เมื่อปลอบใจมารดาเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่หรงซานก็มุ่งหน้าไปที่สวนผักตามที่ได้รับปากกับหลี่จื่อเวยเอาไว้ คนทั้งสองช่วยกันทำสวนผักอย่างขยันขันแข็ง อีกทั้งระหว่างทางยังแวะจับปลามาอีกหลายตัว หลี่จื่อเวยนำมันมาตากแห้งเพื่อเก็บเอาไว้กินในตอนฤดูหนาว มู่หรงซานก็ไปตัดฟืนเพื่อนำมาเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของ เอาไว้ใช้ในฤดูหนาวเช่นเดียวกันด้านหลี่อินนั้นก็นัดแนะหลี่หยวนพี่ชายของตนให้ช่วยนางทำเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ หลี่หยวนจ้องมองน้องสาวตนก่อนจะเอ่ย"เจ้าจะทำเช่นนี้จริงหรือ หากท่านแม่รู้เล่า"หลี่อินถลึงตาใส่พี่ชายตน ก่อนจะเอ่ย"ท่านก็สงบปากสงบคำสิ อยากมีเงินใช้หรือไม่ หากข้าทำสำเร็จ เราก็จะสบาย คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าพี่ใหญ่ระยะนี้มีเงินเก็บมากมาย แต่นางขี้เหนียวไม่ยอมแบ่งพวกเราเลยสักอีแปะ คอยดูเถอะ ข้าจะต้องทำให้นางอยู่ไม่สู้ตาย!!!""เอาเถิดๆ ข้าจะหาวิธีก็แล้วกัน""อืม ไม่ต้องรีบร้อน ดูสถานการณ์ไปก่อน ค่อยเป็นค่อยไป ปล่อยให้คนตายใจเสียหน่อยค่อยลงมือ""อืมๆ"สองพี่น้องกระซิบกระซาบกัน ก่อนจะแยกย้ายกลับห้องของตนเองไปอย่างเงียบเชียบสองวันต่อมา อากาศก็เริ่มเย็นลงแล้ว เริ่มมีหิมะตกโปรยปราย หลี่จื่อเวยได้ไปดูบ
หลังจากที่นำน้ำเต้าหู้ไปฝากท่านหมอจ้าวและจ้าวจิ้นเรียบร้อยแล้ว มู่หรงซานและหลี่จื่อเวยก็เดินทางกลับบ้านสวน ระหว่างทางเขาหันมาเอ่ยกับนางอย่างไม่พอใจ"เจ้าหมอนั่นมองเจ้าไม่ละสายตาเลย จือจือ ข้าไม่ให้เจ้ามาขายน้ำเต้าหู้แล้ว"หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองมู่หรงซานทันที"ไร้สาระ เขาแค่มาถามซื้อน้ำเต้าหู้เท่านั้น หากมัวแต่หึงหวงก็ไม่ต้องทำมาหากิน หากไม่มีเงินใช้ก็จะอดตาย""แต่เรามีเงิน...""เงียบไปเลยนะ ไหนบอกว่าจะทำตัวดีขึ้น ช่วยกันทำงานเก็บเงินอย่างไรเล่า!!!""ก็ได้ๆ ข้ายอมแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะมากับเจ้าทุกวันเลย ไม่ยอมให้ผู้ใดมาแย่งเจ้าไปจากข้าได้หรอก"หลี่จื่อเวยส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป เมื่อกลับมาถึงก็พบว่ามู่หรงฮูหยินนั้นทำอาหารเอาไว้รอแล้ว อีกทั้งยังมีคนบ้านหลี่มาร่วมรับอาหารมื้อเย็นด้วยกันอีกด้วย หลี่ฮูหยินปรายตามองหลี่จื่อเวยอย่างไม่พอใจ นังเด็กชั่วนี่ไม่เคยให้เงินนางใช้ไม่พอ ยังบังคับนางไปทำงานอีก นางด่ามันก็สวนนางกลับ จนทุกวันนี้นางไม่กล้ามีเรื่องกับหลี่จื่อเวยแล้วหลี่จื่อเวยรับรู้ได้ว่าหลี่ฮูหยินจ้องมอง นางจึงหันมามองหลี่ฮูหยิน ก่อนจะเอ่ย"มองข้าทำไมเจ้าคะ กินข้าว
