เธอเดาถูก“เป็นคุณจริง ๆ เหรอ? ” ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว พยายามกลั้นความตกใจไว้ ยังแสดงท่าทีสุภาพอยู่“ใช่” กู้ว่างเชินแกว่งแก้วไวน์ในมือ มองฉู่เหมียนด้วยความรู้สึกสนใจเป็นพิเศษฉู่เหมียนไม่อยากจะเชื่อ จึงหันไปมองต้วนจินต้วนจินที่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยจากนั้นเขาจึงพยักหน้าใช่แล้ว สองคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดในครั้งนี้ ก็คือกู้ว่างเชินกับหานซือหลี่เขาเองก็กำลังสับสนว่าจะเลือกให้ใครดี ระหว่างกู้ว่างเชินหรือหานซือหลี่ความจริงจะให้ใครก็ไม่ต่างกัน เพราะพวกเขาทั้งคู่สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้อย่างเต็มที่แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า บริษัทตระกูลกู้มีระบบที่สมบูรณ์แบบแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอีก ในขณะที่บริษัทตระกูลหานยังมีศักยภาพในการเติบโต และสมควรที่จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมแต่การสนับสนุนให้กับบริษัทตระกูลหานก็ดูเหมือนจะทำให้กู้ว่างเชินไม่พอใจ…ต้วนจินเองก็ยังรู้สึกสับสนอยู่เช่นกัน เมื่อครั้งแรกที่ดินผืนนี้ถูกนำออกประมูล บริษัทตระกูลกู้ดูเหมือนจะไม่สนใจ แต่พอมีการเปิดเผยข้อมูลของคู่แข่ง จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนใจและยืนยันว่าจะต้องได้ที่ดินนี้ฉู่เหมียนใช้มือข้างหนึ่งจับศีรษะ เ
ฉู่เหมียนรู้สึกโกรธจนขมวดคิ้ว เธอเอ่ยถามเสียงเบา “นี่นายกำลังข่มขู่ฉัน?”ต้วนจินและต้วนซิ่วซิ่วรีบลุกขึ้นและส่งทั้งสองออกไปประตูห้องวีไอพีถูกเตะออก พร้อมเสียงดัง ‘ปัง’ ทำให้ทั้งสองคนถูกแยกออกจากกัน กู้ว่างเชินก้มศีรษะมองผู้หญิงในอ้อมกอด ความเย็นยะเยือกในดวงตาเริ่มเพิ่มขึ้น “รู้แล้วก็ดี”ฉู่เหมียนพยายามจะดิ้นเพื่อหลุดจากอ้อมแขนของเขา แต่กู้ว่างเชินกลับกอดเธอแน่นขึ้นฉู่เหมียนขมวดคิ้ว สักพักก็เข้าใจอะไรบางอย่าง จึงเอ่ยถามเขาไปว่า “บริษัทตระกูลกู้ไม่จำเป็นต้องการที่ดินผืนนี้ นายจงใจแกล้งหานซือหลี่ใช่ไหม?”“จงใจแกล้ง? เขาไม่มีค่าพอด้วยซ้ำ!” เสียงของเขานั้นเย็นชามาก“ปล่อยฉันซิ!” ฉู่เหมียนจ้องเขากู้ว่างเชินไม่สนใจ เขากดปุ่มลิฟต์ ขณะนั้นพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านเห็นกูว่างเชินก็ทักอย่างสุภาพว่า “ประธานกู้ครับ”“ปล่อยฉันเดี่ยวนี้!” ฉู่เหมียนรู้สึกหงุดหงิดในใจเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ในที่สุดฉู่เหมียนก็ถูกเขาวางลงแต่ฉู่เหมียนยังไม่ทันได้จัดระเบียบเสื้อผ้า เขาก็พาเธอไปยังมุมหนึ่งผู้ชายสูงกว่าตนเอง ทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างใด ๆ ได้ เขาขมวดคิ้วมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และมีคว
