เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดดูแปลกตาแต่ทุกอย่างกลับลงตัวเมื่อมีโรสรินเป็นนางแบบ หญิงสาวออกอาการขัดเขินเล็กน้อยยิ่งสบตากับภูภูมิด้วยแล้วใบหน้าสวยก็เห่อร้อน จากนั้นเขาก็พาเธอไปทานอาหารไทย แม้จะต้องใช้เวลาขับรถนานหลายชั่วโมงรสชาติก็ตาม
“รสชาติของอาหารเป็นไง” “ก็อร่อยดีค่ะ แม้จะแปลกๆ ไปหน่อยแต่ก็ช่วยให้หายคิดถึงเมืองไทยได้”“อยู่ไม่ถึงเดือนก็คิดถึงบ้านแล้วเหรอ” “นิดหน่อยค่ะ” “แต่คุณเก่ง ปรับตัวได้มากกว่าที่ผมคิด” คำชมของภูภูมิทำให้โรสรินรู้สึกภูมิใจในตัวเอง เพราะยอมรับว่าการใช้ชีวิตทุกวันที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจทำงานนี้แล้วก็คงต้องไปให้สุดทางเช่นกัน“ส่วนคุณก็เก่งที่มาบุกเบิกที่นี่”“จุดเริ่มต้นเพราะมันคือความฝันของคุณพ่อผมนะคุณ แต่พอได้ลองทำจริงๆ ผมเองก็ชอบมันด้วย ให้ความรู้สึกสนุกเหมือนได้ออกผจญภัยดี ยิ่งได้เห็นผลของความทุ่มเทที่เป็นทองด้วยแล้ว ก็ยิ่งคิดว่านี่แหละคืองานที่ใช่” ภูภูมิเอ่ยอย่างมีความสุข ซึ่งทุกอย่างถ่ายทอดออกมาให้โร“สบายดี” แม้จะตอบว่าสบายดีแต่จู่ๆ น้ำตาของมุกดาก็ไหลอาบแก้มก่อนที่เจ้าตัวจะกลับรีบเช็ดให้แห้ง ทุกอย่างโอเคยกเว้นเรื่องหัวใจที่กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ตั้งใจว่าจะเล่าให้โรสรินฟังแต่เห็นว่าอีกฝ่ายพึ่งหายป่วยรวมถึงงานก็ยุ่งๆ จึงละไว้ก่อนทั้งคู่คุยกันอยู่นานก่อนที่จะวางสายจากกัน โดยไม่ลืมที่จะกำชับให้อีกฝ่ายดูแลตัวเอง ก่อนที่โรสรินจะเดินไปดูภูภูมิที่ตอนนี้แม้จะยังไม่หายสนิทแต่อาการป่วยก็ดีขึ้นมาก“คุณจะไปไหนคะ”“ดูคนงาน”“ไม่ได้ค่ะ ยังไม่หายดีห้ามออกไปไหนเด็ดขาด” นอกจากไม่ให้ภูภูมิออกไปไหนแล้วโรสรินยังยืนขวางประตูไว้อีกด้วย แม้ตัวเธอจะเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับความสูงใหญ่ของภูภูมิ ทว่าแววตานั้นกลับมุ่งมั่น“ผมหายแล้วคุณ หายไข้ หายทุกอย่าง ขืนยังให้นั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้อีก ผมจะเป็นง่อยเอาได้”“แต่ว่า”“ขอบคุณที่เป็นห่วง”“ใครบอกฉันเป็นห่วง ฉันแค่กลัวจะติดไข้จากคุณต่างหาก”
“ฉันจะไปหาเพื่อนฉัน ฉันจะกลับเมืองไทย” โรสรินพูดประโยคเหล่านี้ซ้ำๆ พร้อมกับการร้องไห้สติหลุด ภูภูมิคอยปลอบพร้อมกับกุมมือข้างหนึ่งของเธอไว้ จุดประสงค์เพื่อจะปลอบและกันไม่ให้เธอวิ่งหนีหายไปไหนอีก ในขณะที่อีกมือกำลังต่อสายตรงหาพี่ชายอย่างภูเมฆ เพื่อให้ส่งคนที่ไว้ใจได้เข้าไปช่วยจัดการเรื่องคดีความ นั่นทำให้ภูตะวันพลอยรู้ข่าวไปอีกคน“ฝากด้วยนะพี่ ผมจะรีบพาคุณโรสกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุด” เอ่ยจบก็กดวางสายจากพี่ชายคนโต แล้วจัดการจองตั๋วเครื่องบินหน้าตาเคร่งเครียด เมื่อได้แล้วจึงหันมาเอ่ยกับโรสริน“ผมได้ตั๋วกลับไทยที่เร็วที่สุดแล้วนะ บินวันนี้ค่ำๆ” แม้จะได้ยินแต่โรสรินกลับไม่ตอบรับ เวลานั้นเธอเอาแต่นั่งเหม่อโดยน้ำตาก็ยังไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย ความรู้สึกตกใจจนช็อกเป็นยังไงเธอพึ่งจะเข้าใจก็วันนี้“คุณรอผมอยู่ในนี้ก่อน” ภูภูมิบีบมือโรสรินหนักๆ จากนั้นก็ปลีกตัวออกไปสั่งงานไซมอนเพราะเขาคงไม่อยู่ที่เหมืองทองสักสองสามอาทิตย์ ซึ่งลูกน้องคนสนิทก็รับรู้และเข้าใจสถานการณ์ของโรสรินได้เป็นอย่างดี&n
“ไม่หิวได้ยังไง ตั้งแต่มาบินมาจากแทนซาเนียคุณแทบไม่ได้แตะอะไรเลย เอาแต่ร้องไห้ด้วยซ้ำ ผมว่าน้ำในร่างกายคุณหายไปเกินครึ่งแล้วมั้ง”“ฉันกินอะไรไม่ลงจริงๆ”“ฝืนกินหน่อย เดี๋ยวผมกินเป็นเพื่อน นะครับ” ภูภูมิคะยั้นคะยอกระทั่งโรสรินใจอ่อน ชายหนุ่มจึงโทรไปสั่งอาหารที่ล็อบบี้ด้านล่าง ไม่นานอาหารไทยหลายเมนูก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าของโรสรินเวลานี้มีทั้งผัดไทย ส้มตำ ยำ ลาบหมู ข้าวเหนียวผัดกะเพราหมูกรอบ น้ำแตงโมปั่น น้ำมะพร้าวน้ำหอมหรือแม้แต่ผลไม้อย่างทุเรียนก็มี แต่เธอกลับกินผัดไทยไปแค่ไม่กี่คำ ดื่มน้ำแตงโมปั่นไปสองสามอึกก็บอกว่าอิ่มเสียแล้วแม้จะอยากให้เธอกินมากกว่านี้แต่พอได้สบตาอันแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักของเธอ ชายหนุ่มกลับใจอ่อนเสียเอง จากนั้นโรสรินก็ขอตัวไปพักผ่อนอย่าว่าแต่โรสรินเลยที่กินอะไรไม่ลง ภูภูมิเองก็แทบไม่แตะอาหารบนโต๊ะเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มนั่งมองโทรศัพท์เพราะต้องการความคืบหน้าจากพี่ชายที่ให้ช่วยสืบเรื่องคนร้าย แต่กลับไม่มีใครโทรหาเขาแม้แค่สายเดียว
วันรุ่งขึ้นภูภูมิและโรสรินก็นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ โดยเลือกเที่ยวบินให้ใกล้กับภูตะวันเพราะอีกคนต้องนั่งเครื่องสองต่อ นั่นคือครั้งแรกที่โรสรินได้พบพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคนของภูภูมิ รวมถึงว่าที่พี่สะใภ้คนโตอย่างเภตราอีกด้วย“บางมุมสามคนนั่นก็เหมือนกัน บางมุมก็ไม่เหมือนว่าไหมคะ”“ค่ะ” โรสรินเห็นด้วยกับคำพูดของเภตรา แต่อีกฝ่ายก็ยังคงสัมผัสความเสียใจได้ซึ่งเภตรานั่นรู้เรื่องทุกอย่างจากคนรักอย่างภูเมฆหมดแล้วเช่นกัน รวมถึงรู้ว่านอกจากมุกดาแล้วโรสรินก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนให้พึ่งพา