นิรณาลอบมองหน้าคนข้างกายที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจ พลันได้แต่นึกในใจ บดินทร์น่ะ..ดูไม่แก่เลยสักนิดเดียว หากมองดี ๆ อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอด้วยซ้ำไป
‘นี่สินะที่เขาเรียกว่าอำนาจเงิน คงเสียไปไม่ใช่น้อย ถึงยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ได้ขนาดนี้’ คิดพลางจ้องมองไม่วางตา ไม่ยอมหละสายตาไปทางอื่น..ชวนให้ใครบางคนรู้สึกอึดอัดใจ "ถ้าจะจ้องพี่ขนาดนี้ ทำไมนิไม่กลืนลงไปเลยล่ะครับ?" สารถีขับรถพูดกึ่งประชดประชัน ความจริงเขารู้ตัวนานแล้วว่าถูกจ้องมอง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอ กระทั่งยัยคนนี้ เริ่มหันมาจ้องหน้ากันด้วยสายตาประหลาด ปานว่าไปฆ่าใครตายมา เล่นเอารู้สึกเกร็ง จนทำตัวไม่ถูก..แทบไม่มีสติบังคับพวงมาลัย "กลืนได้ก็ดีสิคะ?" สิ้นคำ เอี๊ยดดดดดดดด เสียงล้อบดถนนดังกึกก้อง มาจากการที่บดินทร์เผลอตัวกดแรงไปเหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้ศีรษะนิรณาแทบทิ่มกับคอนโซนหน้ารถ โชคดีที่เธอคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เลยไม่เป็นอะไรมากนัก แค่ตกใจนิดหน่อยเพียงเท่านั้น "รู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา เป็นสาวเป็นนาง อย่าเที่ยวให้ท่าอ่อยผู้ชาย มันน่าเกลียด" คนข้างกายพร่ำบ่น สอนอย่างกับเป็นแม่เธอ เล่นเอาฝ่ายถูกต่อว่าถึงขั้นนั่งหน้าจ๋อย เงียบกริบไม่ส่งเสียงสักแอะ ก่อนจะแอบเหลือบตามองบน รู้สึกโชคร้ายยังไงไม่รู้ที่ต้องมาจีบคนหัวโบราณแบบเขา "เอ่อ พี่ว่าจะถามตั้งแต่ตอนที่เราเจอกันแล้ว?" บดินทร์พูดทำลายความเงียบน่าอึดอัดใจ รู้สึกติดตะขิดตะขวงอยู่ด้านใน ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตา "เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?" "พี่ดินขาา..ถ้าจะเล่นมุขจีบแบบหน้าคนคล้าย นิว่ามันเชยไปแล้วนะคะ" นิรณาว่าหยอก..ก่อนจะแอบลอบอมยิ้ม "ไม่ใช่สักหน่อย พี่แค่รู้สึกคุ้นหน้าน้อง เหมือนเจอกันที่ไหนสักแห่งก็เท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยนะ" คำพูดโครตจะโบราณ เชยบรมนั้น ทำเอานิรณากลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน ส่วนเรื่องที่ว่าเคยเจอกันมาก่อนนั้น ก็แหงล่ะ..เธอเป็นเพื่อนของบีบี แถมวันนั้นยังเป็นวันพ่อ พอบดินทร์เดินเข้ามาในงาน ตอนแรกนิรณายังคิดว่าเป็นนักเรียนด้วยกัน เพียงแต่แต่งตัวแหวกแนวใส่สูทผูกเนกไทก็เท่านั้น ทว่า..