ลู่เจียวรู้อยู่เต็มอกว่าหลังจากที่เธอช่วยกู้ว่างเชินในตอนนั้น เธอก็กลัวน้ำมาตลอด แต่ก็ยังต้องการโยนเธอลงทะเล!เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่เหมียนรู้สึกเสียใจที่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ลู่เจียวฟังเรื่องที่เธอช่วยชีวิตกู้ว่างเชินนั้น คนที่รู้มีไม่มาก และลู่เจียวก็เป็นหนึ่งในนั้นที่รู้เรื่องราวนี้!“เข้าใจแล้ว” ฉู่เหมียนเม้มปาก เสียงของเธอเย็นชาชายคนนั้นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ “ปล่อยฉันเถอะนะ”ฉู่เหมียนยกมุมปากขึ้น “ไม่ใช่นายที่ลักพาตัวฉันเหรอ? ต้องเป็นฉันควรจะขอร้องพวกนายให้ปล่อยฉันหรือเปล่า?”มุมปากของชายคนนั้นกระตุกเล็กน้อย หรือฉู่เหมียนกำลังดูถูกเขา?เธอรู้ตัวด้วยหรือว่าคนที่ถูกลักพาตัวคือเธอ?แต่เพื่อความอยู่รอด เขาจึงพนมมือขึ้นและวิงวอน “คุณหนูฉู่ ขอร้องล่ะ”ฉู่เหมียนพยักหน้า “ฉันจะปล่อยนายไป แต่นายต้องแสดงละครเป็นเพื่อนฉัน”ชายคนนั้นพยักหน้าทันที “คุณหนูฉู่ เราถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว เธอจะขออะไรก็ได้”ฉู่เหมียนหัวเราะเบา ๆ “ใครเป็นเพื่อนนาย?” คิดจะมาเป็นเพื่อนกับเธอ ดูตัวเองหน่อยเถอะว่าคู่ควรกับเธอหรือเปล่า“กลับไปบอกลู่เจียวซะ ว่าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ฉู่เหมียนได้ตายไปแล้ว” ฉู่เหมียนเอ
ในตอนกลางคืนเวลาเที่ยงคืน โรงพยาบาลเงียบสงัดไร้ผู้คนทุกคนต่างพูดว่า ถ้าไม่ทำเรื่องผิดก็ไม่ต้องกลัวผีเคาะประตู แต่ทันใดนั้นลู่เจียวที่กำลังนอนหลับก็รู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เธอสะดุ้งตื่นด้วยความเย็นยะเยือกเธอมองไปที่ห้องพักที่ว่างเปล่า จากนั้นก็หันไปมองนอกหน้าต่าง เธอหายใจแรง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เวลาในนั้นหยุดอยู่ที่เที่ยงคืนลู่เจียวฝันร้าย ฝันว่าฉู่เหมียนมาทวงชีวิตของเธอลู่เจียวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ขยี้หัวคิ้วตัวเอง ก่อนจะเปิดแชทของกู้ว่างเชินและส่งข้อความไปหาเขาลู่เจียว: ‘อาเชิน นอนหรือยัง?แต่กู้ว่างเชินไม่ได้ตอบกลับมาทันที ทำให้ลู่เจียวรู้สึกกระวนกระวายใจเธอลุกขึ้นจากเตียงไปเทน้ำใส่แก้วเพื่อดื่ม แต่ขณะที่เธอกำลังจะดื่มน้ำ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นลู่เจียวหันไปมอง “ใครน่ะ?”หรือจะเป็นพยาบาล? เห็นไฟในห้องของเธอยังสว่างอยู่?แต่เมื่อเธอถามออกไป ก็กลับไม่มีใครตอบ มีเพียงเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งลู่เจียวขมวดคิ้ว เธอเดินไปที่ประตูและมองผ่านกระจกเล็ก ๆ ข้างประตู แต่ทันใดนั้น ก็มีใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาลู่เจียวสะดุ้งถอยหลังไปสองก้าวเพียงชั่วพริบตาประตูห้อ
