นาทีนี้มรินดารู้แล้วว่าช่องทางลึกลับนี้มีไว้ทำอะไร มันมีไว้รองรับความยิ่งใหญ่ที่สอดใส่กันได้พอดี และเป็นความยิ่งใหญ่ที่กำลังพาหล่อนกระโจนขึ้นสวรรค์ หล่อนไม่ไหวแล้ว... “อ๊ายยยยย… พี่เลิฟ! ซี้ด… อื้อ… พี่เลิฟ!” “ครับ… อืม…” “เสียว… หนูเสียว… อื้อ… พี่เลิฟขา… โอว…” “พี่ก็เสียวครับ พี่ก็เสียว โอว... เสียว… แน่น… อืม…” “พี่เลิฟ! พี่เลิฟ! พี่เลิฟขา... อื้อ… หนูไม่ไหวแล้ว หนูไม่ไหว อะ! อะ… อ๊ายยยยย…” มรินดากรีดร้องสุดเสียง ร่างสั่นกระตุกรุนแรง หัวสมองขาวโพลน ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างจะบางเบาราวร่างนี้ไร้น้ำหนักและล่องลอย ทว่ากลับรับรู้ได้ทุกขณะที่โพรงฉ่ำน้ำตอดรัดความยิ่งใหญ่แนบแน่น“อูย... หนูตุ่นจ๋า... โอว... หนูตุ่นของผัว โอว... ผัวเสียว...” ดวงตาปรือขึ้นมองเจ้าของเสียงครางกระเส่าที่อยู่เหนือร่างหล่อน แค่เขาแทนตัวเองว่า ‘ผัว’ คำนั้นทำให้หล่อนซาบซ่านขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หล่อนยิ้มรับและไขว่คว้าหาอ้อมกอดจากเขา และเขาก็ค้อมลงมากอดหล่อนทันที ทั้งจูบทั้งกอดจนหล่อนรับรู้ว่าช่วงเวลานี้หล่อนมีแต่เขา มีเขาเท่านั้นที่เป็น
“ไม่ได้หรอกค่ะ หนูยังเด็ก แล้วหนูก็ต้องเรียนด้วย หนูอยากมีความรู้เยอะ” “แต่พี่ไม่อยากให้ใครมองหนูตุ่น อยากกอดหนูตุ่น อยากจูบ อยาก...” “อย่างงั้นหนูก็ไม่ให้พี่เลิฟไปทำงานแล้วนะ อยู่กับหนูทุกวัน ทั้งวันทั้งคืน ดีไหมคะ” “อื้อ... นี่เราย้อนพี่เหรอ” “ก็จริงไหมล่ะคะ ถ้าพี่เลิฟอยากอยู่กับหนูทั้งวันทั้งคืน พี่เลิฟก็ต้องเลิกทำงานสิ” “จะเอาแบบนั้นใช่ไหม ได้! งั้นพี่จะ ‘เอา’ เอาหนักๆ เอาแรงๆ เอาทั้งวันทั้งคืน” “ว้าย! พี่เลิฟ! ว้าย! บ้า! บ้า!” ลักษณ์ปล่อยให้มรินดากรีดร้อง เพราะจมูก ปาก ลิ้น มือ และดุ้นของเขาไม่ว่าง จมูกปากทำหน้าที่ซุกไซ้ซอกคอ ลิ้นแลบออกมาเลียซ้ำ มือกอบกุมเต้าอวบอัดขยำขยี้ และดุ้นยาวใหญ่ที่ตื่นตัวก็ทำหน้าที่เคลื่อนไหวแทรกเข้าแทรกออก กระแทกกระทั้นใส่บั้นท้ายของหล่อนเร็วๆ แรงๆ จากนั้นฝ่ามือก็เคลื่อนไปยกต้นขา เพื่อให้ดุ้นแทรกเข้าได้ลึกยิ่งขึ้น เมื่อนั้นเสียงร้องวี้ดว้ายก็กลายเป็นเสียงครางกระเส่าสุขสม.. วันประกาศผลรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมแห่งปี น้ำหวานพยายามโทรศัพท์หาลักษณ์หลายสายแต่เขาไม่ยอ
