อวิ๋นหลีรู้สึกซับซ้อนต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ไม่อาจเห็นด้วยได้แม้จะมาที่โลกนี้ได้สี่ปีแล้ว นางก็ยังคงรักษาแนวคิดสมัยใหม่บางส่วนไว้ ทั้งทุกคนมีความเท่าเทียม และสันติภาพรวมถึงภราดรภาพหากมิใช่เพื่อแก้แค้น นางย่อมออกเดินทางไปทั่วยุทธภพ ฝึกฝนวิชาแพทย์รักษาผู้คน และอยู่ห่างจากการฆ่าฟันเป็นแน่นางกับพวกนาง แต่ไหนแต่ไรก็หาได้อยู่บนเส้นทางเดียวกัน“เช่นนั้นก็มาให้ข้าช่วยจ่ายยาให้พวกเจ้าได้เสมอ!”เด็กหญิงทั้งสองสบตากัน “เช่นนั้นรบกวนพระชายาด้วยเพคะ!”ตอนแรกพวกนางไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดนายท่านจึงถูกตาต้องใจสตรีผู้นี้?แม้แต่คุณชายน้อย ก็ยังนับถือนางเป็นมารดา ถึงขั้นที่มองว่านางสำคัญกว่าฝ่าบาทเสียอีกยามนี้ในที่สุดก็เข้าใจว่า ตัวของอวิ๋นหลีมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็นอยู่อย่างแท้จริง ทำให้ผู้คนชอบนางโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลานี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน พวกนางก็ยิ่งพบความเปล่งประกายในตัวนางมากขึ้นเรื่อย ๆ ช่างเป็นสตรีที่แปลกซึ่งหาได้ยากยิ่งจริง ๆอวิ๋นหลีไม่รู้เลยว่า ภาพลักษณ์ของตัวเองได้รับการยกระดับอยู่ในใจของพวกนางมากขึ้นแล้วนางหายาห้ามเลือดกับยาจินชวง ก่อนจะทำความสะอาดบาดแผล และเริ่มทายากล่าวได้
“เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท! นางพัฒนายาขี้ผึ้งวิเศษขึ้นมา เพียงวันเดียวก็ลดอาการบวมทั้งยังบรรเทาความเจ็บปวด ในสองวันแผลก็ตกสะเก็ด และสามวันต่อมาก็เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ!”อวิ๋นหลีเปิดประตูห้อง ก็เห็นเหล่าองครักษ์ลับซึ่งมารออยู่ด้านนอกนานแล้วพวกเขามองนางด้วยสายตาเป็นประกาย และใบหน้าเลื่อมใสนางมีสีหน้างุนงง เกิดเรื่องอันใดขึ้น?ไม่นานหรงเหยี่ยนก็รู้เรื่องนี้ จึงเรียกฝูหลิงจวินมาหารือกันคาดไม่ถึงว่ายามที่เห็นเขา กลับมีสภาพหนวดเครารุงรัง และใบหน้าโทรม“เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้?”ฝูหลิงจวินเข้ามาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ โดยที่มีความหดหู่อยู่เต็มใบหน้า“เทียบกับท่านนักปราชญ์แห่งการแพทย์ไม่ได้ก็แล้วไปเถอะ คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ศิษย์ของเขาก็ยังอยู่ห่างจากข้าถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้ ทายาทผู้สืบสายเลือดแพทย์ตระกูลเย่ผู้ทรงเกียรติ กลับต้องมาแพ้สตรีผู้หนึ่ง ช่างเป็นการสร้างความอับอายให้บรรพบุรุษเสียจริง!”เมื่อสองวันก่อน เขาจ่ายราคาสูงลิ่วเพื่อแลกเปลี่ยนกับยาขนาดเท่าเล็บมือขององครักษ์ลับหลังจากกลับมา ก็ขังตัวเองไว้ในห้องและเริ่มค้นคว้าแค่ทายาขี้ผึ้งเล็กน้อย ก็สามารถกำจัดเนื้อเน่าได้ เหตุใดสรรพค
