บทที่ 6 ติดแล้วแหละ 1/2
แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาตกกระทบลงบนผิวแก้มเนียนใสของคนที่ยังนอนหลับสนิท นี่อาจจะเป็นวันแรกเลยก็ว่าได้ที่เจตนิพัทธ์ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นบัวบูชายังอยู่ในบนเตียงด้วยกันแบบนี้
และแทนที่เขาจะลุกจากเตียงเพื่อไปทำธุระส่วนตัว หรือปลุกผู้หญิงข้าง ๆ ให้กลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง เจ้าของเตียงกลับเลือกจะไม่ทำทั้งสองอย่าง เขาเพียงนอนตะแคงใช้ฝ่ามือรองใบหน้าและใช้ศอกค้ำยันกับผิวเตียง เพื่อที่จะได้อยู่ในท่าทางที่สามารถมองดูคนข้างกายได้อย่างถนัด
"คุณเจต" เสียงหวานละเมอออกมาแผ่วเบา แต่ทว่าคนที่นอนมองอยู่กลับได้ยินชัด
มุมปากหยักเผลอยกเป็นรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินเสียงคนตัวเล็กเรียกชื่อของตัวเอง ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังฝันอะไรอยู่กันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ความรู้สึกขุ่นมัวในใจของเจตนิพัทธ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานก็คล้ายจะดีขึ้นบ้าง คนที่ยังใจลอยส่งหลังนิ้วไปเกลี่ยแก้มเนียนอย่างลืมตัว มันนุ่มลื่นมือซะจริง ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเจ้าของใบหน้าเนียนนุ่มเริ่มขยับตัวเพราะถูกรบกวนการนอน
แพขนตายาวขยับเขยื้อนก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้นมา บัวบูชายังสับสนอยู่ไม่น้อยว่าที่เธอเห็นเจตนิพัทธ์นอนเปลือยท่อนบนอยู่ตรงหน้าแบบนี้มันคือความฝันที่เธอเพิ่งจะฝันไปเมื่อครู่ หรือความเป็นจริงกันแน่
ทว่ากะพริบตาปรับการมองเห็นแล้วหลายครั้งก็ยังคงเห็นภาพเจตนิพัทธ์ไม่เปลี่ยน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะรีบกวาดตามองไปรอบห้อง แล้วก็ต้องตกใจที่ตัวเธอดันเผลอหลับบนเตียงของเจตนิพัทธ์ยันเช้าแบบนี้
"เก็บกระเป๋าด้วย เตรียมเสื้อผ้าสำหรับสองวันหนึ่งคืน ช่วงสายเราจะออกเดินทางกัน"
เสียงทุ้มเอ่ยแทรกความตื่นตระหนกของบัวบูชาขึ้นมา ซึ่งมันก็ทำให้เธอสงบสติตัวเองลงได้บ้าง ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมานอนมองใบหน้าคมเข้มของเจตนิพัทธ์ด้วยความรู้สึกประหม่าไม่น้อย
"เราจะไปไหนเหรอคะ" บัวบูชารู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อในตอนนี้เธอและเจตนิพัทธ์กำลังนอนคุยกันอยู่บนเตียงของเขา และมันเป็นบทสนทนาที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเซ็กส์เหมือนที่ผ่านมาอีกต่างหาก ทว่าความแปลกที่เกิดขึ้นกับเธอตอนนี้ดูแล้วน่าจะมีความดีใจอยู่ในนั้นเป็นส่วนใหญ่
"ไปสัมมนา"
"มีคนอื่นไปด้วยไหมคะ"
อาจจะไม่ใช่แค่บัวบูชาที่รู้สึกแปลกกับการได้พูดคุยกันบนเตียงในตอนเช้าแบบนี้ เจตนิพัทธ์เองก็รู้สึกแปลก ๆ เช่นกัน แต่เขาไม่อยากยอมรับมันเอาซะเลย ไม่อยากยอมรับว่าแค่เห็นหน้าและพูดคุยก็รู้สึกคล้ายจะเอ็นดูผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา
"ไม่มี ตื่นแล้วก็กลับห้องของเธอไปได้แล้ว" เจ้าของห้องว่าเสียงเข้มก่อนจะเป็นคนแรกที่ลุกออกจากเตียงกว้าง
"คุณ" บัวบูชาเรียกอีกฝ่ายเสียงหลงก่อนจะรีบยกผ้าห่มมาปิดหน้าไว้ เพราะตอนนี้เจตนิพัทธ์กำลังอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยเอาซะเลย เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามเนื้อสวยงามของอีกฝ่ายกำลังเปลือยเปล่าล่อนจ้อนไปหมด
มุมปากหยักเผลอยกยิ้มกับท่าทางของคนบนเตียง "จะอายทำไม เห็นมาหมดแล้วไม่ใช่รึไง"
บัวบูชาได้แต่เถียงอยู่ในใจ ถึงต่อให้จะเห็นมาหมดแล้วแต่นั่นก็เป็นกลางคืน ไม่ได้สว่างจ้าเหมือนตอนนี้เสียหน่อย เขาไม่อายฟ้าอายดินบ้างเลยรึไง
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ คุณเจตช่วยเข้าห้องน้ำไปก่อนได้ไหมคะ บัวจะได้ลุกไปใส่เสื้อผ้าบ้าง"
