ผู้หญิงคนนั้นคือมาญา ฮาวเวิร์ดซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของอเล็กซ์ เธอแก่กว่าเขา 1 ปีและเป็นผู้หญิงที่ดวงเด่นที่สุดคนหนึ่งในชั้นปี เธอทั้งฉลาดและแข็งแกร่ง เป็นอัญมณีของมหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง เธอเป็นถึงประธานสภานักเรียนในชั้นปีสามและดำรงตำแหน่งจนกระทั่งจบการศึกษา เธอประสบความสำเร็จในการจัดกิจกรรมที่สำคัญต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เธอคือนิยามของคำว่าผีเสื้อสังคม และยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง เธอได้รับการยกย่องจากทุกคนในมหาวิทยาลัยว่าเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งจริง ๆ หลังจากที่จบมหาวิทยาลัย อเล็กซ์ ได้ขอให้เธอช่วยโดโรธีก่อตั้งบริษัทสาขาทางตอนใต้นี้ และเธอก็ช่วยสร้างมันจนเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ มาญา เธอเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของโดโรธีเลยก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม มาญา ไม่ได้อยู่ที่บริษัทบ่อยนัก เธอมักจะต้องไปช่วยงานที่สาขาอื่นอยู่บ่อย ๆ อเล็กซ์ คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอเธอในวันนี้ “อเล็กซ์ เกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับโดโรธี? “ชีวิตคู่ของนายกำลังย่ำแย่จริง ๆ หรือ? ทำไมน้องสะใภ้นายถึงได้ยื่นมือช่วยชายคนนั้นขอภรรยาของนายแต่งงานเสียล่ะ?” อเล็กซ์แสดงท่าทีเย็นชา “ก็เพราะว่าเธออยากตายยังไงล่ะ” มาญ
เบียทริซ รู้สึกถึงความสุขที่ท่วมท้น “ขอบคุณนะคะ พี่เฟลิกซ์!” เฟลิกซ์ จ้องไปที่ตึกสูงพรางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าพ่อของตัวเองกำลังเร่งรีบเพื่อที่จะมาหาเขาที่นี่ แม้ว่าจะมีเฝือกที่ขาข้างหนึ่งก็ตาม ในที่นั่งฝั่งคนขับมีเจย์ แซนเดอร์ส บอดี้การ์ดของเขากำลังขับรถอยู่ เจย์ อายุราว ๆ 30 ปี และค่อนข้างมีทักษะในการต่อสู้ เนื่องจากเขาเคยเป็นรองแชมป์ในรายการคิกบ็อกซิ่งที่เป็นรายการดังระดับประเทศมาก่อน เขาสับสนมากว่าทำไมเอ็ดการ์ถึงต้องรีบร้อนไปขอโทษใครบางคนทั้ง ๆ ที่ขาของเขาหักอยู่ เขาถามว่า “นายท่าน... เชฟเพิร์ด ท่านกำลังบาดเจ็บอยู่ แม้ว่าท่านจะต้องการที่จะขอโทษ แต่ท่านไม่สามารถรอจนกว่าแผลจะหายได้เชียวหรือครับ? สุขภาพของท่านก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับ” เอ็ดการ์ กำลังตื่นตระหนก “นายจะไปรู้อะไร? ไอ้เฟลิกซ์ ไอ้ลูกไม่รักดี มันกำลังพยายามจะขุดหลุมฝังศพของเราอยู่! มันเสนอหน้าไปขอภรรยาของนายท่านร็อคกี้เฟลเลอร์แต่งงาน นายท่านเล็กซ์ กันเธอร์ต้องการให้ฉันไปที่นั่น ฉันจะไม่รีบไปได้อย่างไร?” เมื่อได้ยินดังนั้น เจย์ ถึงกับพูดไม่ออกและรีบเร่งเครื่องรถให้เร็วขึ้น ในเวลาเดียวกัน อเล็กซ์ และ มาญา
