ทั้งแคลร์และเบียทริซไม่ได้เหลือช่วยได้เท่าที่ควร พวกเขามีแต่จะนำความหายนะมาให้โดโรธีเท่านั้นแคลร์ชี้ไปที่อเล็กซ์ “เรายังไม่ได้ทำอะไรกินเลย ไปทำอะไรมาให้พวกเรากินหน่อย!”โดโรธีพูด “คุณไม่ต้องทำหรอก มันค่อนข้างดึกแล้ว ไปหาอะไรกินข้างนอกกันเถอะ ฉันจะเลี้ยงสุกี้หม้อไฟทุกคนเอง”ทันใดนั้น แคลร์หันไปทางอเล็กซ์และพูด “นายออกไปได้แล้ว เราไม่เลี้ยงมื้อค่ำให้คนนอก”เบียทริซเสริม “ที่จริงแล้ว เราไม่ใช่คนใจบุญขนาดนั้น”โดโรธีกำลังจะคุมสติไม่อยู่ ‘อเล็กซ์มาที่นี้เพื่อช่วยเหลือพวกเรา ต้องเสียเงินห้าล้านเพราะแม่ ทำไมแม่ถึงพูดกับเขาอย่างนิ่งเฉยได้ขนาดนี้นะ? ไม่ละลายใจบ้างเลยเหรอ?’ก่อนที่โดโรธีจะทันได้พูด อเล็กซ์ก็พูดขึ้นมา “ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็มีเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ผมจะกลับแล้ว โดโรธี...คุณอย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะ ถ้าคุณไม่มีเงินพอ ผมจะหาวิธีมาช่วย”แคลร์โกรธ “แกจะหาทางมาช่วยงั้นเหรอ? แล้วมันคืออะไรล่ะ? เช็คปลอมอีกเหรอ? แกเป็นได้แค่คนขี้แพ้เท่านั้นแหละ ไปสะ! ฉันรำคาญเกินทนที่ต้องมาเห็นหน้าแก”อเล็กซ์คิดในใจ ‘ผู้หญิงคนนี้ชั่งไม่มีเหตุผลเอาสะเลย’เขาไม่ต้องการที่เสียพลังงานเพื่อเถียงก
อเล็กซ์พยายามดึงเตาโบราณออกจากหัวและก็สำเร็จจากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะ และเริ่มร่างบางอย่างลงไปที่สมุดบันทึก สองวันที่ผ่านมา เขาใช้สมุดหมดไปเจ็ดเล่มด้วยกัน ทั้งหมดเต็มไปด้วยสัญลักษณ์แปลก ๆ ที่วอลทซ์ไม่คุ้นเคย“ฉันน่ะชอบเด็กที่ตั้งใจเรียนเอามาก ๆ เลยค่ะ พี่ดูเท่มากเลยตอนกำลังตั้งใจทำงาน!”วอลทซ์นั่งลงบนโต๊ะและตักไอศครีมเพื่อป้อนเข้าปากของอเล็กซ์ อเล็กซ์ที่กำลังมีสมาธิกับการเขียน เขาจึงเมินเธอโดยสิ้นเชิง หลังจากที่เขียนตราสัญลักษณ์ทั้งหมดที่นึกขึ้นได้ลงไปเรียบร้อย เขาก็ได้วางปากกาลงและถอนหายใจอย่างโล่งอกราวกับได้ภูเขาออกจากอกจากนั้นเขาก็รู้สึกกระหายน้ำมาก ไอศรีมหนึ่งช้อนไม่เพียงพอเต็มความกระหายนั้น เขาเลยหยิบไอศครีมทั้งถังไปแล้วกินมันจนหมดเกลี้ยง“พี่คะ ฉันอิ่มจนกินต่อไปไม่ไหว ฉันก็เลยบ้วนที่เหลือกลับลงไป”อเล็กซ์ค้างไปหลังจากได้ยินประโยคนั้นเขาจึงพ่นไอศครีมรสมิ้นต์เข้าไปที่หน้าของวอลทซ์ทันทีหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง อเล็กซ์เริ่มที่จะดำเนินการซ่อมเตาแปรธาตุโทรม ๆ อเล็กซ์เข้าใจตราสัญลักษณ์โบราณได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมันค่อนข้างจะอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร เขาพบว่าตร