ทั้งคู่จึงเป็นคนสำคัญของกันและกันถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอก็คงช็อกทำตัวไม่ถูก อาฆาตคนร้ายจนอยากตามไปฆ่ากับมือเป็นแน่ ยิ่งเห็นโรสรินก็ยิ่งสงสาร“พี่เสียใจเรื่องเพื่อนของน้องโรสด้วยนะคะ”“ขอบคุณค่ะพี่ขิม”“ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจบอกพี่ได้ พี่พร้อมรับฟังแล้วเป็นกำลังใจให้” น้ำเสียงอบอุ่นและความจริงใจที่ โรสรินสัมผัสได้จากเภตราน
ด้านหลังของพร้อมพลคือสารพัดรูปปั้นที่คนดีๆ คงไม่สะสมไว้ดูเล่นแน่นอน ถัดไปคือกระดูกสัตว์ บรรดาหม้อไหมองยังไงก็เหมือนสำนักหมอผีไม่มีผิด แต่สิ่งที่ภูภูมิตกใจคือศีรษะของผู้หญิงที่วางอยู่บนพานหน้าแท่นบูชา ที่เวลานี้ค่อยๆ แห้งกรอบจนมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาว่าเป็นใคร ทว่าจู่ๆ เขากลับคิดถึงมุกดาขึ้นมา“นั่นศีรษะคุณมุกดาหรือเปล่า” ภูตะวันเอ่ยขึ้นซึ่งคำถามของนายหัวหนุ่มเหมือนระเบิดที่ทำให้พร้อมพลลนลานก่อนจะตะคอกเสียงดังกลับมา“พวกมึงอย่ายุ่งกับของๆ กู ออกไป”“ออกแน่เพราะกูก็ไม่อยากอยู่นักหรอก” นายหัวหนุ่มตอกหลับเสียงห้วนเช่นกัน ส่วนพร้อมพลนั้นแม้เวลานี้เขาจะตัวคนเดียวแต่กลับไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว หนำซ้ำยังมองไปมารอบๆ ตัวคล้ายมองหาใคร ก่อนจะยิ้มที่มุมปากออกมา“มึงฆ่าคุณมุกดาทำไม” ภูภูมิเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเขามั่นใจว่าถ้าโรสรินอยู่ตรงนี้ด้วยเธอต้องถามคนร้ายด้วยคำถามเดียวกับเขาแน่นอน“กูไม่ได้ตั้งใจฆ่ามัน กูแค่…” พร้อมพลสารภาพผิดออกมาเป็นฉากๆ ว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจฆ่ามุกดาแต่พลั้งมือบีบคอเธอ
“ไม่ต้องถึงมือคุณพ่อหรอกเรื่องนี้พี่เอาอยู่” เสียงของภูเมฆดังขึ้น เมื่อครู่ไตรเดินเข้าไปแจ้งว่าทุกอย่างในบ้านเคลียร์เรียบร้อยแล้วเขาจึงตามมาสมทบ“นั่นไงผู้มีอิทธิพลตัวจริงมาโน่นแล้ว” ภูตะวันหันไปมองพี่ชายคนโตแล้วยิ้มตรงมุมปากออกมาเล็กน้อย“นายก็พูดไปนั่น อิทธิพลฉันมีแค่หยิบมือสู้ใครได้”“ถ่อมตัวนะพี่รู้ๆ กันอยู่” ประโยคนี้ยังคงดังมาจากภูตะวัน ซึ่งภูเมฆก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร ภูภูมิส่งยิ้มให้พี่ชายทั้งสองคนก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ แต่คนที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังจากนั้นกลับทำให้เขาตกใจเพราะไม่คิดว่าเธอจะหวนกลับมา“คุณโรส คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ภูภูมิตรงเข้าไปถามแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบ สายตาเอาแต่จ้องมองบางสิ่งบางอย่างตรงหน้าโรสรินนั้นกำลังช็อกเพราะไม่คิดว่าจะเห็นศรีษะของเพื่อนในสภาพเช่นนั้น แต่เท้ากลับเดินเข้าไปหาช้าๆ ไม่ว่าสภาพตอนนี้จะเป็นยังไงแต่ในสายตาของโรสรินแล้วมุกดายังคงสวยเสมอ“ฉันจะมารับเพื่อนกลับบ้านค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือของโรสรินเอ่ยบอก
“ศาลาไหนครับ” ลูกชายคนกลางอย่างภูตะวันเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยังงุนงงไม่แพ้น้องชายคนเล็กอย่างภุภูมิแม้แต่น้อย“ศาลานี้นี่แหละ เธอชื่อมุกดา” ชื่อที่ได้ยินทำเอาทุกคนอึ้งแต่ก็มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไร นั่นเพราะภูเมฆตกใจมาก่อนหน้านี้แล้ว“มุกดา เพื่อนคุณโรสเหรอครับคุณพ่อ” ภูภูมิเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจพร้อมตั้งคำถามว่าบิดาไปรู้จักกับมุกดาได้ยังไง“อืม สงสัยอะไรไปถามกับบีมเอา พ่อกับแม่ขอตัวไปไหว้ศพก่อน”“ครับๆ” เสียงทุ้มของภูภูมิเอ่ยรับคำก่อนจะพาบิดาและมารดาไปไหว้ศพโดยโรสรินเป็นคนคอยจุดธูปส่งให้ เธอยกมือไหว้แขกที่ไม่คุ้นหน้าเพื่อขอบคุณ แม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้ร้องไห้แต่ร่องรอยความเสียใจอย่างหนักก็ยังคงอยู่ในแววตาและสีหน้า“ฉันเสียใจด้วยนะหนู”“ขอบคุณมากค่ะ” โรสรินยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองแขกทั้งสองคนที่แต่งตัวภูมิฐาน ทันทีที่ได้สบตาโรสรินกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันต้องไปนะ” มุกดาส่งยิ้มให้แล้วค่อยๆ หมุนตัวเข้าไปในบ้าน โรสรินอยากตามไปทว่าเธอกลับผลักประตูรั้วเข้าไปด้วยไม่ได้ ทำได้เพียงยืนมองเพื่อนรักอยู่นอกรั้วสีขาวเท่านั้น ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อยๆ จางหายไปและเธอก็สะดุ้งตื่น“คุณบาส” คนแรกที่โรสรินเห็นคือภูภูมิ ชายหนุ่มนอนฟุบอยู่ข้างๆ เธอเหมือนมาคอยเฝ้า บางวันโรสรินก็ตื่นมาในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ต้องเป็นภาระให้แบบนี้“ตื่นแล้วเหรอครับ”“คุณมานอนตรงนี้นานหรือยังคะ”“ไม่นานครับ” เสียงทุ้มที่ฟังอบอุ่นเอ่ยบอกทั้งๆ ที่เขานั้นมานอนเฝ้าเธอได้หลายชั่วโมงแล้ว “คุณอยากกินอะไร ผมทำให้” แม้จะทำอาหารไม่เก่งแต่ภูภูมิกลับอาสา“ไม่ค่ะ” โรสรินส่ายหน้าปฏิเสธแล้วค่อยๆ หยัดตัวขึ้นมานั่ง“ผมรู้ว่าคุณยังเสียใจแต่คุณมุกดาเธอไปสบายแล้ว คนร้ายก็กำลังได้รับโทษ เรื่องร้ายๆ กำลังจะผ่านไปนะคุณ”“ฉันรู้ แต่พอหวนกลับไปคิดถึงมุกดาก็เจ็บปวด เพราะเธอคือเพื่อนคือครอบครัวเดียวของฉัน”&ld