ดวงตาคมยังจ้องมองคนที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียงของเขา แค่ได้ยินเสียงติดสั่นของอีกฝ่ายราวกับเขินอายแบบนั้น เขาก็แทบอยากจะขึ้นไปฟัดเธออีกสักรอบสองรอบเหลือเกิน แต่ก็ต้องห้ามใจตัวเองไว้เพราะยังต้องออกเดินทางไปต่างจังหวัดกันอีก เจ้าของร่างสูงโปร่งจึงยอมเดินเข้าห้องน้ำไปแต่โดยดี
บัวบูชาทำตามที่เจตนิพัทธ์สั่งไว้ เธอจัดเตรียมเสื้อผ้าที่ต้องใช้สำหรับสองวันหนึ่งคืน และมีชุดเรียบร้อยสำหรับใส่ไปงานสัมมนาช่วงบ่ายวันนี้ด้วยอีกหนึ่งชุด กระเป๋าของเธอไม่ได้มีอะไรมากมาย จัดแค่ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เจ้าของใบหน้าหวานเดินออกมาด้านนอกเพื่อนำกระเป๋าไปเก็บยังรถยนต์ ที่ลุงกรเตรียมออกมาไว้ให้เจตนิพัทธ์ใช้ในการเดินทางครั้งนี้ และก็พบว่าหน้าบ้านมีป้าชื่นและคุณนายจิตรลดายืนอยู่ก่อนแล้ว
"เก็บของที่จำเป็นไปแล้วใช้ไหมหนูบัว"
"ค่ะคุณนาย"
นายหญิงของบ้านมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกว้าง และยิ่งยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัยเมื่อเห็นลูกชายเดินออกมา แต่ใบหน้ายิ้มแย้มของคนเป็นแม่กลับทำให้คนเป็นลูกชายต้องขมวดคิ้ว เจตนิพัทธ์ไม่เข้าใจเลยว่าแม่จะอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น แค่เขาพาบัวบูชาไปทำงานนอกสถานที่เนี่ยนะ
"ขับรถระวังล่ะ แล้วก็ดูแลหนูบัวดี ๆ ด้วย"
"เธอเป็นเด็กรึไงครับ ถึงต้องให้ผมดูแล"
คนเป็นแม่ได้ยินแบบนั้นก็ตีเข้าที่แขนลูกชายไปหนึ่งที "แม่บอกอะไรก็แค่พูดว่าครับ แล้วทำตามก็พอตาลูกคนนี้นี่"
"โอเค ครับ พอใจรึยังครับ"
"ก็แค่นี้"
"ผมไปก่อนนะครับ ต้องเดินทางอีกหลายชั่วโมง"
บัวบูชายกมือไหว้ลาคุณนายจิตรลดาและป้าชื่นอีกครั้งก่อนจะตามขึ้นไปนั่งตัวเกร็งบนรถยนต์คันหรู ที่ไม่ค่อยได้เห็นพ่อเลี้ยงของไร่จิตรลดานำออกมาขับสักเท่าไหร่
แม้รถยนต์ของลูกชายจะเคลื่อนตัวไปไกลแต่คนเป็นแม่ก็ยังยืนมองอยู่ที่เดิม ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มคล้ายได้เจอเรื่องดี ๆ อย่างไรอย่างนั้น
"ฉันว่าติดแล้วแหละ"
"อะไรติดคะคุณนาย" ป้าชื่นถามเพราะยังตามความคิดคนเป็นนายไม่ทัน
"ก็ตาเจตน่ะสิ ติดหนูบัวเข้าแล้วล่ะมั้ง ดูสิ ไม่ยอมให้ห่างเลย"
บทที่ 6 ติดแล้วแหละ 2/2ระยะทางไปยังจุดหมายปลายทางค่อนข้างไกล และยิ่งใช้เวลานานขึ้นเมื่อคนขับเอาแต่เผลอมองคนข้าง ๆ จนขับรถช้าลง เพราะเห็นว่าคนตัวเล็กดูจะตื่นเต้นและชอบมองวิวข้างทางมากเป็นพิเศษ เจอสถานที่หรืออาคารอะไรสวย ๆ ก็มักจะส่งเสียงตื่นเต้นคล้ายเด็กออกมาอย่างไม่รู้ตัว และมันก็เรียกรอยยิ้มบนมุมปากหยักได้ตลอด"เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างไหม" เสียงทุ้มเข้มเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา"เคยค่ะ เมื่อนานมาแล้ว ไปทัศนศึกษากับที่โรงเรียน พอขึ้นมหาลัยบัวก็ไม่ได้ไปที่ไหนไกล วันหยุดก็ต้องทำงานพิเศษ เอ่อ...ขอโทษค่ะ บัวลืมตัว" เธอรีบขอโทษเพราะเกรงว่าการพูดเรื่องของตัวเองมากไป จะทำให้เจตนิพัทธ์ไม่พอใจขึ้นมาได้ แต่กลับไม่ใช่เลย"ไม่เป็นไร ฉันก็รู้สึกง่วง ๆ เหมือนกันถ้าขับรถเงียบ ๆ ว่าแต่ทำงานอะไรมาบ้างล่ะเรา"ดวงตากลมช้อนมองคนที่เป็นฝ่ายชวนเธอคุยก่อน หัวใจดวงน้อย ๆ ยิ่งเต้นระรัวเมื่อคิดว่าเจตนิพัทธ์ยังอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเธออยู่บ้าง"ว่าไง ทำอะไรมาบ้าง""ก็หลายอย่างค่ะ..." เมื่อเขาอนุญาตให้พูดบัวบูชาก็เริ่มพูดเจื้อยแจ้วอย่างลืมตัว คนตัวเล็กบอกเล่าว่าเธอได้ทำงานพาร์ตไทม์อะไรมาบ้างตลอดหลายปีมานี้บัว
