"ท่านแม่ข้าฟื้นแล้วเจ้ายังคิดจะใช้อุบายโยนหนามให้คนอื่นเหยียบแล้วบอกตนเองเป็นคนเจ็บอีกหรือ"น้ำเสียงเจินเม่ยยั่วโมโหเฟิงซูเหยา ทว่าคนถูกยั่วยุกลับไม่มีท่าทีใด ๆ ต่อถ้อยคำนั้น มีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากเมื่อใกล้ถึงเวลาที่นางจะจบเรื่องนี้สักที"ข้าหรือโยนหนามใส่ผู้อื่น พี่รองคงรักท่านแม่ท่านมากจนไม่มีความคลางแคลงใจใด""เจ้าจะบอกอะไร"เจินเม่ยไม่เข้าใจสิ่งที่ซูเหยาเอ่ย คิ้วเรียงเส้นสวยขมวดเข้าหากันหวังรอคำตอบจากเฟิงซูเหยา"พี่รองเชื่อจริง ๆ หรือว่าท่านแม่ท่านเพิ่งฟื้นเมื่อครู่นี้""บังอาจ! เจ้ากล้าใส่ความฮูหยินรองของจวนฟ่างถึงเพียงนี้เชียวหรือ"แท่งหยกขนาดพอดีกำมือกระทบโต๊ะไม้ดังก้องทั้งศาลพร้อมเสียงกังวาลของเหม่าทันที่ตำหนิเฟิงซูเหยา"ข้าน้อยมิได้ปรักปรำนะเจ้าคะ อีกอย่าง หากข้ามิได้ความจำเลอะเลือน เหมือนใต้เท้าเทียนจะตัดขาดสายสัมพันธ์กับสกุลฟ่างไปแล้ว ใช่หรือไม่เจ้าคะ"เสวียนสวี่เบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าบุตรสาวจะกล้ายกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในสถานที่เช่นนี้ เพราะหากเหม่าทันสืบสาวต่อเรื่องราวจะต้องยุ่งเหยิงวุ่นวายป็นแน่ อีกทั้งเขากลัวว่านางจะไม่ปลอดภัยหากยั่วยุโทสะของเทียนอ้าวหลุนที่มีอำ
"พี่รองลืมไปแล้วหรือ ตอนนั้นท่านถูกงูกัดแล้วพลัดตกน้ำก่อนพวกข้า ช่วงเวลาเช่นนั้นยังกล้าพูดว่าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เช่นนี้เรียกว่าใส่ความกันมิใช่หรือ"เจินเม่ยอึกอัก นางเอาแต่ถลึงตาดุมองเฟิงซูเหยาอย่างโกรธแค้นที่หาเหตุผลมาอ้างต่อได้เวลานี้หอกโล่ที่เปรียบดังคำพูดของเจินเม่ยกำลังปะทะกันเองเพราะให้การวกวนย้อนแย้งกับความเป็นจริง"เม่ยเอ๋อร์ พ่อขอร้อง อย่าได้เข้าข้างคนผิดต่อไปเลย"เสวียนสวี่ทนไม่ไหวที่เห็นบุตรสาวทั้งสองต้องฆ่าฟันกันเองเช่นนี้"ท่านพ่อไม่เคยเชื่อใจท่านแม่เลยสินะเจ้าคะ" เจินเม่ยกล่าวอย่างตัดพ้อบิดา"พ่อแค่อยากให้เจ้าเห็นแก่ความถูกต้อง""ลูกก็พูดในสิ่งที่ถูกต้องอยู่นี่ไงเจ้าคะ ความถูกต้องที่ว่า ข้าเป็นคนวางแผนลวงเซียนเซียนไปล่องเรือเพื่อฆ่านางปิดปาก ส่วนท่านแม่ก็เป็นคนบงการให้โจรสามคนนั้นไปดักทำร้ายนางที่กลางป่า อ๊ะ! นี่ข้าพูดอันใดออกไป""เม่ยเอ๋อร์ นางลูกชั่ว เจ้าพูดเช่นนั้นออกมาได้เยี่ยงไร"เจินเม่ยที่เพิ่งได้สติว่าตนเองเผลอสารภาพออกไปจนสิ้นถึงกับยกมือปิดปากตัวเองแต่ไม่ทันการเสียแล้ว ส่วนเจินซู่เห็นบุตรสาวสารภาพออกไปแบบนั้นรีบปรี่เข้าไปทำร้ายนางด้วยความโมโหทันที"ทหาร แยก