หลี่จื่อเวยลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้า เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนนางกับเขาทำเรื่องเฉกเช่นสามีภรรยาควรกระทำลงไป ในใจก็รู้สึกเขินอายไม่น้อย ก่อนจะครุ่นคิดว่านี่นางเป็นภรรยาของเขาอย่างแท้จริงแล้วใช่หรือไม่"ตื่นแล้วหรือ จือจือของข้า"หลี่จื่อเวยเงยหน้าไปมองมู่หรงซานที่กำลังนอนมองหน้านางด้วยแววตาเป็นประกายอยู่เช่นเดียวกัน หลี่จื่อเวยเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"รีบตื่นได้แล้ว ไปทำงาน"มู่หรงซานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับโอดครวญออกมาเล็กน้อย"ยังเช้าอยู่เลย เรามาทำกันต่ออีกสักรอบเถิด"หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หยิกเขาไปทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เหลวไหล รีบลุกมาเลยเร็วเข้า""จือจือ""หืม""เมื่อคืนเจ้างดงามมากเลย""มู่หรงซาน ท่านอยากปากแตกหรือ!!!""ปากแตกเพียงเล็กน้อยจะเป็นไรไป เมื่อคืนอย่างอื่นก็แตกไปแล้ว ข้ารู้สึกโล่งมากเลย""น่าไม่อาย!!!"หลี่จื่อเวยรีบลุกไปอาบน้ำแต่งกายใหม่ทันที ส่วนมู่หรงซานก็ตามนางไปอาบน้ำด้วย ยามที่นางอาบน้ำเขาก็จ้องแต่จะถูตัวให้นาง จนหลี่จื่อเวยทนไม่ไหวทุบตีเขาไปยกหนึ่ง ไม่รู้ว่าทุบกันเช่นไรสุดท้ายก็จบด้วยการร่วมรักกันบนเตียงอีกรอบหนึ่งเช้านี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นไม่น้อ
เมื่อกลับมาถึงบ้านสวนแล้ว มู่หรงซานก็แยกย้ายไปซักผ้า ส่วนหลี่จื่อเวยนั้นนำของกลับมาล้างทำความสะอาด ก่อนจะเข้ามาในโรงครัว และเริ่มนวดเส้นบะหมี่เอาไว้เพื่อเตรียมไปขายในวันพรุ่งนี้ ส่วนน้ำเต้าหู้นั้นคงต้องรอให้ถั่วเหลืองที่เก็บมาเข้าที่เข้าทางอีกสักหน่อย อีกสองวันก็เอามาทำน้ำเต้าหู้ไปขายได้อีกนางล้างไม้ล้างมือให้สะอาด ก่อนจะเข้ามาช่วยแม่สามีทำอาหาร ส่วนหลี่ฮูหยินนั้นนางคร้านจะไปสนใจแล้ว คนประเภทนั้นแก้นิสัยเดิมเช่นไรก็คงไม่หาย กลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิมมู่หรงฮูหยินมองดูลูกสะใภ้ของตนเองคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"จือจือ วันนี้แม่ได้ไข่ไก่มาหลายฟองเลยแหละ""จริงหรือเจ้าคะ""อืม หากเอาไปขายคงได้เงินมาเพิ่มอีกหลายอีแปะ"หลี่จื่อเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและเอ่ยขึ้นมา"ข้าคิดว่าจะไปเช่าร้านข้างๆ โรงหมอของท่านหมอจ้าว เพื่อเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้และบะหมี่เจ้าค่ะ ได้ยินว่าตอนนี้เมืองหลวงเริ่มคึกคักแล้ว หากทุกอย่างเข้าที่เราอาจจะมีเงินไปซื้อจวนในเมืองหลวงสักหลังหนึ่ง แล้วเริ่มค้าขายกันใหม่"มู่หรงฮูหยินยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าคราหนึ่ง ตอนนี้นางนับว่าเบาใจลงไปไม่น้อย มู่หรงซานก็ดูจะเป็นผู้เป