“ไม่มีปัญหา แค่ส่งเวลากับสถานที่มา เดี๋ยวผมไปครับ” อเล็กซ์ยิ้ม“ฉันไปรับคุณได้นะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับ เส้นทางแถวนี้ค่อนข้างลำบาก”“ก็ได้!” เชอริลพูดขึ้น “อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันชวนเพราะว่าคุณปู่อยากจะเจอคุณเท่านั้น!”อเล็กซ์ค้าง “ไม่เลย ผมรู้ว่าคุณไม่ได้มีเจนตาอย่างอื่นหรอก”“ฉัน... รีบมาแล้วกันนะ ฉันต้องวางแล้ว!” แก้มของเชอริลตอนนี้ที่กลายเป็นสีชมพูระเรื่อ เธอดูหงุดหงิดเล็กน้อย‘หมายความว่าอะไรที่บอกว่าเจตนาอย่างอื่น?’หลังจากที่ได้รับที่อยู่แล้ว อเล็กซ์ก็ค้นหาที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต เห็นได้ชัดว่าเชอริลอาศัยอยู่ในบริเวณเมืองทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียหลังจากที่บอกบริตทานีเกี่ยวกับคำเชิญแล้ว เขาก็ได้ไปดูดกลืนพลังฉีจากมรกตเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองเชอริลที่กำลังเลือกชุดอยู่หน้ากระจก เสื้อผ้ามากมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีชุดไหนที่ถูกใจเธอทันใดนั้น ผู้หญิงชราคนหนึ่งได้เดินเข้ามาและยิ้มหวานให้เธอ “เชอริลกำลังเลือกชุดเหรอจ๊ะ น่าสนใจดีว่าไหม?”เชอริลที่สีหน้าดูผิดหวังพูดขึ้น “คุณย่าคะ ไม่มีชุดไหนเหมาะกับหนูเลยค่ะ”ผู้หญิงชรากอดแขนของเชอริล “โอ๋ หลานย่ากำลังโตเป็นสาว
เจมส์ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดกับการปรากฏตัวของพวกเขาอย่างกะทันหันเชอริลรู้สึกรำคาญกับคำพูดของชายชราไม่ต่างกัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ‘หมายความว่าอะไร ‘ขึ้นคาน’? ‘ฉันแค่รู้จักเลือกผู้ชาย!”เจมส์ตอบกลับ “มาทำอะไรที่นี่ วิลสัน? ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะยินดีต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่บุกมาถึงหน้าประตูบ้านกันล่ะ? นายโดนสั่งห้ามไม่ให้ทำงานในรัฐมิชิแกนไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม?”ชายชราคนนี้คือ แพทริค วิลสัน เขาเคยมีอดีตรวมกันกับเจมส์ ทั้งคู่เคยเป็นเด็กฝึกหัดภายใต้การดูแลของหมอชื่อดัง พวกเขาเปรียบเสมือนพี่น้อง เจมส์ซึ่งมีอายุเยอะกว่าแพทริคจึงกลายเป็นเหมือนพี่คนโตแต่ถึงเช่นนั้น แพทริคไม่ได้เรียนแพทยศาสตร์เพื่อรักษาชีวิตผู้อื่น สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่เงินก่อนหน้านี้ เขาใช้ตำแหน่งของอาจารย์เขาเพื่อหลอกลวงผู้อื่น เพราะเหตุนี้เขาจึงถูกเจ้านายไล่ออกและไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์อีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้น แพทริคก็มีหัวทางด้านธุรกิจ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียงไม่ได้ แต่เขาได้ก่อตั้งศูนย์ดูแลสุขภาพด้วยการขายการรักษาด้วยสปาโบราณธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเขาก็สามารถ
แพทริคพุงตรงไปหาอเล็กซ์และกระชากคอเสื้อของเขาเข้ามาใกล้ “ไอ้เด็กเหลือขอ ฉันไม่สนหรอกว่าแกเป็นใคร เชอริลจะต้องเป็นหลานสะใภ้ของฉัน บอกมาว่าแกต้องการเงินเท่าไหร่เพื่อที่จะทิ้งเธอ?”‘จะทำให้ดูว่าตัวเองเป็นพวกมีอำนาจและโหดเหี้ยมสินะ?’อเล็กซ์ขมวดคิ้วพร้อมที่จะโต้กลับคุณย่าตะโกนขึ้นมา “แพทริค นายหยุดเรื่องนี้สักทีเถอะ! หลานสาวของฉันยังไม่ได้แต่งงาน แต่พิธีก็ใกล้เข้ามาแล้ว เราตกลงกันมาก่อนแล้วว่าจะให้พวกเขาแต่งงานกัน ทำไม? นายอยากจะกลายเป็นคนที่ทำลายครอบครัวคนอื่นงั้นเหรอ?”