สุดท้ายกลับต้องอึ้งหนัก เมื่อได้เห็นเขาเดินมาทรุดนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ให้ยัยเพื่อนชั่วไหว้ ซ้ำยังนั่งพูดคุยกับพ่อเธอราวสนิทสนมกันมานานอยู่ตั้งครึ่งวัน จะรู้สึกคุ้นหน้ามันก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเธอก็นั่งอยู่ข้างลูกสาวเขานั้นแหละ "แล้วน้องนิจะให้พี่ไปส่งที่ไหนครับ?" "เดี๋ยวถ้าเจอสี่แยกด้านหน้า เลี้ยวไปทางด้านขวาเลยค่ะ" นิรณาบอกทางเขาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง มาหยุดด้านหน้าคลับสุดหรูแห่งหนึ่ง "หนูไม่ได้จะกลับบ้านหรอกเหรอ?" เสียงทุ้มกล่าวถาม "ไม่ค่ะ! นิมีธุระต้องเข้าไปจัดการก่อน..ไม่งั้นกลับไม่ได้" นิรณาไม่ได้โกหกและไม่ได้ตั้งใจมาดื่มจริง ๆ แต่เธอจะมาลากคอไอ้เจ้าน้องชายตัวดีกลับบ้าน หลังจากที่หายหัวไปหลายคืน "ขาเจ็บตั้งขนาดนี้ แน่ใจนะว่ายังเดินไหว?" คำถามนั้น ทำให้นิรณาฉุกคิด เพิ่งจะจำขึ้นมาได้ว่าตัวเองเจ็บขา พร้อมกันหัวดันคิดแผนเด็ด ๆ ขึ้นมาได้อีกครั้ง "น้องชายนิ มันไม่ยอมกลับบ้านมาหลายวันแล้ว พี่ดินช่วยเข้าไปส่งหน่อยได้ไหมคะ คือว่านิกลัวน่ะ ไม่เคยเข้าไปคนเดียวด้วย" คนสวยแสร้งไม่ประสาทั้งที่เดินเข้าออกแทบทุกวัน "เอาแบบนั้นก็ได้ครับ" บดินทร์ยอมตอบรับ รู้สึกเป็นห่วงกลัวเธอที่เป็นผู้หญิงคนเดียวจะเป็นอันตราย หากต้องเข้าไปในสถานที่แบบนั้นเพียงลำพัง "ดีเลยค่ะ ป่ะ ไปกัน" สิ้นคำพูด มือบางเอื้อมไปคว้าบดินทร์ ให้ติดตามตัวเองมาด้านใน เพลงในคลับนั้นดังสุด ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นิรณาย่อท้อ ยังคงสอดส่ายสายตาหาตัวนราภพ เจ้าน้องชายหัวแก้วหัวแหวน ก่อนจะปะเข้ากับใบหน้าสุดแสนจะคุ้นตา กำลังกดจมูกหอมแก้มสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกัน อยู่ท่ามกลางเสียงเชียร์มากมายของพวกเพื่อนในกลุ่ม "ภพ!" เสียงเรียกสุดจะคุ้นหู ทำให้ชายวัยยี่สิบกว่า ๆ หันขวับมาทางพี่สาว ฉับพลันนั้นจึงรีบผลักสองสาวซึ่งกำลังนัวเนียอยู่ข้างกายให้ห่างออกจากตัวเอง "พะ..พี่ มาได้ยังไงอ่ะ?" "ไม่ต้องถาม มานี่เลยย" นิรณาพูด แล้วเดินปึง ๆ อ้อมไปหา เอื้อมมือไปดึงหูเจ้าน้องชายตัวดี ให้ลุกจากโต๊ะ "โธ่! พี่นิจะพาไอ้ภพกลับไปจริง ๆ ดิ..อย่างงี้พวกผมก็เหงาแย่เลย" ชายวัยรุ่นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนนราภพเร่งรีบกล่าวแย้ง ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กน้อยท่าทางมีเลศนัย "ไม่ต้องยุ่ง..นี่มันน้องพี่!" นิรณาหันไปบ่น แล้วขยิบตา "แต่ว่ามันเป็นเพื่อนผมเหมือนกัน เอางี้..ถ้าพี่ดวลเหล้าชนะพวกผม ผมก็จะปล่อยให้พี่พามันกลับไป" เมื่อเห็นเจ้าตะวันตีบทคนอันธพาลได้แนบเนียน นิรณาพลันเผลอ แอบยกยิ้ม ขึ้นมาน้อย ๆ ดูซิ..สุภาพบุรุษผู้ดีคนนี้จะหาทางช่วยยังไง ความจริงยัยตำรวจสาวตัวแสบแอบล๊อบบี้กับน้องชายไว้ จะให้ช่วยมอมเหล้าคุณบดินทร์ หวังจะรวบหัวรวบหางเขาให้ได้ ก่อนถึงงานแต่งยัยบีบี และดูเหมือนมันจะได้ผล เพราะอยู่ ๆ คนคนนั้นดันแทรกขึ้นกลางวงสนทนาที่ดูเหมือนคุกคาม "มันไม่ดีนะครับน้อง ปล่อยพวกเราไปกลับเถอะ" เห็นเขาพูดแบบนั้น ทำเอาความหวังของนิรณาแทบสิ้น คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะขอกลับ..แทนที่จะเป็นการขอดวลเหล้าแทน "แก่แล้วก็อยู่ส่วนแก่ไปเถอะ..ถ้าคออ่อนนักก็ไม่ต้องมายุ่งดีกว่า" เมื่อถูกเด็กวัยรุ่นปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหยามหน้ากันโต้ง ๆ เป็นเหตุให้บดินทร์รู้สึกเดือดดาล เดินไปกระชากเอาเก้าอี้ออกมา ก่อนจะทรุดนั่งลง ตรงข้ามคนปากดี กระดกเหล้าขึ้นมาหนึ่งช็อต เป็นการเปิดฤกษ์ "ยกสิ! ลุงอย่างผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กอย่างพวกคุณ มันไปได้สักกี่น้ำ" ถึงแม้บดินทร์จะโกรธหรือหมั่นไส้เด็กพวกนี้ขนาดไหน เขาก็ไม่ใช้คำหยาบคาย ทำให้นิรณาปลื้มอกปลื้มใจสุด ๆ คิดไม่ผิดที่เลือกคนคนนี้ แล้วจดจ้องชายสองคนที่กำลังแข่งขันกันเอาเป็นเอาตาย ยกดื่ม..ช็อตแล้วช็อตเล่า "สู้ ๆ นะคะ..พี่ดิน นิเป็นกำลังใจให้น้าา" นิรณากระซิบข้างหู เสียงแผ่วเบา ทั้งที่ในใจภาวนาในเขาเมาไปเร็ว ๆ "คร้าบ..พี่จะสู..สู้!" ลิ้นนั้นเริ่มพันกัน สิ้นเสียงจึงหยิบยกแก้วขึ้นชูบนฟ้า ตามมาด้วยน้ำเมาที่กระฉอกออกมาจากแก้วสีใส จนทำให้ราดรดลงใส่เต็มศีรษะ "อุ๊ย! ระวังสิคะ" พอเห็นแบบนั้น มือบางจึงเอื้อมไปดึงทิชชู่ออกมา ค่อย ๆ ซับหยดเหล้าที่เปื้อนตรงหน้าผากบดินทร์อย่างเบามือ รู้สึกดีใจเมื่อได้เห็น..แผนการประสบความสำเร็จ "พี่นิ!" นราภพสะกิดพี่สาว ให้หันมองมาทางตัวเองบ้าง เมื่อเห็นเธอเอาแต่สวีทหวานออดอ้อน พยายามจะเอาอกเอาใจตาลุงนั้น จนเขาเริ่มรู้สึกน้อยใจที่เธอไม่สนใจน้องในไส้เลยสักนิด พานทำให้ไม่อยากจะเชียร์ทั้งคู่ซะแล้ว ด้วยกลัวว่าคนเป็นพี่สาวจะหลงใหลผู้ชายข้างกาย..จนอาจหลงลืมครอบครัว "ว่าไง?" นิรณาหันกลับมาหาน้อง เสียงพูดแตกต่างกันชัดเจน ยิ่งตอกย้ำให้นราภพหมั้นไส้ซะเต็มทนแล้วสะกิดเตือน "ลุงแกเมาหนักแล้วนะนั้น เดี๋ยวก็ไม่มีแรงหรอก" เมื่อฟังน้องชายพูด นิรณาถึงกับหน้าแดงแปร๊ด รู้สึกเขินอาย เมื่อถูกจับทางได้ แต่ความจริงเธอ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมีอะไรกับเขา..สักหน่อย แค่จะเอาไปจัดฉากเพียงเท่านั้นแหละ ทว่ายังไม่ทันที่..จะได้ตอบกลับอะไรน้องชาย อยู่ ๆ บดินทร์ที่เมาหนัก กลับเริ่มโงนเงน ล้มฟุบลงไปนอนกองกับโต๊ะ ไร้สิ้นสง่าราศี..คราบผู้ดี "พี่ดิน! พี่ดินค่ะ พี่!" นิรณาทั้งเรียกทั้งเขย่าตัวเขา แต่เหมือนว่าสติของชายหนุ่มจะดับลงไปแล้ว จึงหันกลับไปสั่งให้พวกน้อง ๆ ช่วยกันแบกคนตัวใหญ่ออกไป หลังจากมองรถนั้นลับสุดสายตา คล้อยหลังนิรณาไปแล้ว ตะวันพลันเอ่ยขึ้นมาลอย ๆ "พี่มึง แม่ง! โคตรสุดยอด เดอะเบสแห่งการจับผู้ชาย ถ้าเกิดเป็นถ้าเป็นเมียกูนะ หึ๊ย! ไม่อยากจะคิด" พูดพลางขนลุกไปพลาง..