หลังจากที่ฉีหลินและน้องชายน้องสาว เดินแยกออกมาจากภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านได้ไม่นานนางก็พบเข้ากับหอมป่าและกระเทียมป่าที่เกิดอยู่เป็นจำนวนมาก ฉีหลินจึงถอนเอาหอมป่ากลับไปด้วยเสียมากมาย นอกจากนั้นนางยังขุดเอากระเทียมป่าที่ต้นแก่เต็มที่เพื่อนำหัวของกระเทียมป่าไปตากให้แห้งเก็บเอาไว้ใช้เวลาทำกับข้าว“หอมป่ากระเทียมป่าพวกนี้มีมากมายทำไมชาวบ้านเขาไม่เก็บไปกินกันหรือยังไง”“พี่สะใภ้หอมป่ากระเทียมป่ามีมากมายมันเกิดอยู่ทุกที่ชาวบ้านก็แค่เก็บไปนิด ๆ หน่อย ๆ แค่พอกินแต่ละครั้งน่ะขอรับ”“เช่นนั้นพวกเจ้าถอนหอมป่าเอาไปเยอะ ๆ ข้าจะเอาไปทำผักดอง”“เจ้าค่ะพี่สะใภ้”เมื่อแบ่งงานให้น้องทั้งสองแล้วนางเองก็ตั้งหน้าตั้งตาขุดเอาหัวของกระเทียมป่าเช่นเดียวกันเมื่อตะกร้าที่นำมาเริ่มจะเต็มแล้วฉีหลินจึงได้บอกให้ทั้งสองคนเลิกถอนต้นหอมป่าและออกเดินต่อทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ในป่ามีผักป่าอยู่บ้างมีร่องรอยของชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่า ฉีหลินเดินนำหน้าน้องชายน้องสาวเดินเข้าป่าลึกไปเรื่อย ๆ แต่ยังไม่พบสัตว์ป่าที่ควรจะมี แม้แต่กระต่ายป่าสักตัวนางยังหาไม่เจอซึ่งแตกต่างจากป่าหมอกมาก“ป่าทางด้านนี้ไม่มีสัตว์ป่าเลยสักตัว
เช้าวันต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านก็มาที่บ้านหยางทันที เขาไม่มั่นใจว่าสะใภ้บ้านหยางจะยินดีช่วยเหลือชาวบ้านหรือไม่แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้านเขาเองก็ทนมองชาวบ้านอดอยากไปมากกว่านี้ไม่ได้หมู่บ้านป่าหมอกนั้นเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างจะแปลกแยกและแตกต่างจากหมู่บ้านอื่นมาก ชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ทำนาและหาของป่าขายเช่นหมู่บ้านอื่นแต่หมู่บ้านป่าหมอกล้อมรอบไปด้วยป่าเขา จะเรียกว่าเป็นหมู่บ้านในหุบเขาก็ว่าได้พื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของป่าหมอก ส่วนอีกด้านเป็นพื้นที่ของป่าไป๋หลางของเขาไป๋หลางเฟิงชาวบ้านป่าหมอกสมัยเมื่อนานมาแล้วมีนายพรานที่เก่งกาจอยู่มากมายแต่พอมาถึงชนรุ่นหลังก็เหลือคนที่เป็นพรานป่าอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อเข้าป่าลึกไปล่าสัตว์ไม่ได้ก็ย่อมต้องทำไร่ทำนาเลี้ยงดูกันไป แต่พื้นที่เพาะปลูกไม่ได้มีมากเหมือนหมู่บ้านอื่นจางสงเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาจนถึงหน้าบ้านตระกูลหยางเขาเดินเข้าไปเคาะประตูใหญ่รออยู่ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้ และคนที่มาเปิดประตูนั้นก็เป็นหยางเทียนฉีที่เพิ่งกลับมาจากรดน้ำผักพอดี“อ้าว ท่านหัวหน้าหมู่บ้านมีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ขอรับถึงได้เดินมาถึงนี่เลย เ
