เมื่อเจียงชั่นได้ยินเข้า ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที เธอหันกลับไปมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งกายเสียเย้ายวนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้กับกู้หม่าง แก้วทรงสูงในมือกวัดแกว่งไปมาเบา ๆ ในตอนที่เดินเข้ามาใกล้เขานั้นก็จงใจดึงชุดที่ผ่าสูงขึ้น เผยให้เห็นต้นขาขาวนวล จู่ ๆ เจียงชั่นก็รู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นค่อนข้างจะคุ้นเคย “เฉียวเฟยเหรอ?” เธอนิ่งอึ้งไป ที่แท้ไม่ว่าเจียงเหยาจะไปที่ใดล้วนแต่จะต้องพาเพื่อนรักคนนี้ไปเสมอ... ก่อนหน้าในตอนที่ยังเรียนอยู่นั้นเฉียวเฟยก็มักจะช่วยเจียงเหยารังแกเจียงชั่น ภายหลังเป็นเพราะว่าผลการเรียนไม่ดีนัก อีกทั้งยังถูกนักข่าวถ่ายรูปในตอนที่เธอกำลังสูบบุหรี่ในผับได้ โรงเรียนจึงได้ให้เธอพ้นสภาพไป ชื่อเสียงของเฉียวเฟยในวงสังคมเจียงโจวก็ไม่ได้ดีมากนัก แต่เพียงเพราะว่ามีที่พึ่งพิงอย่างเจียงเหยา เธอถึงได้แสร้งทำเป็นมีอำนาจ เจียงชั่นรู้สึกหดหู่ขึ้นมา และก็ไม่สนใจไปดูแลลูกค้าอะไรอีก เธอรีบซอยเท้าบนรองเท้าส้นสูงตรงไปหากู้หม่าง "หนุ่มหล่อ ดื่มเหล้าคนเดียวดูจะน่าเบื่อไปไหม?" เฉียวเฟยบิดเอวเล็กยิ่งเข้าใกล้ไป "ไม่สู้พวกเรา..." "ไม่สู้พวกเรามาดื่มด้วยกันดีกว่า" ทันใดน้ำเสียงเย็นสดใ
เธอคิดว่ากู้หม่างจะกอดเธอ และโอบเธอเอาไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่น อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เธอก็ไม่ได้รับรู้ถึงความปลอดภัยอย่างที่รอ เธอเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นกู้หม่างเดินตรงไปทางเฉียวเฟยแล้วยังยื่นมือไปให้หล่อน! หัวใจของเจียงชั่นเต้นกระหน่ำ เลือดทั่วทั้งร่างกายดูเหมือนจะพุ่งขึ้นไปบนศีรษะ! "เฮอะ เห็นกันแล้วหรือยัง? ผู้ชายก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในความเป็นจริง" มีคนหัวเราะกระซิบออกมาเสียงเบา "ถึงแม้ว่าคุณหนูเฉียวชื่อเสียงจะไม่ค่อยดีนะ แต่ก็ยังเป็นลูกสาวของตระกูลที่ถูกต้อง แล้วเจียงชั่นจะไปเทียบกับเขาได้ยังไง?" "สามีของตัวเองไปจับมืออยู่กับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าของทุกคน...เจียงชั่นน่าสงสารจริง ๆ ปกติแล้วก็ทำเหมือนกับผู้ชายคนนี้เป็นสมบัติล้ำค่า แต่ตอนนี้กลับ..." "เพราะฉะนั้นแล้วผู้ชายไม่อาจทำให้นิสัยเสียได้!" สมองของเจียงชั่นว่างเปล่า เธอยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ หัวใจเจ็บปวดขึ้นเป็นระยะ "สามี คุณ..." "ที่รัก อีกเพียงนิดคุณก็เกือบจะทำร้ายคุณหนูเฉียวเข้าแล้ว" กู้หม่างพูดออกมาอย่างเรียบเฉย ก่อนจะหันไปมองที่เฉียวเฟย "ไม่เป็นอะไรนะครับ?" เฉียวเฟยรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก รีบจับมื