พร้อมจูบเงินค่าจ้างที่นิรณามอบให้ เป็นของกำนัลที่สามารถทำงานสำเร็จไปด้วยดีกว่านิรณาจะลากตัวบดินทร์ มาถึงโรงแรมได้ เล่นเอาเหงื่อตก หมดเรี่ยวแรง แขนขาเมื่อยล้า จนต้องรีบทิ้งร่างคนตัวสูงลงบนเตียง แล้วปล่อยตัวเอง ให้ล้มตัวลงนอนแผ่หลาอยู่ข้างคนไร้สติ ก่อนจะพลิกตัวตะแคงข้าง หันไปมองหน้าเขา"นี่! พี่..พี่ดิน" พยายามทั้งเรียกชื่อทั้งเขย่าตัว หวังปลุกสติคนเมาแอ๋ ซึ่งกำลังหลับเป็นตาย ให้ตื่นขึ้นมา ก็ได้แต่นึกสงสารตัวเองที่อุตส่าห์มอมเหล้าจนสำเร็จ หวังจะเผด็จศึกสักครั้ง เผื่อบางทีอาจจะได้กลายเป็นแม่เลี้ยงนังเพื่อนสนิทให้หายแค้น ทว่าฝ่ายชายดันหมดสติ จนทำอะไรไม่ได้แต่มีหรือคนอย่างนิรณาจะยอมแพ้ พอดีเธอน่ะ..เป็นพวกที่เชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นในเมื่อ เปิดห้องมาแล้ว ทั้งที..ทุกอย่างต้องไม่เสียเปล่า"เป็นไง! เป็นกัน" เสียงใสพูดให้กำลังใจตัวเอง พร้อมลงมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดทีละเม็ด ๆกระทั่งแผงอกหนาที่ปกคลุม ไปด้วยขนสีน้ำตาลอ่อน แสดงสู่สายตา มัดกล้ามเป็นลอนของเขามองดูแล้วชวนน่าหลงใหลซะจนนิรณาเริ่มเคลิบเคลิ้ม เผลอใช้มือนุ่ม ลูบไล้ สัมผัสหยอกเย้าเบา ๆ ก่อนจะรีบดึงสติ สะบัดหัวไปมา เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านเอื้อมม
คนตัวเล็กเมื่อถูกเรียกชื่อ ดันเผลอลืมตา เป็นเหตุสองสายตาสอดประสานกัน เข้าอย่างจัง ทำเอาคนมากเลห์ต้องเปลี่ยนแผนเล่นบทเหยื่อสาว ผู้เคราะห์ร้าย จ้องมองเขากลับด้วยนัยน์ตาใสแป๋วใสซื่อบริสุทธิ์"พะ..พี่ดิน! นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?" นิรณาถามเสียงแผ่ว เแสร้งทำเป็นตื่นขึ้นมา ตีหน้าซื่อเสมือนว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมกับสิ่งเขาทำ ทั้งที่เมื่อตะกี้ก็ยังนอนบิดกายเร่า ระบายความซาบซ่านในตัวอยู่แท้ ๆบดินทร์แม้จะมองผ่านความมืดสลัว แต่ท่าทางตกใจกลัวจนตัวสั่นสะท้าน ทำให้คนตัวสูงต้องรีบถอนแกนกายออกจากร่างนิรณาแทบทันที เร่งละล่ำละลักกล่าวออกมา"พะ..พี่ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ!"'เฮอะ ปากบอกว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับกระแทกเอา ๆ จนระบมไปทั้งตัว มาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ มันน่าจะโดนจับตีนัก' นิรณาค่อนขอด อยู่ภายใน จิตใจรู้สึกขุ่นมัวไม่ใช่น้อย อยากจับบดินทร์กลับไปดูการกระทำของตัวเองเมื่อตะกี้ซะจริง ๆ"คิดซะว่าเป็นอุบัติเหตุเถอะค่ะ..อย่ามารับผิดชอบนิเลย นิมันโง่ นิมันง่ายเอง พี่ดินไม่ต้องมาสนใจหรอก" คนตัวเล็กกล่าวตัดพ้อเล็กน้อย ท่าทางดูแง่งอน ซะจนแก้มซาลาเปาป่องออกมาตามกิริยาเจ้าของร่