เมื่อกู้ว่างเชินเห็นผู้ชายคนนั้น ความโกรธในใจเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที “ไปให้พ้น!”เขาดูดุมากเสียงที่ดุดันนั้นทำให้ไหล่ของฉู่เหมียนสั่นสะท้าน และเธอก็รู้สึกสงสารผู้ชายคนนั้นผู้ชายคนนั้นเปิดปากจะพูด แต่กลับถูกด่าจนไม่รู้จะทำอย่างไร เขาจึงหันหลังและรีบเดินออกไปทันทีฉู่เหมียนผลักกู้ว่างเชินออกแล้วยิ้มให้เขาอย่างเฉย ๆ “นายก็รู้ว่าฉันกล้าทำ” หลังจากพูดจบ เธอก็ไปกดปุ่มลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่างกู้ว่างเชินมองเธอขณะที่ไหล่ของเขาเสียดสีกับเธอ เส้นผมของเธอปลิวลงมาอยู่ที่ไหล่ของเขา ใต้กระดูกไหปลาร้าที่สวยงาม รูปร่างเซ็กซี่ของเธอปรากฏขึ้นอย่างเลือนลางกู้ว่างเชินรู้สึกคอแห้งและร้อนผ่าวเขาจับข้อมือของฉู่เหมียนฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น ใช้สายตาที่ดื้อรั้นจ้องไปที่เขา “คุณกู้ ยังมีธุระอะไรอีกเหรอคะ?”กู้ว่างเชินหายใจหนัก เสียงของเธอที่เรียกเขาว่า “คุณกู้” ยังดังอยู่ในหูอะไรก็คุณกู้ คุณกู้!เมื่อไหร่กันที่คำเรียกนี้กลายเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดขนาดนี้!กู้ว่างเชินก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ผลักฉู่เหมียนไปยังมุมลิฟต์อีกครั้ง เขาขมวดคิ้ว หน้าตาเขาดูแปลกไป เขาพูดว่า “ฉู่เหมียน ฉันเกลียดคำนี้!”“งั้นเ
เมื่อได้ยินแบบนั้น ความรู้สึกแสบที่ปลายจมูกของฉู่เหมียนทำให้เธอไม่สามารถทนได้ ตาของเธอแดงขึ้นในทันทีเมื่อเปรียบเทียบกับการที่กู้ว่างเชินไม่รักเธอ ความอับอายที่เขามอบให้กลับทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากกว่าเมื่อเห็นฉู่เหมียนน้ำตาคลอ ใบหน้าของกู้ว่างเชินเหมือนกับทหารที่ชนะสงคราม รู้สึกสบายใจอย่างที่สุด!“ร้องไห้ทำไม น้อยใจงั้นเหรอ?” เขายกคางของฉู่เหมียนขึ้น มองไปที่คิ้วและดวงตาของเธอ เขาดูดุร้าย แตกต่างจากตัวเขาที่อ่อนโยนในวันก่อนอย่างสิ้นเชิง“ฉู่เหมียน เธอต้ิงทน เพราะนี่คือสิ่งที่เธอเลือกเอง!” จูบของเขาช่างดูดดื่ม บรรยากาศในรถหนักอึ้ง ฉู่เหมียนที่ถูกจูบจนหลายครั้งถึงกับหายใจไม่ออกร่างกายของฉู่เหมียนเกร็งไปหมด ความร้อนจากเขาแทบจะเผาเธอให้ไหม้‘ฉู่เหมียน เธอต้องทน เพราะนี่คือสิ่งที่เธอเลือกเอง’ใช่ นี่คือสิ่งที่เธอเลือกเองเธอไม่ควรรักเขา ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเขาเป็นเธอที่ตามเขาไม่เลิก เป็นเธอที่อยากแต่งงานกับเขา!ไม่แปลกใจเลยที่กู้ว่างเชินจะดูหมิ่นเธอ เป็นเธอที่เปราะบาง เป็นเธอที่ดูถูกตนเอง!พ่อพูดถูก เธอเป็นคนไม่รู้จักอาย เสียศักดิ์ศรีที่หญิงสาวคนหนึ่งพึงมี!”ฉู่เหมียนปิดตาลง ป