ในเวลานั้นเสวียนสวี่ไม่ได้คลางแคลงใจใด ๆ จวบจนเวลาผ่านมาหนึ่งเดือนถึงมีข่าวดีว่าเจินซู่ตั้งท้องลูกของเขาเฟิงซูเหยาได้แต่มองชีวิตครอบครัวของตระกูลขุนนางชั้นสูงที่ทำตัวต่ำยิ่งกว่าเดรัจฉาน เพียงเพื่อให้ได้ครอบครองใจของบุรุษ ถึงกับใช้เลือดเนื้อจากชายชู้ผูกมัดเขาให้สนใจตนเองฟ่างเซียนเซียนหนอฟ่างเซียนเซียน เจ้าโชคดีแล้วที่ไม่ได้รับรู้ว่ามีพี่สาวเป็นลูกโจรชั่วเช่นนี้"ข้าสารภาพทุกอย่างไปหมดแล้ว หวังว่าท่านพี่จะรู้สึกผิดที่เป็นคนผลักให้ข้าเป็นเช่นนั้น"ช่างน่าสมเพช ผิดชั่วอยู่ที่ตัวทำ คนอื่นหาชี้ทางไม่"ข้าคือลูกโจรชั่ว ข้าคือลูกโจรชั่วที่รังแกท่านแม่ ไม่จริง ไม่จริง!""เม่ยเอ๋อร์!"เจินเม่ยตกใจกับความจริงที่ถูกเปิดเผยกอรปกับพิษของหนอนไหมเจ็ดสีในตัวนางกำเริบขึ้นทำให้กระอักเลือดออกมา"ออก ไป..."เจินซู่รีบเข้าไปหมายพยุงบุตรสาว หากแต่เจินเม่ยกลับโบกมือห้ามไม่ให้นางเข้าใกล้ แววตาที่มองมารดามีแต่ความรังเกียจแลผิดหวัง"ท...ท่าน พ่อ"ร่างเล็กค่อย ๆ ฟุบลงบนพื้นเย็นยะเยือก นางยื่นมือแน่งน้อยออกไปหาเสวียนสวี่"พ่ออยู่นี่ พ่อจะตามหมอมาให้เจ้า"แม้เสวียนสวี่จะรับรู้ความจริงเรื่องนี้แล้วแต่สายตาเขาไม่เ
ฟุบ!"เซียนเอ๋อร์"จู่ ๆ ซูเหยาก็เกิดหน้ามืดจนเป็นลมวูบหลับไป โชคดีที่อี้เฟยสังเกตทันจึงเข้ามารับร่างเล็กนั้นไว้ทันก่อนจะหัวฟาดพื้นบาดเจ็บไปอีกคน"เม่ยเอ๋อร์ เม่ยเอ๋อร์ลูกแม่แค่หลับสินะ เจ้าจะอ้อนให้แม่ร้องเพลงกล่อมเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกแล้วสิ"เสียงคล้ายกล่อมเด็กของเจินซู่ดังขึ้น แววตาของนางเหม่อลอย เอาแต่กอดร่างไร้วิญญาณของเจินเม่ยไว้อย่างหวงแหน"นำตัวเทียนเจินซู่ไปขังไว้ในคุกรอการตัดสิน ควบคุมตัวเจ้ากรมเทียนไว้ก่อนขาจะเขียนฎีกาทูลฝ่าบาทเพื่อพระราชทานโทษทัณฑ์อีกที"เทียนอ้าวหลุนได้แต่กัดฟันกรอด เขามองเสวียนสวี่และเฟิงซูเหยาด้วยความเคียดแค้นหากมีโอกาสได้รับโทษเบา เขาสาบานว่าจะแก้แค้นสกุลฟ่างให้พินาจย่อยยับเฉกเช่นเดียวกับเขาที่สูญเสียทั้งหลานสาวและบุตรสาวในครั้งนี้"เลิกศาล!"สิ้นสุดเสียงของเหม่าทัน ทุกคนก็ค่อย ๆ ทยอยกันกลับที่พำนักของตนเอง"องค์ชายอี้เฟย ข้าฝากเซียนเอ๋อร์ด้วย"เสวียนสวี่บาดเจ็บจึงถูกนำตัวไปยังโรงหมอ แม้เขาจะอยากปฏิเสธแต่เพราะองค์ชายอี้ซินเรียกหมอให้เขาจึงไม่กล้าหักหาญน้ำพระทัย"ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดวางใจ ข้าจะดูแลเซียนเอ๋อร์ให้อย่างดี"ทุกการกระทำของทั้งสองอยู่ในสายตาของอ