“ตกลงจะไม่ยอมบอกจริงๆ ใช่ไหมว่าได้ลูกสาวหรือลูกชาย” เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าลูกในท้องของโรสรินเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย สองคนปิดเงียบ“กล่อมผมไม่สำเร็จก็มากล่อมเมียผมต่อหรือครับคุณแม่” เสียงของภูภูมิดังขึ้น“แม่ก็แค่อยากรู้ จะได้เตรียมของรับขวัญหลานคนแรกได้ถูก” อำพรอ้างเรื่องของขวัญแต่ลูกชายคนเล็กกลับรู้ทัน“คุณแม่ให้เงินสดก็ได้นี่ครับ”“ลูกคนนี้นี่ ทำไมนะ ยิ่งโตยิ่งดื้อ”“ใช่ค่ะคุณแม่ คุณบาสยิ่งโตยิ่งดื้อ” โรสรินเออออตามแม่สามี เพราะเรื่องบางเรื่องภูภูมิก็ไม่รู้ไปเอาความดื้อมาจากไหน อย่างเรื่องล่าสุดคือการเปิดเหมืองทองแห่งใหม่ ทั้งๆ ที่หลายคนเตือนแล้วว่าถ้าทำจะได้ไม่คุ้มเสียชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ แต่พอรู้เหตุผลลึกๆ เธอก็ยิ่งชื่นชมสามีคนนี้เหตุผลที่เขาเลือกที่ตรงนั้นเพราะครอบครัวของไซมอนอยู่ที่นั่น ภูภูมิจึงเข้าไปเพื่อสร้างงานให้คนในหมู่บ้านจะได้ไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหนไกล ครอบครัวก็จะได้อยู่ใกล้กัน“อ้าวๆ ทำไมมาลงที่ผมแล้วละครับ”
เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัว ภูภูมิและโรสรินกลับมาเมืองไทยก่อนวันแต่งงานของภูเมฆและเภตราหลายวัน ทันทีที่มาถึงก็เข้าไปหารังสรรค์และอำพรที่บ้านก่อน ออกไปกินข้าวกับพวกท่าน ก่อนจะตัดสินใจนอนค้างด้วยที่บ้านส่วนว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ง่วนอยู่กับการเตรียมตัวเช่นกันกระทั่งถึงวันสำคัญภูภูมิก็ตาโตเมื่อเห็นโรสรินในชุดเพื่อนเจ้าสาว เธอดูสวยและอ่อนหวานไม่เหมือนภาพปกติที่เห็นในทุกๆ วัน“หลงเลยสิ”“หลงเมียไม่ผิดนี่พี่” ภูภูมิหันมายิ้มให้พี่ชายคนกลางอย่างภูตะวัน ที่ก็คงทั้งรักทั้งหลงนับพันดาวไม่น้อยเลยเพราะเห็นถ่ายรูปให้ไม่หยุดแถมยังชมว่าสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาเขาไม่เชื่อจริงๆ ว่าพี่ชายสายบู๊จะเข้าสู่โหมดมุ้งมิ้ง“ปากหวาน”“แล้วพี่อ่ะ เมื่อไหร่จะแต่งงานกับคุณนับ”“เร็วๆ นี้ คุณแม่กำลังหาฤกษ์อยู่ ถามแต่พี่แล้วนายเมื่อไหร่จะแต่งงานกับคุณโรส” ภูตะวันเอ่ยถามกลับมาบ้างเพราะอยากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน&