แพทริคโกรธมาก “ไร้สาระ! เชอริลเป็นหลานสะใภ้ของฉัน พ่อของเธอให้สัญญาไว้แล้ว พวกแกคิดที่จะกลับคำเหรอ? หรือว่าต้องการให้ฉันพาลูกชายของแกมาพูดให้ชัดเจนไหม? อีกอย่าง โคนีย์ แกอย่าลืมนะว่าตอนนั้นใครเป็นคนช่วยแกที่กำลังจมน้ำอยู่ แกจะเนรคุณอย่างนั้นเหรอ? และแกยังจะเรียกตัวเองว่าหมอที่เก่งที่สุดได้อยู่อีกเหรอ?”แพทริคดูเหมือนจะทำให้ทุกคนตกตะลึงด้วยคำพูดนั้นอเล็กซ์สังเกตเห็นดวงตาของเชอริลเต็มไปด้วยความเกลียดชังหลังจากที่แพทริคพูดถึงพ่อของเธอ‘อ๋อ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความรอยแผลเป็นที่รักษาไม่หายของครอบครัวนี้สินะ’เจมส์เงีย
ห๊ะ!เสียงหัวเราะเปี่ยมด้วยความสุขของแซคคารีหยุดลงทันที ราวกับว่ามีใครมากระชากลิ้นของเขาออกไปทันใดนั้น ความโกรธของเขาก็เดือดพล่านอเล็กซ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไงล่ะ จี้ใจดำอย่างนั้นเหรอ?”“ไร้สาระ! แกต่างหากที่มีปัญหาเกี่ยวกับฝันเปียกเหมือนกับทุกคนในครอบครัวของแกนั้นแหละ!” แซคคารีใส่อารมณ์มันคือความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นเกือบทุกคืน ในกลางดึกเขามักจะสะดุ้งตื่นเพราะความเปียกชุ่มบนตัว และหลังจากนั้นเขาต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำ มันแย่มากจนเขาไม่กล้าแชร์ห้องนอนกับเพื่อนร่วมชั้นตอนเรียนอยู่ที่ต่างประเทศเพราะกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผย แต่อเล็กซ์ก็ได้เปิดเผยความอับอายนี้ต่อหน้าเชอริล ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเจ็บปวดจากความอัปยศอดสูราวกับว่าถูกถลกหนังออกมาทั้งเป็นดังนั้น ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับโดยเด็ดขาดเชอริลและเจมส์มองไปที่แซคคารีอย่างขบขันเจมส์พูด “แซคคารี ทำไมไม่ให้ฉันตรวจดูว่าชีพจรเต้นถูกจังหวะหรือเปล่า? ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะส่งผลต่อการสืบพันธุ์ของนาย และจะต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด”“ผมบอกว่า ผมสุขสภาพดีและไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายขอ
ทว่า คู่ต่อสู้ที่ยกธกขาวนั้นไม่ใช่อเล็กซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ เชอริลพลันมองไปยังอเล็กซ์ด้วยอารมณ์ที่ท่วมท้นออกมาจากดวงตา แต่ถึงกระนั้น อเล็กซ์ก็สนใจแต่แพทริค "นายคิดว่ายังไงล่ะ?" แพทริคเผยรอยยิ้ม "ฉันจะทำตามที่แซคคารีบอก ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับนายแล้ว คุณหมอสุดอัจฉริยะ" จากนั้น อเล็กซ์พยักหน้าตอบรับ ถึงอย่างไร อาการป่วยของแซคคารีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับอเล็กซ์เลย ... หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ สวนสาธารณะ “ส่วนเรื่องงานแต่ง มันถูกยกเลิกไปแล้วนะ ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องหาใครมาเป็นแฟนปลอม ๆ อีกแล้วนะ” อเล็กซ์ยืนกอดอกและเผยยิ้มให้เชอริล ทว่า