เธอเพิ่งมารู้เอาตอนนี้เอง ไม่คิดว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเวินเหลียงพ่อของเวินเหลียงจากไปแล้ว เธอถูกตระกูลฟู่รับเลี้ยง เรียกว่าลูกพี่ลูกน้องต้องเป็นคนตระกูลฟู่แน่นอนเพราะฉะนั้น วันนี้ฟู่เจิงเองก็อยู่ที่งานด้วยเมื่อนึกถึงข้อตกลงที่เธอเคยทำร่วมกับฟู่เจิง เซี่ยหมิ่นก็ชำเลืองมองเวินเหลียงที่อยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่ง พลางกำหมัดขึ้นมาโดยไม่ทันได้รู้ตัว ในใจเกิดความกระวนกระวายขึ้นมาเวินเหลียงนำทั้งสองคนเข้าไปในโถง เรียกให้พวกเขาหาที่นั่งนั่งลงเมื่อเห็นว่าแขกมากันพอประมาณแล้ว เวินเหลียงถึงได้เดินไปยังโต๊ะกลมที่อยู่ข้างเวทีรูปตัวทีคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะนี้เป็นคนตระกูลฟู่ มีคุณหญิง ซูชิงอวิ๋น ฟู่รุ่ย และยังมีบรรดาสะใภ้ญาติสนิทอีกสองสามคนฟู่ชิงเยว่นั่งอยู่ทางซ้ายของคุณหญิงเมื่อเวินเหลียงมาถึงยังข้างโต๊ะ ก็มาหยุดตรงที่นั่งที่มีเก้าอี้คั่นจากฟู่ชิงเยว่หนึ่งที่นั่ง เธอลากเก้าอี้ออกมาและนั่งลงไป ที่นั่งตรงกลางซึ่งติดกับฟู่ชิงเยว่นั้นเว้นเอาไว้ให้ฟู่เจิงฟูชิงเยว่มองเวินเหลียงทีหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมาไม่มีมารยาทเลยสักนิด!เสียงนั้นดึงดูดบรรดาญาติสะใภ้ให้มองมาที่เวินเหลียงอย่างคลุมเครือ
เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานแสนหรูหรา เดินประคองลูกคนรองของตระกูลเซี่ยเข้ามาจากด้านนอกหลังเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแลกแหวนกันเรียบร้อยแล้ว ก็ลงมาด่านล่างเวทียกน้ำชาให้กับพ่อสามีแม่สามีและพ่อตาแม่ยายตำแหน่งของเซี่ยมู่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ถูกกระเช้าดอกไม้อันสวยงามบนเวทีตัวทีบังพอดิบพอดี ได้ยินเพียงเสียงหลังยกน้ำชาเสร็จ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ขึ้นไปถ่ายรูปรวมกับผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านเซี่ยมู่กะพริบตาทำไมแม่ของผู้จัดการฟู่ถึงได้หน้าตาเหมือนป้าเจ้าของบ้านที่เธออยู่เลยนะ?ลูกคนโตตระกูลเซี่ยเองก็จำได้ เขากดเสียงต่ำเอ่ยกับเซี่ยมู่ว่า “เซี่ยมู่ ลูกว่าคนนั้นเหมือนเจ้าของบ้านเราไหม?”“เหมือนมากค่ะ”หลังเสร็จพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ลงจากเวที พนักงานเสิร์ฟเริ่มเสิร์ฟอาหารเจ้าสาวกำลังตั้งท้องอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องยกเหล้า แค่ให้เจ้าบ่าวออกหน้าดื่มเป็นเพื่อนผู้ใหญ่ตระกูลเซี่ยสองแก้วหลังดื่มกับคนโต๊ะหนึ่งเสร็จ ฟู่เซิงก็วางแก้วเหล้าไว้บนถาด และหมุนตัวเดินไปยังโต๊ะต่อไปตามการชี้นำของผู้ใหญ่ทันใดนั้นก็เห็นเงาร่างแสนคุ้นเคยข้างโต๊ะ ฝีเท้าของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เขาหรี่ตามองเซี่ยมู่ จากนั้นก็เห็นลูกชายคนโตตระกูลเ
“แน่ใจว่าเป็นเลือดของเธอ?”“ของเธอนั่นแหละครับ ไม่เชื่อคุณก็ไปดูกล้องวงจรปิดสิ!” พนักงานเสิร์ฟคนนั้นตอบฟู่เยว่เพียงฉีกยิ้มทว่าไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็ล้วงบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้พนักงานเสิร์ฟ “ไม่มีรหัส”พูดจบเธอก็เอาขวดแก้วใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป...“เราขอตัวกลับก่อนนะ”หลังเวินเหลียงขึ้นไปบนรถก็บอกกับคนขับรถว่า “ออกไปดูหน่อยค่ะว่าแถวนี้มีคลินิกหรือเปล่า”คนขับรถขานรับก็สตาร์ตรถขับออกไปวันนี้ฤกษ์งามยามดี คนที่จัดงานแต่งมีเยอะเป็นพิเศษใกล้ ๆ โรงแรมทุกที่เต็มไปด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถติดหนักถนนเส้นนี้เป็นถนนไม่ยาวมาก ทว่าใช้เวลาเดินทางถึงสิบนาทีเวินเหลียงตั้งใจดูบาดแผลของตัวเอง ทั้งหมดมีสี่จุด บนน่องหนักที่สุดเธอขมวดคิ้วเล็กน้อยจู่ ๆ ก็รู้สึกปวดที่ท้อวขึ้นมา เจ็บไม่มากทว่าทำให้เธอเหงื่อเย็นไหลท่วม“เดี๋ยวก่อนค่ะ ไปโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ” เธอนั่งพิงเบาะหลังพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงยังไงไปตรวจสักหน่อยแล้วกันดังนั้นคนขับรถจึงกลับหัวไปโรงพยาบาลเวินเหลียงบอกอาการของตัวเองกับพยาบาลซักประวัติอย่างละเอียด พยาบาลซักประวัติมองเ
ใบหน้าของเวินเหลียงผ่อนคลายขึ้นโดยไม่ทันได้รู้ตัว บนดวงหน้าแฝงรอยยิ้มรอยยิ้มหนึ่งเอาไว้ ดีใจกระทั่งสั่นไปยันผมเธอถือแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ไปรับการตรวจที่ห้องตรวจอีกครั้งหมอรับแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์มาดูทีหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองเวินเหลียงแล้วเอ่ยขึ้นพร้อมฉีกยิ้มว่า “ยินดีด้วยนะคะ”“ขอบคุณค่ะ” เวินเหลียงขานรับและยิ้มแย้มเธอดูเปลี่ยนไปจากตอนที่เพิ่งเข้ามาไม่น้อย กระทั่งความเจ็บที่ท้องนั่นก็ไม่ได้รู้สึกว่ายากเกินกว่าจะทนไหวแล้ว“คุณไปเจาะเลือด ทำอัลตราซาวนด์ก่อนนะคะ กลับมาฉันจะจ่ายยาให้คุณค่ะ”“ค่ะ”“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณมาคนเดียวเหรอคะ?”“ไม่ใช่ค่ะ”มีคนขับรถมาด้วย“ให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนคุณนะคะ ตอนนี้ยังไงคุณก็นั่งพักก่อนเยอะ ๆ จะดีกว่าค่ะ”“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะหมอ”เวินเหลียงผลักประตูออกไป แล้วต่อสายโทรออกหาคนขับรถ ให้คนขับรถมาต่อคิวให้ตน ส่วนเธอนั่งพักอยู่ข้าง ๆ เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยไปคนขับรถรู้สถานการณ์ของเวินเหลียงและฟู่เจิงดี เมื่อเห็นว่าเวินเหลียงตั้งครรภ์อีกครั้ง ก็รู้สึกดีใจแทนพวกเขามาก ๆผ่านไปสองชั่วโมง เวินเหลียงก็รับรายงานผลกลับไปยังห้องตรวจด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้ว
แม้คุณย่าเองก็ดีกับเธอมากเช่นกัน แต่เธอชอบคุณลุงกับคุณป้ามากกว่าเธอไม่อยากแยกกับคุณลุงคุณป้าก่อนหน้านี้ไม่นานเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่ชื่อเสี่ยวหยางหยางเพิ่งลาออกไปเธอได้ยินเพื่อนร่วมโต๊ะบอกว่า เสี่ยวหยางหยางเป็นลูกที่พ่อแม่ของเขารับมาเลี้ยงหลังจากที่เป็นโรคภาวะมีบุตรยาก คิดไม่ถึงว่าพอแม่บุญธรรมรักษาจนหายดีและมีลูกคนหนึ่ง ก็ส่งเสี่ยวหยางหยางไปอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านนอกเมื่อได้ยินคำพูดของฟู่ซือฝาน ในใจของเวินเหลียงก็เกิดความสับสนขึ้นมาเธอนึกถึงตอนเด็ก ๆ ได้ยินข่าวลือในหมู่บ้านบอกว่า เธอเป็นลูกชู้ ในวินาทีนั้นในใจของเธอเกิดความกลัวขึ้นมาสุดขีด กลัวว่าพ่อจะไม่ต้องการเธอ กลัวว่าคุณปู่คุณย่าก็จะทอดทิ้งเธอ กระทั่งเก็บมาฝันจนตกใจสะดุ้งตื่นทุกคืนฉะนั้นเธอเข้าใจความรู้สึกของฟู่ซือฝานในวินาทีนี้เป็นอย่างดีเด็กที่น่ารักและฉลาดขนาดนี้ พ่อแม่ของเธอตัดใจทิ้งเธอลงได้ยังไงกันนะ?!“ไม่หรอก วางใจเถอะนะ ป้าจะให้หนูอยู่ที่นี่ ไม่เคยคิดจะส่งหนูกลับไปอยู่แล้ว รอลูกของป้าคลอดออกมา ฝานฝานก็จะอายุหกขวบ พาน้องชายน้องสาวไปเที่ยวเล่นได้แล้ว เขาเองก็ต้องชอบหนูแน่นอน”น้ำเสียงของเวินเหลียงอ่อนโยน ทั้งตั
เช้าตรู่ แสงแดดแสนแยงตาสาดเข้ามาตรงข้างหมอน เวินเหลียงตื่นขึ้นมาทั้งสะลึมสะลือ มองผ้าปูที่นอนเรียบแปล้ไร้รอยย่นอีกฝั่งหนึ่ง พลางนึกถึงเรื่องเมื่อวาน นิ้วขาวผ่องทั้งห้าก็อดไม่ได้ที่จะลูบไปบนท้องน้อยเธอมีลูกแล้ว!เธอไม่ได้ฝันไปจริง ๆเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ บนใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความปลื้มปีติที่ออกมาจากใจจริง มุมปากอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มขึ้นมา พร้อมทั้งนัยน์ตามีแสงประกายเพิ่มขึ้นมาถ้าฟู่เจิงรู้ข่าวเรื่องที่เธอตั้งท้อง ในใจของเขาก็คงดีใจมากเหมือนกันใช่ไหม?เวินเหลียงอดรนทนไม่ไหวที่จะบอกกับเขากินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฟู่เจิงก็ยังไม่กลับมาเขาอาจจะออกจากบ้านใหญ่แล้วตรงดิ่งไปที่บริษัทเลยเวินเหลียงหยิบรายงานผลอัลตราซาวนด์ติดมือขึ้นรถไปพร้อมกับฟู่ซือฝานด้วยคนขับรถไปส่งฟู่ซือฝานที่โรงเรียนอนุบาลก่อน แล้วค่อยไปส่งเวินเหลียงที่ตึกฟู่ซื่อแต่ไม่รู้เลยว่า พอเธอออกมาจากโรงเรียนอนุบาลปุ๊บ หลังจากนั้นก็มีคนมารับตัวฟู่ซือฝานไปทันทีฟู่ซื่อ กรุ๊ปเมื่อพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เห็นเวินเหลียงเข้ามา บนใบหน้าก็แฝงรอยยิ้มขึ้นมาทันที “คุณเวิน คุณมาหาประธานใหญ่ฟู่ใช่ไหมคะ? ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่บริษัทค
หรือว่าเขาเจอความยากลำบากอะไรอีกแล้ว?เป็นไปไม่ได้ ฟู่เจิงเคยรับปากกับเธอแล้วว่าถ้าเจอความยากลำบากอะไรอีก จะไม่ตัดสินใจเอาเองเพียงลำพังและปิดบังเธออีกแต่ก็ไม่แน่ ถึงยังไงคำพูดที่ฟู่เจิงพูดออกมาก็ราวกับลมตด ไม่เคยพูดจริงทำจริงมาก่อน เชื่อถือไม่ได้ถ้าอยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทางที่ดียังไงเธอก็ต้องไปเจอหน้าฟู่เจิงแล้วถามให้เข้าใจกับตัวเองต่อหน้าเธอ ฟู่เจิงไม่มีทางกล้าโกหกแน่ตอนนี้เขาน่าจะยังอยู่ที่บ้านใหญ่เวินเหลียงรีบกลับไปบนรถ ให้คนขับรถวกกลับไปยังบ้านใหญ่เวินเหลียงเห็นรถยี่ห้อมาเซราติคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านใหญ่อยู่ไกล ๆเธอรู้สึกคุ้นตาทะเบียนรถมาเซราติคันนี้เป็นอย่างมาก สองสามวันก่อนเธอเพิ่งทุบกระจกหน้าของรถคันนี้ไปฉะนั้นอิเลียอยู่ที่บ้านใหญ่เวินเหลียงนึกถึงที่ฟู่เจิงเคยบอกเธอว่า อิเลียเคยมาเยี่ยมคุณหญิงที่บ้านใหญ่โดยอ้างชื่อของฟู่ชิงเยว่ตอนนี้ฟู่ชิงเยว่เองก็อยู่ที่บ้านใหญ่เช่นกันตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถึงต้องทำให้ฟู่เจิงหลบหน้าเธอ?เวินเหลียงใช้ให้คนขับรถจอดรถตรงที่ที่ห่างจากบ้านใหญ่หลายสิบเมตร จากนั้นเธอก็เดินลงจากรถไป พร้อมกับกำชับ
ภายในห้องรับแขกของบ้านใหญ่เงียบไปครู่หนึ่งบรรยากาศตึงเครียดและเต็มไปด้วยความกดดันฟู่เจิงนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว เขากำลังก้มหน้า ขนตาที่ทั้งยาวและดกดำบอดบังแววตาในนัยน์ตาของเขาเอาไว้ มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากที่ฟู่ชิงเยว่มาหาเขา และบอกเรื่องชาติกำเนิดของฟู่ซือฝานกับเขาเมื่อวาน ในความคาดเดาไม่ได้ ในใจของฟู่เจิงก็เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า ฝานฝานเป็นลูกของเขาจริง ๆที่ยืนกรานจะตรวจดีเอ็นเอ แต่เพียงต้องการคำตอบที่แน่นอนเท่านั้นฟู่ชิงเยว่ทำลายความเงียบนี้ เธอมองไปที่ฟู่ซือฝานพลางยิ้มแย้ม “ฝานฝาน เธอไม่ใช่เด็กกำพร้า เธอมีพ่อมีแม่ของตัวเองแล้วใช่ไหม? ดีใจไหม?”ฟู่ซือฝานนั่งอยู่ข้างคุณหญิง พลางมองฟู่ชิงเยว่และอิเลียที่อยู่ข้างฟู่ชิงเยว่อย่างหวาดกลัว จากนั้นสลับไปมองฟู่เจิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเช้าหลังจากที่คุณป้าพาเธอไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล คุณลุงก็โทรเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวจะมีคนมารับเธอไปโรงพยาบาล หลังจากเจาะเลือดที่โรงพยาบาลเสร็จแล้ว คนคนนั้นก็จะพาเธอมาส่งที่บ้านใหญ่ แล้วคุณน้าทำตัวประหลาดคนนั้นก็เรียกตัวเองว่าเป็นแม่ของเธอ พูดคุยกับเธอ แถมคุณยังบ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง