“กรี๊ดดดดด”เสียงกรีดร้องของเชอริลดังขึ้น เธอตกใจมากเสียจนลืมที่จะหลบหลีกการโจมตีนั้นอเล็กซ์ รีบดึงเชอริลมาโอบไว้ในอ้อมแขนของเขา และใช้แผ่นหลังของเป็นเกราะกำบังการโจมตีให้กับเธอ เขารับรู้ได้ถึงแรงกระแทกอันหนักหน่วงที่ฟาดลงบนแผ่นหลังของเขาตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!เขาโดนโจมตีติดต่อกันถึงสามครั้งติดไม่ใช่แค่ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พยายามจะโจมตีพวกเขา แต่ยังมีชายอีกสองคนที่โจมตีพวกเขาอย่างสุดกำลังด้วยเช่นกันพวกเขาโจมตีด้วยท่อนไม้ในมืออย่างไม่ยั้งในที่สุดเชอริลก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าอเล็กซ์กำลังปกป้องเธออยู่โดยใช้ร่างกายของเขาเป็นเกราะกําบังให้กับเธอ ในขณะที่เขาต้องเป็นคนที่อดทนต่อความเจ็บปวดจากการโจมตีนั้น หัวใจของเธอเต้นแรง และน้ำตาก็ไหลออกมาขณะที่เธอได้ยินเสียงท่อนไม้กระทบแผ่นหลังอเล็กซ์ อย่างไรก็ตามเมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นความสงบและความมุ่งมั่นในดวงตาของอเล็กซ์ภาพใบหน้าของเขานั้นมันได้ตราตรึงอยู่ในใจของเธอแกรกกกกก! ไม้ท่อนหนึ่งได้หักลงหลังจากนั้นก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “พอได้แล้ว อย่าฆ่ามัน”ถ้าเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติ อเล็กซ์ อาจจะมีกระดูกหักอย่างน้อ
หัวหน้าแก๊งยังคงปากแข็งเขาจ้องไปที่อเล็กซ์และไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำอเล็กซ์ดีดนิ้วของเขา “เอาล่ะ ได้ ถ้าแกไม่ปริปากแล้วละก็ มาดูกันว่าแกจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ถ้าแกทนได้สักนาที ฉันจะปล่อยพวกแกไป”ในตอนนั้นดวงตาของหัวหน้าแก๊งเต็มไปด้วยความงุนงง และอเล็กซ์ ก็ได้กดนิ้วลงบนคิ้วของชายหัวหน้าแก๊งหลังจากนั้นพื้นที่รอบ ๆ นั้นก็เต็มไปด้วยออร่าแปลก ๆ ที่พวยพุ่งออกมา ในวินาทีถัดมา หัวหน้าแก๊งก็มีสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความกลัวและเหงื่อตกมีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวออกมาจากลำคอของหัวหน้าแก๊ง ราวกับว่าเขาได้พบกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่ และมันก็เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาเมื่อเชอริล เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เธอก็ตกตะลึงและไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์นี้ได้ในเวลาไม่ถึงนาที เพียงแค่สามวินาทีเท่านั้น หัวหน้าแก๊งก็ล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับเสียงดังตุ้บขณะที่เขาดิ้นทุรนทุรายปานจะขาดใจตาย “ฉันจะพูดแล้ว! อ๊ากกก! ฉันจะยอมบอกทุกอย่างเลย! ขอร้อง ได้โปรดหยุดเถอะ! ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย!”ดวงตาของเชอริลเบิกกว้างด้วยความงุนงงปฎิกิริยาและการตอบสนองของชายหัวหน้าแก๊งมันช่างดูเกินจริงไปมาก นี่เขากำลังทำการแสดง
“อเล็กซ์ คุณคิดว่าเราจะซื้อหุ้นของบริษัทย่อยทางตอนใต้โดยไม่มีปัญหาอะไรได้ไหม?” ในใจของโดโรธีนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอเล็กซ์พูดขึ้นขณะที่ลูบกระเป๋าเอกสารในมือไปด้วย "วางใจได้เลย ผมสัญญา"สัญญาที่ลงนามโดยบริษัท เวย์ลอน อสังหาริมทรัพย์ อยู่ในกระเป๋าเอกสารนี้แล้วโดโรธี ยิ้มกว้างขณะที่ดวงตาที่งดงามของเธอมีประกายแห่งความหวังอเล็กซ์ รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเป็นเวลานานมากแล้วที่โดโรธีไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้ต่อหน้าของเขาเขาจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ เธอ จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับมือเธอพร้อมกับพูดว่า "โดโรธี ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและทุกสิ่งทุกอย่าง จากนี้ไปผมจะไม่ปล่อยให้คุณแบกรับภาระหนักอึ้งเพียงลำพังอีกแล้ว