"จัดการเลยสิ ข้ายอมให้เจ้าเล่นกับมันได้ตามใจชอบ"เฟิ่งฟางเซียนถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ นี่เขาคิดไปไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ ให้ตายสิ!นางยื่นมือเรียวสาวไปคว้าจับลำแท่งเอ็นอุ่นร้อนของสวีหลงเยียนยัดกลับเข้าไปที่ใต้ร่มผ้าของเขาเช่นเดิม สวีหลงเยียนขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ "เก็บไปทำไมกัน? ข้าให้เจ้าเล่นกับมัน!!!""บนรถม้าไม่สะดวกเพคะ""เรื่องมาก!!!""ฝ่าบาท""ไม่ต้องมาพูดกับข้า ไสหัวไปไกล ๆ เลย!!!"สวีหลงเยียนหันหน้ามองไปทางอื่นโดยที่ไม่สนใจนางอีก เฟิ่งฟางเซียนพยายามชวนเขาคุยแต่เขากลับเมินเฉยราวกับนางเป็นเพียงอากาศธาตุ นี่เขาโมโหนางหรือ?ช่างสิ!!! ใครจะไปง้อกันปัญญาอ่อนเอาแต่ใจตัวเอง!!!ตลอดทางที่รถม้าเคลื่อนไปจนถึงพระราชวังฤดูร้อน สวีหลงเยียนนิ่งเงียบมาตลอดทาง ส่วนเฟิ่งฟางเซียนเองก็คร้านจะใส่ใจ เมื่อเดินทางมาถึงนางก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์และรับสำรับมื้อเย็นเตรียมที่จะพักผ่อนสวีหลงเยียนที่นั่งอยู่บนเตียงภายในตำหนักใหญ่ เขาชะเง้อคอยืดยาวสายตามองตรงไปที่ประตูด้วยใจที่ห่อเหี่ยว นี่นางจะไม่ตามมาปรนนิบัติเขาเสียหน่อยหรือ?รอแล้วรอเล่าจนแทบทนไม่ไหว ในที่สุดสวีหลงเยียนก็
ฤดูร้อนจะจบสิ้นลงแล้ว ตอนนี้กำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจึงค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อย สวีหลงเยียนกับเฟิ่งฟางเซียนกำลังนั่งดื่มชาร้อนอยู่บนเรือลำใหญ่ที่กำลังแล่นกลับสู่เมืองหลวงที่เสียนหยาง หลินกุ้ยเฟยตั้งตารอคอยให้สวีหลงเยียนมาถึงโดยเร็ว แต่ทว่าเมื่อเขากลับมาถึงก็ไม่ใส่ใจไยดีต่อนางเลยแม้แต่น้อย แววตาที่มองนางมีแต่ความรังเกียจและไร้เยื่อใย นางเองก็รู้สึกถอดใจไม่น้อย นึกเกลียดชังเฟิ่งฟางเซียนที่มาแย่งความโปรดปรานของสวีหลงเยียนไปจากนาง เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าอ๋องจากทั้งสี่แคว้นจะเดินทางเข้ามาที่เมืองเสียนหยาง เพื่อส่งของบรรณาการและเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองหลวงเสียนหยางเนื่องในโอกาสครบรอบยี่สิบปีที่บิดาของสวีหลงเยียนสามารถเป็นใหญ่เหนือแคว้นทั้งสี่ได้ ในวังหลวงตอนนี้ต่างกำลังวุ่นวายด้วยต้องจัดเตรียมการต้อนรับเหล่าอ๋องทั้งสี่แคว้น สวีหลงเยียนสั่งให้เหล่านางกำนัลจัดเตรียมตำหนักไว้ต้อนรับ สวีเหมยหลิง พี่สาวของเขาที่กำลังเดินทางมาพร้อมกับเยี่ยนอ๋องหวางต้าเฟิ่งในครั้งนี้ด้วย ระยะนี้เฟิ่งฟางเซียนรู้สึกคลื่นไส้จนเกินจะทน แค่นางได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกทนไม่ได้เสียแล้ว ลำบากเหล่านางกำน
