เขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินกลับไปยังห้องพักผู้ป่วย แต่เขาไม่ได้เข้าไปเลือกจะยืนมองคนในห้องผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ หน้าประตู หัวใจของเขายิ่งเจ็บปวดความรู้สึกผิดประเดประดังเข้ามากับภาพที่ร่างบอบบางบนเตียงนอนคุยกับพ่อแม่ทั้งน้ำตานองหน้า เธอคงเจ็บปวดกับการกระทำของเขามากเขายืนมองร่างบอบบางในห้องอยู่อย่างนั้นจนเห็นพ่อแม่กำลังเดินออกมาจึงถอยออกห่างประตูเล็กน้อย"ทำไมไม่เข้าไปขอโทษน้องตอนทำทำไม่ไม่คิดดี ๆ ตอนนี้จะมากลัวอะไร กล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับในการกระทำของตัวเองต่อให้น้องเขาจะโกรธเกลียดแกแค่ไหนแกก็ต้องทน" ทันทีที่เปิดประตูออกมาเห็นหน้าบุตรชายภาคินก็ต่อว่าไปอย่างเหลืออด ตอนนี้มายืนหน้าสลดแอบมองเขาอยู่ตอนทำไม่คิดนึก ๆ แล้วก็ยิ่งโมโหหากไม่ติดว่าเป็นลูกอยากจะตะบั้นหน้าสักสองสามที"เข้าไปสิ!" เสียงทุ้มเอ่ยดังและดุกว่าเดิมเมื่อบุตรชายตัวดียังเอาแต่ยืนมองประตูนิ่ง ๆ แทนที่จะรีบเข้าไปขอโทษทำให้หญิงสาวเห็นว่ตัวเองรู้สึกเสียใจและสำนึกผิดจริง ๆ"ครับ" อลันเพียงพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินไปเปิดประตูด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ลุ้นระทึก
3 วันต่อมา..ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้อลันที่กำลังก้มหน้าทำงานด้วยความเร่งรีบหยุดชะงักแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์น้องชายจึงรีบกดรับสาย"ว่าไงอคิน"(พายหายไป)"หายไปหมายความว่ายังไง แล้วหายไปไหนหายไปได้ยังไงแกเฝ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ" คำตอบจากปลายสายทำให้เขาลุกขึ้นยืนพรวดด้วยความตกใจ(พายบอกผมว่าอยากกินมะม่วงเปรี้ยว เค้กแล้วก็ชานมไข่มุกผมจึงรีบออกไปซื้อมาให้ แต่พอผมกลับมาพายก็หายไปแล้วตามหาทั่วโรงพยาบาลก็ไม่เจอ ถามพยาบาลก็ไม่เห็น) ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ"แกตามหาไปพลาง ๆ ฉันจะรีบไป" เมื่อสั่งน้องชายจบเขาก็รีบวิ่งไปขึ้นรถแล้วมุ่งตรงสู่โรงพยาบาลด้วยความเร็วตอนนี้จิตใจของเขามันร้อนรุ่มไปหมดเป็นห่วงเธอกับลูกในท้องที่ยังต้องอยู่ในช่วงเฝ้าระวังถึงแม้อาการของเธอจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม เธอจะหายไปทำไมกันในเมื่อตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยโผล่หน้าไปให้เธอเห็นเลยนอกจากเฝ้ามองดูจากหน้าห้องเมื่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยปรากฏว่าทุกคนยืนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ อลินดา อคินและแฟนสาวทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะภาคินผ
น้ำสีอำพันในแก้วถูกอลันยกขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าเพื่อดับความทุกข์ในใจ ขวดที่วางเรียงรายเกลื่อนกลาดเต็มพื้นในห้องนอนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาดื่มมันไปมากแค่ไหน หลังจากพระพายกับลูกในท้องหายไปไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่เมา นี่ก็ผ่านมาสามเดือนเต็ม ๆ แล้วที่เธอหายไปไม่ว่าพยายามตามหาเท่าไรก็ไร้วี่แววความรู้สึกผิดมันกัดกินใจของเขาให้เจ็บปวดและเสียใจอยู่ทุกวันคืน เวลาข่มตาหลับก็ฝันถึงเหตุการณ์ที่เขาข่มแหงรังแกเธอซ้ำ ๆ ฝันเห็นเธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการกระทำของเขา มันยิ่งตอกย้ำความเลวระยำของตัวเอง"เธออยู่ไหนพระพาย" แววตาแดงก่ำคล้ายกำลังจะร้องไห้จ้องมองไปยังตู้เสื้อที่เปิดกว้างข้างในมีเสื้อผ้าของเธอแขวนเป็นระเบียบนิ่ง