คนตื่นเช้าเป็นกิจวัตรลอบมองหน้าคนข้าง ๆ เห็นเขายังหลับตา เลยได้โอกาสแอบมองใบหน้าคมคายจังหวะนั้นริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย เอาคางไปเกยไว้บนแผงอกแกร่งตั้งใจจะอยู่แบบนี้ จนกว่าบดินทร์จะลืมตาตื่น แต่แล้วก็ต้องล้มเลิกไปกลางคัน เมื่อคิดได้ว่าเขาคงจะตกใจแน่ ๆถ้าได้เห็นสภาพหัวฟู ๆ หน้าตาซีดจางของตัวเองในยามเช้า เร่งรีบลุกขึ้นจากเตียงเดินลิ่ว ๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวให้กลับมาสวยเช้งอีกครั้ง พลางบิดตัวไปมา ส่องกระจกอยู่นาน กว่าจะมั่นใจที่จะเดินออกไปเผชิญหน้าและถึงยังไง เมื่อเดินทางมาขั้นนี้แล้ว บดินทร์จะต้องหลงใหลเธอ หัวปักหัวปำก่อนจะค่อย ๆ เปิดแง้มประตูออกมานิดหน่อย ไม่เห็นเขานอนอยู่บนเตียง วินาทีนั้น..นิรณาใจหายวาบคิดในใจ ไม่ใช่ว่าถูกเขาทิ้งหรอกนะ แต่ยังไม่ทันจะได้ตีโพยตีพาย หางตาดันเหลือบเห็นอะไรแวบ ๆ อยู่ทางด้านซ้ายชายร่างสูงโปร่งกำลังยืนพิงหน้าต่าง คุยโทรศัพท์กับใครบางคน ช่วงเอวมีแค่ผ้าขนหนูพันรอบไว้หลวม ๆเล่นเอายัยคนหื่น ถึงกับต้องรีบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อได้เห็นร่างกายท่อนบน ไร้ซึ่งเครื่องนุ่งห่ม สะท้อนกับแสงอรุณยามเช้า มองดูแล้วช่
มือบางเลื่อนไล่ไถหน้าจอมือถือไปเรื่อย ๆ ระหว่างรอ บดินทร์กลับจากเข้าห้องน้ำ กระทั่งสายตามาหยุดตรงคำที่ว่า‘ขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ร่วมเดินทางมาเที่ยวงานวัดประจำปี’ หลังจากอ่านข้อความบรรทัดนั้นจบ นัยน์ตาสวยเริ่มเป็นประกาย ในที่สุดก็หาสถานที่พาเขาไปเดทได้แล้ว“พี่ดินขาา ก่อนกลับ นิมีสถานที่หนึ่งที่อยากจะไปมาก ช่วยพาไปหน่อยได้ไหมคะ?” นิรณาอ้อนขอ เมื่อเห็นหน้า“ได้สิครับ นิอยากจะแวะที่ไหนล่ะ?”“งานวัดค่ะ เป็นทางผ่านกลับบ้านของนิพอดีด้วย ช่วยแวะหน่อยน้าาค้าา” บดินทร์พอโดนลูกอ้อนด้วยการกะพริบตาปริบ ๆ ของนิรณา ดันเกิดอาการอ่อนระทวยทำอะไรแทบไม่ถูก พยักหน้ายินยอม ทำตามคำขออย่างว่าง่าย ไม่ได้ฉุกคิด หรือเอะใจเลยสักนิดเดียวกระทั่ง..รถเก๋งทรงสปอร์ตสีดำ วิ่งด้วยระดับความเร็วคงที่มาตามทางด่วน นานสองนาน เป็นเหตุให้สารถีงงมาก ถ้าเอาตามความจริง เขาก็ขับมาเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงงานวัด หรือบ้านของคนข้าง ๆ สักกะที จนเริ่มรู้สึกท้อใจ แขนขาเมื่อยล้าไปหมด"ถ้าไม่ใช่นิ พี่คงคิดว่าถูกลวงมาฆ่าทิ้ง" บดินทร์บ่นอุบ เหลือบตามองไหล่ทาง ไร้ซึ่งแสงไฟซ้ำยังเป็นถนนเลี่ยงเมือง ยิ่งทำให้รู้ส
มือบางเลื่อนไล่ไถหน้าจอมือถือไปเรื่อย ๆ ระหว่างรอ บดินทร์กลับจากเข้าห้องน้ำ กระทั่งสายตามาหยุดตรงคำที่ว่า‘ขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ร่วมเดินทางมาเที่ยวงานวัดประจำปี’ หลังจากอ่านข้อความบรรทัดนั้นจบ นัยน์ตาสวยเริ่มเป็นประกาย ในที่สุดก็หาสถานที่พาเขาไปเดทได้แล้ว“พี่ดินขาา ก่อนกลับ นิมีสถานที่หนึ่งที่อยากจะไปมาก ช่วยพาไปหน่อยได้ไหมคะ?” นิรณาอ้อนขอ เมื่อเห็นหน้า“ได้สิครับ นิอยากจะแวะที่ไหนล่ะ?”