อ๋องทั้งสี่แคว้นเดินทางมาถึงแล้ว สวีหลงเยียนเองก็ให้การต้อนรับและจัดที่พักให้พวกเขาอย่างดี สวีเหมยหลิง ที่ไม่ได้พบกับสวีหลงเยียนและสวีมู่หรงมานาน ก็รู้สึกดีใจที่ได้พบเจอน้องทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง "หลงเยียน มู่หรง พี่คิดถึงเจ้าทั้งสองยิ่งนัก""พี่หญิง มาคราวนี้ดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ซูเฟยกำลังตั้งครรภ์อยู่""ซูเฟย?""เฟิ่งฟางเซียนพ่ะย่ะค่ะ"สวีเหมยหลิงมีสีหน้าครุ่นคิดไม่น้อย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ นางหันไปมองสวีหลงเยียนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทันที "ข้าได้ยินว่าเจ้าเกลียดนางยิ่งนัก เหตุใดนางจึงตั้งครรภ์ได้เล่า หรือว่าเจ้าปลุกปล้ำนาง!!! หลงเยียนข้าจะตีเจ้า!!! ข้าเคยสอนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามรังแกสตรี น้องชั่ว!!!"สวีเหมยหลิงง้างฝ่ามือขึ้นมาเตรียมจะฟาดลงไปบนศีรษะของสวีหลงเยียนทันที จนเขาต้องยกมือขึ้นมาบังเอาไว้"ไม่ใช่นะพี่หญิง!!! นางต่างหากที่ปลุกปล้ำข้า!!! เอ่อ...""หา!!!"สวีเหมยหลิงและสวีมู่หรงต่างหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ สวีมู่หรงรู้สึกขบขันไม่น้อย แต่หากเสด็จพี่มีความสุขเขาก็ดีใจด้วย"เป็นฮ่องเต้ประสาอะไรกันถูกสนมขืนใจ น่าอับอายเสียจริง""โธ่!!! พี่หญิงหยุดล้อข้าเสียที เ
สวีเหมยหลิงปรายตามองหวางต้าเฟิ่งด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ สิ่งใดที่เขาคิดมีหรือที่นางจะไม่รู้ แม้แต่สตรีมีครรภ์เขาก็ยังหมายตา เหตุใดเขาจึงชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้ งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ทว่าสายตาของสวีหลงเยียนกลับหันไปพบเข้ากับหวางต้าเฟิ่งที่มองมายังเฟิ่งฟางเซียนด้วยแววตาเป็นประกายแววตาของสวีหลงเยียนเย็นเยียบขึ้นมาทันใด เขาหันไปมองเฟิ่งฟางเซียนแต่กลับพบว่านางกำลังสนใจเพียงอาหารตรงหน้าไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าถูกหวางต้าเฟิ่งแอบจ้องมองอยู่ ไม่ใช่แอบมองสิ! เรียกว่ามองแบบโจ่งแจ้งเลยต่างหากเล่า บังอาจนัก!!! กล้ามามองสนมของข้าต่อหน้าต่อตาข้าเชียวหรือ!!!หวางต้าเฟิ่งราวกับจะรับรู้ได้ว่าถูกสวีหลงเยียนจ้องมองมาอย่างคาดโทษ เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจจากเฟิ่งฟางเซียนและหันไปส่งยิ้มให้สวีหลงเยียนแทน สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคออย่างดูแคลน ยิ้มเช่นนี้อยากโดนถีบหรือไร?หลังจากที่งานเลี้ยงจบสิ้นลง สวีหลงเยียนก็สั่งให้ทุกคนแยกย้าย หลินกุ้ยเฟยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะแยกตัวกลับไปยังตำหนักของตนเอง สวีหลงเยียนยื่นมือไปจับแขนของเฟิ่งฟางเซียนเอาไว้ ทำให้นางต้องหันกลับมามองเขาด้วยแววตาสงสัย
นางกำนัลห้องเครื่องถูกนำตัวเข้ามาในตำหนักใหญ่อย่างลับ ๆ นางนั่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะล่วงรู้ว่านางเป็นคนใส่ยาพิษลงไปได้รวดเร็วเช่นนี้ "ฝะ ฝ่าบาท!!!""ใครบงการเจ้าให้วางยาพิษพระสนมของข้า?"นางกำนัลยังคงนั่งก้มหน้าเงียบไม่ยอมปริปาก นางไม่อาจเอ่ยปากบอกแก่ฝ่าบาทได้ว่าเป็นฝีมือของหลินกุ้ยเฟย หากนางถูกฆ่าปิดปากนางจะทำเช่นไรกันเล่า แล้วนางเอ่ยวาจาปากเปล่าโดยที่ไร้หลักฐานเช่นนี้ มิเท่ากับโยนตนเองลงไปบนกองไฟหรอกหรือ!!!