ณ สถานีรถไฟฟ้า BTS “ตัวเอง ดูนั่นดิ” “อะไร” “นั่นอะ” “อะไร” “เฮ้ย! ใหญ่ขนาดนั้นไม่เห็นเหรอ” “อ๋อ... คิดว่าให้มองอะไร ทำไมเหรอ มีอะไร” “ใหญ่มากเลยเนอะ” “อืม... เท่าโอ่งเลี้ยงบัวที่บ้านเราเลยอะ” “ฮะ! ใหญ่ขนาดนั้นเชียวเหรอ” “อืม... มากๆ” “ให้เอาอะ จะเอาไหม” “โห... มีหวังหายใจไม่ออกแน่ ถูกทับตาย” เสียงพูดคุยของหนุ่มสาวในชุดนักศึกษาที่ยืนต่อแถวแลกเหรียญสำหรับซื้อตั๋วขึ้นรถไฟทำให้คนที่ยืนต่อคิวอยู่ด้านหลังอารมณ์ขึ้นเอาดื้อๆ เพราะเป้าหมายการพูดคุยของทั้งคู่คือเด็กสาวรูปร่างอวบอัดที่ใส่ชุดนักศึกษาเช่นกัน หล่อนแค่อวบมากตามความคิดของเขา แต่สำหรับคนอื่นอาจมองว่าหล่อน ‘อ้วน’ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาพูดคุยกันอย่างสนุกปาก และเสียงสนทนาก็ไม่ได้ค่อยเลย เพราะจากสายตาคนที่อยู่รายรอบก็มองไปที่สาวน้อยร่างอวบเป็นจุดเดียว บางคนมีสายตาเห็นใจพร้อมมองมายังหนุ่มสาวด้านหน้าเขาแบบตำหนิกลายๆ ทว่าบางคนกลับนึก
ในทุกวันสมิดาจะแต่งตัวแบบมั่นใจ หล่อนอยากใส่อะไรหล่อนก็ใส่ อยากกินอะไรหล่อนก็กิน หล่อนไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไร หล่อนสนแค่หล่อนมีความสุขเท่านั้น สมิดาจึงกลายเป็นไอดอลของสาวยุคใหม่ ที่ไม่ว่าจะเอวบางร่างน้อย หรือว่าเจ้าเนื้ออย่างหล่อน ทุกคนก็มั่นใจได้ และตอนนี้เมื่อสมิดาเรียนจบและมีธุรกิจเครื่องสำอางนำเข้าจากเกาหลีเป็นของตัวเอง สมิดาก็ยิ่งแต่งตัวเก่ง จากชุดสวยใสตามใจฉันก็กลายเป็นเซ็กซี่ขยี้หัวใจมากขึ้น แน่นอนว่าหล่อนกลายเป็นสาวอึ๋มในอุดมคติของผู้ชายหลายๆ คน เพราะหล่อนสวยโดยไม่ต้องผอม สวยเต็มไม้เต็มมือน่าขยำขยี้ สวยน่ากระแทกกระทั้น จนหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างเข้าไปคอมเม้นท์ใน IG ของหล่อนว่าอยากกัดกินเพราะเห็นหล่อนเป็นซาลาเปาลูกโต เขาเองก็เช่นกัน… อยากกัดกินหล่อนทั้งตัว ตั้งแต่วันแรกพบ ตั้งแต่แวบแรกที่ได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิด จมูกหน่อย แต่กลับมีแก้มอิ่มเอิบน่ากดจมูกลงไปสูดดมความหอม น่าขยำขยี้และกัดกินแก้มขาวๆ นั้น เขาก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับ ‘สเปค’ ผู้หญิงที่ทำให้เขาตื่นตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาก็เหมือนผู้ชายทั่วไปที่ชอบผู้หญิงสวย หุ่นดี
ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคนอื่นพูดถึงหล่อนลับหลัง เพราะเจ้าหน้าที่ของห้างฯ ที่มาคุยงานกับเขาก็มีสีหน้าขำขันที่คนยุคใหม่นิยมเทรนด์คนอ้วน จนผู้บริหารห้างต้องเล่นตามกระแสเพื่อเรียกยอดขาย เพื่อจะทำให้ห้างติดตลาดขึ้นมา เหมือนใช้ชื่อเสียงของหล่อนดึงลูกค้ามาให้ ไม่ใช่ว่าจริงใจและชื่นชมหล่อนจากใจจริง พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เห็นค่าในสิ่งที่หล่อนเป็นหรือทำ ไม่ได้เข้าใจหัวอกแฟนคลับของสมิดาอย่างแท้จริง สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการก็คือผลประโยชน์ เพราะคนเจ้าเนื้อหรือคนอ้วน มักเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ซึ่งในโลกของธุรกิจคงจะหาความจริงใจจากใครไม่ได้ ทุกคนก็ล้วนใส่หน้ากากเข้าหากัน ที่เอ่ยชมว่าหล่อนสวย น่ารัก มั่นใจ แต่ความจริงแล้วก็อย่างที่ได้ยินเมื่อครู่ ทว่าเขาคงไปทำอะไรกับความคิดของคนเหล่านั้นไม่ได้เพราะเขาก็มีบทบาทเป็นผู้รับจ้างเช่นกัน แต่กับทีมงานของเขาเอง เขาจะไม่ยอมให้ทีมงานคิดแง่ลบกับนางแบบเด็ดขาดเพราะนางแบบก็คือหนึ่งในทีมงาน หากมีความคิดต่อกันแบบนี้คงทำงานร่วมกันได้ยาก และเขาเกลียดที่สุดก็คือคนที่ดูถูกคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหร
หล่อนเน้นหนักที่คำหลังจนทีมหน้าผมพากันสะดุ้งหันหน้าหนีกันพัลวัน “จริงๆ นะคะพี่ๆ ถ้าไม่จิตป่วยก็คงไม่ตั้งวงนินทาคนอื่นหรอกค่ะ สะดิ้งว่าพ่อแม่เขาต้องไม่รักแน่ๆ” “พ่อแม่ไม่รัก เกี่ยวอะไรกันคะคุณน้อง” “อ้าว... พี่ๆ ไม่รู้เหรอคะ พ่อแม่ไม่รัก พ่อแม่ก็เลยไม่สั่งสอนไงคะ ปล่อยให้ลูกเติบโตมาตามยถากรรม ก็เลยเป็นคนขี้อิจฉาค่ะ และเมื่อมีความอิจฉาเป็นที่ตั้งแล้วนะคะ เห็นคนอื่นได้ดีไม่ได้หรอกค่ะ ต่อมอิจฉามันกำเริบและก็ต้องแสดงออกด้วยการนินทาค่ะ แต่สะดิ้งก็ไม่โกรธพวกเขาหรอกนะคะ เพราะพวกเขาอะขาดความอบอุ่น ขาดคนอบรมบ่มนิสัยก็เลยเติบโตขึ้นมาเป็นคนแบบนี้น่ะค่ะ และที่สำคัญ สะดิ้งน่ะดีกว่าพวกเขาทุกอย่างเลยนะคะ คุณพ่อคุณแม่ของสะดิ้งท่านก็สั่งสอนสะดิ้งมาดี ท่านสอนให้สะดิ้งรักตัวเองค่ะ อยากทำอะไรก็ทำ ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน และสะดิ้งเป็นคนชอบกิน คุณแม่ท่านก็ไม่ห้าม แค่ขอให้สะดิ้งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของตัวเองเท่านั้นแหละค่ะ สะดิ้งก็เลยปั้นหุ่นตัวเองให้เป็นแบบนี้ไงคะ กินก็อร่อย นอนก็อิ่ม อ้วนด้วย สวยด้วย เซ็กซี่สุดๆ ด้วย พี่ๆ ว่าไหมคะ” สาวร่างอวบส่าย
คนที่หน้าเจื่อนก็คือทีมหน้าผมของเขาเอง และจากครั้งนี้เขาก็เชื่อว่าสมิดาจะมีแฟนคลับเพิ่มอย่างน้อยก็สองคน ส่วนจะรวมช่างไฟ ช่างฉาก เข้าไปด้วยหรือไม่นั้น แค่มองตาผู้ชายก็ดูกันออก ส่วนตัวเขานั้น ถ้าถามใจจริงๆ เขาไม่อยากเป็นหรอกแฟนคลับของหล่อน แต่เขาอยากเป็น ‘แฟนครับ’ แล้วตอนนี้ และจะให้ดีหากได้เป็น... อืม... สมิดาช่างทำให้เขาตื่นตัวได้ทุกเมื่อ ตื่นได้แค่นึกถึงหล่อน และตอนนี้หล่อนอยู่ตรงหน้า