“งานวัดค่ะ เป็นทางผ่านกลับบ้านของนิพอดีด้วย ช่วยแวะหน่อยน้าาค้าา” บดินทร์พอโดนลูกอ้อนด้วยการกะพริบตาปริบ ๆ ของนิรณา ดันเกิดอาการอ่อนระทวยทำอะไรแทบไม่ถูก พยักหน้ายินยอม ทำตามคำขออย่างว่าง่าย ไม่ได้ฉุกคิด หรือเอะใจเลยสักนิดเดียวกระทั่ง..รถเก๋งทรงสปอร์ตสีดำ วิ่งด้วยระดับความเร็วคงที่มาตามทางด่วน นานสองนาน เป็นเหตุให้สารถีงงมาก ถ้าเอาตามความจริง เขาก็ขับมาเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงงานวัด หรือบ้านของคนข้าง ๆ สักกะที จนเริ่มรู้สึกท้อใจ แขนขาเมื่อยล้าไปหมด"ถ้าไม่ใช่นิ พี่คงคิดว่าถูกลวงมาฆ่าทิ้ง" บดินทร์บ่นอุบ เหลือบตามองไหล่ทาง ไร้ซึ่งแสงไฟซ้ำยังเป็นถนนเลี่ยงเมือง ยิ่งทำให้รู้ส
เสียงไก่ขันเซ็งแซ่ปลุกตอนเช้า บดินทร์ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เขากะพริบตาถี่ ๆ สองสามครั้งเมื่อคืนนิรณาบอกว่าให้ตนมาอยู่ในห้องนี้ก่อนเพราะมืดค่ำแล้ว จึงไม่ได้ไปไหว้ทักทายคุณยายของเธอแต่พอเหลือบตามองข้าง ๆ ฟูกนอนที่ควรจะมีคนตัวเล็กนอนอยู่กลับไร้ซึ่งวี่แววจะก้าวเท้าออกจากห้องไปก็ดันกลัวเจ้าของเรือนจะตกใจคิดว่าเป็นขโมยขโจน เร่งสาวเท้าไปแง้มเปิดประตูสอดสายตามองหาตัว..ก็ไม่พบ นิรณาหายไปไหนก็ไม่รู้ คนตัวสูงเลยตัดสินใจ สูดลมหายใจลึก ๆ จะออกไปตามหา เคร้ง!เสียงขันเหล็กที่ใส่น้ำดอกมะลิ ตกกระทบพื้นเรือน ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดลันของสาวน้อยวัยละอ่อน"อร้ายยยยยย ยายจ๋า โจรจ้าโจร โจรขึ้นบ้านเราแล้ว""เอะอะ..อะไรแต่เช้าล่ะโว้ยย! นั้นคุณดิน ผัวพี่สาวเอ็งไง!" ยายแพร้วเอ่ยบอกหลานคนเล็ก เนื่องด้วยได้รู้เรื่องจากนิรณาตั้งแต่เช้าตรู่ ที่คนเป็นหลานสาวลุกไปเคาะห้องทักทาย"อ้าว! แล้วคนก่อนล่ะยาย?""ผีเจาะปากมาพูดหรือไง! รีบไปเลยนะ ไปเร็ว ๆ ไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับว่าที่พี่เขยเอ็ง" ยายแพร้วพูดรัว ๆหลานเขยคนนี้ หน้าตาท่าทางดูดีมีสกุล ต่างจากคนก่อนที่เจ้าสำอาง ซ้ำยังเกียจคร้
เสียงบางอย่างถูกลากดังมาจากด้านหลัง สายตาคมรีบเหลียวมอง เห็นสาวน้อยคนแรกตอนมาถึงที่นี่ กึ่งลากกึ่งจูงรถเข็นขนาดใหญ่ระดับหนึ่ง มาทางทั้งคู่“เอามาเลย..ร้อยหนึ่ง ค่าแรงที่ฉันลากมาให้”“นารี! แกนี่มันหน้าเงินซะจริง”“ยายขี้เหนียวจะตายไป ไม่ยอมให้เงินฉันใช้เลยนี่น่า”“พูดเพราะ ๆ กับพี่หน่อยสิ คะขา ๆ น่ะ พูดเป็นไหม? ถ้าพูดได้ เดี๋ยวพี่ให้พันหนึ่งเลยเอ้า!”“พี่นิขาา น้องนาขอเงินกินขนมหน่อยสิคะ?”“จ้า ๆ แต่เซ็นไว้ก่อนนะจ๊ะ พี่ไม่มีเงินสดเลยอ่ะ เดี๋ยวตอนเย็น ๆ จะไปกดมาให้” พอเห็นเธอพูดแบบนั้น บดินทร์ถึงกับหันขวับ คนข้าง ๆ ตั้งใจกลับเมื่อไหร่กันแน่ล่ะเนี่ยสุดท้ายมือหนาจึงเอื้อมไป คว้าเอากระเป๋าสตางค์หลังกางเกง แล้วหยิบใบเทาออกมาถึงสามใบ ส่งให้กับน้องสาวนิรณาด้วยความเอ็นดู“พี่ให้ เอาไว้ไปกินขนมนะครับ”“นารีขอกราบงาม ๆ เลยเจ้าค่ะ..คุณพี่เขย!” พอเด็กน้อยพูด บดินทร์ก็รู้เลยว่าหากโตมา นิสัยคงไม่พ้นใครบางคน“เรารีบไปกันเถอะค่ะ” นิรณาเร่งร้องเรียก เธออยากไปเจอพวกเด็ก ๆ ซะจนเต็มแก่ อาจเพราะส่วนหนึ่งเด็กพวกนั้นเหมือนเป็นพลังบวกให้..เวลาที่ได้เจอ จึงรู้สึกมีคว