ห้องจัดงานเลี้ยงกลับคืนเป็นระเบียบอีกครั้ง ทุกคนดื่มกินกันเหมือนราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแต่ในการพูดคุยส่วนตัวนั้น ต่างก็ผสมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยเฉียวเฟยเอาไว้กู้หม่างดึงเจียงชั่นออกไปเต้นรำ เจียงชั่นไม่คุ้นชินกับการเต้นรำ แต่มีกู้หม่างเป็นคนนำ ไม่ว่าใครก็มองไม่ออก หลังจากเพลงจบลงแล้วก็ได้รับเสียงปรบมือมากมายเฉียวเฟยโมโหเสียจนทั่วทั้งตัวสั่นเทา เจียงเหยาเหลือบมองเธอ สีหน้าเองก็ดูไม่ดีนัก“ไร้ประโยชน์!”“เจียงเหยา เธอ…”“เธอไม่ใช่โอ้อวดว่าตัวเองเป็นดอกไม้ในวงสังคมชั้นสูงหรอกเหรอ? ไม่ใช่ว่ามีแต่ผู้ชายรายล้อมเธอหรอกเหรอ?” เจียงเหยาโมโหเป็นอย่างมาก “แม้แต่กู้หม่างคนเดียวก็จัดการไม่ได้! เขาเพียงแค่พูดออกมาว่าเคยฆ่าคน เธอก็กลัวจนกลายเป็นแบบนี้ไปได้! หากไม่ใช่ไม่มีประโยชน์แล้วคืออะไร?”เฉียวเฟยเม้มริมฝีปาก ในใจดูไม่ยินยอมเดิมทีเธอพูดกับเจียงเหยาเอาไว้แล้ว ว่าจะทำให้เจียงชั่นดูโง่ในงานเลี้ยง แต่กลับไม่คิดเลยว่าคนที่ดูโง่จนกลายเป็นแบบนี้จะกลายเป็นตัวเองไปได้ในตอนแรกที่เธอพบกับกู้หม่างนั้นก็รูปลักษณ์ที่สูงใหญ่และหล่อเหลาของชายหนุ่มหลอกล่อเธอได้ แต่ในตอนที่เขายิ้มแล้
เฉียวเฟยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออวดต่อหน้าของทุกคน ภาพบนหน้าจอเป็นภาพของเจียงเหยาถ่ายรวมกับชายคนหนึ่งจริง ๆ“คงจะไม่รู้จักกันสินะ? นี่ก็คือท่านสามฮั่ว! เจียงเหยาในตอนนั้นไปงานเลี้ยงรับรองของท่านสามฮั่วมา!”“ท่านสามฮั่วคนนั้นในเมืองหยางเฉิงเหรอ?”“แน่นอน! เขานี่สิถึงจะเป็นรัชทายาทที่แท้จริง?”ทุกคนที่ล้อมรอบอยู่ต่างก็มองไปยังเจียงเหยาด้วยความอิจฉาใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าท่านสามฮั่วเป็นคนเก็บตัวจนถึงตอนก็ยังไม่เปิดเผยภาพออกมาต่อสาธารณะชนกับสื่อใด คนที่สามารถพบกับเขาก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยแต่เจียงเหยาไม่เพียงแต่ได้รับเขิญไปงานเลี้ยง ยังเคยถ่ายภาพร่วมกันกับท่านสามฮั่ว ช่างถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งทันใดนั้นเสียงชื่นชมยินดีก็ดังขึ้นเจียงเหยารู้สึกเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย เธอไม่ได้อยากให้เฉียวเฟยโอ้อวดแบบนี้ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจับผิดเธอก็อุ่นใจลงยอมรับความชื่นชมนี้!และถ้าหากว่าคืนนั้นเจียงชั่นเองก็เข้าไปด้วยแล้วจะอย่างไร หากว่าเจียงชั่นกล้าพูดออกมาสักคำ เธอก็ยังมีวิธีที่จะจัดการกับเเจียงชั่น!เจียงเหยาหันมองไปรอบ ๆ แน่นอนว่ามองเห็นเจียงชั่นและกู้หม่างอยู่นอกกลุ่มคนนั่นเธอเดินเ