หลังจากรั่วหรูซวงถูกหามกลับมา ก็มีอาการไข้ขึ้นสูงเมื่อผ่านไปสามวันสามคืนเต็มจึงเพิ่งฟื้นขึ้นมา และทันทีที่ลืมตาก็คว้ามือของเซียวเยี่ยนถิงไว้“ท่านอ๋อง วิญญาณของรั่วอวิ๋นหลีจะมาเอาชีวิตข้า นางจะไม่มีวันปล่อยพวกเราไป!”“หุบปาก!” เซียวเยี่ยนถิงต่อว่า พลางส่งสายตาให้นางทันทีในห้องยังมีคนใช้อยู่ เหตุใดนางจึงพูดเช่นนี้ขึ้นมาแม้พวกเขาต่างก็เป็นคนของจวนอ๋อง ก็ไม่อาจปล่อยให้เรื่องรั่วไหลไปได้ เรื่องนี้ยิ่งคนรู้น้อยก็ยิ่งดีหลังจากทุกคนถอยไปแล้ว รั่วหรูซวงก็ยังคงมีท่าทีหวาดกลัว ขณะที่น้ำตากลิ้งอยู่ในเบ้าตาในที่สุดเซียวเยี่ยนถิงก็ผ่อนน้ำเสียงลง “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น อย่าได้ใส่ใจเลย”“แต่...สิ่งที่นางพูด เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นเมื่อสี่ปีก่อน หากนางรู้เรื่องบางอย่างจริง...”“เป็นไปไม่ได้! เรื่องในตอนนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่เหลือคนรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว!”“นั่น...” น้ำเสียงของรั่วหรูซวงฟังดูหวาดกลัวขึ้นเรื่อย ๆ “นางรู้จักศาสตร์ลี้ลับของเต๋า และเห็นว่าข้าถูกวิญญาณร้ายตามหลอกหลอน!”นางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว จนร่างกายสั่นเทาไม่หยุดมิ
เซียวเยี่ยนถิงยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่นยังดีที่เขาคิดได้ทัน มิเช่นนั้นคงตกหลุมพรางของพวกเขาไปแล้วไม่ได้ เขาจะนั่งรอความตายไม่ได้เด็ดขาด ต้องลงมือจู่โจมก่อนณ ห้องข้างของจวนอันอ๋องทันทีที่เซียวเยี่ยนถิงผลักประตูเปิดออก ก็ถูกงูแดงตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่อย่างกะทันหันจนตกใจงูตัวนั้นมีลำตัวสีแดง แม้แต่ดวงตาก็ล้วนเป็นสีแดงเช่นกัน ขณะที่แลบลิ้นสีสดออกมา ในดวงตาก็แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกและดุร้าย แค่มองก็ทำให้คนตกตะลึง“ชื่อหลิน กลับมา!”งูแดงซึ่งเดิมทีอ้าปากเตรียมกัด เมื่อได้ยินเสียงเรียก ก็ขดร่างถอยกลับไปโดยพลัน“ข้าเคยบอกท่านอ๋องไปแล้ว ว่าก่อนเข้าห้องต้องเคาะประตูเรียกก่อน ไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นจะไม่รับผิดชอบ” เสียงเหลาะแหละเกียจคร้านดังขึ้น ซึ่งแฝงความไม่สบอารมณ์เอาไว้อย่างชัดเจนภายใต้หน้าต่างไม้มะเกลือ มีร่างของคนผู้หนึ่งในชุดแดง ราวกับเมฆซึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงยามอาทิตย์ตก ดั่งโลหิตสีสวย เป็นสีแดงสดโดดเด่นเมื่อเห็นใบหน้านั้น ซึ่งเต็มไปด้วยความงามหยาดเยิ้ม ดวงตาเรียวแคบดั่งหงส์ เผยเสน่ห์อันเหลือร้ายออกมา กอปรกับไฝสีแดงที่หางตาข้างขวาราวกับการจรดพู่กันแต้มดวงตา ช่างดึงดูดใ