เขาก็ยิ่งตื่นไม่ยอมหลับ นานแล้วที่ไม่เกิดความรู้สึก ‘อยากเอา’ มากๆ แบบนี้กับใคร ด้วยอาชีพช่างภาพและฐานะทางสังคมทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงสวยนับไม่ถ้วน สาวๆ ต่อคิวกันขอเดทรายวัน ทว่าตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา เขาก็ทิ้งนิสัยกินลมชมดอกไม้ข้างทางไปเสียสิ้น เพราะหากเขาวอแวกับใครๆ ในเมืองไทย คงไม่พ้นถูกผูกมัด ทว่าตอนนี้เขากำลังเจอคนที่ใช่ คนที่สวยสุด สมิดากระตุ้นความรู้สึกหนึ่งของเขาเกิดขึ้นมา ความใคร่ อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ เขาอยากพูดคุยกับหล่อน แลกผ่านทัศนคติความคิดของกันและกัน เขาอยากรู้ว่าความสวยของหล่อนเฉิดฉายได้มากแค่ไหนกัน และ
ในเมื่อหล่อนเป็นคนสนุกกับการกิน กินอะไรก็อร่อย ดังนั้นหากหล่อนจะอ้วนแต่มีทรวดทรงแบบนี้ หล่อนก็พอใจแล้ว เพราะหล่อนเลือกสวยในแบบของตัวเอง ไม่เห็นจำเป็นต้องเหมือนใคร และคนที่เข้ามาหาหล่อนก็ต้องชอบที่หล่อนเป็นแบบนี้ หากจะมาคบและบอกให้หล่อนไปลดความอ้วน หล่อนไม่เอาด้วยหรอก ที่สำคัญ ใครชอบหล่อนก็ต้องจีบหล่อนเอง เพราะหล่อนน่ะสวยเอ็กซ์เซ็กซ์แตกมาก และถ้าผู้ชายคนนั้นทำกับข้าวเก่งสุดๆ หล่อนจะรับพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะหล่อนอะชอบกิน คนชอบกิน กับ คนชอบทำ ถ้าอยู่ด้วยกัน จะมีอะไรนอกจากความสุข แล้ว... คุณคริต ทำกับข้าวเก่งไหมนะคริตถ่ายภาพสมิดาอยู่ไม่นาน ทีมงานก็มาแจ้งว่านางแบบอีกคนกำลังมาถึง “คุณสะดิ้งเปลี่ยนชุดได้เลยครับ เดี๋ยวรอน้องเมย์แต่งตัวแต่งหน้าเสร็จ ค่อยถ่ายเซตใหม่” “ขอบคุณนะคะ แต่พี่ไม่ต้องเรียกสะดิ้งว่าคุณหรอกนะคะ เรียกสะดิ้งเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” “ได้ครับสะดิ้งเฉยๆ” “หือ... พี่อะ ล้อเก่งนะคะ” สมิดาพูดเย้าทำใบหน้าน่ารักยิ้มหวานพร้อมย่อกายเล็กน้อยแบบสโนไวท์จะขอตัวออกไปเที่ยวนอกวังก่อนจะเดินเข้าไปในเต็นท์เพื่อเปลี่ยนเ
เสียงพูดในคลิปถูกแทนที่ด้วยบทเพลงแห่งความรัก จากนั้นก็เป็นภาพถ่ายแรกที่คริตแอบถ่ายสมิดา ภาพหล่อนเคี้ยวขนมเต็มปาก ภาพหล่อนหาว ภาพหล่อนทำหน้ามุ่ยเพราะร้อน ภาพหล่อนกอดน้องหมีตัวโต จนมาถึงภาพในธีมวาเลนไทน์ ซึ่งความหมายของภาพก็มีเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้นที่รู้ เพราะเป็นวันแรกที่ความรักเบ่งบาน เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อคริตจูงมือเจ้าสาวขึ้นไปบนเวที สายตาเจ้าบ่าวที่มองเจ้าสาว ทำให้สาวพลัสไซส์ทุกคนมีความหวัง