ความแข็งแกร่งแผ่ออกมากระจายออกมาจากส่วนลึกในตัว ทำให้ซูเฉินที่พบเห็นผู้คนมาไม่ถ้วนก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย "ประธานซู คุณดูสิ!" มีคนก้าวเข้ามาส่งโทรศัพท์ให้กับเขา "นี่คือภาพถ่ายร่วมกันของคุณหนูใหญ่เจียงและท่านสามฮั่ว!" "เมื่อครู่ที่พวกคุณคุยกันก็คือเรื่องนี้เหรอ?" "ใช่แล้ว!" ซูเฉินเงยหน้าขึ้นมองไปยังเจียงเหยา เจียงเหยาไม่ส่งเสียงใด ยังคงวางสีหน้าสูงส่งต่อไป ตอนแรกซูเฉินนั้นยิ้มออกมาด้วยความสุภาพเกรงใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแข็งค้างขึ้นมา "คุณหนูเจียง" เขามองไปยังเธอ "คุณแน่ใจนะว่า นี่คือท่านสามฮั่ว?" หัวใจของเจียงเหยาสั่นสะท้าน ดวงตาที่มองไปยังเขาแฝงความตื่นตระหนกอยู่หลายส่วน "นี่...ทำไมถึงจะไม่ใช่?" เธอฝืนตัวเองให้ทำเป็นสงบนิ่ง เพราะอย่างไรแล้วก็ไม่มีใครที่เคยพบเห็นหน้าตาของฮั่วจือสิงมาก่อน อย่างน้อยในงานเลี้ยงเล็ก ๆ เช่นนี้ก็ไม่มีแน่ "เอ่อ วันนั้นเป็นงานเลี้ยงรับรองของท่านสามฮั่ว พวกเราทั้งครอบครัวได้รับเชิญให้ไปเมืองหยางเฉิง" เจียงเหยากางนิ้วมือออกดูเล็บคริสตัสที่เพิ่งจะทำมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเหลือบมองเขา "งานเลี้ยงใหญ่มากและดูเหมือนว่าตระกูลมั่งคั่งจากทั่วทุกที่ต่
“พวกคุณ…หุบปากกันเดี๋ยวนี้นะ!”เจียงเหยาอับอายจนกลายเป็นกรุ่นโกรธ หันหลังแล้ววิ่งออกไปด้านนอกทันที แต่ด้วยความไม่ระวังทำให้รองเท้าส้นสูงพลิกจนข้อเท้าแพลง เธอหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเจียงชั่นยืนอยู่ด้านข้างของเธอ มองยังใบหน้าน่าสมเพชของเธออย่างเย็นชา เป็นความผิดของตัวเองทั้งนั้นเจียงชั่นเม้มริมฝีปาก เธอไม่ได้เห็นใจเจียงเหยา เพียงแต่ตนเองก็นามสกุลเจียง ในสายตาของคนนอกเธอกับเจียงเหยาเป็นพวกเดียวกันมีคนในครอบครัวเป็นแบบนี้ จะไม่ขายขี้หน้าไปได้อย่างไรก่อนที่เจียงเหยาจะจากไปยังจ้องมองเจียงชั่นด้วยสายตามุ่งร้าย และกัดฟันแน่นจนแทบจะหักออกมาซูเฉินยิ้มออกมาจาง ๆ มองทุกคน “เข้าใจผิดกันแค่นั้น ทุกคนสนุกกันต่อเถอะครับ!”งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป เพียงแต่ทว่าเจียงชั่นไม่มีอารมณ์อยู่ต่อแล้ว และในขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับนั้น จู่ก็ได้ยินเสียงซูเฉินเรียกเธอเอาไว้จากด้านหลัง“คุณเจียงชั่น ช้าก่อน”เจียงชั่นทำได้เพียงหันกลับไป แล้วทักทายกับเขาซูเฉินสังเกตได้ว่ามือข้างนั้นยังคงสวมแหวนมรกตอยู่ สายตาเขาก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็หันไปมองที่กู้หม่างที่อยู่ข้าง ๆ เธอ “คุณจะไม่แนะนำสักหน่อย
กู้หม่างยิ้มให้เธอจาง ๆ และกุมมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ "ใช่แล้ว ได้กำไรมากจริงๆ"สองสามีภรรยาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ซูเฉินจึงไม่อาจจะถามต่อไปได้อีก ทำได้เพียงหาข้ออ้างขอตัวจากไป เสียเวลาอยู่นาน ในที่สุดเจียงชั่นก็ดึงกู้หม่างย่องออกไปทางประตูเล็กด้านข้าง ทั้งสองคนเดินบนทางเดินเล็กในสวนหลังโรงแรม กลางคืนแสงจันทร์กระจ่าง กลางอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอากาศที่มีเป็นเอกลักษณ์ของฤดูกาลนี้ สายลมเย็นพัดกระทบใบหน้ามาเป็นระยะ ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข หิ้งห้อยบินผ่านทุ่งหญ้าส่องแสงกะพริบวาบ สะท้อนไปกับสีน้ำเงินเข้มยามค่ำคืน