“พี่อร..สวัสดีค่ะ” นิรณายกมือไหว้หญิงสาวผู้ดูแล ทำให้เธอเหลียวมองมาทางทั้งคู่ พร้อมส่งยิ้มให้ ยกมือขึ้นรับไหว้“ลมอะไรหอบน้องนิมาถึงที่นี่เหรอคะ?”“ไม่ใช่ลมพายุหรอกค่ะ”“นิก็ยังเป็นคนที่อารมณ์ดีเหมือนเดิมเลยนะคะ?”“พี่อรก็ยังเป็นพี่สาวแสนสวย..ที่ยังคงพูดจาไพเราะเพราะพริ้งเหมือนเดิมเลยค่ะ”“พี่ว่าเราสองคน เลิกเยินยอกันเองเถอะค่ะ”“มันคือความจริงนะคะ”“ค่ะ” เจ้าของบ้านจำต้องตอบรับ ด้วยความอ่อนใจ มองไปยังด้านหลังของรุ่นน้องสาว เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งอย่างกับเป็นบอดี้การ์ด จึงตัดสินใจทักทาย“ฉันอรวีค่ะ คุณชื่ออะไรเหรอคะ?”“เราน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน คุณอรเรียกผมว่าดินได้เลยครับ” เมื่อได้ยิน นิรณาหันขวับแล้วยิ้มน้อย ๆบดินทร์คงยังไม่รู้จักคำว่า..สวยไม่สร่างสินะ“จริงเหรอคะ..คุณอายุถึงตัวเลขห้าแล้วเหรอ?” อรวีถามอย่างไม่แน่ใจ ชายตรงหน้าไม่ได้ดูแก่ขนาดนั้น“ข้ามเรื่องอายุไปเถอะค่ะ นิว่าจะขอตัวไปเล่นกับพวกเด็ก ๆ ก่อนนะคะ พวกเขาคงคิดถึงจะแย่ล่ะ” ยัยคนสวยชิงตัดบท แล้ววิ่งเร็ว ๆ ไปเล่นกับเด็กน้อยที่อยู่ในสวน“เอ่อ..ทำไมที่นี่ถึงได้
นิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ
บีบีและเตชินร่วมมือ ช่วยกันพาร่างไร้สติของบดินทร์ขึ้นมา จนถึงห้องนอน ยังเห็นว่าเขายังหลับสนิท คนเป็นสามีจึงเริ่มตั้งกล้องตรงปลายเตียง ก่อนจะเดินออกไปจากปิดประตูดัง..ปึงงง ไม่สนใจ หรือหึงหวงบันนิดา เลยแม้แต่น้อยฝ่ายภรรยาก็ได้แต่มองตามเตชินหน้าจ๋อย ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ถึงขนาดยอมให้เธอใช้ร่างกายร่วมหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง สลับกับเลื่อนสายตามองดูบดินทร์ ใจนั้นไม่อยากทำกับเขาแบบนี้เลยทว่าต้องทำอย่างไรล่ะ..หากว่าถอยตอนนี้ผลเสียย่อมมากกว่า เธอลงมือทุกอย่างไปอย่างชัดเจน เขาเห็นทั้งหน้า และรู้ตัวว่าโดนวางยา ความรู้สึกหลังจากนี้ บดินทร์คงมองตัวเธอเปลี่ยนไปแน่นอนยังไงซะ ตอนนี้ก็ไม่อาจถอยได้ ต้องเดินตามแผนต่อไปจวบจนเวลาผ่านไป รู้สึกตัวอีกที บดินทร์กลับพบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยเปล่า อยู่ข้างบีบีที่ไม่ได้สวมใส่อะไร เวลานั้นความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่ ทั้งช็อก ทั้งโกรธ ทั้งโมโหและเศร้าใจ เร่งสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติให้คืนกลับ พร้อมยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง หวังจะเช็กดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่พบเจอ ไม่ใช่ความฝันและนั้น! ไม่ใช่ความฝ