แต่การที่ถูกฝ่าบาทจับได้เช่นนี้ก็เหมือนกับการนั่งรอความตายไปแล้วกึ่งหนึ่งอยู่ดี สวีหลงเยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพยายามข่มอารมณ์มิให้ความโกรธครอบงำจนเสียแผน คราแรกเขาคิดว่าเป็นฝีมือของเยี่ยนอ๋อง แต่จะว่าไปแล้วเยี่ยนอ๋องคงมิกล้าทำการอุกอาจเช่นนี้ยามอยู่ในอาณาเขตการปกครองของเขาแน่นอน หวางต้าเฟิ่งเป็นพวกหมาลอบกัดจากที่ลับ ยามอยู่ในพื้นที่ของเขามันไม่กล้าเสนอหน้าลงมือเป็นแน่ สวีหลงเยียนยื่นมือขึ้นไปเชยคางของนางกำนัลน้อยผู้นั้นให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา สวีหลงเยียนพิจารณาใบหน้าของนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก ใบหน้างดงามได้รูป ดวงตาคู่สวยที่ดูเย้ายวนจิตใจ นางช่างเป
ใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว ยามนี้เฟิ่งฟางเซียนก็ท้องใหญ่ขึ้นไม่น้อย นางใกล้จะคลอดอีกไม่นานนี้แล้ว สวีหลงเยียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นกุ้ยเฟย เดิมทีเขาคิดจะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา แต่ด้วยเพราะสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ทำให้เขาต้องเลื่อนเรื่องนี้ออกไปเสียก่อน สวีมู่หรงส่งข่าวมาแจ้งแก่เขาว่าฉู่อ๋องสมคบกับเยี่ยนอ๋องเพื่อก่อกบฏ และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือ พี่หญิงได้มอบป้ายสั่งการทหารให้แก่หวางต้าเฟิ่ง เขาพอจะคาดเดาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานสงครามระหว่างแคว้นต้องก่อเกิดขึ้นมาเป็นแน่ แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่หญิงทำลงไป แต่เขาก็ไม่คิดจะโกรธเกลียดนางเลยแม้แต่น้อย นางคงมีเหตุผลของนาง แต่ทว่าเหตุผลนั้นก็คือการที่นางคิดร่วมมือกับหวางต้าเฟิ่งเพื่อกำจัดเขาซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกันกับนางความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดนั้น ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการแย่งชิงแผ่นดินและอำนาจของกันและกัน "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!!!"ขันทีชราเร่งรุดวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีตระหนกปนความเหนื่อยหอบ สวีหลงเยียนจ้องมองเขาเล็กน้อยด้วยความสงสัย "มีเรื่องใดกัน?""เฟิ่งกุ้ยเฟยจะมีประสูติกาลแล้วพ่ะย่ะค่ะ
สวีหลงเยียนมององค์ชายน้อยที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตารักใคร่ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เจ้าเกิดมาในช่วงที่สงครามก่อตัวขึ้นและแผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟ เฟิ่งฟางเซียนในยามนี้นางแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาร่างกายเพิ่มอีกสักหน่อยยามนี้เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องสามารถยึดครองชายแดนทางทิศเหนือของเขาเอาไว้ได้แล้ว สวีมู่หรงจำต้องรีบนำทหารที่เหลือรอดหนีตายกลับมายังเสียนหยาง รวมถึงนำราษฎรที่เหลือรอดชีวิตมุ่งหน้ากลับมากับเขาด้วย เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องกระทำการโหดเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์ พวกมันปล้นฆ่าชาวบ้านอย่างเลือดเย็น ใครที่คิดต่อต้านพวกมันจะลงมือเข่นฆ่าราวกับผักปลา สวีหลงเยียนนั่งมองสวีมู่หรงที่บาดเจ็บกลับมาด้วยสายเย็นเยียบ เห็นทีสงครามในครั้งนี้เขาคงจะต้องออกไปต่อสู้ด้วยตนเองเสียแล้ว เป้าหมายของพวกมันก็คือตัวเขา หากเขาตายไปเสีย หวางต้าเฟิ่งต้องตั้งตนเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ บ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟ ราษฎรคงต้องอกสั่นขวัญผวาเป็นแน่ "เจ้าไปพักรักษาตัวก่อนเถิด ข้าจะออกไปต้านทัพของเยี่ยนอ๋องด้วยตัวข้าเอง""เสด็จพี่ กองทัพของพวกมันแข็งแกร่งไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ""ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางขี้ขลาดหวาดกลัวให้พวกมันม
เมื่อสวีหลงเยียนขึ้นไปยืนมองดูสถานการณ์บนกำแพงเมือง เขาก็พบว่ายามนี้หวางต้าเฟิ่งและฉู่อ๋องกำลังมุ่งหน้ามาทางประตูเมืองเสียนหยางดั่งเช่นที่สวีมู่หรงเอ่ยไว้ไม่มีผิด เหล่าทหารนักรบเรือนห้าแสนนายต่างถือดาบมุ่งตรงมาทางพวกเขา หวางต้าเฟิ่งยกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองสวีหลงเยียนราวกับผู้ชนะ สายตาหยาดเยิ้มของเขาหันมาจ้องมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยความหลงใหล อีกไม่นานเสียหรอก ทั้งแผ่นดิน บัลลังก์ และสตรีโฉมงามจะต้องตกเป็นของข้าทั้งหมด ยามนี้ป้ายสั่งการทหารอยู่ในมือของเขาแล้ว สวีหลงเยียนย่อมต้องตกตายในเงื้อมมือของเขาในไม่ช้านี้เป็นแน่"สวีหลงเยียน วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าค่อย ๆ ตายอย่างช้า ๆ ได้มองดูความยิ่งใหญ่ของข้าก่อนตาย ฮ่า ๆๆๆ ช่างสาแก่ใจข้ายิ่งนัก ดูเอาเถิด!!! แม้แต่พี่สาวของเจ้ายังหักหลังเจ้าเลย ช่างน่าสมเพชสิ้นดี"สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ เขาจ้องมองสวีเหมยหลิงที่นั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับหวางต้าเฟิ่งด้วยสายตาที่สั่นไหว สวีเหมยหลิงส่งยิ้มให้เขา แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่โศกเศร้าที่สุดตั้งแต่เขาได้พบเจอมาหากเขานำป้ายสั่งการทหารออกมา เขาย่อมเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ แต่ทว่าพ
เฟิ่งฟางเซียนให้กำเนิดพระโอรสอีกองค์ในเวลาต่อมา สวีหลงเยียนรู้สึกปลื้มใจไม่น้อย เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะมีอีกสักห้าคนในเร็ววันนี้ สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มกลับมาปกติสุขมากยิ่งขึ้น ราษฎรอยู่กันอย่างร่มเย็น ไร้สงคราม ไร้กบฏ ทุกคนต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เว่ยอ๋องเดินทางมาเยี่ยมสวีหลงเยียนที่เมืองหลวงเสียนหยาง พร้อมกับนำสาวงามมากมายมามอบเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่เขา สวีหลงเยียนปรายตามองเว่ยอ๋องด้วยความหงุดหงิด เห็นเขาเป็นคนบ้ากามเช่นนั้นหรือ!!!"