เจียงชั่นยิ้มออกมา ศีรษะเล็ก ๆ ซุกลงไปที่ไหล่ของกู้หม่าง ทั้งสองคนเดินไปช้า ๆ เพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนและความเงียบสงบที่ยากจะมีได้ "ทำไมเมื่อครู่คุณถึงได้พูดออกมาแบบนั้น?" จู่ ๆ กู้หม่างก็ถามเธอออกมา เจียงชั่นนิ่งอึ้งไปแล้วตอบออกมาเสียงเบา "คุณจะต้องไม่อยากให้ซูเฉินรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเรามากนักใช่ไหม?" "คุณรู้ได้ยังไง?" "คุณเป็นสามีฉัน แน่นอนว่าฉันย่อมต้องเข้าใจคุณ!" เจียงชั่นลูบลงบนแหวนมรกตบนนิ้วมือ ยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน เขาเป็นสามีของเธอ แน่นอน
กู้หม่างมีสีหน้าที่หม่นลง “...ที่รัก เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่พูดถึงคุณฮั่ว?”…ซูเฉินรออยู่ที่ด้านนอกคลับส่วนตัวของฮั่วจ่านเฮ่อมันตั้งอยู่บริเวณตีนเขาหมิงหวงที่ถูกล้อมรอบไว้อย่างมิดชิดด้วยต้นไม้นานาพรรณที่แน่นหนาซ้ำยังมีบอดี้การ์ดในชุดดำและแว่นกันแดดยืนเรียงกันอย่างน่าเกรงขาม พวกเขาจะคอยสอดส่องโดยรอบบริเวณด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกไม่รู้ว่ายืนรอนานเท่าไรกว่าที่จะมีคนเดินออกมาต้อนรับซูเฉินอย่างสุภาพฮั่วจ่านเฮ่อที่เพิ่งแช่น้ำพุร้อนเสร็จ กำลังเอนตัวลงบนเก้าอี้เลานจ์นุ่ม ๆ ข้างกันก็มีคนคอยนวดให้ทันทีที่ซูเฉินเดินเข้ามา เขาก็ได้กลิ่นของซิการ์ชั้นดี“นี่น่าจะเป็นโคฮิบาที่นำเข้ามาจากคิวบาสินะครับ?”“ฮ่า ฮ่า จมูกดีจริง ๆ” ฮั่วจ่านเฮ่อเหลือบมองไปด้านข้างเพื่อสั่งให้คนขยับเก้าอี้ให้ผู้มาเยือนรอยยิ้มที่ประจบประแจงจึงปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซูเฉิน ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง“มาหาฉันทำไม?” ฮั่วจ่านเฮ่อหลับตาลงเล็กน้อยแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมา ราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินและค่อนข้างแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าของซูเฉิน ไม่เพียงแค่ตระกูลฮั่วที่ให้โอกาส แต่ยังเป็นเขาด้วยที่คอยสนับสน
เจียงชั่นยิ้มแล้วไม่ตอบอะไรโมนาจึงรู้สึกตระหนกขึ้นมาถังอี้หรานเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้ ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่เขากำกับล้วนแต่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ระดับนานาชาติอีกด้วยทุกคนในวงการต่างก็กระตือรือร้นที่จะได้เข้าไปอยู่ในทีมของถังอี้หรานแน่นอนว่าโมนาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถังอี้หรานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ ทุกคนรู้จักกันดีว่าเธอหยิ่งแค่ไหน แน่นอนว่าแม้แต่ดารายอดนิยมอย่างเธอถังอี้หรานก็ไม่แยแสแต่ตอนนี้...