ฉู่เหมียนเดินมาถึงระเบียงยาว มองไปที่กล้องวงจรปิด มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แล้วทำท่า ‘โอเค’ในขณะเดียวกัน ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดมีคนลบคลิปวิดีโอนั้นออกเรียบร้อยแล้วที่หน้าประตูโรงพยาบาล ฉู่เหมียนเปิดประตูรถตู้สีดำบนรถมีชายหนุ่มรออยู่แล้ว“ลบวิดีโอนั้นแล้วใช่ไหม?”ฉู่เหมียนเอ่ยถามฉู่อี้พยักหน้า “ครับ ลูกพี่”ฉู่อี้ชายหนุ่มอายุยี่สิบปี เป็นแฮกเกอร์มือฉมังจากฐาน M เป็นสมองอัจฉริยะ มีความจำที่ยอดเยี่ยม เป็นบุคคลสำคัญของทีมเขาชำนาญการวางแผนและกลยุทธ์ทุกอย่าง!โม่อี้ขึ้นรถ แล้วรถก็ขับออกไปไกล“ลู่เจียวเจอศึกหนักแน่” โม่อี้หัวเราะ“น่ากลัวจริง ๆ ” ฉู่อี้พยักหน้าตามฉู่เหมียนกำลังใช้ครีมล้างเครื่องสำอางเพื่อล้างแต่งหน้าที่ทำให้เธอดูน่ากลัว เธอเอ่ยบอกเบา ๆ “เธอคงเกลียดฉันเข้าไส้แล้ว”“แน่นอนสิ เธออยากแต่งงานกับกู้ว่างเชินจะตาย แต่ลูกพี่กลับไม่ยอมหลีกทาง เธอจะไม่รีบร้อนได้เหรอ?” โม่อี้ตีไปที่พวงมาลัยเบา ๆ และถอนหายใจออกมา “ถ้าอยากจะยืนจุดสูงสุด วิธีที่ง่ายที่สุดคืออะไร?”แน่นอนว่าต้องทำให้ฉู่เหมียนตายเพื่อทำให้กู้ว่างเชินเป็นพ่อหม้ายหากฉู่เหมียนตาย ตระกูลกู้ก็จะไม่สนใจฉู่เหมียน แ
ฉู่เหมียนหยุดฝีเท้าลงแล้วสบตากับลู่อี้ฉู่เหมียนได้ยินลู่เจียวพูดเสียงเบา “ให้เหมียนเหมียนเข้ามาเถอะพี่”ลู่อี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ช่วยทำตัวสุภาพกับน้องสาวผมด้วย”ฉู่เหมียนยิ้มตอบ “คุณลู่คะ ฉันเคยไม่สุภาพกับน้องสาวของคุณด้วยเหรอ?”อีกอย่าง ใคร ๆ ก็รู้ว่าลู่เจียวเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลลู่ อีกทั้งพี่ชายสองคนของเธอก็รักและเอ็นดูเธอมาก หากเธอไปแกล้งลู่เจียวต่อหน้าพี่ชายของเธอ นั่นไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวหรืออย่างไร?ตัวเธอไม่ได้โง่ที่จะพาตัวเองลงเหวหรอกนะลู่อี้ไม่ได้สนใจฉู่เหมียนอีกต่อไป แต่พาเธอเข้าไปในห้องผู้ป่วยภายในห้องผู้ป่วย ลู่เจียวกำลังโดนให้น้ำเกลืออยู่ เธอรู้สึกอ่อนแรงมาก และสีหน้าของเธอก็ดูซีดเซียวในขณะฉู่เหมียนเดินเข้ามา ลู่เจียวถึงกับตกตะลึงทันทีฉู่เหมียนสวมเสื้อกาวน์สีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนด้านใน และกางเกงขายาวสีดำ ขณะนี้เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วมองไปที่ลู่เจียวอย่างเงียบ ๆ ลู่เจียวขยับปาก แต่มือที่ให้น้ำเกลือกลับสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว เธอมองฉู่เหมียนตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและความหวาดกลัวเป็นฉู่เหมียนจริง ๆ เธอไม่เป็นอะไรอย่างนั้น
