที่เห็นแค่อย่างเดียวที่นางทำขึ้นมาก็ใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ฝ่าบาทยังต้องการโต๊ะทำงานที่มีกลไกสำหรับใส่สิ่งของสำคัญของท่านอยู่พอดี หนิงชิงอธิบายถึงสินค้าในร้านนางที่มีหลากหลายอย่างพร้อมรอยยิ้ม นางยังบอกฮ่องเต้ว่าหากพระองค์อยากได้โต๊ะเช่นนั้นนางจะทำมาถวายให้พระองค์ด้วยตนเอง แต่อาจใช้เวลามากสักหน่อยเพราะนางจะสลักลายมังกรให้ที่โต๊ะทำงานนี้ด้วย เพื่อแสดงว่าเป็นสิ่งของของฝ่าบาท ฮ่องเต้ดีใจมากที่หลานสะใภ้ของเขารู้จักกตัญญูนัก ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ขันทีไปดูสินค้าที่เหมาะแก่การใช้สอยของราชวงศ์ที่ร้านของหนิงชิงในอีกสองวันหลังจากนี้ และราชวงศ์จะเป็นลูกค้าของนางอย่างแน่นอน หนิงชิงพอฟังแล้วได้แต่ลุกขึ้นถวายพระพรฮ่องเต้ที่ทรงเมตตานางเป็นอย่างมาก น
รุ่งเช้าวันต่อมา หนิงชิงตื่นขึ้นมาอย่างปวดเมื่อยเนื้อตัวไม่น้อย นางล่ะอยากจะตีสามีของนางจริง ๆ หากเมื่อคืนนางไม่หยุดเขาไว้ มีหวังนางคงลุกไม่ขึ้นเป็นแน่ เจียงเฉิงที่เห็นภรรยาตื่นแล้วก็รีบทำตัวเป็นสามีที่ดี เขาพานางไปอาบน้ำด้วยกันหลังจากที่ไม่ได้อาบด้วยกันมานานแล้ว หนิงชิงที่เหนื่อยอ่อนแต่แรกได้แต่ตามใจเขา นางไม่มีแรงพอจะห้ามเขาหรอกหนา หากเขาต้องการบริการนางนางก็จะรับเอาไว้ อีกทั้งเจียงเฉิงยังชอบนวดให้นางอยู่บ่อย ๆ เวลาอาบน้ำ ทำให้นางสบายตัวไม่น้อยเช่นกัน หนิงชิงจึงปล่อยให้เขาทำตามใจตนเองไป กระทั่งพวกเขาอาบน้ำเสร็จก็นั่งกินข้าวที่บ่าวไพร่นำมาให้พร้อมกัน ก่อนที่ต่างคนต่างออกไปทำงานของตนเอง วันนี้พวกเขาไปสายจึงไม่ได้ไปนั่งกินข้าวกับท่านพ่อ ท่านแม่ของเจียงเฉิงตามปกติ เมื่อไปถึงร้านแล้ว หนิงชิงบอกข่าวดีกับทุกคนว่าต่อไปจะมีขุนนาง ขันทีและฮองเฮาเสด็จมาเ
เย็นวันนี้หนิงชิงกลับจวนไปพร้อมรางวัลพระราชทานอีกห้ากล่องใหญ่ นางยังไม่มีเวลาดูว่าฮ่องเต้พระราชทานสิ่งใดมาให้นางอีก ครั้งก่อนในงานเลี้ยงนางก็ได้รับมาไม่น้อย ไหนจะผ้าเนื้อดี เงินรางวัล รวมทั้งเครื่องประดับมีค่าอีกไม่น้อย พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงเห็นหนิงชิงกลับจวนเร็วก็ได้แต่แปลกใจ เพราะสี่ห้าวันมานี้นางมักจะกลับค่ำเป็นประจำ หนิงชิงเห็นพ่อกับแม่สามีนางก็ทำความเคารพพวกท่านพร้อมรอยยิ้ม หนิงชิงยังบอกว่าวันนี้ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลให้นางอีกแล้ว พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ยิ้มกับความโชคดีของหนิงชิงที่ได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาทเช่นนี้ พวกเขาให้นางเอาสิ่งของไปเก็บที่เรือนก่อนแล้วค่อยมานั่งทานข้าวกัน หนิงชิงเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาอาหาร นางจึงทำตามที่พ่อกับแม่สามีบอก ช่วงนี้หนิงชิงรู้สึกว่านางมีเรี่ยวแรงไม่เพียงพออย่างไรไม่ทราบ นางเอาแต่ง่วงนอนอยู่ได้ทั้งวัน
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb