หลังจากรับประทานอาหารมื้อค่ำเสร็จ อเล็กซ์และโดโรธีเดินทางออกจากเมเปิ้ลวิลล่าเพื่อตามหาโสมร้อยปีเพื่อช่วยบริตทานี แม่ของเขาในระหว่างทาง โดโรธีแสดงท่าทีราวกับว่าเป็นเจ้าหนูจำไม“รู้จักชาร์ลส์ได้ยังไง?”“ทำไมถึงมาอยู่ที่เมเปิ้ลวิลล่าได้ละ?”“พวกคู่สองคนดูสนิทกันมาก!”“และรถคันนี้ล่ะ…”อเล็กซ์ถามพร้อมรอยยิ้ม “ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าควรตอบคำถามคุณไหนก่อน ก็คุณเล่นยิงคำถามแบบนี้ใส่ จริง ๆ แล้วทั้งหมดก็เพราะว่าโซอี้ ตอนนั้นเธอได้กินผลไม้ป่าเข้าไปแล้วมันเกิดติดอยู่ลึกในลำคอของเธอ ผมก็แค่บังเอิญอยู่ที่นั้นและช่วยเอามันออกมา”โดโรธีขมวดคิ้วถาม “แค่นั้นเหรอ? และเขาก็ตอบแทนคุณด้วยบ้านหลังใหญ่โตเหรอ?”อเล็กซ์ตอบ “อืมม.. เราแค่อยู่ชั่วคราวเท่านั้น เขารู้ว่าผมไม่มีที่พักอาศัยตอนผมถูกแม่ของคุณไล่ออกมา เขาเลยขอให้พวกเราย้ายเข้าอยู่ไป”ไม่มีนัยยะอื่นใดแฝงอยู่ในคำพูดของเขา แต่มันก็จริงเพราะว่าไม่มีชื่อของเขาอยู่ในโฉนดที่ดินเลยโดโรธีเอ่ย “มันดูไม่ค่อยดีเลยนะ ทำไมคุณกับไม่ย้ายกลับมาล่ะ?”อเล็กซ์รีบส่ายหัว “แม่ของคุณต้องฆ่าผมแน่ถ้าผมกลับไป นอกจากนั้น แม่ของผมก็ไม่ใช่คนใจเย็นและผมไม่อยากให้ทั้งคู่จบล
อเล็กซ์ยิ้มและพูดว่า “ใจเย็น ๆ ผมจะช่วยให้คุณได้หุ้น 10% ของบริษัทและตำแหน่งผู้จัดการแน่นอน”โดโรธีพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “ฉันไม่ต้องการสิ่งพวกนั้นหรอก ฉันแค่อยากกลับไปที่บริษัทย่อยในเมืองตอนใต้ก็พอ”“ได้สิ!”เมื่อเห็นอเล็กซ์ดูมั่นใจในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ความอึมครึมที่แฝงอยู่ในความรู้สึกของโดโรธีมาประมาณค่อนปีก็ค่อย ๆ เริ่มจางหายไปทีละน้อยเธอมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดมันดีเช่นนี้เป็นเพราะบริตทานีหายดีนั่นเองพวกเขาได้เดินทางมาขึ้นคฤหาสน์ของแอสเส็กซ์อย่างรวดเร็วแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดผิดแอนเดอร์สันและเอ็มม่าไม่ได้มาเพื่อขอโทษ ทันทีที่โดโรธีและอเล็กซ์มาถึงทางเข้า พวกเขาก็ได้ยินเสียงอันหยิ่งผยองของแอนเดอร์สัน “นี่แคลร์ แกควรจะคิดได้หลังจากที่เฮนรี่ตายไปนะ แกและลูกสาวของแกได้ใช้ชีวิตอันสุขสบายในบ้านหลังนี้ มีคนใช้คอยปรนนิบัติ มันเป็นเพราะความสงสารของแอสเส็กซ์ทั้งนั้น”“แต่ดูสิ่งที่โดโรธีทำสิ มันทำลายธุรกิจของครอบครัวเรา และคิดว่าเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างนั้นเหรอ? ”“มีตัวเลือกอยู่ทางเดียวคือ ให้ลูกสาวของแกช่วยเอ็มม่าได้สัญญานั้นมา ไม่อย่างนั้น พวกแกทั้งหมดจะถูกไล่ออกจากตระกูลแอสเ
ทันทีที่คุณท่านโจแอนน์ได้ยินสิ่งที่อเล็กซ์เยาะเย้ย เธออยากที่จะรีบไปให้เร็วที่สุดและฆ่าอเล็กซ์ด้วยไม้เท้าให้ตายคามือแต่มันเป็นความเป็นความตายของตระกูลแอสเส็กซ์ ดังนั้นเธอเลยรีบเรียกลูกชายคนโตของเธอเบนนีย์ให้พาเธอไปยังบ้านของแคลร์พวกเขาถึงที่คฤหาสน์ในยี่สิบนาทีต่อมาทันทีที่คุณท่านโจแอนน์เดินเข้ามาด้านใน เอ็มม่าร้องไห้โวยวาย “คุณย่าคะ โดโรธีและสามีโสโครกของเธอไม่ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้นเลยค่ะ! พวกเขาอิจฉาครอบครัวของพวกเราที่ประสบความสำเร็จกว่าและจงใจที่จะทำลายทุกอย่างค่ะ! ไอ้ชั่วนั้นไม่ได้แค่ตบหนูนะคะ แต่ตบคุณพ่อด้วย! เขามันคนชั่วช้าที่สุดเลยค่ะ!”ทันทีที่เอ็มม่าโวยวายเสร็จ อเล็กซ์ตบไปที่หน้าสวย ๆ ของเธออีกครั้งก่อนที่คุณท่านโจแอนน์จะทันได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ“เอ็มม่า แอสเส็กซ์ ผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีสิทธิ์ที่จะมาดูถูกฉัน อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์” อเล็กซ์กล่าวต่อไปอย่างเรียบเฉย “แม่และภรรยาของฉันจะต่อว่าอย่างไรก็ได้ เพราะฉันเต็มใจให้พวกเขาทำ แต่พวกแกไม่มีสิทธิ์”หน้าของเอ็มม่าเริ่มแดงเนื่องจากความโกรธจัดแอนเดอร์สันตะโกนด่าอย่างโกรธแค้น “แกกล้าดียังไงมาใช้ความรุนแรงที่นี้ ไอ้เดรัจฉาน?
“อะไรนะ? แกจะเอาหุ้น 100% ไม่มีทาง มากสุดก็ได้แค่ 70%”“ตามนั้น”“แก…?”อเล็กซ์พูดพร้อมรอยยิ้ม “คุณย่าครับ จะมีการเสนอเซ็นสัญญาระหว่างเวย์ลอน อสังหาริมทรัพย์กับคุณย่าภายในเที่ยงวันพรุ่งนี้นะครับ โปรดเตรียมสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัทย่อยในเมืองทางตอนใต้มาให้พร้อมด้วย ตามนี้นะครับ แล้วเจอกันครับคุณย่า ไม่ต้องให้ไปส่งนะครับ”หลังจากออกมาจากบ้าน คุณท่านโจแอนน์ร้องคร่ำครวญเสียงดังพร้อมจับหน้าอกของเธอและกระทืบเท้า “ไอ้เดรัชฉาน! เขามันเป็นคนเดรัชฉาน! แอสเส็กซ์ทำอะไรไว้ถึงได้เจอเรื่องแบบนี้!”ในขณะเดียวกันภายในบ้าน แคลร์ขมวดคิ้วและถาม “นี่ลูกบ้าหรือเปล่าโดโรธี? ทำไมถึงกล้าเอาหุ้น 70% ของบริษัทย่อยทางตอนใต้ไปแลกกับหุุ้น 10% ของบริษัทใหญ่ล่ะ? มันต่างกันเกินไป แล้วอีกอย่างตำแหน่งผู้จัดการที่สำนักงานใหญ่มีค่ามากกว่านะ ลูกกำลังจะเสียโอกาสครั้งใหญ่แล้วไปคว้าน้ำเหลวนะ”โดโรธีส่ายหน้าพลางพูด “คุณแม่คะ มันไม่ง่ายเลยนะคะที่จะเป็นผู้จัดการในสำนักงานใหญ่ ที่นั่นมีทั้งประธานและรองประธาน ผู้จัดการทั่วไปเป็นได้เพียงหุ่นเชิดที่คอยแบกรับหน้าที่ต่าง ๆ มันไม่มีความหมายอะไรเลย แล้วก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราจะ
อเล็กซ์วางเท้าอันผุดผ่องของคุณนายแคลร์ลงอย่างอ่อนโยนและเอ่ยขึ้น “ผมต้องรับสายก่อน”คุณนายแคลร์ จึงได้ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ “ทำไมถึงจะต้องรีบรับสายขนาดนั้น? แค่คนโทรมา! ยังเหลืออีกข้างที่ต้องนวด! อืม นวดเก่งใช้ได้เลยนิ ”อเล็กซ์ หันกลับไปมองเธอด้วยท่าทางหงุดหงิด “ผมจะไปล้างมือก่อน”ทันทีที่เขารับสายเชอริลก็ถามขึ้นมาในทันทีว่า “อเล็กซ์ คุณได้โสมอายุร้อยปีมาหรือยัง?”อเล็กซ์ ถอนหายใจออกมาขณะที่เขาตอบว่า “มันเป็นของที่หายากมากจริง ๆ ผมยังหามันไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่ไปมาตั้งหลายที่แล้ว”เชอริลเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ฉันรู้แล้วล่ะ แต่ว่าฉันหาให้คุณได้แล้วนะ”“โอ้! เรื่องจริงเหรอ?"“ใช่ ฉันบังเอิญไปพบมันเข้าแล้วรีบซื้อมันมาทันที”"ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนเหรอ? ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”“ได้เลย ฉันจะส่งที่อยู่ให้กับคุณนะ”หลังจากที่อเล็กซ์วางสายไป เขาเห็นคุณนายแคลร์วางเท้าอีกข้างไว้บนโต๊ะน้ำชา บ่งบอกว่าเธอต้องการให้เขานวดต่อ อเล็กซ์จึงพูดขึ้นทันทีว่า “โดโรธี คุณแม่ครับ ผมต้องไปแล้วเพราะผมมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะต้องทำ”โดโรธีจึงเอ่ยถามว่า “คุณจะไปไหนคะ?”อเล็กซ์ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชาร์ล
“กรี๊ดดดดด”เสียงกรีดร้องของเชอริลดังขึ้น เธอตกใจมากเสียจนลืมที่จะหลบหลีกการโจมตีนั้นอเล็กซ์ รีบดึงเชอริลมาโอบไว้ในอ้อมแขนของเขา และใช้แผ่นหลังของเป็นเกราะกำบังการโจมตีให้กับเธอ เขารับรู้ได้ถึงแรงกระแทกอันหนักหน่วงที่ฟาดลงบนแผ่นหลังของเขาตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!เขาโดนโจมตีติดต่อกันถึงสามครั้งติดไม่ใช่แค่ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พยายามจะโจมตีพวกเขา แต่ยังมีชายอีกสองคนที่โจมตีพวกเขาอย่างสุดกำลังด้วยเช่นกันพวกเขาโจมตีด้วยท่อนไม้ในมืออย่างไม่ยั้งในที่สุดเชอริลก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และตระหนักได้ว่าอเล็กซ์กำลังปกป้องเธออยู่โดยใช้ร่างกายของเขาเป็นเกราะกําบังให้กับเธอ ในขณะที่เขาต้องเป็นคนที่อดทนต่อความเจ็บปวดจากการโจมตีนั้น หัวใจของเธอเต้นแรง และน้ำตาก็ไหลออกมาขณะที่เธอได้ยินเสียงท่อนไม้กระทบแผ่นหลังอเล็กซ์ อย่างไรก็ตามเมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นความสงบและความมุ่งมั่นในดวงตาของอเล็กซ์ภาพใบหน้าของเขานั้นมันได้ตราตรึงอยู่ในใจของเธอแกรกกกกก! ไม้ท่อนหนึ่งได้หักลงหลังจากนั้นก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “พอได้แล้ว อย่าฆ่ามัน”ถ้าเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติ อเล็กซ์ อาจจะมีกระดูกหักอย่างน้อ