“เมื่อกี้นี้คุณโทรหาถังอี้หรานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ครับ” ผู้จัดการห่าวเหลือบมองเธอ “ผู้อำนวยการถังเพิ่งสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ คุณเนี่ยซินและคุณเจียงช่วยติดต่อกับเธอแล้ว”สีหน้าของโมนาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก“ผะ..ผู้ช่วยเจียง” เธอมองเจียงชั่น “ผู้กำกับถังจะมาร่วมรายการนี้ด้วยเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่เคยปรากฎตัวในรายการวาไรตี้เลยนะ”เจียงชั่นยิ้มและยังคงไม่พูดอะไร“มันไม่ใช่รายการวาไรตี้ธรรมดา ๆ หรอกเหรอ?!” โมนาโกรธจัดเจียงชั่นเม้มปากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพ
เจียงชั่นที่กำลังดื่มน้ำ เกือบพ่นน้ำออกมาทันทีที่ได้ยินหลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินออกไปเห็นได้ชัดว่าดาราสาวเป็นคนที่ใจร้อนมาก หญิงสาวจ้องเจียงชั่นด้วยความไม่พอใจ“นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามืออาชีพ กำลังทำอะไรอยู่?” โมนาตะโกน “หยู่เฟิงมีเดียก็ใหญ่โตแล้วมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมนี้นะ จะดูแลได้ดีแน่เหรอ? เพิกเฉยต่อศิลปินแบบนี้มันไม่สุภาพเลยนะ!”ผู้จัดการห่าวทนไม่ไหว “คุณโมนามีมารยาทหน่อยได้ไหมครับ?”โมนาเหลือบมองเขา“ผู้ช่วยเจียงเป็นผู้ช่วยอาวุโสของคุณฟู่ เธอรับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์และการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้กับศิลปินทุกคน แม้แต่เนี่ยซินเองก็ต้องทำตามและให้ความร่วมมือกับผู้ช่วยเจียง”“คุณโมนาคิดว่าตัวเองมีสถานะที่สูงกว่าคุณเนี่ยซินงั้นสินะครับ?”ทุกคำพูดของผู้จัดการห่าวเน้นย้ำ โมนาจึงถอยหลังเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจเจียงชั่นยิ้มแล้วหยิบเอกสารจากโต๊ะขึ้นมา ในนั้นมีตารางงานของศิลปินหลายคนของบริษัท“นี่เป็นแผนการเดินทางของคุณค่ะ” เจียงชั่นยื่นเอกสารสำเนาให้กับโมนา “ในนั้นมีข้อควรระวังในการปรากฏตัวในรายการ เดี๋ยวฉันจะช่วยสื่อสารกับผู้จัดการส่วนตัวของคุณล่วงหน้า”“นีมันรายการอะไ
เจียงชั่นขมวดคิ้วพลางมองตามไปยังเสียงที่ได้ยินเธอเห็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเรียบหรู สวมแว่นกันแดดอันใหญ่และต่างหูกับสร้อยคอที่ดูเว่อร์เดินนวยนาดเข้ามา“ไม่ได้บอกว่ามีทีมผู้บริหารที่เป็นมืออาชีพหรอกเหรอ?” เธอถอดแว่นนกันแดดอันใหญ่ออกแล้วมองเจียงชั่นด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร “แล้วอยู่ไหน?”ผู้จัดการห่าวและเจียงชั่นมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเบา ๆเจียงชั่นยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณโมนาใช่ไหมคะ? ฉันคือ...”โมนาแสดงท่าทีที่หยิ่งออกมา เธอไม่ยอมจับมือกับเจียงชั่นเลยเจียงชั่นจึงหยุดค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น ก่อนจะดึงมือกลับเงียบ ๆผู้จัดการห่าวก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “คุณโมนาครับ นี่คือคุณเจียงชั่นผู้ช่วยอาวุโสที่หยู่เฟิงมีเดียของเรา เธอรับผิดชอบในการจัดหาศิลปิน ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไร สามารถคุยกับเธอได้เลยโดยตรง”“อ้อ เจียงชั่น!” โมนายิ้มในขณะที่ก้มลงมองเล็บมือที่เพิ่งทำมาของเธอ “มีประสบการณ์หรือเปล่า? ไม่ใช่ใครก็จะดูแลฉันได้นะ”“ไม่ต้องกังวลครับคุณโมนา แม้ว่าผู้ช่วยเจียงจะไม่ได้อยู่ในวงการนี้นาน แต่ความสามารถในการทำงานของเธอโดดเด่นมาก”“ความสามารถในการทำงานหรือยั่วผู้ชายกันแน่ที่โดด
“ไอ้สารเลว! แกมันน่ารังเกียจ”สีหน้าของหยินรั่วหงแดงจัดฮั่วจ่านเฮ่อมองกลับด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แววตาเจ้าเล่ห์มีความชั่วร้ายอยู่เต็มเปี่ยมเครื่องบินส่วนตัวของฮั่วจือสิงตกจริง แต่หยินรั่วหงไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้นเขาพบกับฮั่วจ่านเฮ่อที่งานเลี้ยงหลายแห่ง พวกเขาเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนด้านการแพทย์และเภสัชกรรมแล้ว ตระกูลหยินในหนานหยางยังเปิดสนามบินพลเรือนอีกด้วย สนามบินขนาดใหญ่หลายแห่งในหนานหยางอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหยินดังนั้นฮั่วจ่านเฮ่อจึงมีแผนนี้ขึ้นมา ทว่าเขาซ่อนความจริงนี้จากหยินรั่วหง ก่อนจะใช้อุบายในการใช้ช่างเทคนิคเข้ามาทำอะไรบางอย่างกับเครื่องบินของฮั่วจือสิง...จากนั้นเขาก็แกล้งทำกรรมธรรม์ก้อนใหญ่แล้วบอกหยินรั่วหงว่าเงินหลายล้านจะตกเป็นของเขาหยินรั่วหงไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นผู้ร้ายในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายในครั้งนี้ด้วย“ประธานหยิน ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะไม่มีใครฟังคำอธิบายของคุณหรอกนะ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณเป็นคนที่ร่วมทำร้ายฮั่วจือสิงเหมือนกัน”“เมื่อถึงเวลาชื่อเสียงและความมั่นคงของคุณก็จะถูกทำลายลงไป”หยินรั่วหงหายใจเข
“ใช่”ฮั่วจือสิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับชั่นชั่น ดังนั้นอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ...”“เกิดอะไรขึ้น?” “ช่วงนี้อาการบาดเจ็บที่ขา...มันมีอาการนิดหน่อยน่ะ”เสิ่นเซียวตกใจ รีบพาเขาไปเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดทันที“ไม่มีอะไรหรอก” ฮั่วจือสิงตบไหล่อีกฝ่าย “มันน่าจะกำเริบ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมาก ก็จะเจ็บมากหน่อย”“ผมจำได้ว่าตอนนั้นคุณให้ยาผม ทั้งแบบกินแล้วก็แบบทา มันได้ผลดีมากนะ..วันนี้ก็เลยอยากจะให้สั่งยาเพิ่ม”เสิ่นเซียวลังเลอยู่นาน โดยที่ไม่พูดอะไร“มีอะไรรึเปล่า?”ฮั่วจือสิงนึกสงสัยว่าแพทย์อาจจะไม่สามารถสั่งยาได้ง่ายดายอย่างทีคิด?“จือสิง” เสิ่นเซียวมองเขาแล้วเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “ที่จริงผม..ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือยาอะไร”“ว่าไงนะ?” ฮั่วจือสิงประหลาดใจ “แต่ตอนนั้นคนที่ให้ยากับผมคือคุณนะ”“ใช่ แต่ยานั่นมีคนมอบให้คุณอีกที”ฮั่วจือสิงยิ่งเกิดความสับสนมากขึ้นเสิ่นเซียวถอนหายใจแล้วบอกความจริงทั้งหมด“คุณลองคิดดูสิ ถึงผมจะจบจากโรงเรียนแพทย์มา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้เป็นหมอมานานแล้ว ไม่เคยผ่า