รัฐทายาทของจวนอันอ๋องใกล้จะอายุครบเดือนแล้วฮ่องเต้ก็เตรียมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ในพระราชวัง เพื่อฉลองให้กับพระนัดดาน้อยที่อายุครบเดือนนี่มิใช่พระราชนัดดาองค์แรกของฮ่องเต้จวนหนิงอ๋องมีสนมมากมาย ซึ่งให้กำเนิดองค์ชายสามองค์และองค์หญิงสององค์จวนหงอ๋องก็เพิ่งให้กำเนิดรัฐทายาทไปเมื่อปีก่อน ทว่าฮ่องเต้ทรงมิพอพระทัยนักเพราะพวกเขาล้วนหาใช่ ‘บัตรแห่งนิมิตรมงคล’ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูแคว้นเหลียงตามคำทำนายของสำนักโหรหลวงหากจัดงานกินเลี้ยง และจัดงานรื่นเริงที่จวนอ๋องก็แล้วไปเถอะ ไหนเลยจะมีคุณสมบัติที่จะได้จัดงานใหญ่โตที่วังหลวง?ณ วันที่จัดงานเลี้ยงอายุครบเดือนตำหนักหย่งเล่อได้รับการประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าหลากสี เป็นการจัดที่ทำให้ดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเทศกาลตรุษจีนเซียวเยี่ยนถิงยืนรับแขกอยู่ที่หน้าประตูตำหนัก คอยรับคำยินดีของทุกคน ด้วยสีหน้ายินดีปรีดาพวกอวิ๋นหลีก็ย่อมได้รับคำเชิญเช่นกันเมื่อเห็นอวิ๋นหลีปรากฏตัว เซียวเยี่ยนถิงก็หมวดคิ้วเป็นรอยลึกองค์รัชทายาทแคว้นเยี่ยนผู้นี้ไม่รู้ว่าตาบอด หรือสมองผิดปกติ จึงได้ไปหาสตรีน่าเกลียดไม่มีใครเทียบแบบนี้มาเมื่อคิดว่าตัวเองต้องใคร่ครวญทั้งว
ความจริงทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของเด็กหญิงตัวน้อยเด็กคนนี้มีผิวสีเข้มทั้งยังตัวแห้งเหี่ยว ดูไม่มีความเกี่ยวข้องกับคำว่าหน้าตาดีเลยแม้แต่น้อยเพียงแต่จำต้องชื่นชมไปตามจิตสำนึกเท่านั้นราชวงศ์มีพันธุกรรมยอดเยี่ยมซึ่งถ่ายทอดกันมา ยามที่ลูกหลานทุกคนคลอดออกมาก็ล้วนตัวอวบอ้วนขาวผ่อง ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงให้กำเนิด ‘เด็กผิวดำ’ ออกมาได้รั่วหรูซวงก็รู้สึกถึงสายตาแปลก ๆ จากทุกคน ทำให้ในใจรู้สึกจมดิ่งโดยพลันเด็กคนนี้ยามที่อุ้มกลับมาเห็นได้ชัดว่าพอดูได้ คาดไม่ถึงว่ายิ่งเวลาผ่านไปจะยิ่งน่าเกลียดโดยเฉพาะหลังจากอายุครบเดือน ก็ยิ่งทนมองไม่ไหวด้วยพันธุกรรมของนางกับเซียวเยี่ยนถิงจะให้กำเนิดเด็กแบบนี้ได้อย่างไร จะต้องเกี่ยวข้องกับพ่อแม่แท้จริงของเขาแน่นอน!นางกังวลมาโดยตลอดว่าจะถูกคนสงสัย ก่อนหน้านี้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ทว่าวันนี้กลับถูกยายเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งมาทำลายเรื่องดี ๆ“ไม่ว่าเด็กคนใดก็ย่อมไม่รู้ความ คงมิพ้นเป็นผลที่เกิดจากการยุยงของผู้ใหญ่ ข้าอยากเห็นนักว่าเป็นเด็กจากตระกูลใด ถึงได้ไร้การอบรมเช่นนี้”สิ้นคำพูด ก็มีเสียงเย็นชาสายหนึ่งดังขึ้นมา “ผู้ใดกล้าบอกว่าลูก
เซียวเยี่ยนถิงกับรั่วหรูซวงเดิมทีก็ไม่ถูกกับพวกเขาอยู่แล้ว มายามนี้ยังถูกบังคับให้ขอโทษภายใต้สายตาของทุกคนอีกหลังจากงานเลี้ยงแห่งวสันตกาล ก็มีข่าวลือมากมายกล่าวว่าความรักลึกซึ้งที่เขามีต่อชายาองค์ก่อนเป็นเพียงเรื่องลวง ไม่แน่เรื่องที่ชายาองค์ก่อนมีอาการคลอดยากก็อาจเป็นเพราะเขาเช่นกันแม้แต่เสด็จพ่อก็ยังได้ยินเรื่องนี้ ทั้งยังเจาะจงเรียกเขาเข้าไปสอบถามในวังหลวง จึงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการกำจัดความสงสัยของเสด็จพ่อโกรธแค้นมากจนไม่อยากอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน!“ขออภัย!”“เห็นแก่ที่อันอ๋องขอโทษอย่างจริงใจ ข้าจะไม่ถือสา แต่หากยังมีครั้งหน้าอีก ข้าจะไม่ยอมรามือแน่!”ประโยคนี้ไม่เพียงแต่พูดกับพวกเซียวเยี่ยนถิงเท่านั้น ทว่ายังพูดกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้ด้วยทุกคนก้มศีรษะลงต่ำกว่าเดิม ขณะที่องค์ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงรู้สึกขายหน้าอยู่บ้างแต่…ใครใช้ให้พวกเขาไร้เหตุผลก่อนเล่า?สงครามใกล้เข้ามา และใกล้ต้องเดินทัพเต็มที แคว้นเหลียงต้องการให้แคว้นเยี่ยนส่งทัพไปสนับสนุน จึงไม่อาจทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้นี่เป็นเพียงช่วงเล็ก ๆ เท่านั้น หลังจากขอโทษ งานฉลองอายุครบเดือนก็ดำเนินต่อไปในระหว่า
สีหน้าของเซียวเยี่ยนถิง ราวกับแฝงความอับอายที่กลายเป็นความโกรธเพราะคำลวงถูกเปิดโปงเขากลัวสิ่งใดกัน?บรรยากาศหนักอึ้งโดยพลัน แม้แต่สีพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงก็แปรเปลี่ยนไป ก่อนจะทรงยืนขึ้นพระองค์เดินไปที่ข้างอ่างน้ำ พลางทอดพระเนตรอยู่นาน ก่อนที่พระเนตรจะจ้องมาทางร่างของขันทีน้อย“น้ำนี่เป็นเจ้าที่เตรียมมาหรือ?”ขันทีน้อยคุกเข่าลงบนพื้นด้วยตัวสั่นเทา “ฝ่าบาท เป็นกระหม่อม...ไม่ ๆ ๆ เป็นกระหม่อมกับท่านอาจารย์ของกระหม่อมเตรียมด้วยกันพ่ะย่ะค่ะ...”เพราะขันทีน้อยเคร่งเครียดเกินไป เขาจึงพูดติดขัดขันทีหลี่ผู้มีหน้าที่เตรียมการซึ่งอยู่ข้างกายองค์ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงคุกเข่าโดยพลัน “ฝ่าบาท เป็นความจริงที่กระหม่อมเตรียมน้ำมา ทว่าก่อนยกเข้ามาในตำหนักก็ได้รับการตรวจสอบโดยหมอหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นย่อมไม่มีปัญหาใดเป็นแน่ หมอหลวงทั้งสองคนข้างนอกเป็นพยานได้พ่ะย่ะค่ะ”“ให้พวกเขาเข้ามา!”ในยามนี้หัวใจของเซียวเยี่ยนถิงเต้นแรงมาถึงลำคอ ด้วยเกรงว่าตัวเองจะถูกเปิดโปงความลับหลังจากหมอหลวงทั้งสองคนเข้ามา ก็เพียงแค่ตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นโดยพลัน“ฝ่าบาท กระหม่อ
เขาคงไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับนานเป่าจริง ๆ กระมัง?ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในสมอง ก็ถูกอวิ๋นหลีปฏิเสธทันทีเป็นไปไม่ได้!ตามความทรงจำของเจ้าของร่าง ตอนนั้นเซียวเยี่ยนถิงกับรั่วหรูซวงวางแผนปรักปรำนาง ได้จัดเตรียมขอทานคนหนึ่งให้นางความปรารถนาแรกของเจ้าของร่าง ก็คือตามหาคนที่พรากความบริสุทธิ์ของนางแล้วแก้แค้นต่อมา นางส่งคนไปตามหาเบาะแสของขอทานคนนั้นรู้มาว่าเขาตายตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว!ก่อนตายหนึ่งวัน เขาเคยไปอวดสหายคนหนึ่งของเขาอย่างภาคภูมิใจว่า ตนโชคดีจริง ๆ!