แค่หล่อนสวยในแบบฉบับของตัวเอง สวยด้วยทัศนคติการใช้ชีวิต แค่นั้นผู้ชายดีๆ ก็ตกถึงท้อง.. ในห้องหอ... “ที่รัก... อื้อ... น้องไม่ไหวแล้วนะคะ โอว... ซี้ด... พี่จ๋า... ไม่ไหวแล้ว... น้องไม่ไหวแล้ว...” สมิดาแอ่นร่างขึ้นสูงเปล่งเสียงครวญครางไม่ขาดปาก สะโพกใหญ่ก็ส่ายร่อนไม่หยุด เพราะลิ้นร้อนชอนลึกจนหล่อนทนอยู่เฉยไม่ไหว ต้องส่ายร่อนสะโพกให้เคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทว่ายิ่งส่ายร่อนมากเท่าไร ก็คล้ายกับว่าลิ้นร้อนจะสอดใส่และชอนเข้าลึกมากยิ่งขึ้น “โอว... ที่รักขา... โอว... ซี้ด... เสียว... โอว... น้องเสียว ซี้ด... เสียว...” ความเสีย
ดวงตากลมโตมีแววหวาดหวั่นมองเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวเจ้าเนื้อไม่ต่างจากหล่อน “บอกว่าประมาณสิบโมงน่ะค่ะ” หล่อนตอบอ้อมแอ้มเพราะนี่ก็ 10 โมงแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แวว “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะ ว่าคนไหนอะพี่ติ๊นา” ทุกสายตามองตรงมายังหล่อน ก็ใช่น่ะสิ เพราะไม่เคยมีใครเห็นหน้าตาของคริสติน่ามาก่อน ภาพแทนตัวในสื่อออนไลน์ที่คริสติน่าใช้จะเป็นภาพสาวอ้วนแต่งตัวเปรี้ยว และทุกคนก็เคารพในความเป็นส่วนตัวของกันและกัน จึงไม่เคยมีใครถามถึงหน้าตาที่แท้จริง แม้แต่เพศก็ไม่มีใครรู้ ทั้งเวลาที่คริสติน่าโทร.หาหล่อน ก็ไม่เคยเปิดกล้อง รู้แต่ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นผู้หญิงค่อนข้างมีอายุเท่านั้น“พี่ติ๊นาบอกว่าจะใส่ชุดสีแดงค่ะ บอกว่าแดงแรงฤทธิ์ เห็นปุ๊บ พวกเราจะรู้ทันทีว่าเป็นพี่เขา” “หือ... แต่นี่ไม่เห็นมีใครแต่งแดงสักคนเลยนะ” สมิดามองออกไปด้านนอกอีกครั้ง ไม่มีวี่แววเลยว่าจะมีใครแต่งแดงเดินเข้ามา “น้องสะดิ้งลองโทร.หาสิ” “โทร.หลายรอบแล้วค่ะพี่ ปิดเครื่อง” “ฮะ! ตายล่ะ แล้วถ้าพี่ติ๊นาไม่มา เราจะทำไงล่ะ โน่น! นักข่าวรอกั
ร่างเปลือยลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปหยิบกางเกงขาสั้นที่ถอดกองอยู่ ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา เขาต้องสั่งเตรียมงานของวันพรุ่งนี้ ‘ธีมวาเลนไทน์ พร้อมถ่าย 6 โมงเย็น’ นั่นคือข้อความที่ส่งออกไป ก่อนที่ร่างเปลือยจะเคลื่อนเข้าหาเตียงนอน แทรกร่างเข้าใต้ผ้าห่มนวมผืนเดียวกันกับหล่อน แต่ไม่มีสิ่งใดจะอุ่นเท่ากายเนื้อที่เขากอดอยู่นี้ กอดตระกองร่างอวบอิ่มที่นอนตะแคงข้างเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนและหัวไหล่น่าจูบน่าหอม แต่เขากลับ... “อื้อ... พี่คริต...” “ขอโทษจ้ะ นอนต่อนะ” คริตกอดกระชับเอวเจ้าเนื้อแนบเข้าหาลำตัวของเขา พลางมองรอยฟันจางๆ ที่หัวไหล่ของสมิดา ก่อนจะจูบทับลงไปอีกครั้ง..