ฝ่าบาทนี่เป็นสาวงามที่ขึ้นชื่อจากแคว้นเว่ย มิทราบว่าฝ่าบาททรงถูกใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"ถูกใจกับผีน่ะสิ!!! นี่หาเรื่องให้เขาทะเลาะกับเมียใช่หรือไม่?"ส่งนางไปเป็นนางกำนัลของฮองเฮา ไม่ต้องมาเสนอหน้าอยู่ใกล้ข้า ข้ารำคาญ""ฝ่าบาทนี่เป็นสาวงามขึ้นชื่อเชียวนะพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าอยากขึ้นชื่อว่าตายเพราะโดนข้าถีบยอดหน้าหรือไม่เล่า!!!"เว่ยอ๋องรีบหุบปากทันที แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้พระองค์นี้เคยพูดจาไว้หน้าใครเสียที่ไหนกัน แม้แต่คนหัวหงอกเช่นเขายังโดนถอนจนแทบจะกลายเป็นหัวล้านอยู่แล้ว "เว่ยอ๋อง ข้าได้ยินมาว่าท่านเชี่ยวชาญด้านการแต่งบทกลอนบทกวีบอกรัก ใช่หรือไม่?""โอววว ฝ
เมื่อสวีหลงเยียนขึ้นไปยืนมองดูสถานการณ์บนกำแพงเมือง เขาก็พบว่ายามนี้หวางต้าเฟิ่งและฉู่อ๋องกำลังมุ่งหน้ามาทางประตูเมืองเสียนหยางดั่งเช่นที่สวีมู่หรงเอ่ยไว้ไม่มีผิด เหล่าทหารนักรบเรือนห้าแสนนายต่างถือดาบมุ่งตรงมาทางพวกเขา หวางต้าเฟิ่งยกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองสวีหลงเยียนราวกับผู้ชนะ สายตาหยาดเยิ้มของเขาหันมาจ้องมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยความหลงใหล อีกไม่นานเสียหรอก ทั้งแผ่นดิน บัลลังก์ และสตรีโฉมงามจะต้องตกเป็นของข้าทั้งหมด ยามนี้ป้ายสั่งการทหารอยู่ในมือของเขาแล้ว สวีหลงเยียนย่อมต้องตกตายในเงื้อมมือของเขาในไม่ช้านี้เป็นแน่"สวีหลงเยียน วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้าค่อย ๆ ตายอย่างช้า ๆ ได้มองดูความยิ่งใหญ่ของข้าก่อนตาย ฮ่า ๆๆๆ ช่างสาแก่ใจข้ายิ่งนัก ดูเอาเถิด!!! แม้แต่พี่สาวของเจ้ายังหักหลังเจ้าเลย ช่างน่าสมเพชสิ้นดี"สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ เขาจ้องมองสวีเหมยหลิงที่นั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับหวางต้าเฟิ่งด้วยสายตาที่สั่นไหว สวีเหมยหลิงส่งยิ้มให้เขา แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่โศกเศร้าที่สุดตั้งแต่เขาได้พบเจอมาหากเขานำป้ายสั่งการทหารออกมา เขาย่อมเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ แต่ทว่าพ
สวีหลงเยียนมององค์ชายน้อยที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตารักใคร่ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เจ้าเกิดมาในช่วงที่สงครามก่อตัวขึ้นและแผ่นดินกำลังจะลุกเป็นไฟ เฟิ่งฟางเซียนในยามนี้นางแข็งแรงขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาร่างกายเพิ่มอีกสักหน่อยยามนี้เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องสามารถยึดครองชายแดนทางทิศเหนือของเขาเอาไว้ได้แล้ว สวีมู่หรงจำต้องรีบนำทหารที่เหลือรอดหนีตายกลับมายังเสียนหยาง รวมถึงนำราษฎรที่เหลือรอดชีวิตมุ่งหน้ากลับมากับเขาด้วย เยี่ยนอ๋องและฉู่อ๋องกระทำการโหดเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์ พวกมันปล้นฆ่าชาวบ้านอย่างเลือดเย็น ใครที่คิดต่อต้านพวกมันจะลงมือเข่นฆ่าราวกับผักปลา สวีหลงเยียนนั่งมองสวีมู่หรงที่บาดเจ็บกลับมาด้วยสายเย็นเยียบ เห็นทีสงครามในครั้งนี้เขาคงจะต้องออกไปต่อสู้ด้วยตนเองเสียแล้ว เป้าหมายของพวกมันก็คือตัวเขา หากเขาตายไปเสีย หวางต้าเฟิ่งต้องตั้งตนเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ บ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟ ราษฎรคงต้องอกสั่นขวัญผวาเป็นแน่ "เจ้าไปพักรักษาตัวก่อนเถิด ข้าจะออกไปต้านทัพของเยี่ยนอ๋องด้วยตัวข้าเอง""เสด็จพี่ กองทัพของพวกมันแข็งแกร่งไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ""ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางขี้ขลาดหวาดกลัวให้พวกมันม
ใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว ยามนี้เฟิ่งฟางเซียนก็ท้องใหญ่ขึ้นไม่น้อย นางใกล้จะคลอดอีกไม่นานนี้แล้ว สวีหลงเยียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นกุ้ยเฟย เดิมทีเขาคิดจะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา แต่ด้วยเพราะสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ทำให้เขาต้องเลื่อนเรื่องนี้ออกไปเสียก่อน สวีมู่หรงส่งข่าวมาแจ้งแก่เขาว่าฉู่อ๋องสมคบกับเยี่ยนอ๋องเพื่อก่อกบฏ และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือ พี่หญิงได้มอบป้ายสั่งการทหารให้แก่หวางต้าเฟิ่ง เขาพอจะคาดเดาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานสงครามระหว่างแคว้นต้องก่อเกิดขึ้นมาเป็นแน่ แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่หญิงทำลงไป แต่เขาก็ไม่คิดจะโกรธเกลียดนางเลยแม้แต่น้อย นางคงมีเหตุผลของนาง แต่ทว่าเหตุผลนั้นก็คือการที่นางคิดร่วมมือกับหวางต้าเฟิ่งเพื่อกำจัดเขาซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกันกับนางความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดนั้น ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการแย่งชิงแผ่นดินและอำนาจของกันและกัน "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!!!"ขันทีชราเร่งรุดวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีตระหนกปนความเหนื่อยหอบ สวีหลงเยียนจ้องมองเขาเล็กน้อยด้วยความสงสัย "มีเรื่องใดกัน?""เฟิ่งกุ้ยเฟยจะมีประสูติกาลแล้วพ่ะย่ะค่ะ
นางกำนัลห้องเครื่องถูกนำตัวเข้ามาในตำหนักใหญ่อย่างลับ ๆ นางนั่งตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะล่วงรู้ว่านางเป็นคนใส่ยาพิษลงไปได้รวดเร็วเช่นนี้ "ฝะ ฝ่าบาท!!!""ใครบงการเจ้าให้วางยาพิษพระสนมของข้า?"นางกำนัลยังคงนั่งก้มหน้าเงียบไม่ยอมปริปาก นางไม่อาจเอ่ยปากบอกแก่ฝ่าบาทได้ว่าเป็นฝีมือของหลินกุ้ยเฟย หากนางถูกฆ่าปิดปากนางจะทำเช่นไรกันเล่า แล้วนางเอ่ยวาจาปากเปล่าโดยที่ไร้หลักฐานเช่นนี้ มิเท่ากับโยนตนเองลงไปบนกองไฟหรอกหรือ!!!