มีเงินให้รับ และยังได้นอนกับผู้หญิง สวรรค์ช่างดีกับเขาจริง ๆตอนนั้นสหายของเขาคิดว่าเขาคุยโม้ด้วยซ้ำ ถามเขาว่ามีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ที่ใดกัน ขอทานจึงเล่าให้เขาฟัง และยังบอกให้เขาต้องเก็บเป็นความลับ ไม่เช่นนั้นจะนำภัยมาสู่ตัววันต่อมา ขอทานก็ไปที่วัดหงเย่หลังจากนั้น…ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้วเพราะเขาไม่ได้กลับมาอีกเลยสหายของขอทานก็ถูกเซียวเยี่ยนถิงตามล่าเช่นกัน เขาหลบซ่อนตัวโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีพ้นความตายตอนที่อวิ๋นหลีตามหาเขาจนพบ ก็เหลือแค่ลมหายใจที่รวยรินแล้ว แต่ก็ยังใช้แรงฮึดสุดท้ายเล่าแผนการที่วัดหงเ
เมื่อเห็นอวิ๋นหลีกลับมา เหล่าองครักษ์ตื่นเต้นมาก“พระชายา เจอยาถอนพิษหรือไม่?”อวิ๋นหลีไม่กล้าสบตาพวกเขาด้วยซ้ำ “ขอโทษ”จู๋เยว่ร้อนใจทันที“ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่นายท่านกระอักเลือดไปสองรอบแล้ว! ท่านกลับทำตัวลึกลับไม่รู้ไปอยู่ที่ใด ถ้าหากรักษาไม่ได้ก็บอกแต่แรก เหตุใดต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย?”“ใจเย็น ๆ ห้ามเสียมารยาทกับพระชายารัชทายาท!”“นายท่านใกล้จะไม่ไหวแล้ว เจ้าจะให้ข้าใจเย็นอย่างไร?”จุยอวิ๋นก็กังวลมากเช่นกัน แต่เขารู้ นี่ไม่ใช่ความผิดของอวิ๋นหลีนายท่านยอมเอาชีวิตไปปกป้องนาง มากพอที่จะรู้ถึงความสำคัญของนางที่อยู่ในใจเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาล้วนสมควรรักษาการให้เกียรตินาง“พระชายารัชทายาท ไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ หรือ?”“ยาถอนพิษหาไม่เจอแล้ว แผนในตอนนี้ มีเพียงให้ข้าลองพยายามดูสักตั้งว่า สามารถขับพิษออกจากร่างกายเขาหรือไม่ แล้วค่อย…”กล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกขัดอีกครั้ง“เมื่อครู่ก็เพราะพวกเราเชื่อท่าน จึงได้ยืนโง่ ๆ อยู่ตรงนี้ตั้งนาน ข้าว่าไม่สู้รีบพานายท่านกลับไปหาฝูหลิงจวิน ไม่แน่ว่าถอนพิษได้ตั้งนานแล้ว”“จู๋เยว่…”“ข้าพูดอะไรผิดหรือ? เพื่อที่จะช่วยนาง ชีวิตนา
“พูดเหลวไหล! ข้าให้เจ้าลงมือกับข้าตั้งแต่เมื่อไร?”“เสี่ยวหลีเอ๋อร์ เจ้าน่าจะรู้ คนที่ข้าไม่อยากทำร้ายที่สุดบนโลกใบนี้ก็คือเจ้า!” บนใบหน้าฮวาเย่ยังคงมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาดอกท้อที่มีเสน่ห์นั่น กลับเผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่กระหายเลือดเรื่องนี้ อวิ๋นหลีย่อมรู้ดีตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนที่นางแก้พิษศพที่เขาคิดค้นขึ้นได้ ทั้งสองก็เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดความสุขสูงสุดของเขาก็คือ การทำยาพิษให้นางมาแก้พิษ คอยเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกคนเห็นกระบวนท่าก็แก้ตามกระบวนท่าระหว่างพวกเขามีความชอบที่คล้ายกัน จากศัตรูกลายเป็นสหายถ้าหากวางยาพิษจนนางตายจริง ๆ เกรงว่าเขาจะเศร้าใจที่สุด ต้องสูญเสียความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตไปเช่นนั้น คนที่เขาจะฆ่าก็ต้องเป็น…“ข้าเตือนเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีความสำคัญ หลังจากทุกอย่างจบลง ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องลงมือกับคนที่ไม่รู้อะไรด้วย?”