เฟยเทียนที่เข้าเมืองไปกับเสี่ยวเฮยหลังจากที่เอากวางไปส่งให้เหลาหมื่นลี้แล้วนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่จ้างงานของทางการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทันที ถึงแม้สืออีกับสือเอ้อร์จะไม่พอใจที่มันสองตัวไปด้วยไม่ได้เพราะเฟยเทียนนำเกวียนไปฝากเอาไว้ในจุดรับฝากเกวียน แต่ยังดีที่เจ้านายของมันนำน้ำกับอาหารมาจากบ้านด้วยสือเอ้อร์กับสืออีนั้นหลังจากที่ฉีหลินซื้อพวกมันไป ตอนนี้มันกินดีอยู่ดีอาหารที่บ้านล้วนอร่อยถูกปากน้ำดื่มแสนวิเศษที่จะหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วพวกมันจึงชินกับการกินอยู่ที่ดี ถ้าให้มันต้องกินอาหารธรรมดาเกรงว่าจะกลืนไม่ลงเอา“พวกเจ้าสองตัวทำตัวดี ๆ รอข้ากับเสี่ยวเฮยอยู่ที่นี่เข้าใจหรือไม่"เฟยเทียนและเสี่ยวเฮยมาถึงสถานที่จ้างงานและแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของทางการว่าต้องการว่าจ้างบัณฑิตเพื่อให้ไปสอนหนังสือลูกชายที่บ้านโดยมีการนัดหมายเจรจาตกลงกันวันนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่รับทราบแล้วเขาให้เฟยเทียนเข้าไปห้อง ๆ หนึ่งที่มีบัณฑิตหลายคนรออยู่แล้ว“ผู้ว่าจ้างต้องการอาจารย์ไปสอนลูกชายที่หมู่บ้านป่าหมอก และนี่คือผู้ว่าจ้างที่จะมาเจรจาตกลงและแจ้งรายละเอียดกับพวกท่าน เชิญตามสบายข้าขอตัวไปทำงานก่อน”หลังจากเจ้า
หลังจากที่สองแฝดพาไป๋อี้ถังมานั่งที่ห้องรับแขก เจี้ยนเอ๋อร์วิ่งเข้าบ้านไปหาท่านย่าเพื่อขอน้ำชากับของว่างมาต้อนรับอาจารย์ที่ท่านพ่อพากลับมาจากในเมือง ไป๋อี้ถังนั่งจ้องตากับเฉิงเอ๋อร์อยู่เป็นนานสองนาน ยิ่งมองยิ่งน่ารักยิ่งมองเท่าไหร่ยิ่งชอบใจมากเท่านั้น“เจ้าชื่ออะไรรึเป็นพี่หรือเป็นน้องล่ะ”“ข้าชื่อหยางหนิงเฉิงขอรับ เป็นพี่ชาย ส่วนน้องชายชื่อหยางหนิงเจี้ยนขอรับ"“ดี ดี เป็นชื่อที่ดีมาก ยินดีที่ได้รู้จักนะ”“ขอรับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันขอรับ แล้วท่านอาจารย์จะมาพักที่บ้านของพวกเราหรือไม่ขอรับ”“พักสิ พักแน่นอนอยู่แล้ว อาจารย์จะบอกความจริงให้เจ้าได้รู้นะ จริง ๆ แล้วอาจารย์ไม่มีบ้านหรอก อาจารย์เดินทางเร่ร่อนมาเรื่อย ๆ และหางานทำพอได้เงินมาประทังชีวิตเท่านั้นแหละ”“จริงหรือขอรับ ท่านอาจารย์น่าสงสารมากเลย เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ไปเลยก็ได้ขอรับท่านพ่อท่านแม่ใจดีมาก ทุกคนในบ้านท่านปู่ท่านย่า และท่านอาเองก็ใจดีขอรับ รับรองว่าจะต้องให้ท่านอาจารย์ด้วยด้วยแน่ ๆ เลยขอรับ”“แล้วเจ้ากับน้องชายล่ะ เต็มใจให้อาจารย์อยู่ด้วยหรือไม่เล่า”“เต็มใจขอรับ”“ขอบใจเจ้ามากนะ”ในระหว่างที่ไป๋อี้ถังกำลังหลอกล่อเด็กน
วันนี้เป็นวันที่ฉีหลินได้นัดแนะกับชาวบ้านเอาไว้ว่าจะสอนให้ชาวบ้านทำหน่อไม้ดองและหน่อไม้แปรรูปต่าง ๆ เพื่อเก็บไว้เป็นเสบียงอาหารในฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ฉีหลินมาถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านในปลายยามเฉินโดยมีสามีอย่างเฟยเทียนขับเกวียนไปส่ง เมื่อมาถึงก็พบว่าจางสงและภรรยารออยู่ก่อนแล้วโดยมีชาวบ้านหลายสิบคนมารอ อยู่เช่นเดียวกัน“คารวะท่านลุงท่านป้าเจ้าค่ะ ข้ามาช้าไปหรือไม่”“ไม่เลย ๆ ชาวบ้านเองก็เพิ่งจะมาถึงก่อนหน้าเจ้าไม่นาน”“เจ้าค่ะ เช่นนั้นก็ไปกันเถอะเจ้าค่ะ ท่านลุงเจ้าคะข้าว่าเอาเกวียนไปจอดรอที่ชายป่าไผ่ดีกว่านะเจ้าคะ”“ได้เช่นนั้นลุงจะเอาเกวียนไปด้วยดีหรือไม่ เจ้ากับป้าของเจ้าเดินรวมกลุ่มไปกับพวกชาวบ้านก่อน หลังจากที่ลูกชายของลุงกลับมาจากตัวเมืองแล้วลุงจะตามไปนะ”“ก็ดีนะเจ้าคะ หน่อไม้ค่อนข้างหนักข้ากลัวว่าจะแบกกันมาลำบากเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าและท่านป้าจะพาชาวบ้านไปขุดหน่อไม้รอนะเจ้าคะ ว่าแต่น้องชายไปทำอะไรที่ตัวเมืองหรือเจ้าคะ”“ลุงให้เฮ่อเหลียนกับเฮ่ออีไปซื้อเกลือน่ะ ชาวบ้านได้รวมเงินกันในการแปรรูปหน่อไม้วันนี้พวกเราจะเรียนรู้จากเจ้าและทำร่วมกันก่อน จากนั้นค่อยแบ่งให้ทุกคนเท่า ๆ กัน”“เจ้าค
นับตั้งแต่วันที่ต้าเซี่ยมาถึงก็ผ่านไปหลายวันแล้วสำหรับการทำหน่อไม้ดองตอนนี้ชาวบ้านสามารถทำกันเองได้แล้วส่วนที่ว่าหน่อไม้ดองบ้านใครจะอร่อยหรือไม่อร่อยนั้นขึ้นอยู่กับฝีมือและพรสวรรค์ของแต่ละคนหากจะกล่าวถึงต้าเซี่ยเจ้าแมวอัคคีสีส้มสดนั้นการมาถึงของมันนับว่ามาพร้อมกับข่าวที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก เวลาของการเปลี่ยนแปลงใกล้จะมาถึงแล้วที่สำคัญต่อไปจิตใจของมนุษย์ทั้งหลายนั้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป ความละโมบของมนุษย์และการแสวงหาอำนาจจะมากขึ้น คนที่มีอำนาจแล้วก็ยิ่งไขว่คว้าหาอำนาจที่มากกว่านี้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในอนาคต สิ่งที่สำคัญคือการที่คนเราไม่สูญเสียการเป็นตัวของตัวเองไม่ละโมบโลภมาก ยึดถือความดีและมีคุณธรรมที่มีมาแต่หนหลังนับเป็นสิ่งที่ดีที่มนุษย์พึงมี และแน่นอนว่ามีคนดีก็ย่อมต้องมีคนเลวเป็นสิ่งที่มีควบคู่กันมาตลอดต้าเซี่ยยังบอกอีกว่าในอนาคตหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคของลมปราณแล้วคนที่แข็งแกร่งมีอำนาจหากคนผู้นั้นเป็นคนดีก็แล้วไปเถอะแต่หากว่าอำนาจตกอยู่ในมือของคนชั่วช้าก็ย่อมจะเป็นอันตรายต่อคนที่อ่อนแอกว่า ถึงแม้ว่าในวันข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่เ
หลังจากที่สามีอย่างเฟยเทียนรวมกลุ่มกลับชาวบ้านไปล่าสัตว์ที่หุบเขาไป๋หลางเฟิง ฉีหลินเองก็เข้าป่าหมอกเช่นเดียวกันหลังจากดูแลแปลงผักและรดน้ำผลไม้และแตงโมเสร็จแล้ว ตอนนี้ไป๋อี้ถังที่สถาปนาตัวเองเป็นคนในครอบครัวหยางก็ได้ทำงานในแปลงนาเช่นเดียวกัน หลังจากเสร็จงานแล้วเขามีหน้าที่สอนหนังสือให้ลูกชายบุญธรรมทั้งสองและพ่วงมาด้วยเฟยจินและเยว่เล่อ หยางเทียนฉีที่ตอนนี้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นมาก เขาและภรรยาไม่มีงานอะไรให้ทำมากนักในแต่ละวัน งานในแปลงนามีลูก ๆ คอยช่วยเป็นกำลังสำคัญ ภรรยาของเขารับหน้าที่ดูแลภายในบ้านเงินทองก็ไม่ได้ขาดมือเหมือนดังเช่นแต่ก่อนทางด้านบ้านตระกูลหยางที่หมู่บ้านเหอมู่นั้นเขาไม่ได้สนใจอีก ถึงแม้ในใจของเขาจะเป็นห่วงพี่ชายอยู่บ้างแต่ในเมื่อพี่ชายของเขาไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องชายเขาทำได้เพียงแค่หันหลังออกมาเท่านั้นหยางฮุ่ยเหอเองหลังจากที่เทียนฉีแยกบ้านออกมาและพาลูกเมียย้ายออกมาจากหมู่บ้านเหอมู่ ภรรยาของเขานางหลินได้พาลูกสาวเข้าไปอยู่ในเมืองและตอนนี้ลูกสาวได้แต่งเข้าไปเป็นอนุภรรยาของคนมีเงินในเมืองส่วนนางหลินนั้นปักหลักอยู่กับลูกสาวในเมือง สินสอดของลูกสาวนางคือบ้านในเมือง 1 หลัง นาง