ผ่านมาอีก 1 เดือน ข่าวคาวๆ เรื่องนางแบบพลัสไซส์แอบกินตับกับช่างภาพที่กระจายอยู่บนหน้าสื่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลายลง ทุกสื่อเพ่งเป้าไปที่หล่อนกับคริต มีหลายรายการติดต่อขอสัมภาษณ์ แต่สมิดาไม่ได้รับปาก หล่อนบอกแต่เพียงว่าคิวไม่ว่าง ส่วนหากมีใครมาคอมเม้นท์ในสื่อออนไลน์ของหล่อน หล่อนก็จะตอบทีเล่นทีจริงว่า ‘ไม่บอก ปล่อยให้งง’ พร้อมทั้งติดแฮชแท็กเก๋ๆ ว่า #ไม่ผอมแต่อร่อ
“พี่คริต!” “ไหวไหม” “อื้อ... ไหว...” หล่อนตอบพลางจิกเล็บที่ท่อนแขนของเขา เพราะความเจ็บปวดจากตรงนั้นกำลังกระจายวาบไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เจ็บมากแต่รู้ว่าไม่ควรร้อง เจ็บทุกคราที่เขาขยับเขยื้อนไม่มีสิ่งใดจะลดทอนลงได้ เพราะเขายังคงเดินหน้า เชื่องช้าแต่ปวดร้าว “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... สะดิ้งแน่นเหลือเกิน โอว... แน่นที่สุด โอว...” หล่อนยิ้มแห้งเมื่อได้ยินเสียงครวญครางนั้น หล่อนเจ็บ แต่กลับได้ยินเสียงแห่งความสุข “โอว... สะดิ้งจ๋า... พี่จะไปช้าๆ อืม... โอว... ซี้ด... แน่นมาก โอว...” เขาจูบซับหยาดน้ำตาของหล่อน ก่อนจะเคลื่อนมาที่ปาก จูบอ่อนหวานและดุดันหนักแน่นตามอารมณ์ จากนั้นก็แทรกเรียวลิ้นชอนไชจนสมิดาเคลิ้ม ราวจะหลงลืมความเจ็บได้ชั่วครู่ แต่เมื่อท่อนแข็งขยับสอดใส่เพิ่มเข้ามาอีก หล่อนก็ได้ต้องอดกลั้นไว้ ใบหน้าที่นิ่วลงอย่างเจ็บปวดของสมิดาทำให้เขารู้ว่าต้องปลุกเร้าหล่อนให้มากกว่านี้ ปลายลิ้นจึงลากลงมาที่เต้าอวบใหญ่ เลียไล้ บีบเคล้น และดูดดื่มปลายยอดอย่างหนักหน่วง สลับกั
คริตละปากจากความหวานฉ่ำที่อร่อยลิ้นสุดๆ เคลื่อนใบหน้าขึ้นไปหาคนที่ยังครวญครางกระเส่าจากความเสียวที่ได้รับสองครั้งติดๆ เขาอยากปลอบโยนอยากพูดให้หล่อนผ่อนคลาย ทว่าริมฝีปากที่เผยอค้างและยังมีเสียงครางเล็ดลอดกลับทำให้เขาเปลี่ยนใจ ลิ้นร้อนชอนลึกสู่อุ้งปากหวาน ตวัดพลิ้วให้หล่อนรับรู้รสชาติความหอมหวานของตัวเอง รัดรึงดึงรั้งลิ้นน้อยๆ ให้ตามติด พัวพันดุนดูดจนหล่อนครางฮือ จากนั้นหล่อนก็คล้องต้นแขนรอบลำคอเขาและเป็นฝ่ายแทรกลิ้นเข้ามาต่อสู้ “อื้อ... พี่คริต...” “จ๋า... หวาน... อืม...” “พี่คริต... อื้อ... ซี้ด... อื้อ...” คริตเคลื่อนใบหน้าคลอเคลียอยู่ที่อกอวบ โอบกระชับให้ปลายยอดทั้งสองดันชิด ก่อนจะละเลงลิ้นพลิ้วส่ายสะบัดจนสมิดาดิ้นพล่าน จากนั้นก็ลากลิ้นลงมาตามหน้าท้อง กัดเบาๆ ไปทุกส่วน ดูดเลีย เม้ม และลากลิ้นสู่ความหอมหวานอีกครั้ง “อื้อ... พี่คริต...” หล่อนร่ำร้องเพราะเขาไม่ได้ซุกหน้าลงไป แต่กลับเคลื่อนขึ้นมาหา และส่งนิ้วไปละเลง “ซี้ด... พี่คริต...” สมิดาปรือตาขึ้นมองเขา จนเขาอ