"เซียนเอ๋อร์ขอตัว"ร่างเล็กในอาภรณ์สีอ่อนสะอาดตาเดินออกจากลานกว้าง มุ่งหน้าไปยังห้องพักรับรองที่อยู่อีกด้านของจวน"ถวายพระพรองค์ชายสาม"ภายในห้องนับรองมีเพียงอี้เฟยนั่งอยู่ วันนี้เขาไม่ได้พกสหายปากมากอย่างไป๋เจิ้นหยางรวมทั้งองครักษ์ข้างกายต้าลู่มาด้วยเห็นแบบนี้เฟิงซูเหยาก็เดาได้ทันทีว่าเขามาด้วยเรื่องที่รู้กันได้เพียงแค่เขาและนาง"ไม่ต้องมากพิธี อาการท่านแม่ทัพใหญ่เป็นเช่นไรบ้าง"อี้เฟยเอ่ยถามด้วยสุรเสียงห่วงใยบุรุษจิตใจดีเช่นนี้ เหตุใดชาติก่อนนางถึงได้ตาบอดมองไม่ออกกันนะ หรือเพราะความรักที่นางมอบให้อีกคนบัดบังความดีของอีกคนจนนางเชื่อในสิ่งตรงกันข้ามจนหมดสิ้น"อาการบาดเจ็บท่านพ่อดีขึ้นมากแล้วเพคะ เมื่อครู่ท่านพ่อเองก็อยากมารับเสด็จพระองค์ หากแต่หม่อมฉันห้ามไว้เพราะไม่อยากให้ท่านพ่อฝืนตนเองมากไป เซียนเซียนขออภัยเพคะ""เจ้าทำถูกแล้ว ให้ท่านแม่ทัพใหญ่ได้พักผ่อนบ้างเถิด แผลที่กายคงไม่หนักหนาเท่าแผลที่ใจ ข้ารู้ถึงความรู้สึกนั้นดี"เพราะเขาเคยสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปเช่นกัน ความรู้สึกจากตาย ไม่มีวันหวนพบหน้าเจ็บปวดยิ่งกว่าการจากเป็นที่ยังมีโอกาสพบกันในวันหน้าหลายพันเท่าเฟิงซูเหยาลอบมองแวว
"นั่นคือสาเหตุที่พระองค์ถูกเนรเทศออกจากวังหลวง ตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่เพราะอดีตองค์ฮองเฮาไม่อาจปล่อยพระองค์อยู่เพียงลำพังด้วยวัยเพียงแค่ครึ่งชั่วยามจึงทูลขอฝ่าบาททิ้งตำแหน่งอันสูงศักดิ์เนรเทศตนเองออกจากวังพร้อมพระราชโอรสของพระนาง"อี้เฟยได้ฟังถึงกับเจ็บในอกหากวันนั้นพระมารดาเลือกทิ้งตนที่เป็นดาวแห่งความหายนะนั้นมาคนเดียว ตัวเขาคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่หากย้อนเวลาได้ เขาอยากให้พระมารดาเลือกทิ้งเขาในวันนั้นแล้วอยู่ในวังอย่างสุขสบายมากกว่าที่ผ่านมา"ฟังดูก็เป็นคำทำนายทั่วไปที่ข้ารับรู้มาจากเสด็จแม่""ไม่เพค ทุกอย่างตรงข้ามกันหมด" เฟิงซูเหยารีบเอ่ยต่อ"หากหม่อมฉันไม่ได้ฟื้นขึ้นมาในวันนั้น ความจริงที่ถูกปกปิดไว้คงไม่มีผู้ใดกล้าทูลถวายพระองค์แน่"อี้เฟยอยากรู้ใจจะขาด สตรีตรงหน้านางหยั่งรู้อดีตและวันข้างหน้าได้จริงหรือเรื่องในศาลวันนั้นแม้จะประจักษ์แก่สายตาไปแล้วทว่าหากมันคือเรื่องบังเอิญเล่า เพราะตามเนื้อผ้าเหตุการณ์วันนั้นทำให้เทียนอ้าวหลุนสูญเสียหลานสาวไปต่อหน้าต่อตาเขาย่อมขาดสติจนกลายเป็นนักฆ่าขึ้นมาตามคำบอกเล่าล่วงหน้าของเฟิงซูเหยาแต่หากเรื่องต่อจากนี้เกิดเป็นความจริงขึ้นมาตา