ๆ แม้เจ้าของจะจากไปนานร่วมสามเดือน แต่ของทุกชิ้นที่เป็นของเธอยังคงวางอยู่ที่เดิมราวกับรอเจ้าของมันกลับมาอีกครั้ง บ้านหลังนี้มันเต็มไปความทรงจำของเธอไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนของบ้านก็มีภาพความทรงจำของเธออยู่ทุกที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทั้งที่ไม่ได้รู้สึกรักเธอเลยสักนิดแต่ทำไมถึงได้เอาแต่นึกถึงการกระทำต่าง ๆ ของเธอที่เคยทำให้เขา คิดถึงอาหารฝีมือเธอตั้
หลายวันต่อมา.."พี่พายเสร็จหรือยังคะ" เสียงใส ๆ ของเด็กสาววัยสิบแปดปีดังขึ้นทำให้เจ้าของร่างอวบในชุดเดรสยาวคลุมเข่าที่กำลังนั่งก้มหน้าใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวอยู่หน้าบ้านฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับเปล่งเสียงตอบ "เสร็จแล้วจ้า"จากนั้นก็รีบเร่งใส่รองเท้าให้เสร็จ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถกระบะสี่ประตูของเด็กสาววัยสิบแปดปีที่จอดอยู่หน้าบ้าน วันนี้เธอมีนัดกับหมอที่โรงพยาบาลใบม่อนซึ่งเป็นบุตรสาวของป้าที่เธอเช่าบ้านอยู่จึงอาสาพาไปเพราะระยะทางค่อนข้างไกลหากนั่งรถประจำทางก็ลำบากไม่น้อย ทุก ๆ ครั้งที่เธอต้องไปหาหมอหรือเข้าตัวเมืองเชียงคานทำธุระใบม่อนจึงรับหน้าที่พาไปเธอมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เข้าสามเดือนแล้วโดยได้รับคำแนะนำมาจากเพื่อนสนิทอย่างกิ่ง คนที่ให้เธอเช่าบ้านอยู่ก็เป็นป้าของกิ่งนั่นเอง หมู่บ้านที่เธออยู่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติทุกคนในหมู่บ้านใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย ไม่วุ่นวาย คนไม่พลุกพล่านเพราะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ที่นี่แยกออกจากสังคมภายนอกซึ่งมันเป็นที่ที่ดีในการให้เธอกับลูกน้อยในท้องมาใช้ชีวิตโดยไม่มีใครหาเจอ"วันนี้จะได้รู้เพศน้องแล้วใช่ไหมคะพี่พาย" "ใช่จ้ะ" เธอยิ้มตอบเด็กสาวบา
พระพายตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาเดินยื้อเส้นยื้อสายรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าตามถนนเหมือนเช่นทุกวัน รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าเรียวตลอดเวลาเธอหลงรักบรรยากาศและความเงียบสงบของที่นี่แล้วล่ะถึงแม้จะไม่ค่อยสะดวกสบายเหมือนอยู่ในตัวเมือง แต่สิ่งเดียวที่สังคมเมืองไม่มีคือความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างกันสังคมเมืองเป็นสังคมแบบก้มหน้าต่างคนต่างแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน ส่วนที่นี่ทุกคนอยู่กันแบบญาติมิตรมีอะไรก็คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เธอชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้มากกว่าหลังจากเดินออกกำลังกายเสร็จเธอก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วเริ่มลงมือทำขนม ทุก ๆ วันเธอจะเลือกทำขนมหนึ่งอย่างเอาไปฝากที่ร้านขายของชำเป็นรายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ วันละร้อยสองร้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิต และเธอยังมีอีกหนึ่งอาชีพก็คือเป็นแอดมินเพจขายของเด็กอ่อนทำหน้าที่รับออเดอร์และให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับลูกค้าที่สนใจสินค้าได้เงินเดือนเดือนละ 9,500 บาท ซึ่งส่วนนี้เธอจะเก็บเข้าบัญชีเตรียมไว้สำหรับเรื่องของลูกโดยเฉพาะ เรื่องเงินถือว่าเธอไม่มีปัญหาติดขัดอะไรเพราะเงินเก็บการการทำงาน และที่พ่อแม่บุญธรรมโอนให้ใช้จ่ายตอนอ