บทที่ 7 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย 1/2ตลอดช่วงบ่ายเป็นเวลาของการฟังสัมมนายังห้องประชุมของทางโรงแรม ช่วงเย็นผู้เข้าร่วมทุกคนก็ได้รับเชิญให้มาร่วมมื้ออาหารยังพื้นที่ด้านหน้าของไร่องุ่น ซึ่งถูกตกแต่งด้วยโต๊ะเก้าอี้ตัวยาว และดวงไฟนับร้อยดวงจนคล้ายสถานที่จัดงานแต่งเสียมากกว่าในความคิดของบัวบูชาทว่ามื้ออาหารจบตารางกิจกรรมของวันนี้กลับยังไม่จบ และบัวบูชาคิดว่าคนที่มาเข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ดูจะสนใจกับกิจกรรมสุดท้ายของวัน มากกว่าการฟังสัมมนาช่วงบ่ายซะอีก กิจกรรมที่ว่าก็คือการเข้าไปชิมไวน์จากโรงบ่มของไร่แห่งนี้"เป็นไงบ้างครับพ่อเลี้ยงเจต อาหาร ที่พัก มีปัญหาอะไรรึเปล่า ถ้ามีปัญหาอะไรแจ้งผมได้เลยนะครับ" 'เปรมกมล'ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเจตนิพัทธ์ เดินเข้ามาทักทายสองหนุ่มสาวที่ดูโดดเด่นไม่น้อยท่ามกลางผู้เข้าร่วมสัมมนาคนอื่น ๆ ในวันนี้"อาหารอร่อยมากครับ ส่วนที่พักก็ยังดีเหมือนเดิม" เจตนิพัทธ์พูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง เพราะพอจะเคยเจอกันตามงานอยู่บ้าง และรู้ดีว่าอีกฝ่ายคือเจ้าของไร่องุ่นแห่งนี้ รวมถึงเป็นพ่องานในการจัดสัมมนาครั้งนี้ด้วย"ว่าแต่จะไม่แนะนำสาวสวยข้าง ๆ ให้ผมรู้จักหน่อยเหรอครับ"
บทที่ 7 เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย 2/2เขาดูแลเธออย่างที่พูดไว้จริง ทั้งพาเธอกลับมายังที่พักได้อย่างปลอดภัย ไหนจะช่วยจัดการถอดเสื้อผ้าออกให้อีกต่างหาก"เดี๋ยวค่ะคุณเจต วันนี้บัวอยากอยู่ด้านบน" เสียงคนเมาหวานเสียยิ่งกว่าเวลาปกติเสียอีก ดวงตากลมเคลือบไปด้วยหยาดน้ำตาสีใสจ้องมองคนด้านบนอย่างออดอ้อนเจตนิพัทธ์กระตุกยิ้มพอใจ เขาตั้งใจมอมบัวบูชาเอง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะคออ่อนถึงขั้นดื่มเพียงแก้วเดียวก็ยืนตรงแทบไม่ไหวแบบนี้ เขาอยากรู้ว่าเวลาเมาผู้หญิงคนนี้จะเร่าร้อนหรือใจกล้าขึ้นมาบ้างรึเปล่าและดูท่าแอลกอฮอล์จะทำให้คนกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนได้จริง ๆร่างเย้ายวนที่ถูกจับเปลื้องเสื้อผ้าจนเนื้อตัวไร้สิ่งใดปิดบัง ขยับตัวขึ้นมานั่งคร่อมทับเจ้าของร่างกำยำที่เปลี่ยนไปนอนราบกับผิวเตียงดวงตาคมยังจ้องมองทุกการกระทำของบัวบูชาอย่างพอใจ ยิ่งยามเธอยกตัวขึ้นก่อนจะกดช่องทางรักลงมากลืนกินกันเข้าไป แล้วเป็นฝ่ายเริ่มควบคุมจังหวะรักด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก เจตนิพัทธ์ก็ถึงกับต้องส่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างชอบใจแม้ค่ำคืนที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้กินบัวบูชาดุเดือดเหมือนทุกคืนก็ตาม เพราะคนตัวเล็กหลับไปตั้งแต่ส่งตัวเองและเข
บทที่ 8 ไม่พอใจ 1/2วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้เข้าสู่เดือนที่สามแล้วที่บัวบูชาเข้ามาอยู่ในไร่จิตรลดา ชีวิตของเธอก็ยังคงเหมือนเดิม นอกจากทำงานประจำในสำนักงาน ก็มีหน้าที่เป็นรองรับอารมณ์ให้แก่ลูกชายเจ้าของไร่แทบจะทุกคืนเช่นเคยแต่ถึงเวลาจะล่วงผ่านมา ทว่าบัวบูชาก็อดคิดอยู่บ่อยครั้งไม่ได้เลยว่า ช่วงเวลาของการเดินทางไปงานสัมมนายังต่างจังหวัดครั้งก่อน มันเป็นความจริงหรือฝันกันแน่ ทำไมเธอไม่เห็นเงาของเจตนิพัทธ์ที่ใจดีและยิ้มให้เธออีกเลยล่ะ ราวกับว่าเขาไม่เคยได้มอบสิ่งเหล่านั้นให้เธอมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น และตอนนี้ในสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาทุกครั้งก็มีแต่แววไม่พอใจ และหงุดหงิดอยู่ในนั้นเต็มไปหมดในส่วนของคุณนายจิตรลดา บัวบูชาคิดว่าตัวเองโชคดีไม่น้อยที่ผู้เป็นเจ้าหนี้ของพ่อไม่ได้ใจร้ายอะไรกับเธอมาก ในทางกลับกันนายหญิงของไร่จิตรลดาดูเหมือนจะใส่ใจบัวบูชาไม่น้อย มักคอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่ตลอด เวลาอีกฝ่ายไปไหนมาไหนก็มักจะซื้อของหรือไม่ก็ขนมมาฝากเธอเสมอ "วันนี้นอกจากขนมจีบมีขนมอะไรมาด้วยคะคุณหมอ" มินตราเอ่ยทักสัตวแพทย์หนุ่มที่มักเทียวไปเทียวมาระหว่างฟาร์มโคนมกับห้องสำนักงานของไร่ เพื