ฮวาเย่ยิ้มอย่างเย็นเยือก “เสี่ยวหลีเอ๋อร์ตำหนิข้าเพราะเขาหรือ? ด้วยเรื่องนี้ เขาก็สมควรตายที่สุด!”“ข้าแค่กำลังพูดข้อเท็จจริงกับเจ้า ไม่ได้มีเจตนาอื่น”“อธิบายก็คือกลบเกลื่อน กลบเกลื่อนก็คือคว
“อะไรนะ?” เหล่าองครักษ์ลับตกใจมากชีวิตของนายท่านเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของแคว้นเยี่ยน จะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเขาตายหมื่นครั้งก็ยากจะไถ่โทษตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่อวิ๋นหลี“พระชายา นายท่านได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยท่าน ท่านต้องหาวิธีช่วยเขานะ”“ข้าต้องช่วยเขาอยู่แล้ว พวกเจ้ายกเขาขึ้นรถม้าก่อน”เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลีรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองรุ่มร้อนเช่นนี้ เมื่อตรวจชีพจร ยุ่งเหยิงมากเหมือนกับว่าทำมาจากพิษที่รุนแรงพันหมื่นชนิด อยากถอนพิษก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของเขา นางรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบคอ ทรมานจนแทบหายใจไม่ออกในเมื่ออีกฝ่ายใช้พิษเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการฆ่าให้ตายในทันที ช่างอำมหิตจริง ๆนางใช้เข็มเงินแต้มเลือดพิษ แล้วส่งเข้าไปทำการวิเคราะห์ที่ห้องทดลองหวังว่าจะสามารถวิเคราะห์ชนิดของพิษออกมา และหาวิธีคิดค้นยาถอนพิษโดยเร็วเวลานี้เอง งูเล็กสีแดงตัวหนึ่งแผดเสียง ‘ซือ ๆ’ เลื้อยเข้ามาจากทางหน้าต่างอวิ๋นหลีจำได้ในปราดเดียว…ชื่อหลิน!ในเมื่อมันอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเจ้านายของมัน…ตั้งแต่
นางไม่เคยเปิดใจกับเขาอย่างแท้จริงบางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่นางไม่ยอมบอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง!ข้างหน้าเป็นป่าองครักษ์ลับในชุดดำและปิดใบหน้าซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ มองดูรถม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“ผู้บัญชาการ จะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”“อีกเดี๋ยวทำตามคำสั่งของข้า”ทุกคนอัดอั้นในใจ เหตุการณ์อะไรพวกเขาไม่เคยพบเคยเห็น วันนี้กลับต้องมาปลอมตัวเป็นโจรดักปล้นกลางทาง ช่างเป็นประวัติการณ์ครั้งหนึ่งจริง ๆทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ความร่วมมือกับการแสดงละคร ‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ ของนายท่านที่มีจินตนาการสุดล้ำของพวกเขา เพื่อพิชิตใจของผู้หญิงคนนั้นในเร็ววันแต่เมื่อนึกถึงฝีมือการแพทย์ของอวิ๋นหลี ความหดหู่ในใจหายไปทันทีต่อให้ทำเพื่อยาแปลก ๆ ที่นางคิดค้น พวกเขาก็ต้องรั้งนายหญิงท่านนี้ไว้ให้ได้!