แต่การที่ถูกฝ่าบาทจับได้เช่นนี้ก็เหมือนกับการนั่งรอความตายไปแล้วกึ่งหนึ่งอยู่ดี สวีหลงเยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพยายามข่มอารมณ์มิให้ความโกรธครอบงำจนเสียแผน คราแรกเขาคิดว่าเป็นฝีมือของเยี่ยนอ๋อง แต่จะว่าไปแล้วเยี่ยนอ๋องคงมิกล้าทำการอุกอาจเช่นนี้ยามอยู่ในอาณาเขตการปกครองของเขาแน่นอน หวางต้าเฟิ่งเป็นพวกหมาลอบกัดจากที่ลับ ยามอยู่ในพื้นที่ของเขามันไม่กล้าเสนอหน้าลงมือเป็นแน่ สวีหลงเยียนยื่นมือขึ้นไปเชยคางของนางกำนัลน้อยผู้นั้นให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา สวีหลงเยียนพิจารณาใบหน้าของนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก ใบหน้างดงามได้รูป ดวงตาคู่สวยที่ดูเย้ายวนจิตใจ นางช่างเป
สวีเหมยหลิงปรายตามองหวางต้าเฟิ่งด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ สิ่งใดที่เขาคิดมีหรือที่นางจะไม่รู้ แม้แต่สตรีมีครรภ์เขาก็ยังหมายตา เหตุใดเขาจึงชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้ งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ทว่าสายตาของสวีหลงเยียนกลับหันไปพบเข้ากับหวางต้าเฟิ่งที่มองมายังเฟิ่งฟางเซียนด้วยแววตาเป็นประกายแววตาของสวีหลงเยียนเย็นเยียบขึ้นมาทันใด เขาหันไปมองเฟิ่งฟางเซียนแต่กลับพบว่านางกำลังสนใจเพียงอาหารตรงหน้าไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าถูกหวางต้าเฟิ่งแอบจ้องมองอยู่ ไม่ใช่แอบมองสิ! เรียกว่ามองแบบโจ่งแจ้งเลยต่างหากเล่า บังอาจนัก!!! กล้ามามองสนมของข้าต่อหน้าต่อตาข้าเชียวหรือ!!!หวางต้าเฟิ่งราวกับจะรับรู้ได้ว่าถูกสวีหลงเยียนจ้องมองมาอย่างคาดโทษ เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจจากเฟิ่งฟางเซียนและหันไปส่งยิ้มให้สวีหลงเยียนแทน สวีหลงเยียนส่งเสียงเฮอะในลำคออย่างดูแคลน ยิ้มเช่นนี้อยากโดนถีบหรือไร?หลังจากที่งานเลี้ยงจบสิ้นลง สวีหลงเยียนก็สั่งให้ทุกคนแยกย้าย หลินกุ้ยเฟยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะแยกตัวกลับไปยังตำหนักของตนเอง สวีหลงเยียนยื่นมือไปจับแขนของเฟิ่งฟางเซียนเอาไว้ ทำให้นางต้องหันกลับมามองเขาด้วยแววตาสงสัย
อ๋องทั้งสี่แคว้นเดินทางมาถึงแล้ว สวีหลงเยียนเองก็ให้การต้อนรับและจัดที่พักให้พวกเขาอย่างดี สวีเหมยหลิง ที่ไม่ได้พบกับสวีหลงเยียนและสวีมู่หรงมานาน ก็รู้สึกดีใจที่ได้พบเจอน้องทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง "หลงเยียน มู่หรง พี่คิดถึงเจ้าทั้งสองยิ่งนัก""พี่หญิง มาคราวนี้ดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ซูเฟยกำลังตั้งครรภ์อยู่""ซูเฟย?""เฟิ่งฟางเซียนพ่ะย่ะค่ะ"สวีเหมยหลิงมีสีหน้าครุ่นคิดไม่น้อย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ นางหันไปมองสวีหลงเยียนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ทันที "ข้าได้ยินว่าเจ้าเกลียดนางยิ่งนัก เหตุใดนางจึงตั้งครรภ์ได้เล่า หรือว่าเจ้าปลุกปล้ำนาง!!! หลงเยียนข้าจะตีเจ้า!!! ข้าเคยสอนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามรังแกสตรี น้องชั่ว!!!"สวีเหมยหลิงง้างฝ่ามือขึ้นมาเตรียมจะฟาดลงไปบนศีรษะของสวีหลงเยียนทันที จนเขาต้องยกมือขึ้นมาบังเอาไว้"ไม่ใช่นะพี่หญิง!!! นางต่างหากที่ปลุกปล้ำข้า!!! เอ่อ...""หา!!!"สวีเหมยหลิงและสวีมู่หรงต่างหันมามองหน้ากันก่อนจะหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ สวีมู่หรงรู้สึกขบขันไม่น้อย แต่หากเสด็จพี่มีความสุขเขาก็ดีใจด้วย"เป็นฮ่องเต้ประสาอะไรกันถูกสนมขืนใจ น่าอับอายเสียจริง""โธ่!!! พี่หญิงหยุดล้อข้าเสียที เ