ครืด! ครืด!โทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้นทำให้คนที่นอนเอามือกายหน้าผากอยู่บนโซฟาอย่างคิดไม่ตกยกมือออกจากหน้าผากแล้วเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะมาดู ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งระคนหนักอกเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอคือผู้เป็นพ่อคงจะโทรมาถามความคืบหน้าเรื่องพระพายแล้วก็ต่อว่าเขาอีกตามเคย ถึงแม้จะไม่อยากรับแต่เขาก็ต้องกดรับอย่างเลี่ยงไม่ได้"ว่าไงครับแด๊ดดี๊"(เรื่องน้องง้อไปถึงไหนแล้ว น้องยอมฟังบ้างยัง)"ยังครับ" เขาโกหกคนเป็นพ่อคำโตว่าไปง้อพระพายแล้วทั้งที่ความจริงเขายังไม่กล้าไปพบหน้าเธอเลยด้วยซ้ำตั้งแต่มาอยู่ที่หมู่บ้านเดียวกับเธอได้สามวันกลัวว่าเธอจะไล่ตะเพิดหรือหนีเตลิดเปิดเปิงไปอีกจะว่าเขาปอดก็ได้ ทุกวันนี้เขาก็ได้แค่แอบมองเธออยู่ห่าง ๆ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรมาขายเขาก็เป็นคนเหมาหมดทุกครั้งเพราะอยากช่วยเธอบ้างถึงมันจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม(ทำไมแกไม่ได้เรื่องเลยอลันแล้วแบบนี้เมื่อไรจะได้พาน้องกลับมาอยู่ที่บ้าน) เขาคิดไว้ไม่มีผิดพอบอกว่าทำไม่สำเร็จก็จะโดนผู้เป็นพ่อต่อว่าทุกครั้งแต่เขาก็ยอมรับแหละว่าตัวเองไม่ได้เรื่องจริง ๆ ทำไมถึงกลายเป็นคนขี้ขลาดไปได้ก็ไม่รู้"ผมจะพยายามให้มากกว่าน
อลันยังคงยืนอยู่หน้าบ้านหญิงสาวอย่างนั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลยแม้ตอนนี้เลือดจากแผลที่หางคิ้วจะไหลออกมาไม่ขาดสาย ความเจ็บตรงแผลเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในหัวใจเลยสักนิด การกระทำของเธอบอกได้อย่างชัดเจนว่าความโกรธ เกลียด และเครียดแค้นที่เธอมีต่อเขามันมากมายขนาดไหนปกติแค่เห็นใครเลือกตกยางออกนิดหน่อยเธอก็ลนลานเข้าไปช่วยเหลือแล้วแต่นี่กลับเมินเฉยและเดินเข้าบ้านไปโดยไม่คิดสนใจสักนิด"มาหาพี่พายเหรอคะ" เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังทำให้อลันหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะหันกลับไปมองทางต้นเสียง"เฮ้ย!" ใบม่อนถึงกับผงะอุทานออกมาด้วยความตกใจทันทีที่เห็นเลือดบนใบหน้าของหนุ่มแปลกหน้า รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงตามธรรมชาติของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน "หน้าคุณไปโดนอะไรมาเลือดออกเต็มเลย แล้วมายืนอยู่ตรงนี้ทำไมทำไมไม่ไปทำแผลคะ""เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ" อลันตอบโกหกไปพลางมองหน้าเด็กสาวนิ่ง ๆ เขาจำได้ว่าเธอคือคนที่ไปโรงพยาบาลกับพระพายวันนั้นและยังมาหาพระพายที่บ้านบ่อย ๆ "เลือดไหลจะหมดตัวแล้วมั้งคะเนี่ย ไป ๆ ทำแผลที่บ้านหนูก่อน" ใบม่อนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะบอกกล่าวกับเขาตามสไตล์สาวน้อยที่มีหัวใจเป็นผู้ชา
วันต่อมาอลันยังคงไม่ละความพยายามที่จะตามง้อพระพายถึงแม้เมื่อวานจะโดนเธอต่อว่าจนไปไม่เป็น หนำซ้ำยังโดนเธอไล่ตะเพิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม วันนี้เขาออกไปตลาดตั้งแต่เช้าตรู่ซื้อน้ำเต้าหูและของกินมากมายเพื่อเอาไปให้เธอแม้ไม่รู้เลยว่าผลจะออกมาเป็นยังไง หลังจากซื้อของเสร็จก็ตรงไปบ้านเธอทันที เขายืนทำใจอยู่หน้าประตูสักพักก่อนจะตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตูสองสามครั้งก็อก! ก็อก!เสียงเคาะประตูทำให้ร่างอวบที่กำลังนั่งแต่งตัวอยู่ในห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จชะงัก คิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยว่าใครกันมาเคาะประตูเรียกตั้งแต่เช้า หรือจะเป็นผู้ชายใจร้ายเพราะปกติไม่มีใครมาเคาะประตูเรียกเช้า ๆ แบบนี้เธอถอนหายใจออกมาระคนหงุดหงิดก่อนจะวางหวีในมือลงแล้วลุกไปยืนริมหน้าต่างที่อยู่ข้าง ๆ ประตูใช้มือเลิกผ้าม่านเล็กน้อยแล้วแนบใบหน้ากับหน้าต่างกระจกสอดส่องสายตามอง และก็เป็นคนที่คิดไว้จริง ๆเธอเลือกจะไม่สนใจแล้วเดินกลับเข้าไปนั่งหวีผมหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนเดิมหากเธอไม่ออกไปเขาคงกลับไปเอง ก็อก! ก็อก!แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิดเสียงเคาะประตูยังคงดังอย่างต่อเนื่องจนเธอนึกหงุดหงิดและรำคาญสุดท้ายก็ทนไม่ไหวลุกเดินไปเ
1 ปีต่อมา.."คุณพ่อพักผ่อนบ้างนะครับน้องพีร์กับคุณแม่เป็นห่วงครับ" น้ำเสียงเล็กหวานหูดังขึ้นทำให้อลันที่นั่งเอนกายพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ซึ่งไม่ใช่บุตรชายแต่เป็นเมียสาวที่ทำน้ำเสียงเลียนแบบบุตรชายต่างหากคงเพราะเห็นเขาเครียดกับการตามหาน้องสาวฝาแฝดอย่างอลินดาจึงอยากทำให้ยิ้มได้ และมันก็ได้ผลบุตรชายกับเมียสาวก็เหมือนที่ชาตพลังชั้นดีของเขา"งั้นพ่อขอเติมพลังจากน้องพีร์กับคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ" มือหนาเอื้อมไปรั้งร่างบอบบางที่ยืนอุ้มลูกน้อยอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักกอดเธอไว้หลวม ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาบุตรชายฟอดใหญ่แล้วกดจูบลงบนไหล่มนของเมียสาวต่อ ขณะที่พระพายนั้นใช้แขนโอบไหล่กว้างข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างอุ้มบุตรชายไว้บนตัก"ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่อลินไหมคะ" ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเห็นใจ ตั้งแต่น้องสาวฝาแฝดหนีไปในวันแต่งงานคนเป็นสามีก็ดูจะเครียดมากเพราะงานแต่งถูกจัดอย่างใหญ่โตเชิญแขกมาไม่รู้กี่พันคน คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคือพ่อแม่ท่านทั้งสองเครียดมาก แม่บุญธรรมเป็นลมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ผลที่ตามมาจากการก
เสียงเนื้อกระทบเคล้าเสียงครางหอบของคนทั้งสองดังระงมทั่วรูฟท็อปโชคดีที่อลันบอกให้พนักงานทุกคนกลับไปหมดแล้วที่นี่จึงเหลือเพียงเขากับเธอสองคน บทรักดำเนินไปอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงดาว แสงเทียน และแสงสีของเมือง บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณอบอวลไปด้วยแรงสวาทของทั้งสองสายลมที่ว่าเย็นก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มนี้ได้"ผมรักคุณนะ" ริมฝีปากร้อนผละจูบเอื้อนเอ่ยชิดกลีบปากอวบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับตระกองกอดร่างบอบบางแนบแน่นจนทรวงอกเต่งตึงบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อ ขณะที่สะโพกสอบก็ตอกตรึงฝากฝังตัวตนอย่างหนักหน่วง ร่างบอบบางเสียวซ่านจนเกินจะบรรยายหลับตาพริ้มส่งเสียงครางไม่เป็นภาษา ช่องทางรักบีบรัดท่อนเนื้อที่สอดใส่เข้าออกรัวเร็วถี่ ๆอลันขบกรามกรอดด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับผละตัวออกจับร่างบอบบางนอนตะแคง จากนั้นจึงนอนซ้อนหลังสอดแขนเข้าไปใต้ศีรษะทุยประคองใบหน้าเรียวให้หันมารับจูบแสนดูดดื่มพลางเสือกไสท่อนเนื้อเข้าสู่ร่องอ่อนนุ่มอีกครั้งเขายกขาเรียวขึ้นพาดแขนแล้วกระหน่ำแทงจนร่างบอบบางสั่นคลอน ทรวงอกเต่งตึงกระเพื่อมสั่นไหวราวกับยั่วยวนจนเขาอดไม่ได้ต้องตะปบแล้วบีบขยำแรง ๆ ใบหน้าก็ซุกไซ้คลอเคลียใบหูเล็ก ขบเม้มติ่งหูเ