“ครับ นายน้อย” ฟางฮั่นพยักหน้าแต่หยินรั่วหงเป็นคนค่อนข้างลึกลับ ไม่ชอบปรากฎตัวต่อสาธารณะแม้แต่ในงานประมูลวันนั้น ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เจอหน้าเขา“ถ้านัดหมายในนามของเรา เขาจะต้องรับ” ฮั่วจือสิงคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว“แล้ว...ในนามของคุณชายสองล่ะครับ?”“ไม่จำเป็น” ฮั่วจือสิงเม้มปาก “บอกแค่ว่าปู่อยากเจอเขา”ฟางฮั่นสะดุ้งเล็กน้อย “นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ถ้ามีปู่ร่วมด้วย หยินรั่วหงจะไม่กล้าทำอะไร”ฮั่วจือสิงยิ้ม ก่อนจะปรับสีหน้าไปเป็นไม่พอใจอีกครั้ง“นายน้อย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นรู้สึกตระหนกเล็กน้อยฮั่วจือสิงลดเสียงทันทีและเจียงชั่นก็ยังอยู่ในครัว“เปล่า” เขาขยับตัวเล็กน้อย “ก็ปัญหาเดิม ๆ”“อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเปล่าครับ?” ฟางฮั่นเป็นกังวลหลังจากเหตุการณ์เครื่องบินตก ฮั่วจือสิงได้รับบาดเจ็บหนัก แม้ตรวจแล้วทุกอย่างจะปกติดี แต่ก็มีเพียงอาการบาดเจ็บที่ขาเท่านั้นที่ยังมีผลกระทบที่ต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรง” เขายืดตัวขึ้นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง ก็เลยเจ็บมากเป็นบางครั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คงจะไม่เป็นอะไรถ้าฉันพอจะปรั
เจียงชั่นหน้าแดงด้วยความเขินอาย ในขณะที่ฮั่วจือสิงกำลังโมโห เธอรีบผละออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันทีฟางฮั่นอ้าปากค้าง สายเกินไปแล้วที่เขาจะหนีไปอีกคน...สีหน้าของฮั่วจือสิงมืดดำราวกับมีหมึกดำ ๆ มาป้ายไว้บนหน้าเขาเดินออกไปตรงลานสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว พลางมองฟางฮั่นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาฟางฮั่วกระตุกยิ้มแห้ง ๆ หัวใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาจากปาก“เกิดอะไรขึ้น?” เขาเอ่ยตอนนี้ฟางฮั่นลืมทุกสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้ว จึงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่าความเงียบไม่กี่วินาที ทว่าความรู้สึกกลับยาวนานเป็นทศวรรษจากนั้นเจียงชั่นก็ได้ยินเสียงคำรามเข้ม ๆ ของใครบางคนดังขึ้นมา “ฟางฮั่น!”ป้าเฉินที่กำลังเลือกผักอยู่สะดุ้งแล้วรีบวิ่งออกมาจากครัวทันที“เกิดอะไรขึ้นคะ?”เจียงชั่นนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟา“เสี่ยวฟางมีเรื่องเหรอคะ?” ป้าเฉินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปที่ห้องครัวพลางพึมพำกับตัวเอง “ตะเบ็งเสียงขนาดนี้ คงต้องทำซุปไว้ให้นายน้อยหน่อยแล้วล่ะนะ...”ที่สนามหญ้าเองเจ้าแมวส้มที่กินอาหารจนหมดก็กำลังเหวี่ยงร่างอ้วน ๆ ของมันไปมา ขณะที่มองชายหนุ่มทั้งสองแล้วร้องเหมียวสองสามครั้ง