ฤดูร้อนจะจบสิ้นลงแล้ว ตอนนี้กำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจึงค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อย สวีหลงเยียนกับเฟิ่งฟางเซียนกำลังนั่งดื่มชาร้อนอยู่บนเรือลำใหญ่ที่กำลังแล่นกลับสู่เมืองหลวงที่เสียนหยาง หลินกุ้ยเฟยตั้งตารอคอยให้สวีหลงเยียนมาถึงโดยเร็ว แต่ทว่าเมื่อเขากลับมาถึงก็ไม่ใส่ใจไยดีต่อนางเลยแม้แต่น้อย แววตาที่มองนางมีแต่ความรังเกียจและไร้เยื่อใย นางเองก็รู้สึกถอดใจไม่น้อย นึกเกลียดชังเฟิ่งฟางเซียนที่มาแย่งความโปรดปรานของสวีหลงเยียนไปจากนาง เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าอ๋องจากทั้งสี่แคว้นจะเดินทางเข้ามาที่เมืองเสียนหยาง เพื่อส่งของบรรณาการและเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองหลวงเสียนหยางเนื่องในโอกาสครบรอบยี่สิบปีที่บิดาของสวีหลงเยียนสามารถเป็นใหญ่เหนือแคว้นทั้งสี่ได้ ในวังหลวงตอนนี้ต่างกำลังวุ่นวายด้วยต้องจัดเตรียมการต้อนรับเหล่าอ๋องทั้งสี่แคว้น สวีหลงเยียนสั่งให้เหล่านางกำนัลจัดเตรียมตำหนักไว้ต้อนรับ สวีเหมยหลิง พี่สาวของเขาที่กำลังเดินทางมาพร้อมกับเยี่ยนอ๋องหวางต้าเฟิ่งในครั้งนี้ด้วย ระยะนี้เฟิ่งฟางเซียนรู้สึกคลื่นไส้จนเกินจะทน แค่นางได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกทนไม่ได้เสียแล้ว ลำบากเหล่านางกำน
"จัดการเลยสิ ข้ายอมให้เจ้าเล่นกับมันได้ตามใจชอบ"เฟิ่งฟางเซียนถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ นี่เขาคิดไปไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ ให้ตายสิ!นางยื่นมือเรียวสาวไปคว้าจับลำแท่งเอ็นอุ่นร้อนของสวีหลงเยียนยัดกลับเข้าไปที่ใต้ร่มผ้าของเขาเช่นเดิม สวีหลงเยียนขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมจ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ "เก็บไปทำไมกัน? ข้าให้เจ้าเล่นกับมัน!!!""บนรถม้าไม่สะดวกเพคะ""เรื่องมาก!!!""ฝ่าบาท""ไม่ต้องมาพูดกับข้า ไสหัวไปไกล ๆ เลย!!!"สวีหลงเยียนหันหน้ามองไปทางอื่นโดยที่ไม่สนใจนางอีก เฟิ่งฟางเซียนพยายามชวนเขาคุยแต่เขากลับเมินเฉยราวกับนางเป็นเพียงอากาศธาตุ นี่เขาโมโหนางหรือ?ช่างสิ!!! ใครจะไปง้อกันปัญญาอ่อนเอาแต่ใจตัวเอง!!!ตลอดทางที่รถม้าเคลื่อนไปจนถึงพระราชวังฤดูร้อน สวีหลงเยียนนิ่งเงียบมาตลอดทาง ส่วนเฟิ่งฟางเซียนเองก็คร้านจะใส่ใจ เมื่อเดินทางมาถึงนางก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์และรับสำรับมื้อเย็นเตรียมที่จะพักผ่อนสวีหลงเยียนที่นั่งอยู่บนเตียงภายในตำหนักใหญ่ เขาชะเง้อคอยืดยาวสายตามองตรงไปที่ประตูด้วยใจที่ห่อเหี่ยว นี่นางจะไม่ตามมาปรนนิบัติเขาเสียหน่อยหรือ?รอแล้วรอเล่าจนแทบทนไม่ไหว ในที่สุดสวีหลงเยียนก็