บทที่ 8 ไม่พอใจ 2/2หลังจากเลิกงานบัวบูชาก็ปั่นจักรยานของป้าชื่นที่ให้เธอหยิบยืมมาใช้กลับบ้านดังเช่นเคย เมื่อก่อนช่วงแรก ๆ เธอมาทำงานและกลับพร้อมกับเจตนิพัทธ์ พอรู้เส้นทางแล้วเธอจึงไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไป อีกอย่างก็ไม่อยากให้ใครสงสัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อเลี้ยงของไร่ด้วยและคงไม่ได้มีเพียงเธอที่คิดอยากจะปกปิดความสัมพันธ์ลับ ๆ นี้ไว้เจตนิพัทธ์เองก็คงไม่อยากให้คนอื่นสงสัยหรือระแคะระคายล่ะมั้ง ถึงได้บอกกับพร้อมพงษ์ไปแบบนั้น ว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว“อะ ฝนตก” คนใจลอยเริ่มได้สติเมื่อจู่ ๆ ฝนก็เทลงมา และดูเหมือนจะยิ่งตกแรงขึ้นเรื่อย ๆ บัวบูชาจึงต้องรีบปั่นจักรยานให้ไวขึ้น ข้างทางก็ไม่มีที่ให้หลบฝนซะด้วย ทว่ากลับมีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาใกล้หญิงสาว ก่อนเจ้าของรถจะวิ่งถือร่มมาหาบัวบูชา“น้องบัว ฝนตกหนักแบบนี้ทิ้งจักรยานไว้ที่นี่เถอะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านเอง ไม่ต้องห่วงที่ไร่ไม่มีขโมยหรอกครับ”เมื่อเห็นว่าเป็นพร้อมพงษ์ บวกกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า บัวบูชาจึงยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอก เธอจอดจักรยานของป้าชื่นไว้ข้างทางพร้อมพงษ์เดินมาส่งหญิงสาวขึ้นรถก่อนจะวิ่ง
บทที่ 9 ดูถูกเหยียดหยาม 1/2เพราะกลัวว่าจะเป็นหวัดเอาได้ เมื่อเข้ามาถึงห้องพักบัวบูชาจึงรีบเข้าไปอาบน้ำทันที ทำให้ไม่รู้เลยว่ามีใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้านในห้องด้วย ทันทีที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเจตนิพัทธ์นั่งกอดอกอยู่ที่เตียง และสายตาที่ดูราวกับไม่พอใจอย่างหนักของเขาก็กำลังจ้องมาที่เธอ“คุณเจต เข้ามาในห้องบัวได้ยังไงคะ” ร่างสูงโปร่งลุกจากเตียงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปใกล้เจ้าของห้อง“แล้วทำไมฉันจะเข้าห้องของเธอไม่ได้ ที่นี่บ้านฉัน ฉันจะเข้าออกห้องไหนก็ได้ทั้งนั้น” “แต่นี่มันห้องนอนส่วนตัวของบัวนะคะ” เธอรู้ว่าที่นี่คือบ้านของเขา แต่ก็คิดว่าห้องพักนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่คนงานคนหนึ่งสมควรได้รับเช่นกัน และเขาควรจะเคารพสิทธิส่วนบุคคลบ้าง“หึ ทำไม! ฉันเข้ามาไม่ได้หรือไง" คนที่อยู่ในอารมณ์คุกรุ่นเดินตรงเข้าไปกระชากข้อมือเล็ก ออกแรงดึงให้เธอเข้ามาใกล้กันมากขึ้น "มากกว่านี้ฉันก็ทำกับเธอมาแล้วไม่ใช่รึไง แค่เข้าห้องแค่นี้มันจะมีปัญหาอะไร หรือว่า เพราะกำลังอ่อยเหยื่อใหม่อยู่ ถึงไม่พอใจที่ผัวอย่างฉันจะเข้ามาในห้องเธอแบบนี้” คำเรียกถึงสถานะตัวเองที่ออกมาจากปากของเขาทำเอาบัวบูช
บทที่ 9 ดูถูกเหยียดหยาม 2/2“อย่านะ ปล่อยบัวนะคนใจร้าย ปล่อย ฮึก” เธอเริ่มควบคุมน้ำเสียงสะอื้นของตัวเองไม่อยู่ หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มจนดูน่าสงสาร เธอไม่ชอบที่สุดที่เจตนิพัทธ์ทำแบบนี้ ไม่ชอบกับการที่เขาใช้กำลังบังคับฝืนใจกันแบบที่ทำอยู่คนโมโหไม่ยอมหยุดการกระทำของตนเอง เพราะเขาต้องการสั่งสอนให้บัวบูชาจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ว่าไม่ควรมาท้าทายเขาอย่างนี้ ริมฝีปากหนากดจูบปากอิ่มอย่างรุนแรง สัมผัสที่แสนเจ็บปวดทำให้บัวบูชายิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมริมฝีปากร้อนยังคงบดขยี้ลงไม่หยุด การกระทำที่เต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธช่างแสนรุนแรงส่งผลให้ริมฝีปากอวบอิ่มของคนตัวเล็กแตกจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในโพรงปาก มันเป็นจูบที่เรียกได้ว่าไม่ได้สร้างความสุขให้แก่เธอเลยสักนิด มันมีแต่ความทรมานและเจ็บปวดอยู่ในนั้น จากที่ดีดดิ้นพยายามขัดขืนบัวบูชากลับเลือกที่จะหยุดทุกอย่าง ไม่ขัดขืนและไม่ตอบสนองใด ๆ อีกเขาอยากทำอะไรก็เชิญ อยากจะดูถูกเธอมากก็ทำมาให้สุดไปเลย เผื่อเธอจะได้ตัดใจจากคนใจร้ายแบบเขาได้ง่ายขึ้นบ้างความเงียบของคนในอ้อมกอดทำให้เจตนิพัทธ์หยุดชะงักการกระทำของตัวเองลง เขายอมถอนจูบออกก่อนจะมองใบหน้าที่เต็มไปด้