ทันใดนั้น ลูกธนูที่เย็นเฉียบแหวกอากาศยามราตรี เจาะทะลุตัวรถม้าในพริบตาคนชุดดำนับสิบร่อนลงมาจากท้องฟ้าคนขับรถม้าถูกพวกเขาฆ่าตายแล้ว บนหน้าอกยังมีลูกธนูปักอยู่หนึ่งดอก และยังเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าตายตาไม่หลับเวลานี้ กลุ่มองครักษ์ลับที่อยู่บนต้นไม้มองตาค้าง“ผู้…ผู้บัญชาการ นายท่านได้ส่งคนอื่นมาด้วยหรื
ในที่สุดฝาก็ถูกยกขึ้นต่อจากนั้น สีหน้าทุกคนเปลี่ยนฉับพลันในกล่องนั่น…มันว่างเปล่า!พลันหลี่กงกงตบหน้าผาก “โอ๊ย บ่าวเกือบลืมไปแล้ว! ฝ่าบาททรงโปรดปรานขนมแผ่นเมฆสู่ตี้มาก และเสวยสองสามชิ้นทุกวัน ทรงเสวยหมดตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ในที่สุดหัวใจที่กระวนกระวายของเซียวเยี่ยนถิงก็สงบลง ดูเหมือนสวรรค์ยังเข้าข้างเขาอวิ๋นหลีก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เซียวเยี่ยนถิงจะดวงดีเช่นนี้ ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้อีกครั้งน่าเจ็บใจจริง ๆ!เวลานี้เอง จู่ ๆ หรงเหยี่ยนก็เอ่ยปาก “ฝ่าบาท กระหม่อมมีคำพูดหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด?”“ล้วนเป็นคนกันเอง เจ้ากับพระชายารัชทายาทเป็นคนช่วยชีวิตเราไว้ มีอะไรก็พูดมาได้เลย”“โจรชั่วบังอาจเช่นนี้ กล้าวางยาพิษกระทั่งฮ่องเต้ จะเห็นได้ว่ายากจะหยั่งรู้เจตนา ปัจจุบันเป็นช่วงสำคัญของการร่วมมือระหว่างสองแคว้น สถานการณ์สงครามชายแดนคับขัน ถ้าหากเกิดเรื่องกับฝ่าบาทในเวลานี้ จะมีผลอย่างไรตามมา?”สีหน้าฮ่องเต้ต้าเหลียงเปลี่ยนฉับพลัน จู่ ๆ ก็ออกคำสั่ง “ทหาร คุมตัวอันอ๋องเข้าคุกหลวง!”เซียวเยี่ยนถิงงงงวยแล้วขนมหมดแล้วไม่ใช่หรือ?ไม่มีหลักฐาน เหตุใดยังจับเขาอีก?เมื่อเห็น
สายตาฮ่องเต้กวาดผ่านร่างกายเขาอย่างเย็นชา โดยไม่ได้พูดอะไรมากตอนนี้ไม่ใช่เวลามาซักไซ้ความผิดของเขา เพราะเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องจัดการนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของอวิ๋นหลี ในใจเขาหวาดกลัวสุดขีด น้ำเสียงเย็นชาฉับพลัน “พวกเจ้าเข้ามาให้หมด”ในห้องพระบรรทม หมอหลวงทุกคนคุกเข่าอยู่บนพื้นสายตาฮ่องเต้ต้าเหลียงกวาดผ่านพวกเขา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแรง ๆทั้งสำนักหมอหลวงรวมกัน กลับสู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ ช่างเป็นที่น่าหัวเราะเยาะจริง ๆตอนมองไปทางอวิ๋นหลี สายตาเขาอ่อนโยนลงหลายส่วนทันที “เจ้าบอกพวกเขาดู ตกลงข้าเป็นโรคอะไรกันแน่?”เซียวเยี่ยนถิงก็อยากรู้เช่นกัน ตกลงนางใช้วิธีอย่างไรช่วยฮ่องเต้กันแน่ ถึงสามารถทำให้เขา ‘ฟื้นคืนจากความตาย’?กลับไม่คาดคิด คำพูดต่อจากนี้ของอวิ๋นหลีทำให้เขาสะดุ้ง“ฝ่าบาทไม่ได้ป่วย แต่ถูกพิษ!”หมอหลวงจางที่ปรึกษาสำนักหมอหลวงคัดค้านคนแรก “เป็นไปไม่ได้! กระหม่อมรักษาโรคมาสามสิบปี และเคยศึกษาพิษมากมายเช่นกัน พิษทั่วไป ทันทีที่เข้าสู่ร่างกาย แค่ตรวจชีพจรก็สามารถรู้ได้ในทันที แต่ชีพจรของฝ่าบาทไม่มีสัญญาณของการถูกพิษใด ๆ”“พิษชนิดนี้พบเห็นยากมาก มันจะไม่เข้าสู่กร