สิ่งที่อเล็กซ์สื่อออกไปดูเหมือนจะเป็นคำใบ้ที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก อารมณ์ประมาณว่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักทีเถอะ ถึงกระนั้น เชอริลเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก "อันที่จริง ฉันไม่ได้สนใจเรื่องงานแต่งอยู่แล้ว ไม่มีใครบังคับฉันได้หรอก อีกอย่าง สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดออกมาก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดี" “ผู้ชายคนนั้น... พ่อของเธอน่ะเหรอ?” “จะว่างั้นก็ได้” อเล็กซ์ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เขารู้ดีว่ามันคงจะเป็นเหมือนความชอกช้ำที่เธอไม่อย
ว่ายังไงนะ? ทันทีที่เชอริลพูดจบประโยคและหันหน้ากลับไป น้ำเสียงสุดกังวลของอเล็กซ์พลันดังขึ้น "โดโรธี! โดโรธี! ฮัลโหล! ฟังฉันก่อนสิ! มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ! คือว่าฉัน... ฮัลโหล! ฮัลโหล! ฮัลโหล..." เสียงกวนที่น่าดึงดูดของเชอริลทำลายความหวังของอเล็กซ์ไปแทบจะทันที ไม่ต้องพูดถึงการไปนั่งดูหนังตอนเที่ยงคืนกับโดโรธีเลย ตอนนี้อเล็กซ์กลัวว่าเธอจะไม่ยอมให้เขาเข้าบ้านมากกว่า โดโรธีจะรู้สึกดีได้ยังไงกันหากได้ยินเสียงอันทรงสเน่ห์ของเชอริลทางโทรศัพท์ในยามค่ำคืนเช่นนี้? ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรู้สึกโกรธจัดและวางสายทันที ทว่า ทันใดนั้น อเล็กซ์ก็กดเบอร์เพื่อโทรกลับไปอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่รับโทรศัพท์ หลังจากนั้น เขาก็โทรอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะปิดเครื่องไปแล้ว ในตอนนี้ อเล็กซ์ทำได้เพียงแค่ส่งข้อความและอธิบายให้โดโรธีฟังว่าตนได้รับคำเชิญจากดร.เจมส์ โคนีย์ให้ไปงานงานเฉลิมฉลองวันเกิดเท่านั้น โดยลืมบอกความจริงที่ว่าเขาเป็นเพียงแค่คนนอกเพียงคนเดียว อีกทั้ง ยังเป็นคนที่แสร้งเป็นแฟนของเชอริลด้วย ดวงจันทร์พลันหมุนเวียนครบรอบคืน เช้าวันรุ่งขึ้น อเล็กซ์โทรหาโดโรธีอีกครั้งในทันที ในฐานะผู้จัดการข
“คุณคิดว่าผมอยากรอจริง ๆ เหรอ? ค่าผ่าตัดอย่างน้อยก็ต้องหมดเกือบครึ่งล้าน อีกทั้ง ความเสี่ยงต่อการผ่าตัดก็สูงไม่น้อยเลยด้วย โอกาสรอดคือห้าสิบห้าต่อห้าสิบ ผมอาจจะตายระหว่างผ่าตัดก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ? อีกอย่าง คุณเองก็รู้ว่าสภาพครอบครัวของผมเป็นยังไง ถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับผม ทั้งแม่แล้วก็น้องสาวผมจะอยู่กันยังไง? แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ผมมีพัสดุอีกเยอะต้องส่งตอนเที่ยงด้วย” เจ้าของร้านพลันถอนหายใจ พร้อมกับดวงตาเต็มซึ่งไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกเรื่องหนึ่ง “เดี๋ยวก่อน!” อเล็กซ์พูดขึ้น "นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ?" ชายหนุ่มพลันนิ่งไปเกือบสามวินาที ทันใดนั้น เขาก็พลันเผยยิ้มและพยักหน้า "ฉันเชื่อ ในฐานะเพื่อนของคุณโยเวล คุณคงไม่มีเวลาว่างมาหลอกลวงคนต่ำต้อยอย่างผมหรอก” อเล็กซ์ยืนขึ้น “งั้นก็เชื่อใจฉัน แล้วฉันจะช่วยนายเอง” อเล็กซ์เดินเข้าไปและกางนิ้ว พร้อมกับวางนิ้วหนึ่งไว้เหนือขมับของชายหนุ่ม ตรงนั้นคือตำแหน่งของเนื้องอกซึ่งอยู่ใต้กะโหลกศีรษะของลุค ทันใดนั้น นิ้วของอเล็กซ์ก็ส่องประกายราวกับสีของหยก รา