บทที่ 10 คนรักเก่า 1/2เจตนิพัทธ์ขับรถออกจากบ้านมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาตรงมายังร้านเหล้าที่มักจะมาดื่มในเวลาที่เครียด ลูกค้าสาว ๆ หลายคนเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มแห่งไร่จิตรลดาเดินเข้าร้านมาเพียงลำพัง ต่างก็พยายามจะส่งสายตาทอดสะพานให้ ชื่อเสียงของเจตนิพัทธ์ใครบ้างจะไม่รู้จัก รูปร่างหน้าตาจัดว่าดีแล้ว แต่ฐานะตอนนี้ยิ่งดีกว่า ไร่จิตรลดานับวันยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเพราะการบริหารงานที่ดีเยี่ยมของนายคนใหม่ของไร่ แม้จะมีข่าวลือหนาหูอยู่บ้างว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเรื่องผู้หญิง จนทำให้สาว ๆ หลายคนถอดใจ แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่ไม่เชื่อว่าผู้ชายหล่อล่ำ หุ่นดีแบบเจตนิพัทธ์จะไม่มองหญิงเจ้าของใบหน้าคมเข้มมานั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างของบาร์เหล้า เขายกแก้วเครื่องดื่มที่บาร์เทนเดอร์ชงให้ขึ้นดื่มหลายต่อหลายแก้ว หวังว่ารสชาติขมบาดคอของเครื่องดื่มจะช่วยลดความหงุดหงิดในใจลงไปได้บ้าง จนกระทั่งสายตาคมเผลอไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าอันคุ้นเคยของใครบางคน 'พลอยภัชชา' ผู้หญิงที่เขาเคยรัก เคยถึงขั้นวาดฝันถึงงานแต่งงานและการสร้างครอบครัวด้วยกัน และก็เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ทรยศหักหลังเขาไปคบกับผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว
บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 2/2"พี่เจต" บัวบูชาเรียกชื่ออีกฝ่ายทั้งน้ำตา หัวใจยังสั่นไหวรุนแรงด้วยความกลัว"เป็นอะไรรึเปล่าบัว เจ็บตรงไหนไหม""เจ็บท้องค่ะ" เธอบอกเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดจากแรงบีบรัดที่เกิดขึ้นตรงช่วงหน้าท้อง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพรายตามกรอบหน้าหวานมากขึ้นเรื่อย ๆอรรถพลไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าลูกสาวและหลานของตนจะเป็นอย่างไรบ้าง เขารีบก้มเก็บกระเป๋าเงินและถุงกำมะหยี่สีแดงคล้ายถุงใส่ทองขึ้นมาจากพื้นก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป ทว่ายังไม่ทันได้วิ่งหนีไปไกลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็เข้ามารวบตัวอีกฝ่ายไว้ได้ทันท่วงทีเจตนิพัทธ์ไม่ได้สนใจความวุ่นวายรอบข้าง สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือความปลอดภัยของลูกและเมียเท่านั้น เจ้าของร่างสูงโปร่งรีบอุ้มคนท้องกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลและตามหมอให้มาดูอาการอย่างร้อนใจเขากลัวจนแทบบ้าว่าบัวบูชาและลูกจะเป็นอะไรรึเปล่า และเอาแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่ทิ้งเธอไว้เพียงลำพังจนเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าหากเขามาไม่ทัน บัวบูชากับลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง หากเป็นแบบนั้นเขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่"ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยดีค่ะ น่าจะเกิดจากอาการวิตกกังวลขอ
บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 1/2ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเจตนิพัทธ์ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้เห็นภาพอัลตราซาวด์ของเจ้าลูกชาย ในขณะที่มือยังกอบกุมมือแม่ของลูกไว้ ทว่าดวงตาคู่คมกลับเอาแต่จ้องหน้าจอแสดงผลของคุณหมอแทบไม่กระพริบ เสียงเต้นของหัวใจลูกดังชัดเจนในสองหูคนเป็นพ่อ อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์เด็กที่เขาเห็นผ่านจอตรงหน้านี้ก็จะลืมตาดูโลกแล้ว ยิ่งคิดหัวใจคนเป็นพ่อยิ่งโลดแล่นอย่างดีใจเขาพาบัวบูชามาพบคุณหมอด้วยตัวเองทุกครั้ง แม้ช่วงไตรมาสสุดท้ายหมอจะนัดว่าที่คุณแม่บ่อยแทบทุกสัปดาห์แต่คนที่ยุ่งมากอย่างพ่อเลี้ยงเจตก็ไม่เคยให้บัวบูชาต้องมาเพียงลำพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว"เจ้าตัวเล็กแข็งแรงดีมากค่ะคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าช่วงนี้ต้องควบคุมเรื่องน้ำตาลหน่อยนะคะ"ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณหมอแนะนำกันอย่างดี พูดคุยกับคุณหมอเสร็จก็พากันออกมารอรับยาบำรุงด้านนอก"เหนื่อยไหม" เขาถามหลังประคองคนท้องโตมานั่งยังที่นั่งรอรับยา"นิดหน่อยค่ะ""ดื่มน้ำก่อน" เจตนิพัทธ์ยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ที่เสียบหลอดให้เรียบร้อยไปให้คุณแม่ที่ตอนนี้ดูอวบอิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาของเขาบัวบู
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 4/4เดิมทีบัวบูชาก็เล่านิทานให้ลูกในท้องฟังอยู่บ่อยครั้ง เพราะศึกษามาว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องมันช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูก และยังทำให้ลูกจดจำเสียงของพ่อและแม่ได้ด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าเจตนิพัทธ์เองก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ตอนที่เขาชวนเธอไปซื้อหนังสือเมื่อช่วงบ่ายก็เอาแต่พูดไม่หยุดว่าอยากอ่านเรื่องอะไรให้ลูกฟังบ้าง แถมยังซื้อกลับมาจนแทบทำเป็นชั้นหนังสือได้เลยเสียงเล่านิทานยังติด ๆ ขัด ๆ เพราะเพิ่งจะเคยเล่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเจตนิพัทธ์ก็ยังตั้งใจเล่าต่อไปและบอกตัวเองตลอดว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องเล่าให้ดีกว่านี้ให้ได้ และเมื่อนิทานจบลงว่าที่คุณพ่อถึงได้รู้ว่าคนบนเตียงนอนหลับสนิทไปแล้ว"ไม่ใช่ว่าน่าเบื่อจนหลับหรอกใช่ไหม" เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบากับตัวเอง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้คนบนเตียง วันนี้เขายังจับจองพื้นข้างเตียงของบัวบูชาเป็นที่หลับนอนเช่นเคยเจตนิพัทธ์นั่งมองหน้าคนหลับสลับกับหน้าท้องที่มีลูกของเราอยู่ในนั้นนานจนเริ่มง่วง แต่ก่อนจะนอนเขาก็อยากจะสัมผัสเนื้อตัวแม่ของลูกนิด ๆ หน่อย ๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ใบห
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 3/4"แล้วต่อจากนี้บัวมีสิทธิ์ไหมคะ สิทธิ์ที่จะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณเจตให้มากขึ้น"ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มกว้าง ดวงตาคล้ายมีประกายระยิบระยับอยู่ด้านในนั้น เขาก้าวเข้าไปใกล้คนท้องขึ้นอีกหน่อยก่อนจะเอื้อมไปจับมือของเธอไว้"ได้สิ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่บัวถามได้เลยนะ ถามได้ตลอดเวลา อยากรู้ตอนไหนก็ถามออกมาได้เลยพี่พร้อมจะบอกทุกเรื่อง" เขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองตอนนี้เรียกว่ายิ้มจนแก้มแทบปริได้ไหม รู้แค่เพียงดีใจเหลือเกินที่คนตรงหน้าอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาให้มากขึ้นบัวบูชาไม่รู้ว่าเธอคิดผิดหรือถูกที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะมันทำให้เจตนิพัทธ์ยิ้มกว้างอย่างที่เธอชอบ เธอชอบมองเขายิ้มและหัวเราะที่สุด และตอนนี้รอยยิ้มของเขาก็ทำเอาหัวใจเธอสั่นไหวรุนแรงเหลือเกิน"คือ...เอ่อ" อยู่ ๆ เธอก็คล้ายคนสมองเบลอไปชั่วขณะคิดอะไรไม่ออกเพียงเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่ง "บัวว่าบัวหิวแล้วค่ะ""กับข้าวเสร็จหมดแล้ว บัวไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวพี่ยกไปให้"เธอเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเดินหน้าร้อนออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ และไม่รู้เลยว่าตอนนี้บนใบหน้ากำลังมีรอยยิ้มแห่งความดีใจประด