ฝ่ามือร้อนของเขาวางลงบนร่างของเธอ เขาก้มตัวเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเตือนเธอว่า “ฉู่เหมียน ฟังให้ดีนะ ในเมื่อเรายังไม่ได้หย่ากัน เธอต้องทำตัวเป็นคุณหญิงกู้ผู้ซื่อสัตย์ อย่าออกไปทำเรื่องให้ฉันเดือดร้อน”“ถ้าเธอกล้าทำให้ฉันอับอาย…” เขาหรี่ตามอง พร้อมกับแววตาที่แสดงถึงการคุกคามมือของฉู่เหมียนที่แขวนอยู่ข้างขากำลังค่อย ๆ กำเป็นกำปั้น เมื่อได้ยินเขาพูดว่า “อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”ฉู่เหมียนรู้ดีว่ากู้ว่างเชินนั้นใจดำมากแค่ไหนคำว่า “ไม่เกรงใจ” ที่เขาพูดนั้นชัดเจนว่ามากกว่าที่จะหมายถึงแค่เธอหากเขาโกรธมาก ๆ ตระกูลฉู่จะต้องได้รับผลกระทบด้วยแต่กู้ว่างเชินเอ่ยถามเธอ “นี่เธอประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า?”ฉู่เหมียนจะยอมให้เขาทำร้ายตระกูลฉู่อย่างนั้นเหรอ?เธอเป็นคนที่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรือไงกัน?เธอแค่อ่อนแอในเรื่องความรักเท่านั้น!ถ้าเขากล้าทำอะไรกับตระกูลฉู่ เธอไม่มีวันปล่อยเขาแน่นอน!“ฉู่เหมียน เธอรู้ดีว่าฉันมีอำนาจมากแค่ไหน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาสิ่งใดที่เขาตั้งใจทำมันแล้ว ยังไม่เคยล้มเหลวมาก่อนพูดจบ เขาก็ลงจากรถฉู่เหมียนเห็นเขาจัดเสื้อผ้าเรียบร้อย กลับมามีท่าทางเหมือนสุภาพบุรุษอีก
เขาเดินเข้ามาและกดวันเกิดของฉู่เหมียน ซึ่งนั่นคือเลขศูนย์เก้าสองหนึ่งน้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ “พอดีชินแล้วน่ะ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมักจะกดผิดอยู่เรื่อย”ฉู่เหมียนมองดูเขาเดินเข้าไปในบ้าน ส่ายหน้าอย่างเจ็บใจที่ตัวเองไม่มีความอดทน เพียงแค่เขาเปลี่ยนรหัสผ่านกลับก็ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะ“นาน ๆ ไปเดี๋ยวนายก็จะชินเอง” เธอพูดอย่างแผ่วเบากู้ว่างเชินหันกลับมามองเธออีกครั้ง จากนั้นฉู่เหมียนก็พูดต่อ “ไม่ช้าก็เร็วเราก็ต้องปรับตัวกับสิ่งอื่น ๆให้ได้อยู่ดี ”“เช่นอะไรล่ะ?” เขาหัวเราะเยาะฉู่เหมียนเอ่ยตอบ “ไม่มีอะไรหรอก”อย่างเช่น เธอจะต้องชินกับการไม่สนใจกู้ว่างเชินเธอจะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ภรรยาของตระกูลกู้อีกต่อไปฉู่เหมียนมองกู้ว่างเชิน ดวงตาของเธอหม่นหมอง เธอต้องยอมรับความจริงที่ว่ากู้ว่างเชินไม่มีวันรักเธอทางด้านกู้ว่างเชินเองก็เผลอมองสบตากับฉู่เหมียนเธอดูอ่อนล้า ดวงตาของเธอแดงก่ำ ผิวขาวนวลมีรอยจูบของเขาฉู่เหมียนนั่งอยู่บนโซฟา เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความไปหาโม่อี้ ‘มารับฉันที่วิลล่าที’โม่อี้: ‘หัวหน้า คุณไปที่วิลล่าทำไม?’ฉู่เหมียน: “ฉันโดน