"เจ้าเตรียมสำรับไว้ให้ข้าที่นึงข้าจะนำไปให้ท่านพ่อเอง"อาถังพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มคนที่จะทำให้แม่ทัพใหญ่ฟ่างกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิมได้คงเหลือเพียงแค่บุตรสาวคนสุดท้องอย่างฟ่างเซียนเซียน แต่เฟิงซูเหยาที่อยู่ในร่างนี้จะทำหน้าที่นั้นได้หรือไม่นางเองก็รู้สึกกังวลหลายส่วน"คุณหนูสามขอรับ"ข้ารับใช้นายหนึ่งเดิมเข้ามาพร้อมยื่นของบางอย่างให้ อาถังจึงรับมาแล้วยื่นส่งต่อให้เฟิงซูเหยา"เทียบเชิญจากตำหนักบูรพา"ริมฝีปากเป็นกระจับขยับเอ่ยหลังจากเปิดดูเทียบเชิญที่ข้ารับใช้คนนั้นเอามาให้"คุณหนูหมายถึงตำหนักขององค์ชายห้าหรือเจ้าคะ"อาถังถามด้วยความแปลกใจ เหตุใดองค์ชายห้าผู้นั้นถึงได้ส่งเทียบเชิญนี้มาให้คุณหนูนาง ทั้ง ๆ ที่องค์ชายสามอี้เฟยอาสาพาคุณหนูนางเข้าวังไปแล้ว"เจ้าให้ใครสักคนนำเทียบเชิญนี้ส่งคืนตำหนักบูรพาด้วย"เฟิงซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สายตานางว่างเปล่าเวลามองเทียบเชิญในมือคิดจะเล่นสกปรกแย่งชิงสตรีของพี่ชายซึ่ง ๆ หน้า นิสัยอยากได้ต้องได้ ไม่สนของผู้ใดหรือใครจะเดือดร้อน นั่นแหละนิสัยที่แท้จริงขององค์ชายห้าอี้ซิน"ทำเช่นนี้จะไม่เป็นการหักหาญน้ำพระทัยจนเกินควรหรือเจ้าคะ"อาถังเป็นห่วงกล
ในที่สุดก็ถึงวันชมจันทร์ที่ฮ่องเต้ต้าถังองค์ปัจจุบันจัดขึ้นทุกปีเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษที่จากไปและเป็นการขอพรต่อพนะจันทร์"คุณหนูงดงามมากเจ้าค่ะ"อาถังยิ้มกว้างมองเหองซูเหยาในชุดฮั่นฟูปักลายดอกเหมยสีขาวอมชมพูตัดกับพื้นอาภรณ์ที่เป็นสีแดงฉูดฉาดสีมงคลของฮ่องเต้ทุกพระองค์ของแคว้นต้าถัง"ใช้ปิ่นอันนี้""เจ้าคะ?"