คำพูดของมู่หรงซานทำให้หลี่จื่อเวยเริ่มครุ่นคิดขึ้นมา แม้นางจะไม่ใช่สตรีที่จะตามหึงหวงด่าทอคนโดยไร้สาเหตุ แต่นางก็ยังสั่งให้เถาเถาลอบจับตามองหลี่อินเอาไว้ตลอดเวลาเช้าวันนี้หิมะเริ่มเบาบางลงบ้างแล้ว เพราะเริ่มเข้าสู่ปลายฤดูหนาวแล้ว หลี่จื่อเวยและมู่หรงซานยามนี้กำลังเจรจาเรื่องเช่าร้านแผงลอยที่อยู่ติดกับโรงหมอของท่านหมอจ้าว เจ้าของแผงลอยให้พวกนางเช่าในราคาถูก หลี่จื่อเวยเองก็ตกปากรับคำ พร้อมกับจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไปถึงหกเดือนอีกด้วย เจ้าของแผงลอยดีใจมาก ถึงกับเอ่ยปากพูดคุยกับพวกนางอย่างเป็นกันเองเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย สองสามีภรรยาจึงช่วยกันทำความสะอาดร้านและเตรียมของขาย จ้าวจิ้นที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาช่วยคนทั้งสองอย่างมีน้ำใจ เมื่อทำความสะอาดร้านเสร็จแล้วจึงนั่งพักกัน หลี่จื่อเวยนำน้ำแกงปลา และอาหารสองสามอย่างมาวางบนโต๊ะ มื้อนี้นางทำอาหารมาเยอะ คิดว่าจะนำมาเผื่อจ้าวจิ้นและบิดาของเขาที่ช่วยเจรจาเรื่องการเช่าแผงลอยจนสำเร็จจ้าวจิ้นนำอาหารไปให้พ่อของเขา ก่อนจะมานั่งร่วมวงกับมู่หรงซานและหลี่จื่อเวย"อาซาน ภรรยาเจ้าทำอาหารอร่อยมากเลย ให้ตายเถอะ ข้าขอไปกินข้าวที่บ้านเจ้าทุกวันได้หรือไม่""
เมื่อกินอาหารจนอิ่มแล้ว เฉินหลิ่นจึงลุกขึ้นก่อนจะนำเงินมาจ่ายค่าอาหารให้หลี่จื่อเวย เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า พบว่ายามนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว จึงเอ่ยถามนางทันที"เจ้ายังไม่เก็บร้านหรือ ท้องฟ้ามืดแล้ว ไม่มีคนมาช่วยหรือ"ใจของเขาอยากจะถามว่าสามีเจ้าไม่มาช่วยหรือ หายหัวไปที่ใด แต่เขากลับคิดว่าคงไม่เหมาะเท่าใดนักหลี่จื่อเวยยิ้มให้เฉินหลิ่นคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"วันนี้ได้ยินว่าที่บ้านมีงานให้ทำมากกว่าทุกวัน สามีข้าจึงมาช้าน่ะเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวก็คงจะมาแล้ว ขอบคุณใต้เท้าที่มีน้ำใจไต่ถาม""อืม ที่นี่ยังมีพวกนักเลงที่ป่าเถื่อนซ่อนตัวอยู่หลายคน พวกมันก่อเรื่องทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอยู่หลายครั้ง เจ้าระวังตัวด้วยเล่า หากขายหมดเร็วก็รีบกลับบ้านก่อนฟ้ามืดจะดีกว่า""ขอบคุณเจ้าค่ะใต้เท้า"เฉินหลิ่นเห็นว่าไม่มีสิ่งใดจะพูดคุยกันต่อแล้ว เขาจึงจากไปทันที ด้านหลี่จื่อเวยนั้นก็หันมาเอ่ยกับเถาเถาทันที"นี่เถาเถา ไหนเจ้าบอกว่ามู่หรงซานกำลังจะมาแล้วอย่างไรเล่า"เถาเถาสาวใช้น้อยที่กำลังจัดเก็บถ้วยชามเงยหน้าขึ้นมามองหลี่จื่อเวยคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"บ่าวไปแจ้งนายน้อยแล้วนะเจ้าคะ แต่นายน้อยบอกว่าขอปรับหน้าดินต่ออีกสักหน่
ท้ายที่สุดพวกนักเลงก็ถูกจับตัวไปไต่สวน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เบาะแสใดมากนัก เพราะพวกมันเองก็ไม่รู้ว่าคนที่มาจ้างวานเป็นผู้ใดกัน รู้เพียงว่าหน้าตาหล่อเหลาใช้ได้ คล้ายว่าจะเป็นบุตรคนมีฐานะ อีกทั้งยังจ่ายค่าจ้างมาแค่ครึ่งเดียว บอกว่าหากงานสำเร็จจะจ่ายในส่วนที่เหลือให้แก่พวกเขาทีหลังเฉินหลิ่นเพียงจับพวกมันทำโทษไปเล็กน้อย เพราะพยานหลักฐานมีไม่มาก จึงไม่อาจจัดการคนส่งเดชได้ แต่พวกมันก็คงไม่กล้าแล้ว เพราะครั้งนี้เขาจัดการสั่งสอนพวกมันไปไม่น้อยเฉินหลิ่นถอนหายใจออกมา