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 2/4คนท้องรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของวัน อาการแพ้ท้องดีขึ้นมากกว่าช่วงเช้า ว่าที่คุณแม่ที่หน้าท้องเริ่มนูนเด่นค่อย ๆ ขยับตัวลุกจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน และเพราะมีเสียงดังมาจากในห้องครัวเธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ซึ่งก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นคนที่อยู่ในครัวไม่ใช่ป้าชื่น แต่เป็นเจ้าของร่างสูงโปร่ง อีกทั้งเจตนิพัทธ์ตอนนี้ยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนอีกด้วย"คุณเจตทำอะไรอยู่คะ""ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันมายิ้มกว้างให้คนท้อง ก่อนจะรีบล้างไม้ล้างมือแล้วก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อเช้า เพราะบัวบูชาเริ่มเหม็นกลิ่นตัวพ่อของลูกอีกแล้ว"อย่าเข้ามาใกล้เกินค่ะ" เธอรีบยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ ซึ่งเจตนิพัทธ์ก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี"ยังคลื่นไส้อยากอ้วกอยู่อีกไหม""ห่างเท่านี้ก็ไม่ค่อยได้กลิ่นแล้วค่ะ ว่าแต่ป้าชื่นล่ะคะ" ดวงตาคู่สวยมองหาคนที่อยู่ดูแลเธอมาเกือบจะสองเดือน ปกติทุกเช้าหลังตื่นนอนบัวบูชามักจะเห็นป้าขื่นคลุกตัวอยู่แต่ในห้องครัวนี่นา"พี่ให้แกกลับไปแล้ว เพราะต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเธอกับลูกเอง อีกอย่าง...ก็ถือเป็นการซ้อมอยู่ด้วยกันแบบพ่อแม
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 1/4คนที่เพิ่งจะได้นอนช่วงเช้ามืดเพราะมัวแต่หาข้อมูลในการดูแลคนท้องสะดุ้งตัวตื่นทันที เมื่อได้ยินเสียงคนอ้วกดังมาจากในห้องน้ำ เจตนิพัทธ์รีบลุกทั้งในสภาพที่ใบหน้ายังงัวเงียและผมเผ้าไม่ได้จัดทรง เขาเดินตรงไปหน้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบขวดน้ำเปล่าไปให้คนท้องใช้ล้างคอว่าที่คุณแม่อ้วกจนแทบไม่มีอะไรให้อ้วกออกมาอีกแล้ว บัวบูชาไม่มีแรงพอจะยืนด้วยซ้ำจึงต้องนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำก่อน ทว่าก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ ๆ ร่างกายก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น"จะทำอะไรคะ""พาไปนอนที่เตียง เป็นแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอ" ร่างสูงถามขณะอุ้มว่าที่คุณแม่กลับมานอนพักยังเตียงนอน เขาวางเธอลงอย่างเบามือ ก่อนจะจัดการนำหมอนมารองแผ่นหลังเพื่อให้คนท้องนั่งได้อย่างสบายขึ้น"บัวแพ้ท้องช้า เพิ่งจะมาแพ้หนักก็ตอนที่เข้าเดือนที่สี่ค่ะ ช่วงเช้าก็จะแพ้ท้องหนักกว่าช่วงอื่น ๆ สาย ๆ หน่อยอาการก็จะดีขึ้นเองค่ะ""รอแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำขิงกับขนมมาให้ เห็นเขาบอกว่ามันช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้""ใครบอกคะ" บัวบูชาเอียงคอสงสัย และก็ได้รับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาจากใบหน้าคมเข้ม"ในเน็ตน่ะ"เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง
บทที่ 18 ขอโอกาส 3/3"ไหนว่าให้โอกาสเรื่องลูกไง ในท้องก็ลูกพี่นะ พี่ก็อยากจะดูแลเหมือนกัน"บัวบูชาถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ สุดท้ายเธอก็ยอมใจอ่อนให้เขาตามเคย"งั้นก็แล้วแต่คุณเจตค่ะ เดี๋ยวบัวไปหาผ้าปูกับหมอนมาให้""ไม่เป็นไร ๆ" ร่างสูงโปร่งรีบมาขวางคนท้องไว้ เขาจะไปใช้งานคนท้องลงได้อย่างไรกัน "เดี๋ยวพี่ไปหาเอง แต่อย่าล็อกห้องนะ ถ้าเธอล็อกห้องคืนนี้พี่จะพังประตูเข้ามาจริง ๆ ด้วย""เอาแต่ใจที่สุด"เธอบ่นเขาอย่างไม่จริงจังนัก และมันก็เรียกเสียงหัวเราะของเจตนิพัทธ์ได้ ปกติเธอเคยบ่นเขาที่ไหนกัน พอได้มาฟังและเห็นกับตาก็เป็นภาพที่แปลกไม่น้อย แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"เพราะเป็นห่วงต่างหาก""อยากทำอะไรก็เชิญค่ะ บัวไม่สนใจคุณแล้ว บัวง่วง" คนท้องที่ตาแทบปิดพูดตัดบท ก่อนจะหมุนปลายเท้าไปทางเตียงนอน"โอเค ๆ ป่ะ ไปนอนกัน" คนฉวยโอกาสเก่งรีบเข้าไปประคองเอวของบัวบูชาและพาเดินกลับไปที่เตียง เมื่อเธอล้มตัวนอนก็ช่วยดึงผ้าห่มมาห่มให้ทว่าเขายังไม่ยอมออกไปหาผ้าและหมอนอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้า ร่างสูงโปร่งนั่งลงข้าง ๆ เตียงคนท้อง คราแรกสายตาก็จ้องมองใบหน้าหวานอยู่อย่างนั้นจนบัวบูชาต้อ
บทที่ 18 ขอโอกาส 2/3กลายเป็นบัวบูชาเสียเองที่ต้องหลบสายตาไปก่อน บางทีที่คนพูดไว้ว่าคนที่รู้สึกมากกว่ามักจะแพ้ในเรื่องความรักเสมอ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะเพียงแค่เขาพูดถ้อยคำที่ดูหวานซึ้งและจริงใจออกมา หัวใจของบัวบูชาก็คล้ายจะโอนอ่อนตามไปได้ง่าย ๆ"ตอนนี้บัวคงให้โอกาสคุณได้แค่เรื่องลูกค่ะ เพราะยังไงคุณเจตก็เป็นพ่อของแก ส่วนเรื่องของเรา บัว คือ บัวยังไม่แน่ใจ และต้องบอกตามตรงว่าบัวยังไม่เชื่อใจคุณเจตค่ะ"เธอรู้ว่าคนเราเปลี่ยนกันได้ แต่ก็ยากจะเชื่อได้อย่างสนิทใจในตอนนี้ว่าคนตรงหน้าจะยอมเปลี่ยนตัวเองจริง ๆ เกิดเขาแค่ดีกับเธอแค่วันนี้พรุ่งนี้ วันมะรืนกลับไปเป็นคนใจร้ายเช่นเดิมล่ะใบหน้าหล่อระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา เขาเข้าใจดีเรื่องที่บัวบูชาบอกว่ายังไม่เชื่อใจ ก็เขาเคยใจร้ายกับเธอตั้งมากมายขนาดนั้น ใครจะไปยอมเชื่อได้ง่าย ๆ ล่ะ แต่อย่างน้อยการที่เธอไม่ปฏิเสธเสียงแข็งกลับมาก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว ไม่สิ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากต่างหาก เพราะบัวบูชาให้โอกาสเขาเรื่องลูกแล้ว"ในเมื่อเธอยังไม่แน่ใจ ก็ขอโอกาสให้ฉันได้พิสูจน์ความจริงใจให้เห็นนะ" เขายังไม่ยอมปล่อยมือนุ่มไป ยังใช้นิ้วหัวแม
บทที่ 18 ขอโอกาส 1/3เจตนิพัทธ์อาบน้ำใหม่อีกรอบ หรือจะเรียกให้ถูกคงเป็นสามรอบมากกว่า รอบแรกเขาขัดตัวแล้วล้างออก จากนั้นก็ดมเช็กดูแม้จะหอมกลิ่นสบู่แล้วก็ตาม แต่ก็กลัวคนท้องจะยังเหม็นอีกจึงได้อาบซ้ำไปอีกสองรอบ อาบน้ำเสร็จจนคิดว่าตัวหอมก็รีบเดินออกมาตามหาคนที่เขาอยากพูดคุยด้วยมากที่สุดในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าบัวบูชากำลังยืนดื่มนมอยู่ในห้องครัวก็รีบก้าวไปหา ทว่าดูเหมือนไอ้อาการแปลก ๆ ที่เรียกว่า 'เหม็นผัว' มันจะร้องเตือนคนท้องก่อนเจตนิพัทธ์จะได้เข้าใกล้เสียอีก ใบหน้าหวานจึงดูเหมือนพะอืดพะอมขึ้นมา ซึ่งอาการเหล่านั้นมันก็อยู่ในสายตาคู่คมตลอด เขาจึงต้องถอยออกมายืนในระยะที่ไม่ใกล้บัวบูชามากจนเกินไป"ยังเหม็นอยู่เหรอ""ก็ถ้าอยู่ห่าง ๆ ก็ไม่ได้กลิ่นแล้วค่ะ" "แต่ฉันอาบน้ำใหม่แล้วนะ""บัวไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงยังเหม็นอยู่ แต่บัวไม่ได้แกล้งคุณนะคะ" คนท้องเริ่มมีสีหน้าคล้ายหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้งที่เขายังไม่ได้พูดหรือกล่าวหาว่าเธอแกล้งเลยสักคำตอนนี้บัวบูชาเริ่มรู้สึกแล้วว่าการพูดคุยกับเจตนิพัทธ์ทำให้เธออารมณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก อาการไม่ต่างจากที่ป้าชื่นว่าไว้เลย ยิ่งใกล้ยิ่งเหม็นและยิ่งอาร