สมิดาอมยิ้ม หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา เขาไม่รู้ว่าหล่อนจะเชื่อคำบอกรักของเขาไหม แต่เขาจะพิสูจน์ “พี่คริต... อื้อ... พี่คริตขา... อื้อ...” สมิดาสะบัดเรือนผมไปมาจนยุ่งเหยิง หล่อนควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะความซ่านเสียวพวยพุ่งไปทั่วร่างทำให้หล่อนขาดสติ เรือนร่างคล้ายจะทำตามทุกอย่างที่ คริตชี้นำ แค่เขาช้อนฝ่ามือเข้าใต้แผ่นหลัง เต้าอวบใหญ่ของหล่อนก็แอ่นขึ้นจนชิดติดขอบปาก หล่อนอยากให้เขากลืนกิน กัด ดูด หรือทำอะไรก็ได้ให้หล่อนผ่อนคลายจากความเสียวนี้ ทั้งที่อีกใจก็ร้องบอกว่าหล่อนอยากเสียวให้มากกว่านี้ หล่อนอยากไปให้สุด อยากให้เขาทำตามที่ต้องการ ไม่ต้องอ่อนโยนกับหล่อน “อื้อ... พี่คริต... ซี้ด... พี่คริตขา...” หล่อนดีดดิ้นตามความซ่านเสียวที่ไล้วนอยู่รอบปลายยอดสีสด เพราะเขายังคงดูดดื่มไล้เลียราวกับเม็ดเชอร์รี่ของหล่อนเอร็ดอร่อยเหลือเกิน ทว่าหล่อนกลับอยากให้เขาขยับเคลื่อนปลายลิ้นไปที่ดอกไม้สดสวย ที่จุดนั้นมีความน่าละอาย มีน้ำหวานชุ่มฉ่ำล้นทะลักจนหยาดเยิ้มออกมา และก็ทำให้หล่อนคันยิบและเจ็บจี๊ดจนต้องบดเบียดต้นขาเข้าหากัน “ซี้ด... พี่คริตขา...”
คนที่นั่งตัวแข็งตั้งแต่หล่อนแนบอกอวบกับแผ่นหลังกว้าง ราวจะแข็งมากขึ้นเมื่อหล่อนพูดจบ เขาหันขวับมองหล่อนอย่างเร็ว ฝ่ามือทาบที่หัวไหล่บีบแรง ดวงตาของเขาร้อนรน สมใจหล่อน “ให้ใคร พี่ถามว่าให้ใคร!” “ไม่ให้ใครค่ะ ให้พี่คริตคนเดียว” หล่อนยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา หัวใจเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก ยอมรับว่าใจง่าย เพราะหล่อนตกหลุมรักเขาอย่างง่ายดายเหลือเกิน ตั้งแต่เมื่อไรกันที่หล่อนเฝ้าแต่แอบมองเขาตามหน้านิตยสาร มองอย่างชื่นชมดารานายแบบหรือหนุ่มไฮโซสักคน และก็แอบฝันว่าสักวันจะได้ร่วมงานกับเขา และครั้งนี้เมื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิด หล่อนก็ไม่รีรอที่จะอ่อยเต็มที่ ทั้งที่รักษาเนื้อรักษาตัวมาเป็นอย่างดี มีแฟนก็มากสุดแค่จูบ ไม่เคยมีใครก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ เพราะหล่อนไม่เคยให้โอกาส แต่กับเขาหล่อนเปิดโอกาสเต็มที่ เพราะความรู้สึกของหัวใจไม่โกหก หล่อนรักเขา... รักตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “นะคะพี่คริต ช่วยกินสะดิ้งที สะดิ้งอยากให้พี่คริตกิน” “สะดิ้งจะต้องเสียใจ” “พร้อมค่ะ เพราะถ้าพี่คริตไม่กิน สะดิ้งก็...” “จะกินให้เกลี้ยงเลย”