ในระหว่างนั้น ชายหนุ่มที่สำลักบะหมี่ก่อนหน้าก็หันกลับลงไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง "คุณหนูโยเวล... นักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย? จริงเหรอ?” ทันใดนั้นเอง ใครสักคนก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาชื่อของนักร้องสาวแห่งแคลิฟอร์เนีย ทว่า ทั้งรูปภาพและผลลัพธ์มากมายต่างก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริง มิเชลล์มักจะทำตัวเป็นเป้าสายตาของสาธารณะชน และไม่ได้พวกใจพวกปาปารัสซี่เท่าไหร่นัก อีกทั้ง คนในตระกูลโนเวลเองก็ไม่ได้สนใจในตัวมิเชลล์ด้วยเช่นกัน เธออยากจะเป็นอะไรก็เป็นไป ด้วยเหตุนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายไม่น้อยเลยที่จะมองหาคนอย่างเธอ ไม่นานนัก ใครสักคนก็ตะโกนขึ้นมา... "มันเป็นความจริง! ทั้งหมดคือเรื่องจริง! เธอคนนี้คือคุณหนูโยเวลตัวจริงเสียงจริง คุณมิเชลล์ โยเวลยังไงล่ะ!” “ใช่แล้ว! ยังไงก็เถอะ คุณหนูโยเวลอุตส่าห์มากินสตูว์ถึงที่ร้านทั้งที ฉัน... ฉันชักอยากจะขอเธอถ่ายรูปหน่อยแล้วสิ” “นายตาบอดหรือยังไงกัน? ดูเธอสิ เธอกำลังโกรธอยู่นะ ทำไมถึงอยากเข้าไปขอเธอถ่ายรูปตอนนี้กันล่ะ?” หลังจากที่ชายคนนั้นตบตัวเองไปมากกว่าสิบครั้ง แจ็คก็พูดขึ้น "รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ?" ชายคนนั้นพยักหน้า แจ็คถามขึ้นอีก
อันที่จริง อเล็กซ์ต้องการที่จะรักษาแจ็คก็เพราะเขาช่วยตนในเรื่องเอกสาร ทันใดนั้น อเล็กซ์เผยยิ้มและกล่าวคำพูดออกมา “คุณเทรนต์ครับ การช่วยชีวิตใครสักคนอาจต้องใช้โชคชะตา แต่ถ้ามีกำลังสงสัยอะไรอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ คุณสามารถไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลาเลย แต่ยังไงเสีย คุณคงต้องรีบหน่อยแล้วแหละ เพราะนิ่วในไตของคุณตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่แย่มาก คุณอาจะติดเชื้อได้เลยล่ะ" ทว่า ทุกคนก็พลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง 'นายไม่ได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์หรือเครื่องเอ็กซ์เรย์เลยด้วยซ้ำ อีกทั้ง ชีพจรก็ไม่ได้ตรวจ นายจะรู้ได้ยังไงกันว่านิ่วในไตนั้นอยู่ในตำแหน่งดีหรือร้าย? นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์หรือยังไงกัน?' สำหรับคราวนี้ มิเชลล์เองก็พลันเบิกตากว้างเช่นกัน เธอเอาแขนพาดหน้าอกด้วยความสงสัย “อเล็กซ์ นายมีดวงตาเอ็กซ์เรย์ด้วยงั้นเหรอ?” อเล็กซ์ไม่สนใจเธอเลย ทว่า ไม่นานนัก แจ็คก็พูดขึ้น "คุณร็อคกี้เฟลเลอร์ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ยังไงเสีย อเล็กซ์เองก็ไม่ได้จะใช้มีดผ่าตัดอยู่แล้ว ดังนั้น แจ็คจึงรู้สึกว่ามันก็คุ้มที่จะลอง อเล็กซ์ไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก เขาก็วางมือเอาไว้บนแผล พร้อมกับสอดพลังฉีเข้าไปในร่างกายของ