หลังจากนั้นสองวัน มีข่าวร้ายถูกส่งมาจากในวังฮ่องเต้เศร้าเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระนัดดาน้อย อาการป่วยแย่ลงอย่างรวดเร็ว ใกล้จะไม่ไหวแล้วเหล่าหมอหลวงหมดปัญญา เซียวมู่ป๋ายไม่สนใจคำคัดค้านของทุกคน เชิญอวิ๋นหลีเข้าวังตรวจอาการฮ่องเต้ตำหนักเฉินหลังจากเซียวมู่ป๋ายบอกเจตนาที่ตัวเองมา กลับถูกหรงเหยี่ยนปฏิเสธ“สหายหรง เสด็จพ่อป่วยหนัก ทั้งสำนักหมอหลวงหมดปัญญารักษา ฝีมือการแพทย์ของพระชายารัชทายาทสูงส่ง ให้นางลองดู บางทีเสด็จพ่ออาจจะยังมีโอกาสรอด”“เรื่องอะไรก็คุยกันได้ ยกเว้นเรื่องนี้ไม่ได้!”หรงเหยี่ยนจะปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?ช่วยได้ย่อมดีที่สุด แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไร เป็นไปได้ว่าจะตกเป็นเป้าของทุกคนในข้อหา ‘ปลงพระชนม์ชีพ’คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลีกลับตอบตกลงทันที“เข้าวังเมื่อไร?”“ยิ่งเร็วยิ่งดี!”“เช่นนั้นยังจะรออะไรอีก? ออกเดินทางเลย!”หรงเหยี่ยนย่อมไม่ปล่อยให้นางทำอะไรส่งเดช “เจ้ารู้หรือไม่ว่ารักษาฝ่าบาทไม่หาย จะมีผลลัพธ์อย่างไร?”อวิ๋นหลีกลับกล่าว “เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”หรงเหยี่ยนมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อนแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ถอนใจ “ไปเถอะ ข้าไป
“หลายวันนี้ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวนอันอ๋อง เจ้าล้วนให้ความสนใจมาก เมื่อครู่ในงานเลี้ยงพระราชวัง ข้าเห็นกับตาว่าเจ้า…”พูดยังไม่ทันจบ จู่ ๆ มือน้อยข้างหนึ่งก็ปิดปากของเขาเขาพูดมากเกินไปแล้ว!เดิมทีนางไม่อยากให้เขารู้เรื่องเหล่านี้ ยิ่งไม่อยากให้เขาเข้ามาพัวพันกับแผนการเหล่านี้ความแค้นของนาง นางสะสางเองได้!ไม่อยากให้ใครก็ตามเข้ามายุ่ง!หรงเหยี่ยนเอามือของนางลง มองนางอย่างลึกซึ้ง “ถ้าหากข้าบอกเจ้าว่า ศัตรูของพวกเราคือคนเดียวกันล่ะ?”อวิ๋นหลีเบิกตากว้างฉับพลันจู่ ๆ ก็นึกถึงวันที่เข้าเมืองหลวง นางถามเขาว่าไปทำอะไรที่เซิ่งจิงเขาพูดแค่สองคำ…ล้างแค้นแต่เมื่อนางถามว่าศัตรูของเขาเป็นใคร เขากลับเลียนแบบสำเนียงของนาง พูดเหมือนกับที่นางพูดเดิมทีคิดว่าเขาจงใจหยอกล้อ จึงไม่ได้เก็บเอาไปใส่ใจถ้าหากเป็นจริงทุกสิ่ง ไม่เท่ากับว่าศัตรูของเขาก็คือ…ใต้ฟ้ามีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้จริงหรือ?อวิ๋นหลีอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้ามีความแค้นอะไรกับเขา?”“ความแค้นที่ฆ่าภรรยา ไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน!”ที่แท้แม่ของอวี้เป่าถูกเซียวเยี่ยนถิงฆ่าตายคำนวณตามเวลา สี่ปีก่อนเขายังอยู่แคว้นเหล