ผมจะช่วยแบ่งเบาภาระต่าง ๆ คุณจะได้ไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป” หลังจากพูดจบเขาก็โอบกอดเธอเมื่อโดโรธีสัมผัสได้ถึงความจริงใจในอ้อมกอดของเขา ความรู้สึกต่าง ๆ ก็ท่วมท้นภายในใจพลั่งพลูออกมาพร้อมน้ำตา“ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างมันจะต้องเป็นไปด้วยดี”หลังจากที่เงียบไปสักพัก เธอก็พูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “หลังจากได้รับสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัทย่อยทางตอนใต้แล้ว ฉันจะเลี้ยงอาหารคุณพร้อมรางวัลเสริมอี
“.....”เบนนีย์ ก็หัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน “โดโรธี แกคิดว่าบริษัท แอสเส็กซ์ ก่อสร้าง จะโอนหุ้น 70% ของบริษัทย่อยทางตอนใต้ให้กับแกจริง ๆ หรือ? แกนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ ฝันกลางวันต่อไปเถอะ”"นี่มันอะไรกัน?" โดโรธี อุทานด้วยความประหลาดใจ “สัญญานี้มันเป็นของปลอมเหรอ?”คุณท่านโจแอนน์หัวเราะคิกคัก “แน่นอน มันเป็นของปลอม ตระกูลแอสเส็กซ์ไม่ต้องการคนเนรคุณอย่างแกหรอก โดโรธี แกมันทะเยอทะยานมากเกินไป กล้าดียังไงถึงอยากที่จะมาครอบครองบริษัทย่อยทางตอนใต้ของเรา? แกมีสิทธิ์อะไร? กล้าดีอย่างไรที่จะคิดทำการใหญ่แบบนั้น? ไอ้ขยะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แกยุยงอย่างนั้นเหรอ? จากนี้ไปแกจะไม่ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของตระกูลฉันหรอก ฉันขอไล่แกออกจากตระกูลแอสเส็กซ์นับจากวันนี้”"นี่มันอะไรกันคะ คุณย่า? คุณย่าคะ คุณจะผิดสัญญาแบบนี้ได้อย่างไร?” โดโรธีสะอื้นคุณท่านโจแอนน์ จึงกล่าวว่า “ทำไมฉันต้องรักษาสัญญาเมื่อต้องรับมือกับคนไร้ยางอายและน่ารังเกียจอย่างแก? แกไม่คู่ควรที่จะเป็นคนของตระกูลแอสเส็กซ์เลยสักนิด”เอ็มม่าตะโกนออกมาว่า “พวกเราไม่ต้อนรับพวกแกทั้งคู่ ดังนั้นไสหัวไปได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องเรียกรปภ. ให้มาลากตัวพวกแกสอง
"อะไรกัน? ไอ้ขยะคนนี้น่ะหรือ?“จะเป็นไปได้อย่างไร มันจะไปมีปัญญาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”พวกแอสเส็กซ์ไม่เชื่อกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งจะได้ยินอเล็กซ์ ดูนาฬิกาและพูดว่า “ห้านาทีผ่านไปแล้ว พวกคุณยังมีเวลาเหลืออีกสิบนาที... ที่ฉันทำเรื่องนี้ได้ แต่ว่าพวกแกทำไม่ได้ เป็นเพราะว่าชาร์ลส์ คาร์เตอร์ เขาเป็นหนี้บุญคุณฉัน”เอ็มม่า เริ่มโวยวายทันที "มันไม่มีทาง! หยุดหลอกลวงและโอ้อวดได้แล้ว! แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? แกก็เป็นได้แค่ความเรื่องน่าอับอายของตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ แถมพ่อแม่ของของแกยังทรยศต่อประเทศของเราอีกด้วย แกก็ไม่ได้ดีไปกว่าหนูสกปรกข้างถนนหรอก ถ้าแกไม่ได้เกาะชายกระโปรงของนังโดโรธี แม่ของแกก็คงตายไปนานแล้ว! และก็คงจะอดตายด้วยเหมือนกัน แล้วแกคิดว่าแกสำคัญอะไร หือ? ชาร์ลส์ คาร์เตอร์ หนี้บุญคุณแก แล้วจะทำไม! อย่าประเมินค่าตนเองสูงไปหน่อยเลย…”อเล็กซ์ จ้องเอ็มม่าด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพุ่งเข้าหาเธอและกระชากผมของเธอ จากนั้นเขาก็กดหัวเธอลงบนโต๊ะฟันหน้าของเอ็มม่ากระแทกลงที่โต๊ะและจมูกของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาก“ไม่มีใครหน้าไหนที่ได้รับอนุญาตให้มาดูถูกพ่อแม่ของฉัน ฉันจะตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น