ฉู่เหมียนหรี่ตาลง อดไม่ได้ที่จะก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว เธอล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเธอทำอะไรผิด?ลู่อี้มองใบหน้าของฉู่เหมียนที่เข้ามาใกล้จนทำให้เขาอึกอักเล็กน้อยฉู่เหมียนอยู่ใกล้เกินไปแล้วเขาขยับปากเล็กน้อย สบสายตากับดวงตากลมโตของฉู่เหมียนลู่อี้ขมวดคิ้ว และกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ฉู่เหมียน… ดวงตาของเธอช่างเหมือนกับแม่ของเขาตอนที่ยังสาวจริง ๆ ลู่อี้เอ่ยพูดเสียงต่ำ แต่คิ้วยังคงขมวดแน่น ใบหน้าที่เข้มแข็งนั้นดูหล่อเหลามากเป็นพิเศษเขาเอ่ยเตือนฉู่เหมียนว่า “เอาเป็นว่าคุณห้ามยุ่งเกี่ยวกับน้องสาวของผมอีก! ถ้าคุณไม่ชอบน้องสาวผม ก็มาลงกับผมนี่!”ลู่อี้รักลู่เจียวมาก เพราะเขาคิดว่าถ้าเขาปฏิบัติดีต่อเด็กผู้หญิงคนอื่น น้องสาวแท้ ๆ ของเขาที่อยู่ข้างนอกคงได้รับการดูแลอย่างดีจากครอบครัวที่รับเลี้ยงเช่นกัน!หร่วนหร่วน… น้องสาวแท้ ๆ ของเขาหากหร่วนหร่วนได้กลับบ้าน เขาจะรักเธอยิ่งกว่าลู่เจียวแน่นอน! เขาจะไม่ตะโกนใส่หร่วนหร่วน และมอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้กับเธอ!“ฉู่เหมียน ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ!” ลู่อี้พูดจบก็หันหลังเดินเข้าห้องผู้ป่วยไปปัง! เสียงประตูปิดดังสนั่นฉู่เหมียนกลอกตาไปมา คนที่ควรดูแลตัวเอ
“ขอโทษค่ะ…” ผู้หญิงคนนั้นเรียกฉู่เหมียนไว้ฉู่เหมียนยืนมองเธออยู่ที่ปลายเตียง ดวงตาของเธอไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ เมื่อวานนี้หากบอกว่าฉู่เหมียนสงสารเธอ วันนี้คงหลงเหลือแค่ความเฉยเมยเธอถูกทุบตีจนจมูกฟกช้ำ หน้าบวม แขนและหน้าผากถูกพันไปด้วยผ้ากอซ เห็นได้ว่าผู้ชายคนนั้นโหดร้ายกับเธอมากแค่ไหนฉู่เหมียนนึกถึงเมื่อวานนี้ที่หญิงสาวปกป้องชายคนนั้นก็รู้สึกสมเพช!เธอแลกมาด้วยอะไร? สิ่งที่เธอได้รับคือความรุนแรงที่เลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิมจากชายคนนั้น!“หมอฉู่ อย่าโทษฉันเลยนะคะ ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ ฉันต้องพึ่งพาเขาในการมีชีวิตอยู่” อารมณ์ของเธอผันผวนเล็กน้อย ขณะที่เธอพูดบาดแผลบนใบหน้าก็เริ่มเจ็บปวด ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว และเธอก็พูดต่อว่า “ถ้าไม่มีเขา ฉันจะต้องตาย คุณเข้าใจฉันไหมคะ?”ฉู่เหมียนส่ายหัว เธอไม่อาจเข้าใจได้“ฉันต้องขอร้องเขาในการรักษาตัว ถ้าไม่มีเขา ฉันต้องตายแน่ ๆ ที่จริงแล้วเขาปฏิบัติต่อฉัน…ค่อนข้างดี” เสียงของเธอค่อย ๆ เบาลงเธอเป็นเพียงคนธรรมดา และเป็นเพียงผู้หญิงอายุสามสิบปีจากชนบท ชีวิตของเธอคือการแต่งงานและมีลูก เลี้ยงดูสามีและเลี้ยงลูกเท่านั้นหากสามีไม่ต้องการเธอ เธอก็ไม่มีทางให
ท้องฟ้าในเมืองอวิ๋นจู่ ๆ ก็เต็มไปด้วยเมฆหมอก และดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตกเมื่อฉู่เหมียนออกมาจากแผนกผู้ป่วยใน เธอก็เห็นรถอาวดี้สีดำจอดอยู่ที่ประตู และชายหนุ่มในชุดสูทที่ดูสุภาพเรียบร้อย“ฉู่เหมียน” ชายคนนั้นโบกมือให้เธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สุภาพและสง่างาม“โอ้ ประธานหาน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากสินะคะ!” ฉู่เหมียนทักทายเขาหานซือหลี่ขานตอบ “ผมเพิ่งกลับมาจากสัมมนาน่ะ”ฉู่เหมียนเหลือบมองเข้าไปในรถและเห็นกระเป๋าเดินทางของหานซือหลี่“ยังไม่ทันเอากระเป๋าไปเก็บเหรอคะ?”“ผมคิดถึงคุณฉู่ ก็เลยรีบมาที่โรงพยาบาลทันทีเลยน่ะครับ” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมา“ไม่ทราบว่าจะให้เกียรติไปทานมื้อค่ำกับผมได้ไหม?” เขาถามฉู่เหมียนพยักหน้า “ตกลงค่ะ”หานซือหลี่เปิดประตูรถให้ฉู่เหมียนอย่างสุภาพ หลังจากที่หานซือหลี่ขึ้นรถ เขาก็มอบของขวัญให้เธอ “นี่สำหรับคุณครับ”“ฉันจะรับมันไว้ได้ยังไงกัน?”“ไม่ต้องเกรงใจ ตอนนั้นคุณช่วยพ่อของผมเอาไว้ และผมก็ยังไม่ได้ให้ของขวัญอะไรตอบแทนคุณเลย” หานซือหลี่ยิ้มและพูดกับฉู่เหมียนต่อ “พูดถึงคุณพ่อ ท่านบอกว่าครั้งหน้า
หลิ่วอิงกำลังจะขอบคุณคน ๆ นี้ที่กู้หน้าให้ แต่เมื่อเห็นฉู่เหมียน หน้าเธอก็พังลงทันทีฉู่เหมียนมองไปที่หลิ่วอิงที่อยู่ในบรรดาผู้หญิงทั้งหมด รูปร่างหน้าตาของเธอเหนือกว่าคนอื่น และชุดก็หรูหรากว่ามากด้วยดูเหมือนว่าเธอจะชอบชุดกี่เพ้าเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้ทุกครั้งที่ได้พบกัน เธอก็มักจะสวมชุดกี่เพ้าเสมอคิ้วของหลิ่วอิงโค้งสวย แม้จะอายุห้าสิบแล้วแต่เธอก็ยังสง่างามเธอแค่นเสียง “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”“ก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ เมืองอวิ๋นไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น และร้านอาหารที่อร่อย ๆ ก็มีเพียงไม่กี่ร้าน!” ฉู่เหมียนยิ้มตอบเรียบ ๆหลิ่วอิงเลิกคิ้วและมองไปที่โต๊ะของฉู่เหมียน เธอมาคนเดียวงั้นเหรอ?“คุณฉู่ดูเหงาจังเลยนะคะ ขนาดกินข้าวก็ยังต้องมากินคนเดียว” หลิ่วอิงเบ้ปากและอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ “ไม่เหมือนลูกสาวของฉันที่ไม่ว่าจะกินข้าวหรือชอปปิงก็มีคุณกู้คอยไปเป็นเพื่อนเสมอ”หัวใจของฉู่เหมียนกระตุก และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอถึงกับแข็งทื่อ“โอ้ว ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณกู้คือสามีของคุณใช่หรือเปล่าคะ?” หลิ่วอิงพูดประชดประชันฉู่เหมียนปรับอารมณ์และพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ คุณลู่ดูจะชื่นชอบสามีของคนอื่นเป็นพิเศษ ฉั
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