เมื่อจางสงและนางหลานสองสามีภรรยาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในลานบ้าน จึงรีบออกมาดูถึงได้รู้ว่าลูกชายและชาวบ้านที่รวมกลุ่มไปล่าสัตว์กลับมาแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้นางและสามีตกใจจนพูดไม่ออกก็คือหมีดำที่เฟยเทียนหาบมาพร้อมกับหมูอีก 2 ตัว นี่คือสิ่งที่คนอื่นคิดแต่ความจริงแล้วนางไม่ได้ตกใจว่าจะมีหมีหรือมีหมูกี่ตัวสิ่งที่นางตกใจนั้นเป็นพละกำลังของหยางเฟยเทียน นี่เขายังเป็นคนอยู่หรือไม่ ทำไมถึงได้แข็งแรงมากมายเพียงนั้นนี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยหรือไม่เฟยเทียนที่เห็นนางหลานจ้องหน้าเขาอยู่นานก็รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อย จะให้ทำเช่นไรได้ล่ะในเมื่อมีสัตว์ตัวใหญ่ที่ล่ามาได้หากเขาไม่ช่วยชาวบ้านเอาหมูกลับมาคาดว่าคงกลับมาถึงช้ากว่านี้“พวกเจ้ากลับมากันแล้วหรือ ฮูหยินเจ้าไปหาน้ำมาให้พวกเขากินก่อนสิ เจ้าจะยื่นนิ่งอีกนานหรือไม่” จางสงบอกเมียเสียงดัง“เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วยข้าตกใจหมด”“นั่งลงก่อนเฟยเทียนเจ้าไม่หนักหรือยังไง วางลงก่อนเถอะของบนบ่าเจ้าน่ะ”“อ่อ ข้าลืมไปขอรับขอบคุณท่านลุงที่เตือน”“ลืม? นี่เจ้ากล้าใช้คำว่าลืมหรือ ”“ขอรับ ลืม”หลังจากที่เฟยเท
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย
ในท้องพระโรงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำคราญของบรรดาองค์หญิงและเหล่าสนมของฮ่องเต้ ส่วนเหล่าองค์ชายนั้นในใจต่างคิดว่าพวกเขาจบเห่แล้วคราวนี้ ยังไม่ทันได้ลงมือช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่เสด็จพ่อกลับทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ตอนนี้คนของแคว้นหลงบุกมาจัดการพวกเขาถึงในวังหลวงแห่งนี้ เช่นนั้นที่ชายแดนก็คงจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน“มีอะไรจะพูดหรือไม่ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องพูดหรอกเสียเวลา ข้าเข้าใจ เสี่ยวเฮยจัดการด้วยล่ะ เอาให้สะอาด” ฉีหลิน“จัดการให้เรียบร้อยจะได้รีบไปจัดการต่อ ข้าอยากกลับบ้านคิดถึงลูก” เฟยเทียนฮ่องเต้แคว้นอู๋มองดูสองสามีภรรยาสั่งงานเจ้าบุรุษชุดดำด้วยความไม่เข้าใจ อะไรคือจัดการให้เรียบร้อย อะไรคือเอาให้สะอาด พูดจาให้คนฟังแล้วไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ แต่ช่วยเห็นหัวเขาหน่อยจะได้หรือไม่“อ้อ เสี่ยวเฮย ช่วยปล่อยฮองเฮากับองค์ชายและองค์หญิงที่เกิดจากพระนางด้วย มีคนต้องการพบพวกเขา”“ได้ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้”“ขอบใจ ท่านพี่ไปกันเถอะเจ้าค่ะ เรายังมีอะไรที่ต้องทำต่อ”“อืม เสี่ยวเฮยจัดการให้เรียบร้อยอย่าให้เล็ดลอดออกไปได้แม้แต่คนเดียวเข้าใจหรือไม่”เฟยเทียนเดินตามหลังภรรยาออกไปจากท้องพระโรง ท่าม