ฉู่เหมียนเปิดตู้เย็นดู ก็พบว่ามีของกินมากมาย เธอเอ่ยถามเขา “ช่วงนี้นายพักอยู่ที่นี่เหรอ?”“อืม”ฉู่เหมียนไม่ได้รู้สึกแปลกใจนักของกินเหล่านี้น่าจะเป็นของที่อี้เซินเตรียมไว้ให้เขาแต่อี้เซินลืมไปหรือเปล่าว่าประธานใหญ่ของเขาไม่เคยเข้าครัวเลยฉู่เหมียนต้มให้น้ำเดือด แล้วใส่เส้นบะหมี่ใช้มีดเฉือนลงไป เธอเตรียมเครื่องปรุง จากนั้นนำเส้นที่ต้มสุกไปล้างน้ำเย็น และใส่เส้นลงในน้ำซุปที่เตรียมไว้โรยต้นหอมและวางไข่ดาวให้เรียบร้อย ถือเป็นอันว่าเสร็จเมื่อเธอจะยกไปเสิร์ฟ ก็กลับเผลอโดนความร้อน ทำให้เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวและใช้มือจับที่หูกู้ว่างเชินมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ไม่สามารถกลั้นขำในใจได้ เขายกที่โต๊ะอาหารด้วยตัวเองฉู่เหมียนมองเขา ในใจเธอรู้สึกเศร้ากู้ว่างเชินยังคงเป็นคนที่เอาใจใส่ แต่เสียดายนิสัยเอาใจใส่นี้ เขาไม่เคยมอบให้กับเธอ เมื่อคิดถึงจุดนั้น มันทำให้เธอรู้สึกอิจฉาลู่เจียวเป็นอย่างมาก อิจฉาจนแทบจะเป็นบ้าฉู่เหมียนยื่นตะเกียบให้กับเขาเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยความสงบฉู่เหมียนรู้สึกประหลาดใจ คนที่เธอเคยรักที่สุด ตอนที่เธอเริ่มไม่รักเขาแล้ว แต่เขากลับกินอาหารที
ฉู่เหมียนเมินเขา แต่เขาก็ยังคงพูดต่อไปเองว่า “เธอรู้ใช่ไหมว่าบริษัทตระกูลกู้และบริษัทตระกูลหานกำลังแข่งขันเพื่อแย่งชิงที่ดินที่สนามบินกัน?”ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมองโม่อี้ ทำไมตอนนี้ทุกคนถึงได้เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้?“เธอรู้ไหมว่าไอ้สารเลวนั่นจะใช้ที่ดินผืนนี้ทำอะไร?” โม่อี้วางแขนบนหน้าต่างแล้วถามฉู่เหมียนอย่างเกียจคร้านฉู่เหมียนสถบเสียงเย็น “นายทุนนอกจากทำธุรกิจและสร้างรายได้แล้ว จะทำอะไรได้อีก?”เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่เหมียนก็หรี่ตาลงโดยมีร่องรอยของความเกลียดชังแวบขึ้นมาในดวงตาของเธอพวกสารเลว คืนนี้ทั้งกอดทั้งแทะเธอ แถมยังข่มขู่เธออีก คิดว่าเธอ ฉู่เหมียนเป็นคนที่รังแกง่ายจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?ขณะที่โม่อี้กำลังจะตอบคำถามของฉู่เหมียน แต่ก็ได้ยินฉู่เหมียนพูดขึ้นอย่างเย็นชาเสียก่อน “โม่อี้!”โม่อี้สะดุ้ง เขากระตุกมุมปากและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จะตะคอกทำไม ไม่ใช่ว่าหูของเขาไม่ดีเสียหน่อย!“ไปที่ฐาน M” ฉู่เหมียนพูดเสียงเย็นโมอี้ไม่กล้าถามอะไรมาก ดูจากท่าทีและสีหน้าของฉู่เหมียนแล้วคงกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่แน่ ๆรถเลี้ยวก่อนจะมุ่งหน้าสู่ฐาน M อย่างรวดเร็ว…ตอนกลางคืน เมฆมืดปกคลุ
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