ฝ่ามือของเขาก็โอบกระชับเต้าอวบใหญ่ เคล้นคลึงเบาๆ ทว่าเร้าอารมณ์จนหล่อนต้องแอ่นอกเข้าหา เพราะเขาเนิบนาบจนหล่อนอยากให้เขาทำให้รุนแรงกว่านี้ และอาการดิ้นพล่านของหล่อนก็ได้รับการตอบสนอง เมื่อบราเซียถูกถอดออกจากร่าง “ใหญ่มาก สวยมากด้วย” สมิดายกมือขึ้นป้องปิดอกของตัวเองเอาไว้ หล่อนอยากให้เขามอง อยากให้เขาเห็นความใหญ่โต แต่หล่อนก็อาย “ขอพี่กินได้ไหมครับ” อา... หล่อนจะบอกว่าไม่ได้เหรอ ในเมื่อเขารั้งฝ่ามือของหล่อนออกจากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ฝังเข้ามาตรงกลางร่อง “อา... พี่คริต... อื้อ...” สมิดาครางกระเส่า เสียวจนต้องห่อไหล่ก่อนจะสะท้านเด้งขึ้นอัดส่งอกอวบใส่หน้าเขา เมื่อไรเคราสากลากไล้ไปตามเนื้อบอบบาง หล่อนส่ายสะบัดใบหน้าไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ เพราะหล่อนเจ็บจากตอหนวดทิ่มตำ แต่หล่อนก็เสียวจนสั่นไปทั้งร่าง โดยเฉพาะ ‘ตรงนั้น’ ของหล่อนกำลังมีปฏิกิริยาตอบสนอง แค่เขาจับ จูบ ดูด เลีย หน้าอก หล่อนยังเสียวได้มากมายขนาดนี้ แล้วถ้าเขาไปต่อช่วงล่างล่ะ จะเสียวจะสั่นและจะเจ็บได้มากแค่ไหนกัน “ซี้ด... อื้อ...”
คริตประคองร่างอวบอัดให้หันหน้ามองเขา รู้ว่าหล่อนอาย แต่เขาไม่อยากรออะไรอีกแล้ว 3 ปีที่รอคอยเพราะแสดงออกไม่ได้ นั่นถือว่ามากเกินไปแล้ว และตอนนี้อีกแค่ชั่ววินาทีก็รอไม่ได้ เพราะค่ำคืนที่เขาตั้งใจสร้างให้ทุกอย่างเป็นใจไม่ได้หาง่ายๆ เริ่มตั้งแต่นัดหล่อนมาถ่ายแบบที่นี่... บ้านพักของครอบครัวเขาเอง ขอให้เพื่อนช่างภาพคนอื่นเรียกคิวน้องเมย์ในวันนี้ และทีมงานของเขาที่ดริ๊งก์กันอยู่ด้านบนนั้นด้วย ทุกอย่างเป็นใจ เหลือเพียงแต่หล่อน เขาหวังนิดๆ ว่าคืนนี้จะได้ แต่หวังมากๆ ว่าต้องได้แน่นอน ได้ทั้งตัว ทั้งหัวใจ “เป็นแฟนกันไหม” “คะ?” คริตไร้นิ้วมือขึ้นเกลี่ยข้างแก้มก่อนจะลากลงมาตามเส้นรอบปากของหล่อนอย่างช้าๆ และนุ่มนวล จากริมฝีปากบนลงมาที่ริมฝีปากล่าง หยุดที่กึ่งกลางริมฝีปาก และตอนนี้ใบหน้าเหวอๆ นั้นก็น่าจูบชะมัดและเขาก็ทนไม่ได้ ท่อนแขนเกี่ยวกระชากร่างอวบอัดเข้าใกล้ ฉกความร้อนรุ่มลงหาความหอมหวานทันที บดเบียดริมฝีปากเข้าหา จูบซับ ดูดดุน แนบแน่น แน่นอนว่าหล่อนจูบตอบ สมิดาไม่ได้ไร้เดียงสา เมื่อหล่อนคล้องแขนรอบลำคอของเขา และแหงนหน้ารับจูบดูดดื่ม ล