ผู้หญิงที่พูดขึ้นนั้นนั่งอยู่ข้างหลังอเล็กซ์ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุราวสามสิบปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้ยินการสนทนาของพวกเขาตั้งแต่เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้นนั่งฟังพวกเขาตั้งแต่ตอนที่มิเชลล์บอกว่าเธอจะจับพริสซิลล่ามาอยู่บนเตียงของอเล็กซ์ ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดูถูกเหยียดหยามทั้งสองอย่างถึงที่สุด อันที่จริง เธออยากจะเรียกตำรวจมาจับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่า เธอก็รู้สึกโล่งใจที่อเล็กซ์ปฏิเสธข้อเสนอไป ต่อมา เธอก็ได้ยินทั้งสองพูดถึงบริษัทเธาซันด์ลีฟ เธอได้ยินมิเชลล์พูดว่าตัวเองนั้นสามารถขอใบอนุญาตได้เลยเพียงแค่เอ่ยวาจา และทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็แทบจะพ่นสตูว์เนื้อรสเผ็ดออกมาทางปาก อันที่จริง เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทเธาซันด์ลีฟ สามีของเธอขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายรายย่อยที่ทำงานภายใต้แฟรนไชส์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่เธอก็รู้ดีว่าเจ้าของบริษัทเธาซันด์ลีฟก็คือตระกูลโยเวล ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกทั้ง บริษัทยังได้รับการโฆษณาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทว่า สามีของเธอก็ได้แจกจ่ายวัสดุก่อสร้างอยู่ตั้งหลายร
อันที่จริง เบียทริซเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในมหาวิทยาลัยได้หากจะต้องเปิดโปงพวกเขาทั้งสอง ทันทีที่ทั้งคู่มาถึงลานจอดรถ อเล็กซ์ก็ตระหนักได้ว่ามิเชลล์นั้นซื้อรถสปอร์ตสุดหรูแอสตันมาร์ตินสีแดงให้กับตน โครงสร้างสุดเท่ของรถสปอร์ตคนนี้ค่อนข้างทันสมัย แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ขับผ่านถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่ออย่างแน่นอน “โทษทีนะ พอดีฉันหารุ่น M8 ที่นายต้องการไม่ได้เลยน่ะ ตอนนี้ไม่มีรุ่นนั้นเหลืออยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยด้วย ยังไงก็เถอะ นายก็ใช้คันนี้พลาง ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวถ้าของเข้าแล้ว ฉันจะไปซื้อรุ่น M8 มาคืนให้” 'ดูเธอสิ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน' เธอสามารถซื้อรถหรูราคาหลายแสนได้ราวกับว่าซื้อลูกโป่ง “ก็ได้!” อเล็กซ์ไม่เรื่องมากกับเรื่องรถยนต์อยู่แล้ว ทั้งสองเดินทางไปยังร้านอาหารสตูว์รสจัดจ้าน มิเชลล์นึกประหลาดใจ “นายอยากทำกับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” อเล็กซ์ตอบกลับ “ตอนแรกฉันจะรักษาพริสซิลล่า แต่เธอดันกลับบ้านไปก่อน ยังไงเสีย ตอนนี้เรามาสั่งอะไรง่ายๆ กินกันดีกว่า” “นี่นายกำลังพยายามตามจีบพริสซิลล่าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? อันที่จริง ฉันช่วยนายได้นะรู้ไหม? ฉันทำให้เธ