หลังจากทานอาหารเสร็จสองหนุ่มสาวก็นั่งจิบไวน์ต่อ ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายใต้ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งมีดวงดาวน้อยใหญ่พราวระยับท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนรอบบริเวณรูฟท็อป และแสงสียามค่ำคืนของเมืองกรุงให้ความสว่างร่างบอบบางที่อยู่ในอาการเมากรึ่มวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแล้วลุกไปยืนชิดระเบียงกระจกทอดสายตาหวานฉ่ำมองแสงสียามค่ำคืน ใบหน้าแดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ เคล้าด้วยกลิ่นหอมหวานจากเทียนหอมมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ยิ่งนัก"ขโมยกอดพายอีกแล้วนะคะ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังเอียงหน้าเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนักพลางระบายยิ้มบาง ๆ ไม่คิดจะผลักไสร่างสูงออกเพราะกำลังรู้สึกหนาวพอดีได้ไออุ่นจากร่างกำยำก็ค่อยคลายความหนาวลงหน่อย"งั้นขออนุญาตนะครับ" อลันหยอกล้อกลับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางกระชับกอดร่างบอบบางแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป ริมฝีปากหนากดจูบขมับอย่างรักใคร่ ก่อนผละกอดออกจับไหล่มนหมุนให้ร่างบางหันมาสบสายตาสื่อความในใจสองสายตามองสบประสานอย่างลึกซึ้งเนิ่นนานหลายนาทีเหมือนมีแรงดึงดูดมิอาจละสายตาจากกันได้ ก
วันนี้เป็นวันหยุดของอลันเขาจึงพาลูกเมียไปหาพ่อแม่ที่บ้านนั่งคุยกับพวกท่านจนเริ่มบ่ายคล้อยจึงพาลูกน้อยมานั่งเล่นที่สวนสาธรณะต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เมื่อมาถึงสวนสาธรณะเขาก็เดินหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับปูเสื่อนั่งชมบรรยากาศโดยมีพระพายอุ้มลูกน้อยเดินเคียงข้างไป"ตรงนี้แหละ" เขามองหาบริเวณที่คนไม่พลุกพล่านและมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นพอได้ดั่งต้องการก็หันไปบอกกล่าวกับร่างบอบบางข้าง ๆ พร้อมกับวางตระกร้าใส่สัมภาระลูกลง แล้วเอาเสื่อที่เตรียมมาปูบนพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดจนเรียบไปกับผืนดินจากนั้นก็พากันนั่งลง"มาหาพ่อครับน้องพีร์" เขาเอี้ยวตัวไปยกลูกน้อยจากตักของคนเป็นแม่มายืนบนตักเพราะอยากให้เธอได้นั่งสบาย ๆ ซึ่งพระพายก็ไม่ได้ขัดอะไรจ้องมองเขาก้มหน้าพูดคุยกันลูกบนตักพลางระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พ่อก็ชวนลูกคุยเก่งส่วนลูกก็คุยเก่งไม่แพ้กันส่งเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา พอโดนคนเป็นพ่อหยอกเย้าหน่อยก็หัวเราะออกมาจนเธอเองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย"ผมพาลูกเดินเล่นหน่อยดีกว่า" ผ่านไปสักพักอลันก็ลุกพาลูกเดินชมนกชมไม้รับลมเย็นโดยมีพระพายมองตามไม่คาดสายตาใบหน้าของเธอเคลือบด้วยรอยยิ้มตลอดเวลากระทั่งสองคนพ่อลูกเดินกลับ
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร"กินเยอะ ๆ ครับคุณแม่" ระหว่างทานอาหารอลันก็คอยตักนู่นตักนี้ใส่จานให้หญิงสาวตลอด อีกคนเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนยกกับข้าวที่เขาตักให้ใส่ปากอย่างไม่รังเกียจ ทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกันเขามักทำแบบนี้เสมอจนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"เริ่มหลงรักผมขึ้นบ้างหรือยัง" แค่ก ๆ! ทว่าเธอก็ต้องสำลักข้าวในวินาทีต่อมาเมื่อเจอกับประโยคจากริมฝีปากหนาทำเอาเจ้าของคำถามต้องรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งมาลูบหลังแผ่นหลังบางด้วยความเป็นห่วง "มันใช่เวลาพูดไหมเนี่ยคุณอลัน" เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นพระพายก็หันมองร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ เขม็งพร้อมกับใช้มือหยิกหน้าท้องแกร่งเบา ๆ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาพูดตอนทานข้าวไม่พอยังพูดต่อหน้าแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ด้วยมันใช่เวลาพูดเสียที่ไหนเธอทั้งอายทั้งนึกโมโหเขาจริง ๆ "ผมเจ็บนะ" คนถูกหยิกร้องโอยพลางกลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเขินกันแน่ มือหนาอดไม่ได้จะยื่นไปบีบด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว "เอามือออกไปเลยนะ" ยิ่งทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งรู้สึกอายและนึกโกรธเข้าไปอีกแหวใส่คนตัวโตเสียงดังลั่นพร้อมกับยื่
หลายเดือนต่อมา..อลันที่เพิ่งกลับมาจากทำงานระบายยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นพระพายกำลังนั่งชมลูกน้อยอยู่ในห้องโถง จากที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาจากการทำงานก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่ก็เข้าสามเดือนแล้วที่เขา เธอและลูกกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันนับตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มดีขึ้นตามลำดับเพราะมีลูกน้อยเป็นตัวเชื่อม "กลับมาแล้วครับ" เขาเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างร่างบอบบาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหอมแก้มลูกน้อยที่นอนอยู่บนตักเธอฟอดใหญ่จากนั้นก็ผงกหน้าขึ้นเอื้อนเอ่ยกับลูกน้อยที่นอนตาใสแป๋วส่งเสียงอ้อแอ้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "วันนี้น้องพีร์กวนคุณแม่รึเปล่าครับ" พระพายก้มมองคนที่กำลังหยอกล้อบุตรชายอยู่บนตักด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสิ่งที่เขาทำอยู่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วเพราะทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาบุตรชายก่อนเสมอ พอกลับมาตอนเย็นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือเข้ามาหอมมาเล่นกับลูกเช่นกัน "เหนื่อยไหม" เมื่อหยอกล้อบุตรชายจนพอใจอลันก็ถามไถ่คนเป็นแม่ต่อพร้อมวางมือลงบนไหล่มนด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน "ไม่เลยค่ะ" ใบหน้าเรียวยิ้มตอบเธอจะเ
อลันรับซองสีน้ำตาลจากมือผู้เป็นพ่อมาเปิดด้วยความสงสัย ก่อนจะต้องรีบช้อนสายตาขึ้นมองหน้าพ่อแม่ด้วยความตกใจเมื่อเห็นเอกสารด้านในไม่คิดว่าท่านจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ภาคินกับเอวาเพียงระบายยิ้มให้บุตรชายบาง ๆ ก่อนจะก้มหน้าชื่นชมหลานต่อสองชั่วโมงต่อมาพระพายที่ผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวดก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของลูกน้อย "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ร้องนะครับ โอ๋ ๆ" ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาเธอก็ต้องอมยิ้มกับภาพที่อลันกำลังอุ้มลูกพร้อมทั้งโอ๋ทั้งกล่อมด้วยสีหน้าแตกตื่น ในขณะเดียวกันก็อดแปลกใจไม่ได้เขาไปเรียนรู้วิธีการอุ้มลูกมาจากไหนกันดูท่าทางคล่องปรือเชียว "ลูกคงหิวนม" เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเปล่งเสียงพูดไปเพราะไม่อยากปล่อยให้ลูกร้องนาน ๆ "คุณตื่นแล้วเหรอ" อลันที่กำลังยืนโยกบุตรชายหยุดชะงักการกระทำ แล้วรีบพาลูกไปวางลงบนเตียงทันที"คุณเอาลูกมาวางฝั่งนี้ดีกว่า" พระพายรีบบอกกล่าวก่อนที่ชายหนุ่มจะได้วางลูกลงบนเตียงข้างขวาทำให้อลันถึงกับชะงัก แต่ก็ยอมอุ้มลูกไปวางบนเตียงอีกฝั่งในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอต้องให้เขาวางลูกฝั่งซ้ายทั้งที่ใั่งขวาน่าจะถนัดกว่าเมื่อวางลูกลงบนเตียงแล
หลังจากผ่าคลอดเสร็จพระพายก็ถูกนำตัวกลับมายังห้องพัก ส่วนลูกน้อยยังคงอยู่กับพยาบาลตลอดการคลอดพระพายรับรู้และมีสติดีทุกอย่างเพราะหมอใช้วิธีฉีดยาชาเข้าสู่บริเวณไขสันหลังไม่ได้วางยาสลบตอนผ่าคลอดเธอทั้งรู้สึกกลัวและตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นไปหมด แต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงลูกร้องอาการเหล่านั้นก็มลายหายไปสิ้นกลายเป็นน้ำตาแห่งความสุขที่เอ่อล้น และรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีมาแทนที่ ยิ่งเมื่อได้เห็นหน้าของลูกน้อยที่รอคอยมันตื้นตันจนยากที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นความเจ็บปวดที่งดงามมาก ๆ"เอ๊ะ!" เธอขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความแปลกใจในตอนที่เข้ามายังห้องพักแล้วพบว่าห้องถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งมากมาย บนผนังหัวเตียงมีลูกโป่งตัวอักษรสีฟ้าขาวเรียงกันเป็นคำว่า 'Welcome Baby boy peerawit'และยังมีลูกโป่งรูปหน้าเด็กประดับอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังข้อความ ข้าง ๆ หัวเตียงก็มีลูกโป่งน้อยใหญ่ประดับประดาอยู่ทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ทั้งที่กำลัวรู้สึกเจ็บแผลผ่าคลอดไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของทุกคนในห้องนี้แน่นอนเพราะแต่ละคนออกอาการเห่อหลานเอามาก ๆ คนเป็นแม่อย่างเธอก็พลอยปลื้มใจแทนลูกไปด้วยที่มีคนรักเขามากมายเ
และแล้วเวลาก็ดำเนินมาถึงวันที่พระพายถึงกำหนดคลอด เธอมานอนเตรียมตัวผ่าคลอดที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานโดยมีอลันเป็นคนเฝ้า และเขาก็ดูจะตื่นเต้นกว่าคนคลอดอย่างเธอเสียอีก หลังจากลองเปิดใจตามคำพูดของแม่บุญธรรมที่ท่านพูดให้เธอฟังในคืนวันแรกที่กลับมาจากเชียงคานก็ทำให้เธอได้เห็นด้านดี ๆ ของเขามากขึ้นแม่บุญธรรมเล่าให้เธอฟังว่าเมื่อก่อนท่านกับพ่อบุญธรรมก็มีจุดเริ่มต้นเหมือนกับเธอ คือถูกเข้าใจผิดจนนำมาสู่เรื่องราวอันเลวร้ายต่าง ๆ ตอนนั้นท่านก็เกลียดพ่อบุญธรรมมาก แต่พอเวลาผ่านไปท่านก็ได้เรียนรู้ว่าการอาฆาตแค้น และเกลียดชังมีแต่บั่นทอนจิตใจ และทำลายความสุขของตัวเองท่านจึงยอมปล่อยวาง ตอนนั้นพ่อบุญธรรมก็เหมือนอลัน ถูกความโกรธแค้นเข้าครอบงำจนหูตาพร่าเบลอไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อรู้ความจริงพ่อบุญธรรมก็ยอมหยุดการแก้แค้น แล้วตามง้อและพิสูจน์ตัวเองกับท่านนานอยู่เหมือนกันกว่าท่านจะยอมให้อภัยและได้รักกันจวบจนทุกวันนี้และอย่างที่เห็นหลังจากท่านให้โอกาสและเริ่มต้นใหม่พ่อบุญธรรมก็ไม่เคยทำท่านเสียใจอีกเลย รักและดูแลท่านเสมอต้นเสมอปลายวันแรกเป็นยังไงวันนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นเธอเก็บคำพูดของแม่บุญธรรมมาคิ