ทำไมเอ็ดการ์ถึงได้คุกเข่า และโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งไปแบบนั้น? นั่นเป็นเพราะเขาหวาดกลัว เขารู้ว่านายท่านเล็กซ์ กันเธอร์สามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะในท้ายที่สุด สถานะและอำนาจของนายท่านเล็กซ์ กันเธอร์ก็ยังสูงกว่าของเพกาซัส อินเตอร์แนชั่นนอลมาก ถ้าเขากล้าไปกระตุกหนวดเสือ เขาก็เตรียมตัวกลายเป็นศพได้เลยยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวของเขาอาจแตกแยก และบริษัททั้งหมดของเขาอาจถูกทำลายและถูกยึดครองทั้งหมดไปเอ็ดการ์กังวลว่าเรื่องทั้งหมดอาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้หลังจากคุกเข่าลง เขาก็ตบตัวเองอย่างแรงหลายครั้ง และไม่แม้แต่จะชายตามองดูลูกชายของตัวเอง เขาไม่ยอมให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นแน่นอน ในขณะนั้นใบหน้าของเขาเริ่มบวมจากการตบเพียงแปดครั้ง ทุกคนในบริษัทต่างตกตะลึง รวมทั้งมาญาด้วย 'เกิดอะไรขึ้น?' ผู้ที่มีสายตาหลักแหลมสังเกตเห็นว่ารถของเอ็ดการ์ คือเบนท์ลีย์ซึ่งมูลค่า 500,000 ดอลลาร์ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่มัน เบียทริซ ก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน เธอดึงสติของเธอกลับมาและจ้องไปที่อเล็กซ์ “นี่ ไอ้ขี้แพ้ หยุดนะ! แกจ้างมาใช่ไหม? แกคิดว่าแกจะดูเหนือกว่าพวกเราด้วยการจ้างวานชายที่นั่งรถหรูมา แล้วให
"ฉันจำได้แล้ว ชายวัยกลางคนคนนั้นคือเอ็ดการ์ เชฟเฟิร์ด เขาอยู่ในตำแหน่งประธานและผู้บริหารของเพกาซัส อินเตอร์แนชั่นนอล ส่วนคนที่ขอแต่งงานคือเฟลิกซ์ เชฟเพิร์ดที่คอยตามจีบคุณหนูโดโรธีมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะอะไรกันนะ? พ่อของเฟลิกซ์ถึงได้กำลังคร่ำครวญต่อหน้าของอเล็กซ์?” “อเล็กซ์ทำให้ประธานบริหารของเพกาซัส อินเตอร์แนชั่นนอลคุกเข่าให้เขาได้อย่างไร?” นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างสงสัย และอยากคลี่คลายหาคำตอบสำหรับเรื่องนี้เหลือเกิน เอ็ดการ์สั่งให้เจย์ส่งเช็คที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ให้เขาทันที เอ็ดการ์มอบมันให้กับอเล็กซ์ด้วยความเคารพ และกล่าวว่า “นายท่านอเล็กซ์ นี่เป็นเงินจำนวณยี่สิบล้านดอลลาร์ โปรดรับมันไว้ด้วยนะครับ! มันเป็นเพียงของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมจะไม่ยอมลุกขึ้นจนกว่าคุณจะยอมรับสิ่งนี้!” มาญา ตกใจอีกครั้งและมองอเล็กซ์อย่างงุนงง อเล็กซ์ จ้องที่เช็คอย่างไร้อารมณ์ ทันใดนั้น โทรศัพท์ของอเล็กซ์ก็ดังขึ้น มันเป็นสายจากนายท่านเล็กซ์ กันเธอร์ อเล็กซ์ ชำเลืองมองไปทางเอ็ดการ์และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างใจเย็น “ว่าไง นายท่านเล็กซ์!” เมื่อได้ยินชื่อนั้น เม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของเอ็ดการ์ เข