ไม่รู้เพราะเหตุใดระยะนี้จิตใจของเขาค่อนข้างสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก เขาเอาแต่คิดถึงหลี่จื่อเวย เป็นเช่นนี้จนเขาเองก็ไม่สบายใจ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า รักครั้งแรกจะเกิดขึ้นกับสตรีที่มีสามีแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยด้านหลี่จื่อเวยนั้นก็กลับมาที่บ้านสวนพร้อมกับมู่หรงซานและเถาเถา มู่หรงฮูหยินที่เห็นว่าลูกสะใภ้ได้รับบาดเจ็บจึงรีบเอ่ยถามทันที"จือจือ เกิดเรื่องใดขึ้นกัน เหตุใดเจ้าจึงบาดเจ็บเช่นนี้"มู่หรงซานวางหลี่จื่อเวยลงบนเก้าอี้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้มารดาของตนฟังทั้งหมด มู่หรงฮ
ด้านหลี่หยวนนั้น เขาใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงไม่น้อย ไม่กล้าออกไปเที่ยวเล่นอีก เพราะกลัวว่าพวกนักเลงจะตามมาคิดบัญชีกับเขา เพราะน้องสาวตัวดีของเขาคนเดียวเลยที่วางเแผนเช่นนี้ออกมา สุดท้ายคนที่ลำบากจึงเป็นเขา หลี่อินเองก็ด่าทอพี่ชายว่าไร้ความสามารถ สองพี่น้องทำสงครามเย็นไม่พูดไม่จากันเลยแม้แต่คำเดียว หลี่ฮูหยินเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด คิดว่าคงเป็นเพียงเรื่องที่พี่น้องทะเลาะกันปกติธรรมดาทั่วไป นางเองตั้งแต่ถูกห่านบ้านั่นกระโดดตีก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เดินนิดหน่อยก็เหนื่อยล้ามากแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นนังสารเลวหลี่จื่อเวยที่นำห่านบัดซบนั้นมา จึงทำให้เกิดเรื่องกับนางเช่นนี้หลังจากที่หลี่จื่อเวยหายดีแล้ว ก็ได้กลับมาเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้และบะหมี่เช่นเดิม วันนี้จ้าวจิ้นแวะมาซื้อน้ำเต้าหู้ จึงได้ไถ่ถามหลี่จื่อเวย"นี่หลี่จื่อเวย อาการเจ้าหายดีแล้วกระมัง"หลี่จื่อเวยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบ"ดีแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากที่นำยาอย่างดีมามอบให้ข้า""เรื่องเล็กน่า วันนี้ท่านพ่อข้าอยากดื่มน้ำเต้าหู้และบะหมี่ผักร้านเจ้า จึงให้ข้ามาซื้อไป"หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก
หลี่จื่อเวยฟื้นกลับมา ทุกคนดีใจไม่น้อยเลย ด้านท่านหมอจ้าวและจ้าวจิ้นเองก็ไม่ได้ถามสิ่งใดให้มากความ คนฟื้นขึ้นมาแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องดี จ้าวจิ้นนำยาบำรุงมามอบให้หลี่จื่อเวยหลายอย่าง บอกนางว่าขอเพียงตั้งใจบำรุงอย่างเต็มที่ย่อมหายดีในไม่ช้า หลี่จื่อเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองบุตรชายฝาแฝดของตนที่ยามนี้กำลังนอนหลับอยู่มู่หรงซานกอดนางเอาไว้ ราวกับกลัวว่านางจะหายไปจากเขาอีกยี่สิบห้าปีต่อมา"นั่นแหละดี เจ้าเทระวังหน่อยสิ สุรานี้ซื้อมาแพงนัก!!!"เสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากศาลาริมสระน้ำ มู่หรงซานที่กำลังเดินออกมาหลังจากตรวจตราบัญชีสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาปรายตามองไปยังศาลาริมน้ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่งนับแต่วันนั้นหลี่จื่อเวยก็ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป แต่เขากลับไม่ใส่ใจ ยามนี้บุตรชายสองคนเติบโตแล้ว อายุก็ยี่สิบต้นๆ นามว่า มู่หรงเสวียน และมู่หรงชางมู่หรงเสวียนนั้นนับว่าเอาการเอางาน ชอบอ่านตำรา สนใจการค้าขาย ถอดแบบหลี่จื่อเวยมาไม่มีผิดเพี้ยน ต่างจากมู่หรงชางที่วันๆ เอาแต่ดื่มสุรา เที่ยวหอนางโลม เล่นการพนัน ถอดแบบเขามาราวกับจับวาง เขาเตือนเท่าใดมันก็เถีย
สองปีผ่านไป"ฮูหยินน้อย ออกแรงอีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ อีกหน่อย""อื้อ"เสียงร้องดังออกมาจากห้องเป็นระยะ สร้างความไม่สบายใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก มู่หรงซานเดินวนเวียนไปมาหน้าห้องนอนอย่างไม่สบายใจ จนมู่หรงฮูหยินต้องเอ่ยปากเตือนขึ้นมา"ซานเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นหน่อยเถิด สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเดินวนไปเวียนมาข้าเวียนหัวหมดแล้ว""ท่านแม่ ข้าร้อนใจนี่ขอรับ นางเป็นเช่นไรบ้าง นี่ก็ข้ามวันข้ามคืนแล้วยังไม่คลอดอีก"เขาเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันไปมองเฉินหลิ่น จ้าวจิ้นและหวังเจี้ยนที่กำลังเดินเข้ามา จ้าวจิ้นเอ่ยถามมู่หรงซานทันที"จือจือเล่าเป็นเช่นไรบ้าง ข้านำโสมอย่างดีติดมือมาด้วย เอาไว้ให้นางบำรุงร่างกาย""ขอบใจจ้าวมากนะอาจิ้น""อืม"ด้านเฉินหลิ่นก็เดินเข้ามาหามู่หรงซาน ก่อนจะเอ่ยเช่นเดียวกัน"ใจเย็นเถิด ยามที่ภรรยาข้าคลอดบุตรชายก็เป็นเช่นนี้"มู่หรงซานหันมาพยักหน้าให้เฉินหลิ่นคราหนึ่ง เฉินหลิ่นได้แต่งงานกับองค์หญิงจากในวังหลวง พวกเขาทั้งสองรักใคร่ทะนุถนอมกันเป็นอย่างดี อีกทั้งภรรยาของเฉินหลิ่นก็สนิทสนมกับหลี่จื่อเวยมาก เพราะสองจวนมักไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง เพราะพบเจอกันบ่อยครั้ง"ภรรย
หลายวันต่อมา หลี่จื่อเวยที่กำลังกลับมาจากภัตตาคารจื่อซานก็ได้พบกับคนบ้านรอง ท่านอาของมู่หรงซาน ก็คือมู่หรงหยางนั่นเอง มู่หรงหยางมาพร้อมกับอาสะใภ้รองอวี้ซิน และลูกชายลูกสะใภ้ สภาพของคนทั้งหมดดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หลี่จื่อเวยปรายตามองพวกเขาคราหนึ่ง ในใจพลันนึกถึงเรื่องราวในปีนั้นได้ ยามที่เกิดสงครามใหม่ๆ บ้านรองมารีดไถเงินจากบ้านหลักไปมากมาย ทำเป็นเก่งกล้าสามารถ แต่ท้ายที่สุดกลับไปไม่รอดอย่างเช่นวันนี้มู่หรงฮูหยินเองไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงเชิญคนเข้ามาในจวนเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตามมรรยาทมู่หรงหยางเล่าว่าหลังจากเดินทางไปที่บ้านเก่าของอวี้ซิน ฟางม่านม่านลูกสะใภ้ของเขาก็แท้งบุตร นับแต่นั้นก็ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก บุตรชายก็ไม่เอาไหน ดื่มแต่สุราทั้งยังเที่ยวสตรีหอนางโลมไม่เว้นวัน สามีภรรยาทุบตีกันจนมู่หรงเฉินบุตรชายเขาแขนพิการ ฟางม่านม่านก็ขาหัก กลายเป็นคนพิการทั้งคู่ส่วนมู่หรงหยางและภรรยานั้นสิ้นเนื้อประดาตัว ถูกญาติพี่น้องฝั่งภรรยาคดโกงทรัพย์สินไปจนหมด จึงอดอยากจะมาหยิบยืมเงินจากคนบ้านหลัก เพราะรู้ว่ายามนี้คนบ้านหลักร่ำรวยมีเงินมากมายมู่หรงฮูหยินยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับน้องชา
หลายวันต่อมามู่หรงซานและหลี่จื่อเวยก็เดินทางมาที่เมืองหลวงพร้อมกัน ระยะทางจากหมู่บ้านหลิงซีมาที่เมืองหลวงนั้นไม่ได้ไกลกันเท่าใดนัก ระยะเวลาการเดินทางจึงไม่ได้ล่าช้าอย่างที่คิด สองสามีภรรยามาถึงเมืองหลวงในช่วงสายๆ เมื่อหาโรงเตี๊ยมสำหรับนอนพักหนึ่งคืนเรียบร้อยแล้ว มู่หรงซานและหลี่จื่อเวยจึงรีบไปดูจวนแห่งนั้นทันทีการเดินทางครั้งนี้มีลุงกู้ติดตามมาด้วย ลุงกู้พาเจ้านายไปดูที่ดินและจวนนั้นในทันที เมื่อหลี่จื่อเวยได้เห็นก็รู้สึกชอบมากเหลือเกิน จวนหลังนี้ขนาดพอดี ที่ดินก็เป็นทำเลเหมาะเจาะ อีกทั้งยังมีบ่อน้ำด้วยเจ้าของที่ดินเก่าร้อนเงินและต้องการเดินทางไปอยู่กับลูกชายที่ต่างเมือง จึงตัดใจขายจวนหลังนี้ในราคาสองพันตำลึงราคาอาจจะสูงไปสักเล็กน้อย แต่หลี่จื่อเวยจำคำของเจ้าห่านตัวผู้นั้นได้ดี มันบอกว่าให้นางตัดใจซื้อเสียอย่าได้ลังเล เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลี่่จื่อเวยจึงตกลงซื้อในทันที ใช้เวลาครึ่งค่อนวันทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยดี เจ้าของเดินรับเงินไปอย่างยินดีปรีดามู่หรงซานที่เห็นเช่นนั้นก็หันมาเอ่ยถามภรรยาตนทันที"ราคาไม่ได้น้อยเลย เจ้าตัดใจซื้อได้ลงจริงๆ หรือ""ดีกว่าเอาให้ท่านไปเล่นพนันก็แล้วกัน
เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส พืชผักที่ปลูกไว้ถูกเก็บเกี่ยวและนำไปขายจนหมดแล้ว ลุงกู้เองก็กลับมาพร้อมกับบอกว่าเขาขายผักได้หมด อีกทั้งยังขายได้ในราคาที่ดีมากอีกด้วย ตอนนี้เมืองหลวงคึกคักไม่น้อยเลย อีกทั้งยังได้ยินมาว่าในเมืองหลวงมีคนต้องการจะขายที่ดิน ซึ่งอยู่ติดกับตลาดพอดี หลี่จื่อเวยจึงตั้งใจว่าจะเดินทางไปดูที่ทางเสียหน่อยการตายของหลี่อินและจุดจบของสามแม่ลูกไม่ได้ส่งผลใดต่อคนตระกูลมู่หรงเลยแม้แต่น้อย บิดาของนางเองก็เสียใจอยู่เพียงไม่กี่วันก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดอีก หลี่จื่อเวยกำลังล้างผักอยู่ในครัว วันนี้นางตั้งใจว่าจะทำข้าวเหนียวไก่ห่อใบบัวเสียหน่อย เมื่อจัดการเตรียมทุกอย่างพร้อมจึงได้เริ่มทำอาหาร ใช้เวลาอยู่ครึ่งค่อนวันทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หลี่จื่อเวยจึงนำอาหารมาให้ห่านสองตัวนั้นต่อทันทีเมื่อเข้ามาก็พบว่าเจ้าห่านสองตัวกำลังกอดก่ายกันอย่างรักใคร่กลมเกลียว หลี่จื่อเวยวางอาหารลงตรงหน้ามันก็กินอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อกินอิ่มแล้ว หลี่จื่อเวยจึงเอ่ยถามทันที"นี่เจ้าห่านตัวผู้ อีกไม่นานข้าคงต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว หากข้าอยากเปิดร้านอาหาร แล้วต้องการใช้บ่อน้ำวิเศษ แต่ไม่สามารถนำม
เมื่อสามแม่ลูกมหาประลัยย้ายออกจากบ้านสวนไปแล้ว ทุกคนต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจไม่น้อย ด้านบิดาของหลี่จื่อเวยก็รู้สึกผิดไม่น้อย หลี่จื่อเวยเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เรื่องที่แล้วก็ให้แล้วไปเถิด นางไม่่ได้ติดใจอยากจะเอาความใดมากไปกว่านี้เช้าวันต่อมาหลังจากกินมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่จื่อเวยและมู่หรงซานก็ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับห่านสองตัวนั้นให้แม่สามีได้ฟัง เพราะตอนนี้สามแม่ลูกนั่นออกจากบ้านสวนไปแล้ว ย่อมไม่มีสิ่งใดน่าเป็นกังวลอีกแล้ว มู่หรงฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นเดิมทีก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก แต่เมื่อได้เห็นตั๋วเงินมากมายที่เก็บเอาไว้ในห้องนอนของบุตรชายและสะใภ้ นางก็ถึงกับอ้าปากตาค้างเงินนี่มันมากมายเหลือเกินนางไม่ได้ถามว่าเพราะเหตุใดหลี่จื่อเวยจึงคิดมาบอกนางเอาป่านนี้ นางเองเข้าใจว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุผลของมันหลี่จื่อเวยจับมือของมู่หรงฮูหยิน ก่อนจะเอ่ย"ข้าต้องขออภัยท่านแม่ที่ไม่ได้บอกกล่าวให้เร็วกว่านี้ เพราะข้าไม่ไว้ใจสามแม่ลูกนั้น ยามนี้พวกนางจากไปแล้ว ข้าจึงวางใจอยากบอกท่าน ท่านแม่เจ้าคะ ยามนี้เมืองหลวงเองก็เจริญมากแล้ว พวกเราไปหาที่ทางทำกินในเมืองหลวงกันดีห
ด้านหลี่หยวนนั้น เขาใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงไม่น้อย ไม่กล้าออกไปเที่ยวเล่นอีก เพราะกลัวว่าพวกนักเลงจะตามมาคิดบัญชีกับเขา เพราะน้องสาวตัวดีของเขาคนเดียวเลยที่วางเแผนเช่นนี้ออกมา สุดท้ายคนที่ลำบากจึงเป็นเขา หลี่อินเองก็ด่าทอพี่ชายว่าไร้ความสามารถ สองพี่น้องทำสงครามเย็นไม่พูดไม่จากันเลยแม้แต่คำเดียว หลี่ฮูหยินเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด คิดว่าคงเป็นเพียงเรื่องที่พี่น้องทะเลาะกันปกติธรรมดาทั่วไป นางเองตั้งแต่ถูกห่านบ้านั่นกระโดดตีก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เดินนิดหน่อยก็เหนื่อยล้ามากแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นนังสารเลวหลี่จื่อเวยที่นำห่านบัดซบนั้นมา จึงทำให้เกิดเรื่องกับนางเช่นนี้หลังจากที่หลี่จื่อเวยหายดีแล้ว ก็ได้กลับมาเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้และบะหมี่เช่นเดิม วันนี้จ้าวจิ้นแวะมาซื้อน้ำเต้าหู้ จึงได้ไถ่ถามหลี่จื่อเวย"นี่หลี่จื่อเวย อาการเจ้าหายดีแล้วกระมัง"หลี่จื่อเวยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบ"ดีแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากที่นำยาอย่างดีมามอบให้ข้า""เรื่องเล็กน่า วันนี้ท่านพ่อข้าอยากดื่มน้ำเต้าหู้และบะหมี่ผักร้านเจ้า จึงให้ข้ามาซื้อไป"หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก
ท้ายที่สุดพวกนักเลงก็ถูกจับตัวไปไต่สวน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เบาะแสใดมากนัก เพราะพวกมันเองก็ไม่รู้ว่าคนที่มาจ้างวานเป็นผู้ใดกัน รู้เพียงว่าหน้าตาหล่อเหลาใช้ได้ คล้ายว่าจะเป็นบุตรคนมีฐานะ อีกทั้งยังจ่ายค่าจ้างมาแค่ครึ่งเดียว บอกว่าหากงานสำเร็จจะจ่ายในส่วนที่เหลือให้แก่พวกเขาทีหลังเฉินหลิ่นเพียงจับพวกมันทำโทษไปเล็กน้อย เพราะพยานหลักฐานมีไม่มาก จึงไม่อาจจัดการคนส่งเดชได้ แต่พวกมันก็คงไม่กล้าแล้ว เพราะครั้งนี้เขาจัดการสั่งสอนพวกมันไปไม่น้อยเฉินหลิ่นถอนหายใจออกมา ไม่รู้เพราะเหตุใดระยะนี้จิตใจของเขาค่อนข้างสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก เขาเอาแต่คิดถึงหลี่จื่อเวย เป็นเช่นนี้จนเขาเองก็ไม่สบายใจ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า รักครั้งแรกจะเกิดขึ้นกับสตรีที่มีสามีแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยด้านหลี่จื่อเวยนั้นก็กลับมาที่บ้านสวนพร้อมกับมู่หรงซานและเถาเถา มู่หรงฮูหยินที่เห็นว่าลูกสะใภ้ได้รับบาดเจ็บจึงรีบเอ่ยถามทันที"จือจือ เกิดเรื่องใดขึ้นกัน เหตุใดเจ้าจึงบาดเจ็บเช่นนี้"มู่หรงซานวางหลี่จื่อเวยลงบนเก้าอี้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้มารดาของตนฟังทั้งหมด มู่หรงฮ
เมื่อกินอาหารจนอิ่มแล้ว เฉินหลิ่นจึงลุกขึ้นก่อนจะนำเงินมาจ่ายค่าอาหารให้หลี่จื่อเวย เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า พบว่ายามนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว จึงเอ่ยถามนางทันที"เจ้ายังไม่เก็บร้านหรือ ท้องฟ้ามืดแล้ว ไม่มีคนมาช่วยหรือ"ใจของเขาอยากจะถามว่าสามีเจ้าไม่มาช่วยหรือ หายหัวไปที่ใด แต่เขากลับคิดว่าคงไม่เหมาะเท่าใดนักหลี่จื่อเวยยิ้มให้เฉินหลิ่นคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"วันนี้ได้ยินว่าที่บ้านมีงานให้ทำมากกว่าทุกวัน สามีข้าจึงมาช้าน่ะเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวก็คงจะมาแล้ว ขอบคุณใต้เท้าที่มีน้ำใจไต่ถาม""อืม ที่นี่ยังมีพวกนักเลงที่ป่าเถื่อนซ่อนตัวอยู่หลายคน พวกมันก่อเรื่องทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอยู่หลายครั้ง เจ้าระวังตัวด้วยเล่า หากขายหมดเร็วก็รีบกลับบ้านก่อนฟ้ามืดจะดีกว่า""ขอบคุณเจ้าค่ะใต้เท้า"เฉินหลิ่นเห็นว่าไม่มีสิ่งใดจะพูดคุยกันต่อแล้ว เขาจึงจากไปทันที ด้านหลี่จื่อเวยนั้นก็หันมาเอ่ยกับเถาเถาทันที"นี่เถาเถา ไหนเจ้าบอกว่ามู่หรงซานกำลังจะมาแล้วอย่างไรเล่า"เถาเถาสาวใช้น้อยที่กำลังจัดเก็บถ้วยชามเงยหน้าขึ้นมามองหลี่จื่อเวยคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"บ่าวไปแจ้งนายน้อยแล้วนะเจ้าคะ แต่นายน้อยบอกว่าขอปรับหน้าดินต่ออีกสักหน่