หญิงชราพึมพำ “ไม่ต้องกังวลไป ย่ารู้ว่าย่ากำลังทำอะไรอยู่”เบนนีย์ อธิบาย “ท่านคาร์เตอร์ ประธานกรรมการบริหารของบริษัท เวย์ลอน อสังหาริมทรัพย์ ได้ยื่นมือช่วยเหลืออเล็กซ์ เพื่อช่วยให้โดโรธีได้สาขาทางตอนใต้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาค่อนข้างสนิทกัน หากว่าเป็นโดโรธีที่ไปติดต่อขอลงนามสัญญา เธออาจจะแค่ใช้ร่างกายและความสวยของเธอชักชวนเขา แต่ถ้าอเล็กซ์ทำอย่างนั้นได้ มันอาจจะเป็นเพราะเหตุผลอื่น อาจเป็นไปได้ว่าวิลเลียม ร็อกกี้เฟลเลอร์เคยร่วมงานกับชาร์ลส์ คาร์เตอร์เมื่อสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ หากเราใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของพวกเขา ตระกูลแอสเส็กซ์จะสามารถทำงานร่วมกับบริษัท เวย์ลอน อสังหาริมทรัพย์ ได้ดีขึ้น”ในขณะเดียวกัน โดโรธี กับ อเล็กซ์ ก็เพิ่งขึ้นรถของพวกเขา “ทัศนคติที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของคุณย่าน่าจะเกิดจากความสัมพันธ์ของคุณกับคุณคาร์เตอร์ พวกเขาต้องการทำงานร่วมกับคุณคาร์เตอร์เพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนของพวกเขาอเล็กซ์หงุดหงิด “เขาคงได้แค่ฝันแหละ ตอนนี้คุณมีสิทธิ์ควบคุมสาขาทางตอนใต้ได้อย่างเต็มที่แล้ว คุณสามารถขยายธุรกิจนี้ให้เต็มศักยภาพได้เลย... ผมรู้ดีว่าไม่ควรตัดสัมพันธ์กับสาขาหลักในท
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของอเล็กซ์ก็ฉายแววอาฆาตขึ้นมาทันที เขาดึงโดโรธีไปไว้ข้างหลัง เพื่อปกป้องเธอจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคนนี้"ระวังนะ!" โดโรธี รู้สึกประหม่าและเป็นกังวล เธอไม่รู้ว่าอเล็กซ์ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้เทียบเท่ากับเขาไม่ได้เลยในเพียงชั่วพริบตา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ถูกเตะเข้าที่หน้าท้อง พวกเขาล้มลงไปที่พื้นอย่างรุนแรงและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย“พวกแกทั้งสามถูกไล่ออก!” อเล็กซ์ พูดขณะเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกับจูงมือของโดโรธีพนักงานหลายคนที่นั่งอยู่ใกล้หน้าต่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาตกใจและอ้าปากค้าง ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งบริษัท“คุณพระ ดูสิ! คุณแอสเส็กซ์กลับมาแล้ว! เธอยังพาผู้ชายคนหนึ่งมากับเธอด้วย และเขาก็เพิ่งจะชกต่อยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าตึก!”“เดี๋ยวนะ แอสเส็กซ์คนไหนล่ะ?”“นี่รูปของเธอ เธอเป็นผู้จัดการทั่วไปคนก่อนของเรา คุณโดโรธี แอสเส็กซ์”"ไหน? เธอพาใครมาด้วยเพื่อให้ได้ตำแหน่งของเธอกลับคืนมา? ฉันก็อยากได้เหมือนกันนะ พูดตามตรง”“ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนั้นอ
เชอร์เมน สะอื้นและร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่ทว่าโดโรธีไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าของเธอด้วยซ้ำ “แจ้งผู้บริหารระดับสูงทุกคนด้วย ให้เข้าประชุมด่วน ที่ห้องประชุมแรก” ข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นภายในบริษัท พนักงานหลายคนส่งเสียงเชียร์ดัง ๆ ด้วยความดีใจ ทุกคนไม่กล้าที่จะต่อต้านเอ็มม่าในตอนนั้น เพราะพวกเขาไม่ต้องการที่จะมีปัญหาใด ๆ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะขี้ขลาด แต่พวกเขาก็ยังเข้าข้างโดโรธีอย่างเต็มจิตวิญญาณ ในทางกลับกัน อเล็กซ์ ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเหตุการณ์นี้เลย ทันใดนั้น รถยนต์สุดหรูก็มาจอดที่หน้าบริษัท มีชายและหญิงสองคนลงจากรถคันนั้น ผู้ชายคนนั้นอยู่ในชุดสูทที่ดูดีมีสเน่ห์ และหญิงสาวคนนั้นก็คือเบียทริซ แอสเส็กซ์นั่นเอง ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่? ขอใครแต่งงานหรือไง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าอาคารได้รับข่าวว่าโดโรธีได้ตำแหน่งในบริษัทกลับคืนมาแล้ว ดังนั้นในฐานะน้องสาวของโดโรธี เบียทริซจึงสามารถเข้าไปในอาคารและเตรียมการสำหรับการขอแต่งงานครั้งนี้ได้ง่าย ๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทต่างสงสัยในการปรากฏตัวของน้องสาวของโดโรธี พวกเขารีบเข้าไปห
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท