ในที่สุด ในคืนนั้นที่จะพักที่โรงเตี้ยม หลังจากที่เซี่ยหลูโม่เอื้อมมือออกไปเพื่อช่วยพยุงซ่งซีซีลงจากรถม้ารุ่ยเอ๋อร์ก็รวบรวมความกล้าที่จะลงออกจากรถม้า จากนั้นยืนอยู่ระหว่างคนทั้งสองด้วยร่างกายที่สั่นเทาของเขา เขาอ้าแขนออกไปเพื่อปกป้องท่านอาอยู่ด้านหลัง เขาจ้องมองเซี่ยหลูโม่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเขากลัวมากจนขาที่ผอมแห้งราวกับแท่งไม้ของเขายังคงสั่น ริมฝีปากของเขาก็สั่นเทาเช่นกัน จากนั้นก็ส่งเสียงครวญครางเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมองหน้ากันด้วยความตกใจ เกิดอะไรขึ้น? ไม่เพียงแต่ไม่ได้ผล จะเกิดผลข้างเคียงอย่างนั้นหรือ?"อ๊า!"ซ่งซีซีตบศีษะตนเองเบาๆ และตระหนักถึงเหตุผล รุ่ยเอ๋อร์ไม่รู้ว่านางไม่ใช่ฮูหยินของจ้านเป่ยว่างอีกแล้ว ยิ่งไม่รู้ว่านางกำลังจะแต่งงานกับเซี่ยหลูโม่คืนนั้น อาหลานสองคนคุยกันตั้งนานเลยไม่สามารถปฏิบัติกับรุ่ยเอ๋อร์เหมือนเป็นเด็กน้อยได้อีกต่อไป เขาขอทานในตลาดต่างๆ มาสองปีแล้ว เรื่องต่างๆ แค่บอกกับเขา เขาก็จะเข้าใจอีกอย่างเขารู้เกี่ยวกับครอบครัวที่ถูกสังหารจากชาวบ้านชาวเมืองที่พูดคุยกัน ส่วนรายละเอียดจะเป็นยังไงเขายังไม่รู้เขาอายุเจ็ดขวบแล้ว เรื่องบางเรื่องเขาต้องรู้
วันรุ่งขึ้น คนขับรถเซี่ยหลูโม่รู้สึกสดชื่นแต่รอยคล้ำใต้ตาของเขาดำมากทีเดียวซ่งซีซีประหลาดใจมากว่าเขาทำได้ยังไง ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าเขานอนหลับไม่ดีแต่กลับมีชีวิตชีวาเช่นนี้ยกเว้นรอยคล้ำใต้ตาของเขาแล้ว ใบหน้าและดวงตาของเขาเป็นประกายจริงๆหลังจากพูดคุยกับรุ่ยเอ๋อร์เมื่อคืน รุ่ยเอ๋อร์ก็ไม่ได้กลัวและระแวดระวังกับเซี่ยหลูโม่มากขนาดนั้นอีก บางครั้งเขายังเปิดม่านเพื่อแอบมองที่แผนหลังของเขาด้วยเขาเป็นคนอย่างกับท่านปู่ของเขางั้นเหรอ? งั้นเขาก็จะเป็นผู้ที่สุดยอดมาก เขาแค่ฆ่าศัตรูเท่านั้น ไม่ทำร้ายประชาชนดังนั้นไม่ต้องกลัวเขาเลยรุ่ยเอ๋อร์บอกกับตัวเองในใจเช่นนี้ตลอด บอกว่าตลอดทาง จากนั้น ในสายตาของเขา เซี่ยหลูโม่ก็กลายเป็นคนที่เหมือนกับท่านปู่และท่านพ่อของเขาเข้า ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะเป็นอาเขยของตนเอง และเป็นญาติสนิทของเขาในอนาคตเมื่อมาถึงอำเภอเย่ รุ่ยเอ๋อร์ได้ริเริ่มทำท่าด้วยมือให้กับเซี่ยหลูโม่ แล้ว และยังกล้าให้เซี่ยหลูโม่จับมือของเขาเพื่อซื้อขนมอบอีกด้วยซ่งซีซีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นสภาพเช่นนี้ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่นั้น รุ่ยเอ๋อร์ดูเหมือนจะเชื่อใจท่านอ
เสนาบดีมู่ปาดน้ำตาแล้วกล่าวว่า "แค่มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ดีแล้วนะ"เขายืนขึ้นและโค้งคำนับ "กระหม่อมเสียท่าไป หวังว่าฝ่าบาททรงอย่าถือสาพะยะค่ะ""ข้าก็เกือบเสียท่าเช่นกัน ไม่โทษเจ้า ผู้ใดที่รู้เรื่องนี้จะไม่ดีใจด้วยล่ะ" ฮ่องเต้ยิ้มอย่างสดใสและคิดบางสิ่งขึ้นมา เขารีบสั่ง "อู๋ต้าปั้น เจ้าไปตระกูลขงด้วยตนเองไป หรือไปสำนักเขตจิงจ้าวเพื่อตามหาใต้เท้าขง บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้และทำให้พวกเขาดีใจสักหน่อย"อู๋ต้าปั้นกำลังปาดน้ำตาที่ด้านข้าง เมื่อได้ยินคำสั่งจากฮ่องเต้ เขาจึงรีบตอบว่า "พะยะค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้"อู๋ต้าปั้นจากไปอย่างมีความสุข ตระกูลซ่งมีทายาทสืบตระกูลอู๋ต้าปั้นรู้สึกมีความสุขจริงๆ ซ่งฮูหยินมีบุญกับเขา เขาอย่างให้ตระกูลซ่งเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าผู้ใดเสียอีกเสนาบดีมู่มองดูอู๋ต้าปั้นออกไปพร้อมกับความคิดในใจมากมาย แม้ว่าเขาจะยังมีงานราชการที่ต้องทำมากมาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะกลับไปสำนักเร็วเช่นนี้"ฝ่าบาท สงครามที่ชายแดนเฉิงหลิงเป็นเรื่องที่น่าละอายสำหรับแคว้นซางของเรามาโดยตลอด เรื่องนี้ถูกปกปิดไว้ เมืองซีจิงไม่ยอมที่จะเปิดเผยในตอนนี้ แต่รัชทายาทของเมืองซีจิงก็จากไปแล้ว และการต่อ
เสนาบดีมู่ตอบปากรับคำกับงานนี้แทนฮูหยิน ในใจของเขารู้สึกสับสนมากเป็นพิเศษเมื่อนึกถึงจ้านเป่ยว่างและยี่ฝางในตอนนั้น มีคนนับถือชื่นชมนับไม่ถ้วน ได้รับการสดุดี มีขุนนางมากแค่ไหนที่ราชสำนักมีความหวังสูงกับทั้งสองคนแม้แต่ประชาชนยังชื่นชมความรักของพวกเขา และยังรู้สึกสงสารและนับถือยี่ฝาง เห็นได้ชัดว่านางเป็นแม่ทัพหญิงที่สร้างผลงานทางทหารยิ่งใหญ่ กลับยอมเป็นแค่ภรรยาที่เท่าเทียมกันยิ่งมีคนยกย่องจ้านเป่ยว่างว่า แม้ว่าเขากับยี่ฝางมีใจให้กันและกัน แต่เขาก็ไม่เคยลืมภรรยาเอกที่บ้าน เพียงเพื่อให้ยี่ฝางสามารถดำรงตำแหน่งเป็นภรรยาที่เท่าเทียมกันเท่านั้นชัยชนะที่ชายแดนเฉิงหลิง ทำให้ทุกคนดีใจจนเสียสติ ให้ผู้คนร่วมฉลองอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นหลังจากร่วมฉลองเสร็จ ถึงค่อยๆ กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และพบว่ามีสิ่งสกปรกมากมายซ่อนอยู่ในเรื่องราวที่ดูสวยงามเหล่านั้นในท้ายที่สุดได้พบว่าภรรยาเอกคนนั้นกลับโด่ดเด่นกว่ายี่ฝางเสียอีก และทุกคนก็จำได้ว่าตระกูลซ่งเคยสร้างผลงานมากมายให้กับแคว้นซาง และนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสงสารของตระกูลซ่งแต่ไหนแต่ไรมา คุณหนูซ่งไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมจากความคิด
สมาชิกในตระกูลขงต่างก็งุนงงเมื่อได้ยินดังนั้น เป่ยหมิงอ๋องสามารถนำข่าวดีอะไรมาสู่ตระกูลขงได้?เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของทุกคน อู๋ต้าปั้นกล่าวต่อว่า "ท่านเป่ยหมิงอ๋องพบขอทานตัวน้อยคนหนึ่งในอำเภอเย่ หน้าหน้าคล้ายกับแม่ทัพรองของตระกูลซ่ง ดังนั้นเขาจึงเรียกรุ่ยเอ๋อร์อย่างหยั่งเชิงแต่เขาไม่คาดคิดว่าขอทานตัวน้อยคนนั้นได้ตอบสนอง..."ขงหยางรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อจึงขัดจังหวะอู๋ต้าปั้น "อู๋กงกง ท่านอ๋องเห็นคนที่ดูคล้ายกับรุ่ยเอ๋อร์ เขาจึงถวายฎีกาต่อฝ่าบาท เขาต้องการสื่ออะไร ดูคล้ายกับรุ่ยเอ๋อร์ แต่ไม่ใช่รุ่ยเอ๋อร์ จะไปบอกฝ่าบาทเพื่ออะไรหรือ?"ขงหยางไม่เพียงแต่รู้สึกเหลือเชื่อ แต่ยังรู้สึกโกรธเล็กน้อยอีกด้วยม่านชิงและรุ่ยเอ๋อร์คือปมบาดแผลทางใจของคนตระกูลขง โดยเฉพาะฝั่งคุณนายใหญ่ จะให้นางฟังเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาดแค่ได้เห็นคนหน้าตาคล้ายกับรุ่ยเอ๋อร์คนหนึ่ง จะมาบอกว่าเป็นข่าวดีแล้วหรือ? นี่มันข่าวดีอะไรกัน? เสียแรงและเวลาที่ทุกคนเร่งรีบกลับมาที่มาฟังเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ขงหยางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธกับเป่ยหมิงอ๋องเล็กน้อยอู๋ต้าปั้นคลายมอเบาๆ "ใต้เท้าขง โปรดใจเย็นๆ ก่อน หากเป็นแค่ดู
แต่มันจะเป็นจริงได้อย่างไร?ย่อมมีแต่ทำให้ผิดหวังเท่านั้น...ทุกคนต่างเสียใจมาก แต่ก็เห็นใจซ่งซีซีด้วย หากนางไปที่นั่นด้วยความหวังสูง นางจะผิดหวังอย่างแน่นอนเมื่อไปถึงที่นั่นไม่สิ อู๋ต้าปั้นบอกว่าพวกเขาจะกลับมาถึงเมืองหลวงในไม่ช้า หรือว่านางพาขอทานตัวน้อยกลับมาโดยคิดว่าคนคนนั้นเป็นรุ่ยเอ๋อร์หรือมันเรื่องอะไรกันเนี่ย? เพิ่งชมว่านางเป็นผู้ใหญ่ทำอะไรมีเหตุผล แต่แล้วก็ทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้หรือ?ซ่งซีซีออกจากเมืองหลวงในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ และตอนนางกลับมาก็เป็นวันที่เจ็ดของเดือนกันยายนแล้วนฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นสบายมากองครักษ์ที่เฝ้าประตูเมืองตกตะลึงเมื่อเห็นว่าคนที่ขับรถม้านั้นเป็นท่านเป่ยหมิงอ๋อง กลับให้ท่านอ๋องเป็นคนขับให้ แล้วคนที่อยู่ในรถม้าจะเป็นผู้ใดกันเมื่อรถม้าของท่านอ๋องกลับมาเมืองหลวง มันก็ถูกปล่อยผ่านโดยธรรมชาติทันทีโดยไม่มีการตรวจสอบใดๆ รถม้าก็มุ่งตรงไปที่จวนเสนาบดีกั๋วกงเมื่อมาถึงจวนเสนาบดีกั๋วกง เซี่ยหลูโม่พูดกับซ่งซีซีและรุ่ยเอ๋อร์ว่า "ข้าจะไม่เข้าไป เจ้ากับรุ่ยเอ๋อร์พักผ่อนให้ดีๆ ก่อน ข้าจะมาเยี่ยมอีกทีวันหลัง"คิดว่าพรุ่งนี้พวกเขาต้องไปตระกูลขง พรุ่งนี้