โดโรธี จ้องมองน้องสาวของเธออย่างเย็นชา เธอได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากห้องประชุม เบียทริซพาเฟลิกซ์ มาที่บริษัทของเธอเพื่อขอโดโรธีแต่งงานท่ามกลางสายตาของสาธารณชน มันไม่เพียงแต่ทำร้ายและดูถูกอเล็กซ์เท่านั้น แต่มันยังทำให้โดโรธีอับอายขายหน้าอย่างที่สุดด้วย ในตอนนี้เธอจะแบกหน้าทนรับกับสายตาเหล่านั้นได้อย่างไร? โดโรธีเงยหน้าขึ้นและเห็นอเล็กซ์กำลังเดินเข้ามา “ฉันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้ คุณสามารถคุยเรื่องนี้กับหล่อนเองเลย” สายตาที่เย็นชาของอเล็กซ์จับจ้องไปที่เบียทริซ “พี่ พี่เป็นพี่สาวของฉันนะ! จะมาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?” อเล็กซ์ตบหน้าเธออย่างแรงโดยไม่ลังเล ทำให้แก้มข้างหนึ่งของเธอบวมขึ้น โดโรธีตกใจมาก เธอรีบเบี่ยงสายตาจากภาพตรงหน้าทันที เธอตัดสินใจที่จะไม่มองไปที่เบียทริซ เบียทริซดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ออกมา พร้อม ๆ กับอ้าปากค้างตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอ อเล็กซ์เพิ่งจะตบแก้มเธออย่างไร้ความปราณี ดวงตาของเบียทริซเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร่างกายของเธอเริ่มสั่น อเล็กซ์ คนนี้ไม่ใช่คนที่เธอคุ้นเคย เธอหวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้ที่ไร้ประโยชน์ที่เคยทำงาน
. เมื่ออเล็กซ์มาถึงที่เฮล แองเจิลซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่มบริษัท เธาซันด์ ไมล์ ตอน 13.30น ลูกน้องสองสามคนกำลังรอเขาอยู่ที่ประตู ทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นอเล็กซ์ พวกเขาก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “ยินดีต้อนรับครับ นายท่านอเล็กซ์!”อเล็กซ์เริ่มชินกับการเรียกเช่นนี้และพยักหน้า “ท่านเล็กซ์ อยู่ที่ไหน?”“นายท่านเล็กซ์ รออยู่ด้านในครับท่าน”นายท่านเล็กซ์ดูดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนที่ปีศาจดูดพลังและเลือดเนื้อของเขาไป แก้มของเขาแดงเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแรงมากขึ้นพอตัวอเล็กซ์สะดุดเข้ากับกลิ่นหอมของยาแผนโบราณ เขาสามารถบอกได้อย่างน่าอัศจรรย์ว่ามีส่วนของสมุนไพรชนิดใดบ้างและอัตราส่วนเท่าไรถึงจะมีกลิ่นเช่นนี้… นี่เป็นอีกความสามารถหนึ่งที่เขาได้มาจากสุดยอดคัมภีร์แห่งแพทยศาสตร์ในตัวยามีโสม ขึ้นฉ่ายป่า สมุนไพรจีน บัวหิมะ และสมุนไพรราคาแพงอื่น ๆ อีกมากมาย ดูเหมือนว่านายท่านเล็กซ์กำลังใช้ยาพวกนี้เพื่อช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดถึงแม้ว่าจะใช้ในปริมาณที่น้อยนิดก็ตาม แต่มันก็เข้มข้นมาก นั่นคือเหตุผลที่ใบหน้าของนายท่านเล็กซ์แดงระเรื่อเมื่ออเล็กซ์ มาถึงที่นี่นายท่านเล็กซ์ ก็ยิ้มด้วยความดี