หลังจากเริ่มรับประทานอาหาร ทำให้ทั่วทั้งห้อง ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ น่าอึดอัดใจ บดินทร์ที่ทานไปได้ สองสามคำ ค่อย ๆ ตัดสินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"พ่อจะให้เวลาหนูกับเตชินพิสูจน์ตัวเอง เลิกยุ่งกับยาเสพติด แล้วไปหางานทำให้ได้ภายในเดือนนี้""บีเลิกยุ่งกับยาพวกนั้น..นานแล้วค่ะ" บันนิดาปฏิเสธเสียงแข็ง คราวก่อนที่บดินทร์ส่งไปบำบัด เธอจำได้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน และไม่อยากกลับไปเหยียบอีก..เป็นหนที่สอง ทว่าร่างกายกลับเสพติดของพวกนั้น จนไม่อาจทนต่อความต้องการไหว"หนูทำหรือไม่ทำ บีบีรู้อยู่แก่ใจตัวเอง พ่อจะไม่เข้ายุ่ง แต่ถ้าเดือนหน้า หนูกับเตชินยังมีสภาพแบบนี้อยู่ พ่อคงจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้""ผมเข้าไม่เข้าใจ พวกเราสองคนทำอะไรผิด ทำไมคุณพ่อ ถึงต้องไล่ผมกับบีออกไปด้วย" คนเป็นลูกเขยกล่าวเสียงสั่นเครือ แสร้งทำน้ำเสียงเศร้าซึมตามมาแต่นั้นกลับเป็น การเล่นละครที่น่าสะอิดสะเอียน ในสายตาบดินทร์ ทำเอากลืนอาหารลงคอด้วยความยากลำบากไม่คิดว่าการมาทานข้าวร่วมกับลูกสาวครั้งนี้ รสชาติกับข้าวราคาแพงจะฝืดคอได้มากขนาดนี้ พร้อมกันจึงยกน้ำเปล่าจิบนิด ๆ หวังให้ละเลียดลงกระเพาะไปให้จบ ๆ จ
บดินทร์เดินเตร่มาตามเส้นทางสวนสวย ๆ ดวงตามองแสงตะวันยามโพล้เพล้ หวังให้ความงดงามของธรรมชาติช่วยบรรเทาอาการเครียดที่มีตอนนี้เขารู้แล้วว่าบันนิดากลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้ง หลังจากให้แม่บ้าน นำผมลูกสาวไปส่งตรวจความทรงจำแย่ ๆ เริ่มไหลย้อนกลับมา และนั้นคงเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของบีบีคนเป็นพ่ออย่างเขา ย่อมจำได้ดี บันนิดาในวัยเด็กนั้นน่ารักและร่าเริง แต่พอช่วงอายุได้ประมาณสิบหกปีเด็กคนนั้นก็เข้ามาถาม เรื่องที่ตัวเอง ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา ซึ่งบดินทร์ก็ยอมรับไปแต่ใครจะคิดว่า เบื้องหน้าสาวน้อยสดใสจะถูกความน้อยเนื้อต่ำใจกลืนกิน แถมเขายังไม่เคยมีเวลาให้กว่าจะรู้ตัวบีบี ดันถลำลึกเกินฉุดรั้ง เคราะห์ร้ายเธอยังไปหลงรักผู้ชายเลว ๆ และหนีไปอยู่ด้วยกัน เชื่อมาตลอดว่านั้นคือความรักที่แท้จริง สุดท้ายบดินทร์จึงส่งบีบีไปลองตรวจอาการทางจิต ปรากฏว่าเธอป่วยเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ ทั้งบดินทร์และบุษบาเลยส่งบีบีไปรักษา พอออกมาได้ ทั้งสองคนก็พยายามช่วยกันกลบปมด้อยภายในใจของลูกสาว ทำให้บันนิดามีอาการดีขึ้นแต่ความสุขดันมีได้ไม่นาน หลังจากที่ทั้งคู่สูญเสียคนกลางไป ความสัมพันธ์ระหว