“กลับมาก่อนงานแต่งงานพี่เขาสักหน่อยนะบาส จะได้มีเวลาเตรียมตัว”“ครับคุณแม่”“ยิ้มให้มากๆ นะหนูโรส เวลาหนูยิ้มแล้วโลกมันสดใส” อำพรลูบต้นแขนของโรสรินไปมาเบาๆ รู้ว่าจิตใจของอีกฝ่ายยังกลับมาไม่ปกติเท่าไหร่ การสูญเสียเพื่อนและเป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวมันทำใจได้ยากแน่นอน“ค่ะ”“อยู่ที่โน่นดูแลตัวเองดีๆ นะ ฝากลูกชายของแม่ด้วย ถ้าทำอะไรผาดโผนอันตรายเกินตัวไปก็จัดการอบรมแทนแม่ได้เลย”“เอาแบบนั้นเลยหรือครับคุณแม่”“ใช่” อำพรหันไปรับคำลูกชาย ก่อนจะหันมาพูดกับโรสรินอีกครั้ง “ตามนี้นะหนูโรส”“ค่ะคุณป้า” โรสรินพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มให้อำพร ผู้อาวุโสจึงรวบเธอเข้าไปกอดแล้วตบแผ่นหลังเบาๆ เพื่อให้กำลังใจและปลอบโยนกับเรื่องที่พึ่งผ่านไปแต่ก็มีความลับที่ภูภูมิยังไม่ได้บอกครอบครัวคือเรื่องที่เขากับโรสรินได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ก็ตั้งใจจะบอกตอนก
เพราะเป็นครั้งแรกภูภูมิจึงบอกให้ตัวเองใจเย็น ค่อยๆ กลืนกินโรสรินอย่างช้าๆ ไม่บุ่มบ่ามเอาแต่ใจ ดวงตาคู่คมกวาดมองร่างกายสวยงามของเธออย่างหลงใหลก่อนจะอ้าปากครอบครองหน้าอกคู่สวย “อะ…อา” โรสรินแอ่นตัวขึ้นสูงอย่างเสียวซ่าน ยิ่งถูกชายหนุ่มสัมผัสมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งเร่าร้อนจนต้องขบเม้มริมฝากตัวเอง ริมฝีปากและฝ่ามือร้อนๆ ของภูภูมิเคลื่อนไหวไปทุกตารางนิ้วบนร่างกายหอมหวานของ โรสริน เธอยอมแล้วจริงๆ ยอมเป็นของเขาทั้งกายและใจ สายตาของภูภูมิที่จ้องมองร่างกายเปลือยเปล่าของเธออย่างชื่นชมนั้นทำให้เจ้าของร่างอย่างโรสรินขนลุกเกรียว พอสายตาคู่นั้นหันมาสบกันเขาก็มอบจูบที่ดูดดื่มให้ ขณะที่ร่างกายกลับมีปฏิกิริยาปวดร้าวคล้ายรอคอยอะไรบางสิ่งบางอย่าง ที่เวลานี้เธอยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร หัวใจของโรสรินเต้นรัวเมื่อภูภูมิค่อยๆ แทรกตัวลงไประหว่างเรียวขาทั้งสองข้างของเธอพร้อมกับค่อยๆ แยกให้มันออกห่างจากกัน ลำคอของเธอแห้งผากเฝ้ารอสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่แพ้ภูภูมิ
“ฉันต้องไปนะ” มุกดาส่งยิ้มให้แล้วค่อยๆ หมุนตัวเข้าไปในบ้าน โรสรินอยากตามไปทว่าเธอกลับผลักประตูรั้วเข้าไปด้วยไม่ได้ ทำได้เพียงยืนมองเพื่อนรักอยู่นอกรั้วสีขาวเท่านั้น ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อยๆ จางหายไปและเธอก็สะดุ้งตื่น“คุณบาส” คนแรกที่โรสรินเห็นคือภูภูมิ ชายหนุ่มนอนฟุบอยู่ข้างๆ เธอเหมือนมาคอยเฝ้า บางวันโรสรินก็ตื่นมาในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ต้องเป็นภาระให้แบบนี้“ตื่นแล้วเหรอครับ”“คุณมานอนตรงนี้นานหรือยังคะ”“ไม่นานครับ” เสียงทุ้มที่ฟังอบอุ่นเอ่ยบอกทั้งๆ ที่เขานั้นมานอนเฝ้าเธอได้หลายชั่วโมงแล้ว “คุณอยากกินอะไร ผมทำให้” แม้จะทำอาหารไม่เก่งแต่ภูภูมิกลับอาสา“ไม่ค่ะ” โรสรินส่ายหน้าปฏิเสธแล้วค่อยๆ หยัดตัวขึ้นมานั่ง“ผมรู้ว่าคุณยังเสียใจแต่คุณมุกดาเธอไปสบายแล้ว คนร้ายก็กำลังได้รับโทษ เรื่องร้ายๆ กำลังจะผ่านไปนะคุณ”“ฉันรู้ แต่พอหวนกลับไปคิดถึงมุกดาก็เจ็บปวด เพราะเธอคือเพื่อนคือครอบครัวเดียวของฉัน”&ld
“ศาลาไหนครับ” ลูกชายคนกลางอย่างภูตะวันเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ยังงุนงงไม่แพ้น้องชายคนเล็กอย่างภุภูมิแม้แต่น้อย“ศาลานี้นี่แหละ เธอชื่อมุกดา” ชื่อที่ได้ยินทำเอาทุกคนอึ้งแต่ก็มีอยู่หนึ่งคนที่ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไร นั่นเพราะภูเมฆตกใจมาก่อนหน้านี้แล้ว“มุกดา เพื่อนคุณโรสเหรอครับคุณพ่อ” ภูภูมิเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจพร้อมตั้งคำถามว่าบิดาไปรู้จักกับมุกดาได้ยังไง“อืม สงสัยอะไรไปถามกับบีมเอา พ่อกับแม่ขอตัวไปไหว้ศพก่อน”“ครับๆ” เสียงทุ้มของภูภูมิเอ่ยรับคำก่อนจะพาบิดาและมารดาไปไหว้ศพโดยโรสรินเป็นคนคอยจุดธูปส่งให้ เธอยกมือไหว้แขกที่ไม่คุ้นหน้าเพื่อขอบคุณ แม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้ร้องไห้แต่ร่องรอยความเสียใจอย่างหนักก็ยังคงอยู่ในแววตาและสีหน้า“ฉันเสียใจด้วยนะหนู”“ขอบคุณมากค่ะ” โรสรินยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองแขกทั้งสองคนที่แต่งตัวภูมิฐาน ทันทีที่ได้สบตาโรสรินกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ต้องถึงมือคุณพ่อหรอกเรื่องนี้พี่เอาอยู่” เสียงของภูเมฆดังขึ้น เมื่อครู่ไตรเดินเข้าไปแจ้งว่าทุกอย่างในบ้านเคลียร์เรียบร้อยแล้วเขาจึงตามมาสมทบ“นั่นไงผู้มีอิทธิพลตัวจริงมาโน่นแล้ว” ภูตะวันหันไปมองพี่ชายคนโตแล้วยิ้มตรงมุมปากออกมาเล็กน้อย“นายก็พูดไปนั่น อิทธิพลฉันมีแค่หยิบมือสู้ใครได้”“ถ่อมตัวนะพี่รู้ๆ กันอยู่” ประโยคนี้ยังคงดังมาจากภูตะวัน ซึ่งภูเมฆก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร ภูภูมิส่งยิ้มให้พี่ชายทั้งสองคนก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ แต่คนที่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังจากนั้นกลับทำให้เขาตกใจเพราะไม่คิดว่าเธอจะหวนกลับมา“คุณโรส คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ภูภูมิตรงเข้าไปถามแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ตอบ สายตาเอาแต่จ้องมองบางสิ่งบางอย่างตรงหน้าโรสรินนั้นกำลังช็อกเพราะไม่คิดว่าจะเห็นศรีษะของเพื่อนในสภาพเช่นนั้น แต่เท้ากลับเดินเข้าไปหาช้าๆ ไม่ว่าสภาพตอนนี้จะเป็นยังไงแต่ในสายตาของโรสรินแล้วมุกดายังคงสวยเสมอ“ฉันจะมารับเพื่อนกลับบ้านค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือของโรสรินเอ่ยบอก
ด้านหลังของพร้อมพลคือสารพัดรูปปั้นที่คนดีๆ คงไม่สะสมไว้ดูเล่นแน่นอน ถัดไปคือกระดูกสัตว์ บรรดาหม้อไหมองยังไงก็เหมือนสำนักหมอผีไม่มีผิด แต่สิ่งที่ภูภูมิตกใจคือศีรษะของผู้หญิงที่วางอยู่บนพานหน้าแท่นบูชา ที่เวลานี้ค่อยๆ แห้งกรอบจนมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาว่าเป็นใคร ทว่าจู่ๆ เขากลับคิดถึงมุกดาขึ้นมา“นั่นศีรษะคุณมุกดาหรือเปล่า” ภูตะวันเอ่ยขึ้นซึ่งคำถามของนายหัวหนุ่มเหมือนระเบิดที่ทำให้พร้อมพลลนลานก่อนจะตะคอกเสียงดังกลับมา“พวกมึงอย่ายุ่งกับของๆ กู ออกไป”“ออกแน่เพราะกูก็ไม่อยากอยู่นักหรอก” นายหัวหนุ่มตอกหลับเสียงห้วนเช่นกัน ส่วนพร้อมพลนั้นแม้เวลานี้เขาจะตัวคนเดียวแต่กลับไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว หนำซ้ำยังมองไปมารอบๆ ตัวคล้ายมองหาใคร ก่อนจะยิ้มที่มุมปากออกมา“มึงฆ่าคุณมุกดาทำไม” ภูภูมิเอ่ยถามขึ้น ซึ่งเขามั่นใจว่าถ้าโรสรินอยู่ตรงนี้ด้วยเธอต้องถามคนร้ายด้วยคำถามเดียวกับเขาแน่นอน“กูไม่ได้ตั้งใจฆ่ามัน กูแค่…” พร้อมพลสารภาพผิดออกมาเป็นฉากๆ ว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจฆ่ามุกดาแต่พลั้งมือบีบคอเธอ
วันรุ่งขึ้นภูภูมิและโรสรินก็นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ โดยเลือกเที่ยวบินให้ใกล้กับภูตะวันเพราะอีกคนต้องนั่งเครื่องสองต่อ นั่นคือครั้งแรกที่โรสรินได้พบพี่ชายฝาแฝดทั้งสองคนของภูภูมิ รวมถึงว่าที่พี่สะใภ้คนโตอย่างเภตราอีกด้วย“บางมุมสามคนนั่นก็เหมือนกัน บางมุมก็ไม่เหมือนว่าไหมคะ”“ค่ะ” โรสรินเห็นด้วยกับคำพูดของเภตรา แต่อีกฝ่ายก็ยังคงสัมผัสความเสียใจได้ซึ่งเภตรานั่นรู้เรื่องทุกอย่างจากคนรักอย่างภูเมฆหมดแล้วเช่นกัน รวมถึงรู้ว่านอกจากมุกดาแล้วโรสรินก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนให้พึ่งพา ทั้งคู่จึงเป็นคนสำคัญของกันและกันถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอก็คงช็อกทำตัวไม่ถูก อาฆาตคนร้ายจนอยากตามไปฆ่ากับมือเป็นแน่ ยิ่งเห็นโรสรินก็ยิ่งสงสาร“พี่เสียใจเรื่องเพื่อนของน้องโรสด้วยนะคะ”“ขอบคุณค่ะพี่ขิม”“ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจบอกพี่ได้ พี่พร้อมรับฟังแล้วเป็นกำลังใจให้” น้ำเสียงอบอุ่นและความจริงใจที่ โรสรินสัมผัสได้จากเภตราน