“หา? อาเซอร์ เชิญพระคุณท่าน จาร์เซอร์ยาแห่งโอโบลฮา นุเวมมาจริง ๆ เหรอ?”ท่านเล็กซ์หันไป ตกตะลึงกับการปรากฎตัวของพรภิกษุะ รอยยิ้มสดใสปรากฎขึ้นบนใบหน้าทันทีที่เขายกมือไหว้แสดงความเคารพ “นมัสการครับพระคุณท่านจาร์เซอร์ยาที่เคารพ! เป็นเกียรติอย่างสูงที่ท่านมายังบ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ ต้องขอโทษด้วย บ้านของกระผมอาจจะดูเล็กไปหน่อย”อเล็กซ์ไม่เคยเห็นท่านเล็กซ์สุภาพอ่อนน้อมขนาดนี้มาก่อนเขานิ่งไปและคิดว่า ‘พระรูปนี้มีพลังอำนาจอะไรเหรอ?’ในระหว่างที่จ้องมองอย่างถ้วนถี่ เขาสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างพระรูปนี้มีพลังฉีแฝงที่แข็งแรงอยู่พอสมควร และมีพลังที่พอตัวเลย เป็นครั้งแรกเลยที่อเล็กซ์เห็นคนที่เหมือนกับเขาและอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้ เขาอยากสัมผัสพลังฉีของพระรูปนี้ให้มากเท่าที่สามารถทำได้แต่ในขณะที่จ้องมองเข้าไป เขาก็ต้องพบกับความผิดหวังพระรูปนี้ได้ฝึกฝนพลังฉีของเขา แต่เมื่อเทียบกับพลังฉีของอเล็กซ์ พลังของเขาไม่แข็งแกร่งเท่าพลังของอเล็กซ์เลย พลังของพระรูปนี้เทียบแล้วเท่ากับแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้นเองอเล็กซ์ได้รับการฝึกฝนพลังฉีมาจากบรรพบุรุษ แม้จะใช้พลังไปแล้วหนึ่งในสาม แต่เขาก็สามารถพัฒนาพลังของเ
ทั้งท่านเล็กซ์และอาเซอร์เบิกตากว้าง พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองจาร์เซอร์ยาเหลือบมองไปทางอเล็กซ์ หวังว่าเขาจะตกตะลึงและประหลาดใจเช่นกัน แต่ชายหนุ่มก็ยังคงนั่งกินขนม หัวเราะคิกคักเหมือนว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับคณะละครสัตว์ตรงหน้าภิกษุเดือดดาลมากเสียจนเกือบจะทำพลาดในการร่ายคาถา แต่เขาก็พยายามที่สงบสติอารมณ์และตะโกนออกไปเพื่อควบคุมเครื่องรางให้ไปยังจุดที่วอลทซ์โดนกัดเครื่องรางซึมเข้าไปในแผลทันทีที่ถึงจุดที่เป็นแผล และในพริบตาเดียว เครื่องรางก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จุดคล้ำที่ต้นขาของวอทลซ์ค่อย ๆ จางหายทันทีเช่นกัน“วอลทซ์ รู้สึกยังไงบ้าง?” อาเซอร์ถามวอลทซ์ด้วยความเป็นห่วง“ดีขึ้นนิดหน่อย” วอลทซ์ค่อย ๆ ตอบแต่ถึงอย่างนั้น เธอดูเหมือนจะป่วยและไม่สบายตัว“พิษที่อยู่ในร่างกายของเธอค่อนข้างแรง แม้แต่พลังของอาตมา ก็เป็นไปได้ยากที่จะกำจัดมันออกไปทั้งหมดภายในวันเดียว แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง อาตมาจะสามารถรักษาเธอได้ภายในหนึ่งอาทิตย์” จาร์เซอร์ยาพูดอาเซอร์เร่งรีบเข้าหาภิกษุทันที “ขอบคุณมากครับที่ช่วยพวกเรา พระอาจารย์”ท่านเล็กซ์ก็ขอบคุณเขาอย่างมากเช่นกัน “สิ่งนั้นมันดีม
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท