"เธอจงใจให้ทุกคนเห็นรอยที่คอใช่ไหมพระพาย" ทันทีที่หญิงสาวขึ้นมานั่งบนรถเสียงทุ้มก็เปล่งถามทันที แววตาราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นดุดันในทันตา"ฉันรีบจนลืมปกปิดรอย" พระพายตอบตามจริงพร้อมกับลอบถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายเป็นดั่งที่เธอคิดไว้ไม่มีผิดว่าพอลับสายตาพ่อแม่ชายหนุ่มคงหาเรื่องเธอ ว่าจบก็เบือนหน้าหนีไปทางกระจกรถ"เหรอ" อลันหาได้เชื่อทุกคำพูดที่หลุดออกจากริมฝีปากอวบอิ่มไม่แต่ก็เลือกจะไม่พูดอะไรต่อกระชากรถออกจากบ้านอย่างแรงจงใจกลั้นแกล้งอีกคน"ว้าย!" ทำให้พระพายที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจร่างถลาไปด้านหน้า หน้าคะมำชนคอนโซลรถดังปึก ใบหน้าเรียวเหยเกน้ำตาคลอหน่วยด้วยความรู้สึกเจ็บ แรงกระแทกกับคอนโซลรถสร้างความเจ็บให้เธอไม่น้อย มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าผากปอย ๆ นัยน์ตาที่มีน้ำสีใสปริ่มอยู่ปรายมองเจ้าของการกระทำห่าม ๆ อย่างโกรธเคืองถามว่าอลันรู้สึกรู้สากับสายตาอาฆาตและการกระทำของตัวเองไหมตอบเลยว่าไม่รู้สึกสะใจมากกว่าที่เห็นความเจ็บปวดของเธอ แววตาดุดันปรายมองร่างบอบบางที่นั่งลูบหน้าผากปอย ๆ แวบหนึ่งแล้วดึงสายตากลับมาสนใจถนนข้างหน้าต่อไม่พูดไม่จาหรือทำอะไรต่อภายในรถถ
"โอ้ย!" เสียงครวญครางดังเล็ดลอดออกจากริมฝีปากอวบอิ่มของร่างบอบบางที่นอนอยู่บนเตียงเบา ๆ ความบอบช้ำบริเวณท้องน้อยทำให้เธอรู้สึกร้าวระบมไม่น้อยเมื่อขยับเขยื้อนตัวจนต้องเลื่อนมือไปกุมหน้าท้องไว้ ขณะที่เปลือกตาบางค่อย ๆ ปรือขึ้นมาช้า ๆ ด้วยอาการหนักอึ้งในสมอง"กรี๊ด! อย่า" ทว่าริมฝีปากอวบอิ่มก็เผยอร้องออกมาเสียงหลง ดวงตาเบิกโพลงเมื่อภาพเห็นการณ์เมื่อคืนฉายขึ้นในโสตประสาท ดีดตัวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าชิดหัวเตียงด้วยความหวาดกลัวสุดขีดลืมเจ็บไปชั่วขณะ เนื้อตัวสั่นเทาราวกับลูกแมวตกน้ำ น้ำตาไหลพรากลงอาบสองแก้มนวล"พายเป็นอะไร" สร้างความตกใจให้กับอคินและแฟนสาวที่กำลังเปิดประตูเข้ามาเป็นอย่างมาก อคินรีบวิ่งไปสวมกอดร่างสั่นเทาแน่นพลางใช้มือลูบแผ่นหลังบางเบา ๆ ปลอบประโลม "ไม่เป็นไรแล้วพาย มึงปลอดภัยแล้ว""ฮึก! ฮื่อ!""ไม่..พายกลัว ผู้ชายคนนั้นจะข่มขืนพายมันข่มขืนพาย" คำปลอบประโลมจากอคินไม่ได้ทำให้พระพายรู้สึกดีขึ้นเลย ส่ายหน้าไปมาระรัวร้องบอกทั้งน้ำตานองหนาวราวกับคนสติแตกรับไม่ได้เพียงคิดว่าตัวเองถูกกระทำมิดีมิร้ายสภาพของเธอในตอนนี้สร้างความสะเทือนใจให้อคินกับของขวัญเป็นอย่างมาก ของขวัญถึงกับน้ำตาคลอ
หลายวันต่อมา.."พายมึงอยู่ห้องคนเดียวได้ใช่ไหม ฉันกับน้องขวัญจะออกไปธุระข้างนอกสักแป๊บ" เสียงอคินดังขึ้นทำให้พระพายที่นั่งก้มหน้าเล่นมือถือบนโซฟาในห้องนั่งเล่นละสายตาหน้าจากหน้าจอเงยขึ้นพยักหน้ารับ "ได้สิ""งั้นกูกับน้องไปก่อน ถ้ามีอะไรก็โทรหากูได้ตลอดนะ" อคินพูดทิ้งท้ายแล้วจูงมือแฟนสาวเดินออกจากห้องไป พระพายมองตามหลังคนทั้งสองจนประตูปิดลงจึงเอนกายวางศีรษะบนพนักโซฟาจับจ้องเพดานสีเทาที่มีลวดลายสวยงามด้วยสมองหนักอึ้งหลังจากออกจากโรงพยาบาลเธอก็มาอยู่ที่คอนโดอคินเลย อาการหวาดผวาจากเหตุการณ์ในคืนนั้นดีขึ้นมากแล้วเพราะมีของขวัญคอยดูแลไม่ห่าง บ้างก็ชวนเธอทำนู่นทำนี่จนไม่มีเวลาจมอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ ตอนกลางคืนของขวัญก็มานอนเป็นเพื่อนแล้วให้อคินนอนอีกห้องหนึ่งส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอเจอเหตุการณ์เลวร้ายก็หายไปเลยนับตั้งแต่วันนั้น นี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้วตอนแรกเธอก็แอบกังวลว่าเขาจะมาพาตัวเธอกลับไปแต่วันแล้ววันเล่าก็ไร้เงาของเขาไม่มีแม้แต่สายเรียกเข้า หรือข้อความจากเขาซึ่งมันเป็นเรื่องดีสำหรับเธอมาก ๆ แม้จะแอบแปลกใจมากก็ตามการอยู่ที่นี่ทำให้เธอสบายใจกินอิ่มนอนหลับไม่ต้องคอยกังวลว่าจะโดนคนใจร้า
หลังจากพระพายถูกคนใจร้ายฉุดกระชากลากถูกลับมาบ้านได้สำเร็จเธอก็โดนเขาใช้งานทันทีโดยการโยนเสื้อผ้าในตระกร้าใบโตให้ซัก และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดพอจับผ้าใส่เครื่องซักผ้าใส่ผงซักฟอกเสร็จสรรพทำท่าจะปั่นแต่กลับพบว่าเครื่องซักผ้าเสีย“ทำไมเสีย” เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไล่สายตาสำรวจเครื่องซักผ้าอย่างพินิศพิจารณาไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเสียเพราะเพิ่งซื้อมาได้ประมาณอาทิตย์กว่า ๆ คงไม่ใช่เป็นฝีมือของเขาหรอกนะที่ลงทุนทำลายข้าวของเพียงเพราะอยากกลั้นแกล้งเธอมันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เธอค่อนข้างมั่นใจ “เฮ้อ” ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งระคนหัวเสีย ก่อนเท้าเล็กจะก้าวเดินเข้าไปในบ้านอีกครั้งเพื่อบอกกล่าวกับคนใจร้ายแสร้งเล่นละครไปตามน้ำทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว“เครื่องซักผ้าเสียฉันต้องเรียกช่างมาซ่อมก่อนถึงจะซักเสื้อผ้าคุณได้" เธอเดินมาหยุดด้านข้างร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วบอกกล่าวไป "ซักด้วยมือสิ" อลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่สายตายังคงจดจ่อบนจอทีวี เขารู้อยู่แล้วว่าเครื่องซักผ้าเสียเพราะเป็นคนทำพังเองกับมือที่ทำก็เพราะอยากกลั่นแกล้งเธอยังไงล่ะบอกแล้วว่าเขาจะไม่ยอ
2 วันต่อมา..พระพายนั่งดูทีวีบนโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจเพราะผู้ชายใจร้ายหายหัวไปจากบ้านสองวันแล้วตั้งแต่วันที่ลากเธอกลับมาจากคอนโดอคิน ซึ่งมันดีสำหรับเธอมาก ๆ ไม่กลับมาเลยยิ่งดีตอนมีเขาอยู่บรรยากาศในบ้านราวกับขุมนรกก็ไม่ปราน แต่พอเขาไม่อยู่บรรยากาศภายในบ้านโคตรดีให้ความรู้สึกเหมือนบ้านจริง ๆครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้พระพายละสายตาจากหน้าจอทีวีหยิบโทรศัพท์ที่วางข้างตัวขึ้นมาดูรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าเรียวด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าหมายเลขบนหน้าจอคือเบอร์ของรุ่นพี่หนุ่มที่เธอแอบปลื้มมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง รีบกดรับสายโดยไม่รอช้า "สวัสดีค่ะคุณพี่สุดหล่อ"(สวัสดีครับน้องคนสวย) ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทะเล้นทำให้พระพายถึงกับหลุดขำออกมาเบา ๆ ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงทะเล้นไม่ต่างกัน "ว่าไงคะสุดหล่อ"(พี่อยู่ไทยแล้วนะออกมาเจอกันหน่อยไหมครับ)"พี่นนท์กลับจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไรคะ" พระพายที่ดีใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งดีใจเข้าไปอีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันสามสิบสองซี่(เพิ่งถึงครับ ถึงปุ๊บก็โทรหาน้องปั๊บเลย)"ค่าา..แล้วเจอกันที่ไหนดีคะ" (ร้านประจำของเราไ
พระพายมองชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทางนิตินัยของตัวเองยืนโอบไหล่หญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดตรงหน้าด้วยแววตาไร้ความรู้สึกนานนับนาที ก่อนจะเดินเลี่ยงไปเพราะไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องอยู่ตรงนี้ต่อ ทว่าก้าวเท้าเดินได้สองก้าวเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงทุ้มดังตามหลังมา"นับตั้งแต่วันนี้ไปนิกกี้จะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับฉัน" "ตามสบายค่ะ" ถามว่าเธอรู้สึกอะไรกับคำพูดของชายหนุ่มไหมตอบเลยว่าไม่หันกลับไปตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบพร้อมกับไหวไหล่ให้อย่างไม่ใส่ใจมากนัก ว่าจบก็หมุนตัวเดินต่อไม่คิดสนใจว่าคนทั้งสองจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หรือจะทำอะไรกันต่อหลังจากนี้แค่ไม่มาระรานเธอก็พอแล้ว เมื่อเข้ามาในห้องเธอก็ล็อคประตูอย่างแน่นหนาแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงด้วยสมองหนักอึ้ง ดวงตากลมโตจับจ้องเพดานสีขาวที่มีลวดลายสวยงามอย่างครุ่นคิด เธอเชื่อว่าชายหนุ่มคงจะมีจุดประสงค์อะไรแน่นอนถึงได้พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้านยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวไม่รู้ว่าจะมีสักวันไหมที่เธอจะได้อยู่อย่างสงบสุขในบ้านหลังนี้ติ้ง! ติ้ง!ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่เธอตกอยู่ในห้วงความคิดแสนหนักอึ้งกระทั่งเสียงแจ้งเตือน
พระพายที่นอนขดตัวบนโซฟาในห้องรับแขกรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ด้วยอาการที่ไม่สดชื่นเท่าไรนักรู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเพราะนอนบนโซฟาแคบ ๆ จะขยับตัวก็แทบไม่ได้เลย และเมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาให้หลับได้ก็เที่ยงคืนแล้วทั้งหมดทั้งม้วนต้องโทษผีเน่ากับโล่งผุอย่างสองคนนั้นที่สมสู่กันแบบไม่เกรงอกเกรงใจใครเลย คิด ๆ แล้วน่าโมโหชะมัด"เฮ้อ" เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่พร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นนั่งยกมือทั้งสองขึ้นประสานเหนือศีรษะแล้วบิดตัวไปมาเพื่อคลายอาการปวดเมื่อยพอรู้สึกดีขึ้นก็หอบหมอนกับผ้าขึ้นไปเก็บบนห้อง จากนั้นก็ล้างหน้าล้างตาลงมาทำอาหารเช้าตามหน้าที่ของตัวเองวันนี้เธอทำทั้งข้าวต้มกุ้งและเบรกฟัสท์ไว้ให้ชายหนุ่มดูสิว่าเขาจะสรรหาเรื่องอะไรมาแกล้งเธออีก เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสรรพก็ยกไปวางบนโต๊ะอาหารส่วนอีกคนจะมาทานหรือไม่ก็ช่างมันเพราะถือว่าเธอทำหน้าที่ของตัวเองสมบรูณ์แล้ว"ไปเอาอาหารเช้ามาให้นิกกี้ด้วย" ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในครัวเสียงทุ้มก็ดังขึ้นทำให้เธอต้องหยุดชะงัก มือเรียวกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกไม่พอใจเธอไม่ใช่คนใช้ที่จะคอยทำตามคำสั่งใครโดยเฉพาะทำให้ผู้หญิงคนนั้นคนท
"คุณอยาทำแบบนี้เลยฉันขอร้อง อึก!" พระพายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับหยาดน้ำสีใสที่เริ่มรินไหลออกจากหางตาด้วยความรู้กลัวในวินาทีที่ร่างสูงขึ้นคร่อมตัว รวบมือทั้งสองข้างของเธอที่พยายามผลักไสไปตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว"พระพายผู้หญิงอวดดีหายไปไหนแล้วล่ะ" คำขอร้องอ้อนวอนและน้ำตาของหญิงสาวไม่ได้ทำให้คนที่ถูกความโกรธเข้าครอบงำรู้สึกเห็นใจ หรือสงสารสักนิดกลับเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน จับจ้องใบหน้าเรียวที่อาบหยาดน้ำตาอย่างนึกสมเพชในเมื่อเธอต้องการเล่นแบบนี้กับเขา เขาก็จะฝากความอัปยศนี้ไว้ให้เธอจำไปตลอดชีวิต "อย่าลืมบอกทุกคนด้วยนะว่านอกจากจะโดนสามีใช้กำลังทำร้ายและพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาหยามเกียรติถึงในบ้านแล้ว เธอยังโดนสามีตัวเองข่มขืนอีก" แคว่ก!"กรี๊ด!"ว่าจบมือหนาอีกข้างก็จับเสื้อยืดคอย้วยบนร่างบอบบางแล้วออกแรงกระชากจนเสื้อขาดวิ่นเป็นทางยาว ร่างบอบบางกรีดร้องด้วยความตกใจกับการกระทำห่าม ๆ ของผู้ชายป่าเถื่อน น้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัวสุดขีด"คุณอย่าทำแบบนี้เลยฉันขอร้อง ฉันขอโทษที่ทำให้คุณโมโหฉันจะไม่ฟ้องหย่าคุณแล้ว ฉันจะทำตามที่คุณสั่งทุกอย่าง" เอ่ยเว้าวอนทั้งน้ำตาหวัง
1 ปีต่อมา.."คุณพ่อพักผ่อนบ้างนะครับน้องพีร์กับคุณแม่เป็นห่วงครับ" น้ำเสียงเล็กหวานหูดังขึ้นทำให้อลันที่นั่งเอนกายพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ซึ่งไม่ใช่บุตรชายแต่เป็นเมียสาวที่ทำน้ำเสียงเลียนแบบบุตรชายต่างหากคงเพราะเห็นเขาเครียดกับการตามหาน้องสาวฝาแฝดอย่างอลินดาจึงอยากทำให้ยิ้มได้ และมันก็ได้ผลบุตรชายกับเมียสาวก็เหมือนที่ชาตพลังชั้นดีของเขา"งั้นพ่อขอเติมพลังจากน้องพีร์กับคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ" มือหนาเอื้อมไปรั้งร่างบอบบางที่ยืนอุ้มลูกน้อยอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักกอดเธอไว้หลวม ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาบุตรชายฟอดใหญ่แล้วกดจูบลงบนไหล่มนของเมียสาวต่อ ขณะที่พระพายนั้นใช้แขนโอบไหล่กว้างข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างอุ้มบุตรชายไว้บนตัก"ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่อลินไหมคะ" ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเห็นใจ ตั้งแต่น้องสาวฝาแฝดหนีไปในวันแต่งงานคนเป็นสามีก็ดูจะเครียดมากเพราะงานแต่งถูกจัดอย่างใหญ่โตเชิญแขกมาไม่รู้กี่พันคน คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคือพ่อแม่ท่านทั้งสองเครียดมาก แม่บุญธรรมเป็นลมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ผลที่ตามมาจากการก
เสียงเนื้อกระทบเคล้าเสียงครางหอบของคนทั้งสองดังระงมทั่วรูฟท็อปโชคดีที่อลันบอกให้พนักงานทุกคนกลับไปหมดแล้วที่นี่จึงเหลือเพียงเขากับเธอสองคน บทรักดำเนินไปอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงดาว แสงเทียน และแสงสีของเมือง บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณอบอวลไปด้วยแรงสวาทของทั้งสองสายลมที่ว่าเย็นก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มนี้ได้"ผมรักคุณนะ" ริมฝีปากร้อนผละจูบเอื้อนเอ่ยชิดกลีบปากอวบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับตระกองกอดร่างบอบบางแนบแน่นจนทรวงอกเต่งตึงบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อ ขณะที่สะโพกสอบก็ตอกตรึงฝากฝังตัวตนอย่างหนักหน่วง ร่างบอบบางเสียวซ่านจนเกินจะบรรยายหลับตาพริ้มส่งเสียงครางไม่เป็นภาษา ช่องทางรักบีบรัดท่อนเนื้อที่สอดใส่เข้าออกรัวเร็วถี่ ๆอลันขบกรามกรอดด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับผละตัวออกจับร่างบอบบางนอนตะแคง จากนั้นจึงนอนซ้อนหลังสอดแขนเข้าไปใต้ศีรษะทุยประคองใบหน้าเรียวให้หันมารับจูบแสนดูดดื่มพลางเสือกไสท่อนเนื้อเข้าสู่ร่องอ่อนนุ่มอีกครั้งเขายกขาเรียวขึ้นพาดแขนแล้วกระหน่ำแทงจนร่างบอบบางสั่นคลอน ทรวงอกเต่งตึงกระเพื่อมสั่นไหวราวกับยั่วยวนจนเขาอดไม่ได้ต้องตะปบแล้วบีบขยำแรง ๆ ใบหน้าก็ซุกไซ้คลอเคลียใบหูเล็ก ขบเม้มติ่งหูเ
หลังจากทานอาหารเสร็จสองหนุ่มสาวก็นั่งจิบไวน์ต่อ ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายใต้ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งมีดวงดาวน้อยใหญ่พราวระยับท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนรอบบริเวณรูฟท็อป และแสงสียามค่ำคืนของเมืองกรุงให้ความสว่างร่างบอบบางที่อยู่ในอาการเมากรึ่มวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแล้วลุกไปยืนชิดระเบียงกระจกทอดสายตาหวานฉ่ำมองแสงสียามค่ำคืน ใบหน้าแดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ เคล้าด้วยกลิ่นหอมหวานจากเทียนหอมมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ยิ่งนัก"ขโมยกอดพายอีกแล้วนะคะ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังเอียงหน้าเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนักพลางระบายยิ้มบาง ๆ ไม่คิดจะผลักไสร่างสูงออกเพราะกำลังรู้สึกหนาวพอดีได้ไออุ่นจากร่างกำยำก็ค่อยคลายความหนาวลงหน่อย"งั้นขออนุญาตนะครับ" อลันหยอกล้อกลับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางกระชับกอดร่างบอบบางแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป ริมฝีปากหนากดจูบขมับอย่างรักใคร่ ก่อนผละกอดออกจับไหล่มนหมุนให้ร่างบางหันมาสบสายตาสื่อความในใจสองสายตามองสบประสานอย่างลึกซึ้งเนิ่นนานหลายนาทีเหมือนมีแรงดึงดูดมิอาจละสายตาจากกันได้ ก
วันนี้เป็นวันหยุดของอลันเขาจึงพาลูกเมียไปหาพ่อแม่ที่บ้านนั่งคุยกับพวกท่านจนเริ่มบ่ายคล้อยจึงพาลูกน้อยมานั่งเล่นที่สวนสาธรณะต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เมื่อมาถึงสวนสาธรณะเขาก็เดินหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับปูเสื่อนั่งชมบรรยากาศโดยมีพระพายอุ้มลูกน้อยเดินเคียงข้างไป"ตรงนี้แหละ" เขามองหาบริเวณที่คนไม่พลุกพล่านและมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นพอได้ดั่งต้องการก็หันไปบอกกล่าวกับร่างบอบบางข้าง ๆ พร้อมกับวางตระกร้าใส่สัมภาระลูกลง แล้วเอาเสื่อที่เตรียมมาปูบนพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดจนเรียบไปกับผืนดินจากนั้นก็พากันนั่งลง"มาหาพ่อครับน้องพีร์" เขาเอี้ยวตัวไปยกลูกน้อยจากตักของคนเป็นแม่มายืนบนตักเพราะอยากให้เธอได้นั่งสบาย ๆ ซึ่งพระพายก็ไม่ได้ขัดอะไรจ้องมองเขาก้มหน้าพูดคุยกันลูกบนตักพลางระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พ่อก็ชวนลูกคุยเก่งส่วนลูกก็คุยเก่งไม่แพ้กันส่งเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา พอโดนคนเป็นพ่อหยอกเย้าหน่อยก็หัวเราะออกมาจนเธอเองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย"ผมพาลูกเดินเล่นหน่อยดีกว่า" ผ่านไปสักพักอลันก็ลุกพาลูกเดินชมนกชมไม้รับลมเย็นโดยมีพระพายมองตามไม่คาดสายตาใบหน้าของเธอเคลือบด้วยรอยยิ้มตลอดเวลากระทั่งสองคนพ่อลูกเดินกลับ
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร"กินเยอะ ๆ ครับคุณแม่" ระหว่างทานอาหารอลันก็คอยตักนู่นตักนี้ใส่จานให้หญิงสาวตลอด อีกคนเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนยกกับข้าวที่เขาตักให้ใส่ปากอย่างไม่รังเกียจ ทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกันเขามักทำแบบนี้เสมอจนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"เริ่มหลงรักผมขึ้นบ้างหรือยัง" แค่ก ๆ! ทว่าเธอก็ต้องสำลักข้าวในวินาทีต่อมาเมื่อเจอกับประโยคจากริมฝีปากหนาทำเอาเจ้าของคำถามต้องรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งมาลูบหลังแผ่นหลังบางด้วยความเป็นห่วง "มันใช่เวลาพูดไหมเนี่ยคุณอลัน" เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นพระพายก็หันมองร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ เขม็งพร้อมกับใช้มือหยิกหน้าท้องแกร่งเบา ๆ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาพูดตอนทานข้าวไม่พอยังพูดต่อหน้าแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ด้วยมันใช่เวลาพูดเสียที่ไหนเธอทั้งอายทั้งนึกโมโหเขาจริง ๆ "ผมเจ็บนะ" คนถูกหยิกร้องโอยพลางกลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเขินกันแน่ มือหนาอดไม่ได้จะยื่นไปบีบด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว "เอามือออกไปเลยนะ" ยิ่งทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งรู้สึกอายและนึกโกรธเข้าไปอีกแหวใส่คนตัวโตเสียงดังลั่นพร้อมกับยื่
หลายเดือนต่อมา..อลันที่เพิ่งกลับมาจากทำงานระบายยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นพระพายกำลังนั่งชมลูกน้อยอยู่ในห้องโถง จากที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาจากการทำงานก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่ก็เข้าสามเดือนแล้วที่เขา เธอและลูกกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันนับตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มดีขึ้นตามลำดับเพราะมีลูกน้อยเป็นตัวเชื่อม "กลับมาแล้วครับ" เขาเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างร่างบอบบาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหอมแก้มลูกน้อยที่นอนอยู่บนตักเธอฟอดใหญ่จากนั้นก็ผงกหน้าขึ้นเอื้อนเอ่ยกับลูกน้อยที่นอนตาใสแป๋วส่งเสียงอ้อแอ้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "วันนี้น้องพีร์กวนคุณแม่รึเปล่าครับ" พระพายก้มมองคนที่กำลังหยอกล้อบุตรชายอยู่บนตักด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสิ่งที่เขาทำอยู่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วเพราะทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาบุตรชายก่อนเสมอ พอกลับมาตอนเย็นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือเข้ามาหอมมาเล่นกับลูกเช่นกัน "เหนื่อยไหม" เมื่อหยอกล้อบุตรชายจนพอใจอลันก็ถามไถ่คนเป็นแม่ต่อพร้อมวางมือลงบนไหล่มนด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน "ไม่เลยค่ะ" ใบหน้าเรียวยิ้มตอบเธอจะเ
อลันรับซองสีน้ำตาลจากมือผู้เป็นพ่อมาเปิดด้วยความสงสัย ก่อนจะต้องรีบช้อนสายตาขึ้นมองหน้าพ่อแม่ด้วยความตกใจเมื่อเห็นเอกสารด้านในไม่คิดว่าท่านจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ภาคินกับเอวาเพียงระบายยิ้มให้บุตรชายบาง ๆ ก่อนจะก้มหน้าชื่นชมหลานต่อสองชั่วโมงต่อมาพระพายที่ผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวดก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของลูกน้อย "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ร้องนะครับ โอ๋ ๆ" ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาเธอก็ต้องอมยิ้มกับภาพที่อลันกำลังอุ้มลูกพร้อมทั้งโอ๋ทั้งกล่อมด้วยสีหน้าแตกตื่น ในขณะเดียวกันก็อดแปลกใจไม่ได้เขาไปเรียนรู้วิธีการอุ้มลูกมาจากไหนกันดูท่าทางคล่องปรือเชียว "ลูกคงหิวนม" เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเปล่งเสียงพูดไปเพราะไม่อยากปล่อยให้ลูกร้องนาน ๆ "คุณตื่นแล้วเหรอ" อลันที่กำลังยืนโยกบุตรชายหยุดชะงักการกระทำ แล้วรีบพาลูกไปวางลงบนเตียงทันที"คุณเอาลูกมาวางฝั่งนี้ดีกว่า" พระพายรีบบอกกล่าวก่อนที่ชายหนุ่มจะได้วางลูกลงบนเตียงข้างขวาทำให้อลันถึงกับชะงัก แต่ก็ยอมอุ้มลูกไปวางบนเตียงอีกฝั่งในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอต้องให้เขาวางลูกฝั่งซ้ายทั้งที่ใั่งขวาน่าจะถนัดกว่าเมื่อวางลูกลงบนเตียงแล
หลังจากผ่าคลอดเสร็จพระพายก็ถูกนำตัวกลับมายังห้องพัก ส่วนลูกน้อยยังคงอยู่กับพยาบาลตลอดการคลอดพระพายรับรู้และมีสติดีทุกอย่างเพราะหมอใช้วิธีฉีดยาชาเข้าสู่บริเวณไขสันหลังไม่ได้วางยาสลบตอนผ่าคลอดเธอทั้งรู้สึกกลัวและตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นไปหมด แต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงลูกร้องอาการเหล่านั้นก็มลายหายไปสิ้นกลายเป็นน้ำตาแห่งความสุขที่เอ่อล้น และรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีมาแทนที่ ยิ่งเมื่อได้เห็นหน้าของลูกน้อยที่รอคอยมันตื้นตันจนยากที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นความเจ็บปวดที่งดงามมาก ๆ"เอ๊ะ!" เธอขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความแปลกใจในตอนที่เข้ามายังห้องพักแล้วพบว่าห้องถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งมากมาย บนผนังหัวเตียงมีลูกโป่งตัวอักษรสีฟ้าขาวเรียงกันเป็นคำว่า 'Welcome Baby boy peerawit'และยังมีลูกโป่งรูปหน้าเด็กประดับอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังข้อความ ข้าง ๆ หัวเตียงก็มีลูกโป่งน้อยใหญ่ประดับประดาอยู่ทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ทั้งที่กำลัวรู้สึกเจ็บแผลผ่าคลอดไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของทุกคนในห้องนี้แน่นอนเพราะแต่ละคนออกอาการเห่อหลานเอามาก ๆ คนเป็นแม่อย่างเธอก็พลอยปลื้มใจแทนลูกไปด้วยที่มีคนรักเขามากมายเ
และแล้วเวลาก็ดำเนินมาถึงวันที่พระพายถึงกำหนดคลอด เธอมานอนเตรียมตัวผ่าคลอดที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานโดยมีอลันเป็นคนเฝ้า และเขาก็ดูจะตื่นเต้นกว่าคนคลอดอย่างเธอเสียอีก หลังจากลองเปิดใจตามคำพูดของแม่บุญธรรมที่ท่านพูดให้เธอฟังในคืนวันแรกที่กลับมาจากเชียงคานก็ทำให้เธอได้เห็นด้านดี ๆ ของเขามากขึ้นแม่บุญธรรมเล่าให้เธอฟังว่าเมื่อก่อนท่านกับพ่อบุญธรรมก็มีจุดเริ่มต้นเหมือนกับเธอ คือถูกเข้าใจผิดจนนำมาสู่เรื่องราวอันเลวร้ายต่าง ๆ ตอนนั้นท่านก็เกลียดพ่อบุญธรรมมาก แต่พอเวลาผ่านไปท่านก็ได้เรียนรู้ว่าการอาฆาตแค้น และเกลียดชังมีแต่บั่นทอนจิตใจ และทำลายความสุขของตัวเองท่านจึงยอมปล่อยวาง ตอนนั้นพ่อบุญธรรมก็เหมือนอลัน ถูกความโกรธแค้นเข้าครอบงำจนหูตาพร่าเบลอไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อรู้ความจริงพ่อบุญธรรมก็ยอมหยุดการแก้แค้น แล้วตามง้อและพิสูจน์ตัวเองกับท่านนานอยู่เหมือนกันกว่าท่านจะยอมให้อภัยและได้รักกันจวบจนทุกวันนี้และอย่างที่เห็นหลังจากท่านให้โอกาสและเริ่มต้นใหม่พ่อบุญธรรมก็ไม่เคยทำท่านเสียใจอีกเลย รักและดูแลท่านเสมอต้นเสมอปลายวันแรกเป็นยังไงวันนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นเธอเก็บคำพูดของแม่บุญธรรมมาคิ