“ดาวมหาลัยชนชั้นกลาง... เบียทริซ แอสเส็กซ์งั้นเหรอ?” “เธอคือ...” ทั้งแอนนาลิสและพริสซิลล่าต่างก็จ้องไปที่เบียทริซอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หลังจากนั้น พวกเขาก็หันไปหาอเล็กซ์ จากท่าทีของทั้งสอง พวกเขาต่างก็รับรู้มาว่าอเล็กซ์เป็นแฟนของมิเชลล์ ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะรู้จักและจูบกันได้ยังไงล่ะ? ในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่ามิเชลล์คงจะต้องตะคอกและทุบตีอเล็กซ์อย่างแน่นอน แม้แต่เบียทริซเองก็คิดเช่นนั้น เบียทริซเรียกอเล็กซ์ว่าพี่เขยก็เพื่อเปิดเผยตัวตนของเขาเอง อีกทั้ง เบียทริซเองก็ต้องการบอกกล่าวให้มิเชลล์รับรู้ว่าว่าอเล็กซ์เป็นชายที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เบียทริซในตอนนี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของมิเชลล์อยู่ จากที่เบียทริซรู้เรื่องราวของมิเชลล์มา มิเชลล์จะต้องโมโหและทำร้ายอเล็กซ์อย่างแน่นอน แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย มิเชลล์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนัก เธอก็กล่าวคำพูดขึ้น “เบียทริซ แอสเซ็กซ์ เธอเป็นน้องสะใภ้ของอเล็กซ์หรือยังไงกัน? เธอน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ! ยังไงก็เถอะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ ก็เอ่ยชื่อของฉันออกไปได้เลย แล้วฉันจะมาปกป้องเธอเอง!” "อะไรก
สตีเวนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำรามออกมา เขาปลุกพละกำลังภายในที่น่ากลัวและชั่วร้ายออกมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับแสงสีแดงที่กะพริบระยิบระยับในดวงตา ระหว่างที่มิเชลล์กำลังจะฟาดฝ่ามือลงไปที่สตีเวน เขาก็พลันตอบโต้การโจมตีด้วยฝ่ามือของตัวเองเช่นกัน ตู้ม! เสียงระเบิดดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง สตีเวนเองก็ได้เก็บซ่อนพลังพิเศษไว้ที่ในฝ่ามือของตัวเอง พลังนั้นพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือของมิเชลล์ไป มันเป็นทักษะอันทรงพลังในฐานะจ้าวแห่งเงามรณะเลยก็ว่าได้ หรือเรียกอีกอย่างว่าทักษะแห่งการล่อลวง เพราะเหตุนั้น สตีเวนจึงไม่สนใจการโจมตีมิเชลล์มากนัก เพราะเขารู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนจะต้องชนะอย่างแน่นอน ในตอนนั้นเอง เขาพลันดีดนิ้วและกล่าวคำพูดขึ้นมา “หยุด!” ทว่า ทักษะแห่งชัยชนะทั้งหมดของสตีเวนกลับไม่มีผลอะไรเลยในวันนี้ มิเชลล์พุ่งเข้าใส่สตีเวนด้วยการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและเฉียบแหลม เธอยกขาขึ้นแล้วกระแทกไปยังศีรษะของสตีเวนอย่างแรง "อะไรกัน?" อึก! สตีเวนล้มลงไปนอนกับพื้น เขาพลันกลอกตาไปมาและรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ทันทีที่สติเริ่มจางหาย ความคิดสุดท้ายของสตีเวนก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัว “มันจะเป็นไปได้ยังไง
ตุ๊บ! ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของฝูงชน มิเชลล์ก็กระโดดข้ามราวขึ้นไปบนเวทีประลอง ระหว่างที่มิเชลล์ขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง หน้าอกขนาดมหึมาของเธอก็พลันกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทุกคนต่างตกตะลึงและเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเหล่านักเรียนชาย พวกเขาต่างก็ยิ่งอิจฉาอเล็กซ์มากกว่าเดิมทันทีที่เห็นเช่นนั้น มิเชลล์รีบคว้าตัวพริสซิลล่าและลากเธอมาหลบอยู่ด้านหลัง มิเชลล์จ้องไปยังชายวัยกลางคนจอมหยิ่งผยองและกล่าวคำพูดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ของนายเอง!” พริสซิลล่าในตอนนี้ไม่กล้าที่จะอยู่บนเวทีอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เธอจึงรีบวิ่งออกไปจากลานประลอง พร้อมกับกุมมือตัวเองด้วยความหวาดกลัว อเล็กซ์ตบไหล่ของพริสซิลล่าและเผยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “เธอทำดีมาก ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องชนะ” “ฉัน... ฉันชนะการประลองจริง ๆ เหรอ?” “...” หลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มจ้องมองไปที่พริสซิลล่าและกลอกตา แอนนาลิสเองก็ขมวดคิ้วและจ้องไปยังพริสซิลล่าเช่นกัน เธอไม่เข้าใจความสามารถที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของพริสซิลล่าเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้น เธอก็คิดเองเออเองว่าเทรเวอร์น่าจะใช้พลังของตัวเองมากเกินไป แอนนาลิสคิดหาวิธีอื่
“พูดบ้าอะไรของเธอกัน?!” ระหว่างกำลังคิดว่านี่คงเป็นแผนของชมรมซาตานที่ต้องการส่งใครสักคนขึ้นมาบนเวทีประลอง เทรเวอร์ก็รู้สึกโกรธไม่น้อย ทันใดนั้น เทรเวอร์ก็พุ่งเข้าไปหาพริสซิลล่าและฟาดฝ่ามือใส่เธอ เทรเวอร์ต้องการสยบพริสซิลล่าด้วยฝ่ามือ นั่นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและความยิ่งใหญ่ในฐานะประธานชมรมมังกรหยก "อ๊าย!" พริสซิลล่าพลันกรีดร้องและยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณ ทันใดนั้น กระแสพลังฉีพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของเธอ ตุบ! เทรเวอร์พลันฟาดลงไปยังข้อมือพริสซิลล่า ทว่า เขากลับสัมผัสได้ถึงกระแสพลังจำนวนมหาศาลพุ่งตรงเข้ามา ฟิ้ว! ทันใดนั้น ร่างกายของเทรเวอร์ก็ลอยละล่องขึ้นไปกลางอากาศเหนือเวทีประลองและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับผมที่ตั้งชูอยู่เหนือศีรษะ ร่างกายของเทรเวอร์สั่นเทา เขาอ้าปากค้างราวกับมีหมอกพิษทมิฬลอยออกมาจากปาก ทุกคนในห้องโถงต่างก็เงียบไปด้วยความตกใจ พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ มิเชลล์เองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เธอจ้องมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของแอนนาลิสพลันเบิกกว้าง เธออ้าปากค้างทันใด เธอแทบจะไม่อยากเชื่อเหตุการณ์ท