Share

บทที่ 91 ถูซินเยว่จอมเก่งกาจ

Penulis: ฮวาฮวาน่งหยวี่
ซูจื่อหังแบกถูซินเยว่กลับไปที่บ้าน เขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องของเสี่ยวหวง แค่เล่าว่าตอนที่ตัวเองหาถูซินเยว่เจอนั้น อีกฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัวแล้ว น่าจะได้รับตอนที่หนีจากหมี

เมื่อครู่ที่อยู่ข้างนอกยังไม่ได้เห็นชัดเจนนัก แต่ตอนนี้มาถึงบ้านตระกูลซูแล้ว ผู้คนที่ตามซูจื่อหังมาถึงได้เห็นว่าแม้แต่เสื้อชั้นในของถูซินเยว่ยังถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด บนขาและแขนต่างมีรอยถูกกรงเล็บข่วน ดูแล้วน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก

คาดว่าแม้แต่นายพรานที่ร่างกายแข็งแรงกํายําก็คงไม่กล้าเผชิญหน้ากับหมีโดยตรงแบบนี้

มันยากที่จะจินตนาการเหลือเกินว่าถูซินเยว่หนีออกมาจากมือของหมีได้อย่างไรกัน

ที่ผ่านมาพวกเขามักจะด่าทอถูซินเยว่ว่าเป็นหญิงอ้วนอัปลักษณ์

แต่ตอนนี้ได้มามองใหม่ชัดอีกครั้งนั้น กลับพบว่าร่างเล็ก ๆ ที่นอนอยู่บนเตียงนั้น หน้ากลมแก้มป่องเหมือนเด็กทารก อีกทั้งยังขาวเนียนประดุจไข่ไก่ที่ปอกเปลือกแล้ว เนื้ออ้วน ๆ บนร่างกายได้หายไปแล้ว บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยรูปร่างที่สมส่วน

ท่ามกลางแสงเทียนที่มืดสลัว พอมองดูแล้วไม่เพียงแต่ไม่ขี้เหร่เลยสักนิด แต่ยังดูงามยิ่งนักอีกด้วย

หลังจากเถี่ยต้านตามหมอมาแล้ว ซูจื่อหังกลัวว่าจะส่ง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Warapor Jakpakdee
อีป้านรกนี่ก็ชั่วไม่เลิกไม่แล้ว
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 92 มาขอโทษถึงที่บ้าน

    เมื่อซูเฟิ่งอี๋มาถึงด้านนอกบ้านนางหยู ยังไม่ทันจะได้เข้าประตูก็เห็นคนหลายคนเดินสวนมานางจึงตั้งใจมองดูชัด ๆ แล้วพบว่าเป็นพวกผู้หญิงในหมู่บ้านหมู่บ้านต้าเย่ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก คนก็ไม่เยอะ เวลาที่พวกผู้หญิงรวมตัวไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำกันนั้น ก็มักจะนินทาเรื่องภายในหมู่บ้านไปด้วยอย่างเช่น ผู้ชายบ้านนี้แอบออกไปขโมยกิน ผู้ชายบ้านนั้นตีเมียตัวเองอีกแล้ว...ว่ากันว่ามิตรภาพของผู้หญิงนั้นมักสร้างขึ้นมาจากการนินทา ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกจริง ๆ ด้วยแม้ว่าซูเฟิ่งอี๋จะไม่ใช่คนดีอะไร แต่นางถนัดเรื่องนินทาเป็นอย่างยิ่ง ปากนางสามารถพล่ามนินทาไม่หยุดประดุจยิงรัวกระสุนปืน ดังนั้นพวกผู้หญิงในหมู่บ้านจึงชอบไปหาเธอเมื่อซูเฟิ่งอี๋เห็นพวกนางก็ตกใจมาก"นี่พวกเจ้ามาทําอะไรกันน่ะ?" แถมแต่ละคนยังถือตะกร้ามากันอีกพรุ่งนี้ก็เป็นวันขึ้นปีใหม่แล้ว คนพวกนี้ไม่อยู่บ้านเตรียมของสำหรับฉลองปีใหม่กัน แต่ละคนออกมาทําอะไรกันเนี่ย?ในขณะที่ซูเฟิ่งอี๋กําลังประหลาดใจอยู่นั้น ก็เห็นพี่สะใภ้ของหยวนเป่าเสนอตัวพูดขึ้นว่า "พวกข้ามาเยี่ยมซินเยว่กันน่ะ ก็เมื่อวานซินเยว่ช่วยชีวิตคนสองคนเอาไว้ ดังนั้นเราจึงมาเยี่ยมนางกัน"

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 93 ขึ้นปีใหม่

    นี่มันลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่หรือไงกัน?ถูซินเยว่จําได้ว่าตอนที่ตนเพิ่งข้ามมิติมานั้น ยังเคยป้อนขี้วัวให้อีกฝ่ายกินอยู่เลย ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายเป็นเวลานานแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมตัวเองด้วยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้าน หลิวชุนฮวาเมื่อก่อนตอนที่เจ้าของร่างยังโง่อยู่ หลิวชุนฮวาก็ดูถูกเจ้าของร่างและมักจะพาคนอื่นมารังแกนาง แต่หลังจากที่ถูซินเยว่ข้ามมิติมาแล้วก็สั่งสอนอีกฝ่ายไปครั้งหนึ่ง ต่อมาก็มีเรื่องหลางฮุยอีก หลิวชุนฮวาจึงไม่กล้าเดินเตร็ดเตร่ต่อหน้าถูซินเยว่อีกแล้วคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลังจากผ่านไปนานขนาดนี้ นางจะมาเยี่ยมตัวเองพร้อมกับของขวัญยังมีพวกผู้หญิงด้านหลังที่ปกติเห็นเธอก็แทบจะหลบไปให้ไกลจากตัวเธอ...ถูซินเยว่สงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทําให้พวกนางแต่ละคนล้วนเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตนเองไปได้ยังคงเป็นหลิวชุนฮวาที่พูดอย่างอึดอัดใจว่า "ซินเยว่ เมื่อก่อนพวกข้ามีอคติกับเจ้าและรังแกเจ้าอยู่บ่อย ๆ มันเป็นความผิดของพวกข้าทั้งหมด เมื่อวานเจ้าช่วยพวกหลี่เม่าไว้ ต้องขอบใจเจ้าจริง ๆ นะ"พอพูดจบ หลิวชุนฮวาก็โค้งคํ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 94 ผู้เฒ่าตระกูลซูไม่รู้จักน้ำใจคน

    เมื่อเห็นว่ามีคนเข้าทางประตู สีหน้าของแม่เฒ่าตระกูลซูก็เผยใบหน้ายิ้มแยมดีใจออกมา พร้อมเตรียมลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่เมื่อนางเห็นชัดเจนว่าคนที่เดินเข้ามาจากประตูคือซูจื่อหังแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันทีซูจื่อหังเดินเข้ามา แม่เฒ่าตระกูลซูไม่แม้แต่จะทักทายอีกฝ่ายด้วยซ้ำ นางนั่งนิ่งด้วยท่าทางเย็นชาบนเก้าอี้ไม่ขยับตัวเลยสักนิดราวกับรูปปั้นซูจื่อหังเดินเข้าไปหา เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ถือว่าเป็นมิตรว่า "ท่านย่า วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ ท่านแม่จึงให้ข้านำเนื้อไก่มาให้"แม่เฒ่าตระกูลซูได้ยินดังนั้น จึงเงยหน้าขึ้นมามองเนื้อไก่ในชามนั้น เมื่อเห็นว่ามีเนื้อไก่แค่ไม่ถึงครึ่งชาม ก็หัวเราะด้วยความเย็นชาทันที "ยังรู้หรือว่าข้าเป็นย่าของเจ้า นางหยูทำไมไม่มาเองล่ะ แล้วเอามาแค่นี้ กะจะให้ขอทานงั้นหรือไงกัน?"แม่เฒ่าตระกูลซูยังคงพูดจาไม่น่ารับฟังนัก วันฉลองขึ้นปีใหม่แบบนี้ ปากยังไม่ดีเหมือนเดิม ซูจื่อหังสีหน้าแข็งค้างไปทันทีอย่างไรเสียก็เป็นผู้ใหญ่ ในสมัยโบราณนั้น ความเคารพกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญยิ่งนัก ซูจื่อหังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า "ข้าวางเนื้อไก่ชามนี้ไว้บนโต๊ะก่อนแล้วกัน"ระหว่างพูด เขาก็

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 95 จะร่วมหอแล้ว

    เมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้กลับบ้าน ซูเฟิ่งอี๋ก็ดีใจเป็นอย่างมากจึงทำกับข้าวเพิ่มอีกสองอย่างทางด้านนี้ ซูจื่อหังยกเนื้อไก่กลับมาบ้านใหม่ นางหยูเห็นเนื้อไก่นั้นยังเหมือนเดิมทุกประการก็ผงะแล้วถามอย่างกังวลว่า "เกิดอะไรขึ้น ไหนบอกให้เจ้าเอาเนื้อไก่นี้ไปให้ย่าเจ้าไม่ใช่หรือไงกัน?"ซูจื่อหังแสยะยิ้มเย็นมุมปากแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "พวกเขาดูถูกของพวกนี้น่ะ ช่างเถอะ เอากลับมาก็เอากลับมา"เมื่อได้ยินดังนี้ นางหยูก็อดพูดไม่ได้ว่า "ได้ซะที่ไหนกันเล่า ปีใหม่ทั้งทีพวกเราจะไม่แสดงน้ำใจสักนิดเลยไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะเอายกเนื้อไก่นี้ไปให้ย่าเจ้าแล้วกัน"พูดไปก็จะเอื้อมไปคว้าชามเนื้อไก่จากมือของซูจื่อหังแต่ไม่คิดว่าซูจื่อหังกลับหลบนางหยู แล้ววางเนื้อไก่ลงบนโต๊ะ"ไม่ต้องไปหรอก" เขาขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ท่านย่าไม่รับน้ำใจไว้หรอก เมื่อครู่ท่านยังบอกอยู่เลยว่าเนื้อไก่น้อยไปด้วยซ้ำ"อีกอย่างตอนนี้พวกซูฟาเสียงก็กลับมาแล้ว ถ้านางหยูไปตอนนี้มิใช่ไปถูกคนรังเกียจเอาหรือ?นางหยูได้ยินก็ก้มมองเนื้อไก่สองชามบนโต๊ะไก่ตัวนี้เป็นพี่สะใภ้ของหยวนเป่าที่เอามาให้ตอนเช้า เป็นแม่ไก่แก่ที่เลี้ยงมาได้ปีหนึ่ง

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 96 หน้าของท่านเนียนจัง

    ลมหายใจอุ่น ๆ ของชายหนุ่มพ่นมาโดนหน้าเธอ มันชา ๆ ราวกับว่ามันแล่นจากใบหน้าไปทั่วทั้งร่างกาย ชาไปถึงหัวใจทำเอาหัวใจในทรวงอกคันยิบขึ้นมาพอหลับตาลง ทุกอย่างก็มืดไปหมด ถูซินเยว่มองไม่เห็นว่าซูจื่อหังทำอะไรอยู่ ในใจก็ตื่นเต้นจึงรีบลืมตาขึ้นมาอีกแต่กลับเห็นว่าซูจื่อหังกำลังนอนเท้าแขนอยู่ข้าง ๆ เธอ เขาก้มหัวลงมามองเธอด้วยสายตาเปี่ยมสุขถูซินเยว่ตื่นเต้นจนเผลอกัดฟันโดยไม่รู้ตัว แต่ปากกลับบอกว่า "ท่านมองข้าทำไมกันเล่า ไม่นอนหรือไงกัน"ถึงแม้จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถือประเพณีที่ต้องเฝ้ายามข้ามคืนบวกกับในพื้นที่ชนบทสมัยโบราณไม่มีไฟฟ้าหรือความบันเทิงใด ๆ ดังนั้นพอสองสามทุ่มก็เข้านอนกันหมดแล้ว"นอนไม่หลับ" ซูจื่อหังมองดูใบหน้าขาวเนียนเกลี้ยงเกลาของถูซินเยว่แล้วก็อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า "ซินเยว่ เมื่อก่อนหน้าเจ้ามีฝีเต็มไปหมด ทำไมเพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือนก็ไม่มีแล้วล่ะ แถมผิวพรรณยังดีขึ้นขนาดนี้ด้วย?"ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นว่าถูซินเยว่ทาอะไรบางอย่างหลังจากล้างหน้าแล้ว เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร เห็นท่านแม่บอกว่านางทำขึ้นมาเอง"ท่านก็อยากทาด้วยหรือ?"พอได้ยินซูจื่อหังพู

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 97 กินเกี๊ยว

    จะว่าไปแล้วหนุ่มหล่อที่เพิ่งตื่นเช้านี่ช่างเย้ายวนใจจริง ๆโดยเฉพาะน้ำเสียงของอีกฝ่าย ถูซินเยว่ฟังจนหูอ่อนระทวยไปหมดถูซินเยว่กระแอมไอ เธอใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะทำให้ตัวเองตื่นจากภวังค์ที่เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงของอีกฝ่ายได้ จากนั้นจึงพยักหน้าตอบว่า “อืม”เมื่อเห็นหญิงสาวดวงตาสดใส ซูจื่อหังจึงเหลือบมองท้องฟ้านอกหน้าต่าง ข้างนอกท้องฟ้าเพิ่งสว่างขึ้นมาเล็กน้อยเขาพูดว่า “ตอนเช้าข้างนอกอากาศหนาว เจ้านอนอยู่ในผ้าห่มอีกหน่อยเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปทำอะไรให้กิน เช้านี้อยากกินเกี๊ยวหรือบัวลอยดีล่ะ?”“กินเกี๊ยว!” ถูซินเยว่รีบตอบวันแรกของปีใหม่ เธออยากกินเกี๊ยวเนื้อหอม ๆ สักชามพอคิดมาถึงตรงนี้ ถูซินเยว่ก็นอนต่อไม่ไหวแล้ว เธอรีบลุกขึ้นและพูดว่า “ข้าจะไปห่อเกี๊ยวกับท่านด้วย”ตอนแรกซูจื่อหังคิดจะปฏิเสธ แต่พอเห็นหน้าตาตื่นเต้นของหญิงสาวเข้าเขาก็พยักหน้าให้พอเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นว่านางหยูตื่นนานแล้ว นางกำลังเอาปลาแห้งออกมาตากแดดอยู่ที่ลานบ้านแม้ว่าในฤดูหนาวปลาแห้งจะไม่ได้เน่าง่ายขนาดนั้น แต่ถ้าไม่เอาออกไปตากแดดเลยเดี๋ยวเนื้อปลาก็จะมีหนอนเอาได้เหมือนกันวันแรกของปีใหม่ นางหยูใส่เสื้อกั๊กกั

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 98 เสื้อบังทรง

    ถูซินเยว่กับซูจื่อหังเพิ่งไปได้ไม่นาน เดิมทีนางหยูคิดว่าจะแอบเอาของไปให้แม่เฒ่าตระกูลซูสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าซูฟาเสียงจะมาหาถึงบ้านเสียก่อน"พี่หยู" แม่เฒ่าตระกูลซูมีลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน ซูฟาเสียงเป็นลูกคนที่สาม ด้วยเพราะว่าเขาหน้าตาเหมือนแม่เฒ่าตระกูลซูมากที่สุดและก็เป็นน้องคนสุดท้องของบ้านอีก เขาจึงเป็นลูกชายสุดรักสุดหวงของแม่เฒ่าตระกูลซูหลายปีมานี้ แม่เฒ่าตระกูลซูเป็นทุกข์เรื่องการหาคู่ของซูฟาเสียงมาโดยตลอด เพราะเขาไม่มีงานทำเป็นการเป็นงาน เอาแต่ออกไปเที่ยวเสเพลกับพวกอันธพาลในท้องถิ่นไปวัน ๆ นอกจากนี้ตระกูลซูก็ยากจนด้วย ด้วยเหตุนี้ผู้คนจากทุกสารทิศพอรู้สถานการณ์ของซูฟาเสียง จึงไม่มีใครไม่ยอมให้ลูกสาวของตนมาแต่งงานกับเขาด้วยส่วนนางหยูนั้นไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อซูฟาเสียงทั้งสิ้น เพราะว่าซูฟาเสียงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน อีกอย่างคนที่ชอบกลั่นแกล้งนางบ่อย ๆ ก็มีแต่ซูเฟิ่งอี๋กับแม่เฒ่าตระกูลซูเพียงแต่ ในวันแรกของปีใหม่แบบนี้ ซูฟาเสียงมาทำอะไรที่นี่กัน?หรือว่าย่าของจื่อหังสั่งอะไรมา?คิดมาถึงตรงนี้ นางหยูก็เช็ด ๆ มือแล้วทักทายเขาอย่างสุภาพ ก่อนถามว่า "ฟาเสียง มีอะไรหรือเปล่า?"

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 99 จับได้คาหนังคาเขา

    "ท่านอา ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?" กลางวันแสกๆ แต่ดันขังตัวเองไว้ในห้อง แถมยังทำท่าทางลุกลี้ลุกลน หรือว่าแอบขโมยกิน?เยี่ยมจริงๆ!นางก็ว่าอยู่ว่าทั้งๆ ที่ท่านย่าเหลือเนื้อไก่ให้นางครึ่งถ้วย แต่ทำไมตื่นเช้ามาก็หายไปหมดเลย ที่แท้เนื้อไก่พวกนั้นก็เข้าไปอยู่ในท้องของซูฟาเสียงแล้วนี่เอง"ทำอะไรของเจ้า? ยังไม่รีบออกไปอีก!" ซูฟาเสียงทำเรื่องไม่ดี ซึ่งเดิมทีก็ไม่มีความมั่นใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเจิ้งหมานหม่าน ก็ยิ่งใจฝ่อเข้าไปอีก ยิ่งเขารู้สึกใจฝ่อมากเท่าไร เสียงพูดก็ยิ่งดัง แต่มันก็เหมือนแค่เสือกระดาษเท่านั้น ฟังดูน่าเกรงขาม แต่ไร้ซึ่งน้ำยา ซึ่งขู่อะไรเจิ้งหมานหม่านไม่ได้เลยอีกฝ่ายเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองไปที่มือของซูฟาเสียง ก็เห็นว่าบนชายผ้าห่มมีคราบเหนอะหนะ และยังมีกลิ่นแปลกๆ ฟุ้งกระจายรอบๆ ก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมแน่นท่านอาทำอะไรอยู่กันแน่?ทว่านางสายตาแหลมคม แม้ว่าซูฟาเสียงเอากางเกงในไปซ่อนไว้แล้ว เจิ้งหมานหม่านก็ยังเห็นขอบสีแดงที่โผล่พ้นออกมาจากปลายหมอนเข้าอยู่ดี นางือโอกาสที่ซูฟาเสียงไม่ระวังตัว ยื่นมือออกไปดึงชายสีแดงนั้นออกมาด้วยความรวดเร็วตอนแรกยังคิดว่า

Bab terbaru

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status