จู่ ๆ ไป๋จิ่งหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นผิดจังหวะ แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ใบหน้าที่ชัดเจนของเหยาหว่านยินสะกดเขาราวกับมีเวทย์มนตร์ ดวงตากลมคู่นั้นราวกับโลกที่ลึกลับกำลังดึงดูดให้เขาเข้าไปสำรวจไป๋จิ่งหยวนมองเธออย่างว่างเปล่า บรรยากาศโดยรอบเงียบลง ราวกับว่าทุกอย่างกำลังมุ่งความสนใจไปที่เธอลมเย็น ๆ ที่พัดกระโชกมาทำให้เหยาหว่านยินไอออกมาสองสามครั้งทำให้ไป๋จิ่งหยวนถอดเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมให้กับเธอแทน“ไม่เป็นไร...”“ใส่เถอะ” เขาช่วยกระชับเสื้อให้กับเธอ “ไม่สบายเหรอคุณ? หรือว่าเป็นหวัด?”เหยาหว่านยินเม้มปากแล้วมองเขาเงียบ ๆตอนนี้เริ่มมีคนทะยอยออกมาจากประตูงานประมูล“ดูเหมือนงานจะจบแล้วล่ะ” ไป๋จิ่งหยวนเอ่ย “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมไปส่ง คุณอยู่ที่ไหน?”เหยาหว่านยินชะงักแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยทุกอย่างราวกับภาพฝัน ในตอนที่เธอตื่นเธอก็ต้องกลับสู่โลกของความเป็นจริงความจริงที่ว่าเธอเป็นลูกสาวนิรนามของตระกูลเหยา ไม่รู้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง...ร่างบางหันหลังกลับแล้วเดินไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนของตระดูลเหยากำลังตามหาเธออยู่ไม่ไกล
“คุณชื่อหว่านยินเหรอ?” ไป๋จิ่งหยวนขมวดคิ้วดูสับสน “แล้วนามสกุลอะไร?”เหยาหว่านยินหลับตาลงแล้วนิ่งเงียบไป๋จิ่งหยวนจึงยิ้มกว้าง ไม่ว่าเธอจะนามสกุลอะไรแต่แค่ได้รู้จักชื่อก็ดีมากแล้ว“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาไปเดินเล่นในสวน” เขาเอ่ยพลางเดินออกไปจากประตู“นี่คุณ...”แต่ก่อนที่เขาจะออกไปได้ ร่างสูงก็ถูกเหยาหว่านยินรั้งเอาไว้เขาตะลึงก่อนจะหันกลับมามองเขายังไม่ได้ใส่กางเกง!ชายหนุ่มหน้าแดง ในขณะที่มองเหยาหว่านยินด้วยความตระหนก ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ใส่เธอดีเห็นอย่างนั้นเหยาหว่านยินก็รู้สึกขบขัน ใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีสันขึ้นมาทันทีไป๋จิ่งหยวนวิ่งเข้าไปในห้องแล้วรีบสวมกางเกงทันที ก่อนจะพาเหยาหว่านยินออกไปเดินเล่นในค่ำคืนของฤดใบไม้ร่วงช่างสวยงาม ภายในสวนที่ได้รับแสงแดดอบอุ่นมาตลอดทั้งวัน ยังคงมีกลิ่นอายของความอบอุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ รอบข้างมีความเงียบสงบและมีเสียงนกนานาชนิดร้องเป็นระยะ ๆ แสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสวยงามราวกับมีหิ่งห้อยกำลังบินอยู่เหยาหว่านยินสูดหายใจลึกแล้วหลับตาลงเบา ๆเธอยืนอยู่บนสนามหญ้าและหายใจได้อย่างอิสระ อิสระที่เธอเฝ้าใฝ่หามาทั้งชีวิต“ดีจัง” เธอหั