อาถังกำลังจะปักปิ่นหยกน้ำงามลงบนผมที่เกล้าขึ้น ทว่าเฟิงซูเหยากลับยื่นปิ่นไม้ที่นางแอบแกะสลักเอาไว้หลายวันแล้วให้สาวใช้แทนแม้จะบอกว่าเป็นปิ่นไม้ หากแต่การแกะสลักของมันช่างสวยงามไม่ต่างจากปิ่นที่ทำจากหยกเนื้อดี รูปผีเสื้อที่นางแกะออกมาช่างเหมือนกับมันมีชีวิตและกำลังบินอยู่เหนือเส้นผมนางอย่างไรอย่างนั้น"คุณหนูเจ้าคะ รถม้าขององค์ชายสามมารออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ"เสียงสาวใช้นางหนึ่งรายงานอยู่หน้าห้อง"เข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามาก"เฟิงซูเหยาค่อย ๆ สำรวจใบหน้าและเครื่องประดับตนเองเล็กน้อย ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงเพื่อเดินออกไปยังจุดนัดหมาย"คุณหนูลืมเสื้อคลุมเจ้าค่ะ"คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงอากาศยามค่ำคืนคงเย็นยะเยือก อาถังนีบหยิบเสื้อคลุมสีขาวนวลมาห่มไหล่ให้คุณหนูนาง"เจ้าเก็บเสื้อนี้ไว้เถิด
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ
"ซินเอ๋อร์แม่เปลี่ยนแผนแล้ว"คราแรกนางก็หวังจะไว้ชีวิตพระสวามีผู้นี้ให้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขจนแก่ตายอยู่หรอก แต่เพราะในใจเขายังไม่เคยลืมเกาเสิ่นอี้ผู้นั้นนางจะสงสารเขาไปไย"เสด็จแม่หมายความเช่นไร""ปล่อยเสือเข้าป่าสักวันมันต้องแว้งมากัดเรา มิสู้ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อวันข้างหน้าที่นอนหลับสบายตา"ได้ยินมารดาพูดเช่นนั้นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมก็ผุดพรายขึ้น"จริงของท่านแม่ ปล่อยเสือบาดเจ็บหนีตายเข้าป่าสักวันแผลมันก็หายและตามมาเอาคืนพวกเรา""ศิษย์น้องระวังตัวด้วย"ไป๋เจิ้นหยางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตือนสติอี้เฟยที่อยู่ใกล้องค์ชายห้าที่สุด"มาปิดบัญชีแค้นกันเถอะ พี่สาม"เสียงชักกระบี่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียงเมื่อทหารของฝ่ายฝ่าบาทและคนของกองโจรเฟิงเสี้ยวต่างเตรียมพร้อมเข้าห่ำหั่นกันเฟิงซูเหยาที่ปลอมตัวปะปนอยู่ในกลุ่มกองโจรลอบหาโอกาสเข้าไปแก้แค้นคนที่ผลักไสให้นางถึงแก่ความตายหากแต่โจรก็คือโจร คนพวกนั้นเล่นสกปรกเมื่อควันสีเทาลอยคละคลุ้งทั่วตำหนักหอมหมื่นบุปผาอย่างไม่ให้ฝ่ายอี้เฟยได้ป้องกันตัว"ระวังควันพิษ"เฟิงซูเหยารีบตะโกนบอกก่อนจะลงกระบี่ปลิดชีพคนของกองโจรที่หันไปเล่นงานนางเมื่อรู้ว่าเป็นไ
"เหม่าทัน เจ้าคนชั่ว เจ้าจับหยังเอ๋อร์ลูกข้าไป"ทันทีที่จางปิงเห็นโอรสองค์เล็กที่ตามหาไม่พบเดินเข้ามาพร้อมเหม่าทันนางร้อนใจทันที"ใต้เท้าเหม่าทันจะทำการใด"ไป๋เจิ้นหยางถามขึ้นเพราะสิ่งที่เหม่าทันทำอยู่มิได้อยู่ในแผนการในครั้งนี้ แผนของพวกเขาคือให้เหม่าทันเฝ้าองค์ชายอี้หยังเอาไว้ หากพวกเขาพลาดพลั้งเสียท่าค่อยนำตัวองค์ชายสิบมาแลก"กุ้ยเฟย ท่านอยากได้องค์ชายสิบกลับไปหรือไม่"เหม่าทันไม่สนใจคำถามไป๋เจิ้นหยางสักนิด เขาตะโกนถามจางปิงที่ยืนตัวสั่นเทาเมื่อแผนทุกอย่างที่นางวางไว้ดิบดีถูกศัตรูทั้งหลายขัดขวาง"อยากฆ่าก็ฆ่า เจ้าจะพูดพล่ามเพื่ออันใด""เสด็จพี่"อี้หยังได้ยินเช่นนั้นรู้สึกปวดร้าวไปทั้งใจแม้ตลอดมาพวกเขาจะไม่เคยเห็นตนในสายตา แต่อี้หยังยังเชื่อว่าครอบครัวต้องไม่ทิ้งเขา แต่นี่กระไร ถ้อยคำที่พี่ชายเอ่ยบอกแก่ศัตรูมิได้มีความเป็นห่วงเขาสักนิด"เอาสิใต้เท้าเหม่า ท่านกล้าฆ่าคนจริงหรือ"กระบี่ในมือเหม่าทันสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดมาเขาตัดสินโทษประหารผู้คนมาก็เยอะแต่ไม่เคยลงมือเชือดคอผู้อื่นด้วยตัวเองสักครั้งเดียว พอถูกองค์ชายอี้ซินท้าทายเช่นนี้เขายิ่งประหม่าและกลัวการฆ่าคนขึ้นมาจับใจ"โอ๊ย!
"เจ้าคือ..."ตั้งแต่ออกปราบกองโจรนี้ ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบหน้าประมุขของกองโจรเฟิงเสี้ยวสักคน เลยไม่แปลกที่เสวียนสวี่จะไม่รู้จักเขา"ข้าคือสามีของฮูหยินรองเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า"น้ำเสียงที่แสนหยามเกียรติดังขึ้นฟ่างเสวียนสวี่เกือบจะชักกระบี่ออกมาหากไม่ถูกต้าลู่ที่ยืนเคียงข้างห้ามเอาไว้ก่อน"แค้นข้าหรือว่าเสียหน้าที่ต้องทนเลี้ยงเลือดเนื้อผู้อื่นจนวันที่นางตายเช่นนี้""เจ้าคนชั่วช้า!""ท่านแม่ทัพใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ"ต้าลู่รีบห้ามฟ่างเสวียนสวี่ที่ตอนนี้โกรธจนแทบจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่"นี่แค่เรื่องเดียวที่แม่ทัพใหญ่รับรู้ยังรับแทบไม่ได้ หากท่านรู้ความจริงเรื่องบุตรสาวคนโตจะไม่กระอักเลือดตายก่อนเลยหรือ""บุตรสาวคนโต เจ้ารู้จักฟ่างเฉียนเฉียนลูกข้าได้เช่นไร"ฟ่างเสวียนสวี่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาตกใจไม่น้อยที่โจรชั่วช้ารู้จักบุตรสาวคนโตของเขาที่เกิดได้ไม่กี่วันก็หายตัวไป"นอกจากรู้จัก ข้ายังเปรียบเสมือนพ่อของนางอีกด้วย""เจ้าหมายความเช่นไร"หว่างคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน จ้องหน้าประมุขเฟิงเสี้ยวอย่างกดดันให้เขารีบพูดต่อ"เจ้าคิดว่าเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกจะหายออกจากจวนใหญ่โตมีข้ารับใช้เ