ในวันที่ฉีหลินกับเฟยเทียนตัดสินใจลักลอบเข้าวังหลวงแคว้นอู๋ ทางชายแดนแม่ทัพแคว้นอู๋ตัดสินใจนำทัพเข้าบุกแคว้นหลงทันทีโดยมีทัพมารเข้ามาแทรกแซงทำให้กำลังทหารของทางฝั่งแคว้นอู๋มีจำนวนเพิ่มมาหลายพันคนในเมื่อเผ่ามารมือยืดมือยาวถึงเพียงนี้ เสี่ยวเฮยเองก็ย่อมลิ้นยืดลิ้นยาวได้เช่นเดียวกัน ในตอนแรกที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้กลับไปอยู่ในร่างของมังกรทมิฬนั้น ย่อมไม่มีใครเกรงกลัวแต่หลังจากเผ่ามารเข้ามาแทรกแซงทำตัวเป็นกำลังเสริมให้กับแคว้นอู๋ เสี่ยวเฮยจึงเห็นว่าไม่ควรจะปิดบังตัวเองอีกต่อไป มันจึงได้กลับร่างเป็นมังกรทมิฬขนาดใหญ่กว่าที่เผ่ามารจะได้รู้ความจริงก็โดยกินไปจนเกือบหมดเสียแล้ว ยิ่งกลืนกินสิ่งชั่วร้ายไปมากเท่าไหร่ขนาดตัวของเสี่ยวเฮยก็ขยายขึ้นใหญ่มากเท่านั้น ตอนนี้ที่กำลังทหารของแคว้นอู๋เห็นเสี่ยวเฮยกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็ตัดสินใจกันแล้วว่าจะหนีเอาตัวรอดถึงแม้ว่าแม่ทัพจะไม่สั่งถอยทัพแต่ใครก็ย่อมกลัวตาย ต่างคนต่างรักชีวิตของตัวเองเมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทิ้งอาวุธออกวิ่งทันทีส่วนเสี่ยวเฮยที่กินเผ่ามารไปแล้วยังรู้สึกว่าไม่อิ่มเท่าไหร่ ต่างจ้องมองไปที่กำลังทหารของแคว้นอู๋ด้วยสายตาวาววั
ในขณะที่ฉีหลินกับเฟยเทียนเข้าไปในแคว้นอู๋อย่างราบรื่น ตอนนี้พวกเขาหาที่พักในเมืองหลวงของแคว้นอู๋ได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนปลอมตัวเป็นตายาย เปิดร้านขายบะหมี่ในตลาดนับว่าเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับเฟยเทียน งานขายบะหมี่นี้เขารับหน้าที่เป็นคนทำบะหมี่ ส่วนภรรยาอย่างฉีหลินนั้นทำหน้าที่เก็บเงิน ส่วนผู้ติดตามทำหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ พวกเขาเช่าร้านบะหมี่ต่อจากเจ้าของเดิมที่เก็บของเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับลูกชายที่บ้านเกิดในระหว่างที่ท่านพ่อและท่านแม่ไปทำหน้าที่ทำภารกิจเพื่อความสงบสุข แต่ลูกน้อยทั้งสามคนที่หมู่บ้านป่าหมอกนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ 3 คนแก่ที่บ้านสักเท่าไหร่ ไป๋อี้ถังเองยังไม่สามารถรับมือกับหลานน้อยทั้งสามคนได้ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะอับจนหนทางถึงขนาดนี้ เจ้าสามคนนี่เกิดมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนจริง ๆ“ท่านยุงถัง อันนี้ฉือไร” ฟางเซียน“หนังสือวรยุทธ์เบื้องต้น” ไป๋อี้ถัง“ท่านยุงถัง ฉอน เซียนเอ๋อร์ยักเรียน”“ฟางเซียนลุงว่าตอนนี้เจ้าไปนอนกลางวันกับน้องชายทั้งสองของหลานดีหรือไม่ เอาไว้รอให้เจ้าโตกว่านี้ลุงจะสอนให้ทุกอย่างเลย ต้าเซี่ย มาพาคุณหนูของเจ้าไปนอนกลางวันได้แล้ว”“แต่เซียนเอ๋อร์ไม่