ลุงฟูไม่ได้ให้เขาพักเรือนเดิมที่เขาเคยอยู่ประจำ แม้ว่ากางตกแต่งได้ปรับปรุงใหม่แล้ว แต่ยังกลัวว่าเขาจะคำนึงถึงเรื่องเศร้าได้ ดังนั้นจึงให้เขาอาศัยอยู่กับคุณหนูที่เรือนจือหลาน ถึงยังไงเรือนจือหลานก็มีขนาดใหญ่ มันมากพอที่ให้สองคนอสศัยอยู่ลุงฟูยังพิจารณาถึงนายน้อยต้องทนทุกข์มามาก ความทุกข์ที่เขาเจอพวกนั้น ต้องให้คุณหนูคอยดูแลอยู่เคียงข้างนายน้อยอายุยังไม่ครบเจ็ดขวบ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรไม่เหมาะที่อาศัยอยู่กับคุณหนูอย่างน้อยผ่านเวลาสองสามเดือนแรกไปก่อน หลังจากคุณหนูออกเรื่อนแล้ว ค่อยวางแผนใหม่หลังจากจัดการรุ่ยเอ๋อร์ให้เรียบร้อย ซ่งซีซีก็เรียกทุกคนไปที่ห้องโถงด้านข้าง และให้เฉินฟูส่งคนไปส่งข่าวที่ซ่งไท่กงและตระกูลขงด้วยโดยบอกว่ารอให้รุ่ยเอ๋อร์จัดการกับสติอารมณ์ให้ดีขึ้นหน่อย เดี๋ยวจะพาเขาไปเบี่ยมทุกคน"ใช่แล้ว หากตระกูลขงอยากเจอรุ่ยเอ๋อร์ก่อน ก็สามารถให้พวกเขามา รุ่ยเอ๋อร์สนิทกับท่านตาท่านยายและท่านลุงของตนเอง จะไม่ต่อต้านกับพวกเขา ส่วนทางไทกงให้เขารอก่อน"ซ่งซีซีไม่รู้ว่าตระกูลขงไม่เชื่อเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเฉินฟูจึงส่งคนไปบอก ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ยอมมา แถมยังบอกด้วยว่าหาก
ความเจ็บปวดจากกระดูกหักนั้นเจ็บปวดมากแค่ไหน ซ่งซีซีย่อมรู้โดยธรรมชาติ หาใช่ว่านางไม่เคยกระดูกหักเมื่อตอนที่นางยังเด็กมียาแก้ปวดหรือฝังเข็มเพื่อแก้ปวด แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสซ่งซีซีรู้สึกเป็นกังวล จากนั้นถามขึ้นอีกว่า "แล้วเขาเคยใช้ยาเสพติดด้วย จะเป็นอะไรหรือไม่?"หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวว่า "ยานั้นชื่อยาไส้หมู่ด่าน พอกินแล้วจะทำให้คนติดยา แต่ดูเหมือนว่าอาการของเขาตอนนี้ยังดีอยู่ ตลอดทางที่พวกเจ้ากลับมาเขาได้รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่"ซ่งซีซีนึกถึงระหว่างทางนี้ ดูเหมือนเขาเคยอาการกำเริบบ้าง แต่เขาก็ทนเอาไว้ จากนั้นมาจนถึงตอนนี้ ไม่มีวี่แววที่จะกำเริบอีก เลยกล่าวว่า "ไม่ค่อย ที่อาการกำเริบล่าสุด เขาอดทนไว้จนได้""โอ้ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเคยกล่าวไว้ว่าเขาเคยกำเริบตอนอยู่หลิงโจว มีอาการหนักมาก ตอนนั้นเขาชนกำแพงไม่ก็ทำร้ายตัวเอง หลังจากที่ข้าไปถึงที่นั่นก็ไม่เคยเห็นอาการเช่นนั้นอีก"หมอมหัศจรรย์ดันถอนหายใจ "แรกๆ มันทนยากที่สุด แต่อาการจะเบาลงทุกครั้งจนกว่าจะเลิกเลย ยานี้จะมีผลเสียหายต่อร่างกาย หลังเลิกอย่างสมบูรณ์แล้ว ต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่ง แต่เด็กคนนี้ไม่ได้สูงขึ้นเท่าไร เหตุผ