หัวหน้าแก๊งยังคงปากแข็งเขาจ้องไปที่อเล็กซ์และไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำอเล็กซ์ดีดนิ้วของเขา “เอาล่ะ ได้ ถ้าแกไม่ปริปากแล้วละก็ มาดูกันว่าแกจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ถ้าแกทนได้สักนาที ฉันจะปล่อยพวกแกไป”ในตอนนั้นดวงตาของหัวหน้าแก๊งเต็มไปด้วยความงุนงง และอเล็กซ์ ก็ได้กดนิ้วลงบนคิ้วของชายหัวหน้าแก๊งหลังจากนั้นพื้นที่รอบ ๆ นั้นก็เต็มไปด้วยออร่าแปลก ๆ ที่พวยพุ่งออกมา ในวินาทีถัดมา หัวหน้าแก๊งก็มีสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความกลัวและเหงื่อตกมีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวออกมาจากลำคอของหัวหน้าแก๊ง ราวกับว่าเขาได้พบกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่ และมันก็เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาเมื่อเชอริล เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เธอก็ตกตะลึงและไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์นี้ได้ในเวลาไม่ถึงนาที เพียงแค่สามวินาทีเท่านั้น หัวหน้าแก๊งก็ล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับเสียงดังตุ้บขณะที่เขาดิ้นทุรนทุรายปานจะขาดใจตาย “ฉันจะพูดแล้ว! อ๊ากกก! ฉันจะยอมบอกทุกอย่างเลย! ขอร้อง ได้โปรดหยุดเถอะ! ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย!”ดวงตาของเชอริลเบิกกว้างด้วยความงุนงงปฎิกิริยาและการตอบสนองของชายหัวหน้าแก๊งมันช่างดูเกินจริงไปมาก นี่เขากำลังทำการแสดง
“อเล็กซ์ คุณคิดว่าเราจะซื้อหุ้นของบริษัทย่อยทางตอนใต้โดยไม่มีปัญหาอะไรได้ไหม?” ในใจของโดโรธีนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอเล็กซ์พูดขึ้นขณะที่ลูบกระเป๋าเอกสารในมือไปด้วย "วางใจได้เลย ผมสัญญา"สัญญาที่ลงนามโดยบริษัท เวย์ลอน อสังหาริมทรัพย์ อยู่ในกระเป๋าเอกสารนี้แล้วโดโรธี ยิ้มกว้างขณะที่ดวงตาที่งดงามของเธอมีประกายแห่งความหวังอเล็กซ์ รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเป็นเวลานานมากแล้วที่โดโรธีไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้ต่อหน้าของเขาเขาจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ เธอ จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับมือเธอพร้อมกับพูดว่า "โดโรธี ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและทุกสิ่งทุกอย่าง จากนี้ไปผมจะไม่ปล่อยให้คุณแบกรับภาระหนักอึ้งเพียงลำพังอีกแล้ว ผมจะช่วยแบ่งเบาภาระต่าง ๆ คุณจะได้ไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป” หลังจากพูดจบเขาก็โอบกอดเธอเมื่อโดโรธีสัมผัสได้ถึงความจริงใจในอ้อมกอดของเขา ความรู้สึกต่าง ๆ ก็ท่วมท้นภายในใจพลั่งพลูออกมาพร้อมน้ำตา“ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างมันจะต้องเป็นไปด้วยดี”หลังจากที่เงียบไปสักพัก เธอก็พูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “หลังจากได้รับสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัทย่อยทางตอนใต้แล้ว ฉันจะเลี้ยงอาหารคุณพร้อมรางวัลเสริมอี
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท