สินเดินนำทั้งสองคนไปยังห้องควบคุมกล้องวงจรปิดของคอนโดก่อนจะบอกให้ทั้งสองรออยู่หน้าห้องส่วนเขาก็เข้าไปสอบถาม เมื่อสอบถามจนได้เรื่องว่าไฟล์ภาพยังมีอยู่เข้าจึงขอให้เจ้าหน้าที่บันทึกใส่แฟลชไดร์ให้ แล้วออกมาบอกกล่าวกับคนทั้งสอง "โชคดีที่ไฟล์ยังอยู่ครับ""เรารีบไปดูกันดีกว่าครับ" นนท์เอ่ยอย่างใจร้อน"งั้นขึ้นไปห้องผมกันดีกว่าครับ" ว่าจบสินก็เดินนำทั้งสองไปยังห้องของตัวเองทันที "นี่คือห้องที่คุณเคยอยู่กับน้องสาวเมื่อก่อนเหรอคะ" พระพายเอ่ยถามพลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง"ใช่ครับผมอยู่ที่นี่กับน้อง แต่ส่วนมากแพรจะไปอยู่ที่คอนโดอลันมากกว่า กลับมานาน ๆ ที" "ฉันเสียใจด้วยนะคะไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้กับคุณแพรเลย" พระพายรู้สึกเศร้าใจไม่น้อยขนาดเธอเป็นคนนอกยังรู้สึกหดหู่ใจเลยแล้วคนเป็นพี่ชายจะใจแตกสลายแค่ไหนกัน ส่วนผู้ชายใจร้ายนั้นเธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่เขาดูเหมือนเสียใจและเจ็บปวดแต่ทำไมถึงมีความสัมพันธ์กับนิกกี้ได้"นี่ครับผู้หญิงคนนี้ที่แอบอ้างว่าเป็นคุณ" เสียงของสินดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิดรีบเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ นนท์ที่นั่งติดกับสินแล้วชะโงกหน้าดูภาพบนหน้าจอโน็ตบุ๊ค"ทำไมพี่คุ้น
"กลับมาเธอโดนดีแน่พระพาย" อลันกัดฟันพูดด้วยความโมโหเมื่อก้มมองนาฬิกาบนข้อมือปรากฏว่านี่ก็เลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว แต่ยังไร้วี่แววของอีกคนทั้งที่ปกติเวลานี้เธอต้องกลับถึงบ้านแล้วมือหนายกน้ำเมาสีอำพันในแก้วขึ้นกระดกลงลำคอรวดเรียวจนหมดก่อนจะเทในขวดใส่แก้วใหม่แล้วยกขึ้นดื่มอีกครั้งขวดเหล้าที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ และก้นบุหรี่ที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นภายในห้องโถงบ่งบอกได้ว่าเขาสูบและดื่มมันไปมากแค่ไหนเพราะตั้งแต่กลับจากสุสานของแพรแฟนสาวเขาก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้า สูบบุหรี่เพราะรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มากเหมือนเหตุการณ์ย้ำชัดขึ้นในสมองอีกครั้งเขายอมรับว่าตัวเองมีส่วนผิดที่ปิดบังเรื่องแต่งงานกับแฟนสาวแต่ที่ทำไปเพราะะมีเหตุผล เขาไม่อยากบอกให้แฟนสาวไม่สบายใจคิดว่าตัวเองจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยได้ ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะแย่ลงเพราะผู้เป็นพ่อที่แอบไปบอกเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับพระพายให้แฟนสาวได้รู้ในตอนที่เขาไปทำงาน พอแฟนสาวรู้ก็โกรธเขาเป็นอย่างมากจนทะเลาะกันอย่างหนักสุดท้ายแฟนสาวก็หนีกลับคอนโดของตัวเองเขาเลือกจะไม่ตามไปง้อแฟนสาวในทันทีเพราะคิดว่าจะรอให้เธอใจเย็นสักหน่อย แ
"คนสารเลว! ปล่อยฉัน" พระพายก่นด่าเจ้าของการกระทำห่าม ๆ ด้วยความคับแค้นใจพลางพยายามดีดดิ้นสุดแรงหวังให้หลุดพ้นจากคนเลว เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาจนทำให้เธอชินช้าและไม่ได้หวาดกลัวเหมือนในเมื่อก่อนแล้ว แต่เธอรู้สึกเกลียดชังและรังเกียจขยะแขยงกับการที่ต้องมีอะไรกับคนเลวทรามต่ำช้าอย่างเขามากกว่า เสียแรงที่เธออุตส่าห์นึกสงสารเขาในตอนแรกที่รู้ว่าเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายอะไรมาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้เกลียดชังเธอมากขนาดนี้แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมลายหายไปสิ้น "คุณมันเลวคุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้""ฉันไม่เคยเสียใจกับทุกการกระทำที่ทำกับผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอพระพาย" อลันไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของร่างบอบบางสักนิดยังคงฉีกกระชากชุดเดรสต่อจนขาดวิ่นแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีจากนั้นก็ผละออกจากร่างบอบบางจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองต่อ เธอสมควรโดนแล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องเสียใจกันและที่เธอว่าเขาสมสู่กับนิกกี้ความจริงมันไม่ใช่สักนิดเขาเห็นนิกกี้เป็นแค่น้องสาวไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน เวลาเธอได้ยินเสียงเหมือนเขามีอะไรกับนิกกี้นั่นก็เพราะเขาจ้างให้ผู้หญิงคนอื่นอัดเสีย
หลายวันต่อมา.."หวังว่าวันนี้เราจะได้พบข้าวหอมนะคะ" พระพายเอ่ยออกมาอย่างอ่อนใจเพราะนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่เธอกับรุ่นพี่หนุ่มรอเจอข้าวหอมหลังจากได้ไปสอบถามทางมหาวิทยาลัยและได้ความว่าข้าวหอมฝึกงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แต่พอมาสอบถามทางโรงแรมข้าวหอมกลับไม่อยู่เพราะไปดูงานโรงแรมที่ต่างจังหวัดห้าวัน และวันนี้ก็เป็นวันที่ข้าวหอมกลับมาเธอกับรุ่นพี่หนุ่มจึงมาดักรอที่หน้าโรงแรม"ใช่รถของโรงแรมหรือเปล่าคะพี่นนท์" เธอรีบชี้ให้รุ่นพี่หนุ่มดูเมื่อมีรถตู้ที่เขียนชื่อโรงแรมติดอยู่ด้านข้างเคลื่อนมาจอดลงหน้าโรงแรม"น่าจะใช่ครับเรารีบไปดูกันดีกว่า" นนท์มองตามสายตาของรุ่นสาวไปก็พบกับรถตู้คันหนึ่งเขาก็ไม่มั่นใจเช่นกันจึงรีบเปิดประตูลงไปดูพร้อมกับพระพายที่ลงตามไปติด ๆ"ขอโทษนะครับไม่ทราบว่านี่เป็นรถที่รับพนักงานโรงแรมไปดูงานที่ต่างจังหวัดใช่ไหมครับ" นนท์วิ่งเข้าไปสอบถามชายวัยกลางคนที่เปิดประตูฝั่งข้างคนขับลงมา"ใช่ครับ" ชายวัยกลางคนตอบด้วยท่าทางสงสัย สิ้นเสียงตอบนนท์ก็โค้งศีรษะให้เล็กน้อยเชิงขอบคุณก่อนจะเดินไปดูยังทางประตูอีกด้าน ยืนมองคนที่เดินลงจากรถตู้เผื่อจะเป็นข้าวหอมโดยมีพระพายยืนอยู
แกร็ก!ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนอนสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้นกระทั่งประตูถูกเปิดเข้ามาจึงรีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกลวก ๆ มองไปทางประตูก็เห็นหมอวัยกลางคนกับพยาบาลอีกหนึ่งคนเดินเข้ามา"เป็นยังไงบ้างคะคุณแม่" หมอหญิงวัยกลางคนเดินมายืนข้างเตียงแล้วถามไถ่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม"ฉันท้องได้กี่สัปดาห์แล้วคะหมอ" พระพายฝืนระบายยิ้มให้หมดหญิงบางพร้อมกับถามไถ่ไป"สองสัปดาห์กว่า ๆ แล้วค่ะช่วงนี้คุณแม่ต้องระวังเป็นพิเศษนะคะ ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ นอนหลับให้เต็มอิ่ม และที่สำคัญอย่าเครียดนะคะเพราะจะส่งผลต่อลูกในท้อง""ค่ะ" เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจพลางวางมือลงบนหน้าท้องแบนราบ ผ่านไปเกือบนาทีจึงเอ่ยต่อเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ "ฉันขอกลับบ้านเลยได้ไหมคะหมอ"หากเธอนอนโรงพยาบาลผู้ชายใจร้ายต้องโทรตามและหาเธอให้วุ่นแน่เกิดเขามาโรงพยาบาลแล้วรู้ว่าเธอท้องจะเกิดอะไรขึ้นเพราะเขาย้ำนักย้ำหนาว่าไม่อยากมีลูกที่เกิดจากเธอ จะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดและเธอก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เร็วที่สุดแล้วหย่ากับเขาเสียก่อนที่ท้องจะโตขึ้นมาหมอหญิงวัยกลางคนประเมินอาการของเธอครู่หนึ่งก่อนตอบ "ได้ค่ะ แต่คุณแม่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะคะเดี๋ยวหมอจะจัด
วันต่อมา.."เฮ้อ! รอดไปแล้วหนึ่งวัน" พระพายลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากขับรถออกมาจากบ้านแล้วไม่รู้ว่าเธอจะปกปิดเรื่องที่ตัวเองท้องกับเขาได้อีกกี่วันกันเมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วเพราะมัวแต่กังวล ฉะนั้นเธอจึงต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด วันนี้เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกับข้าวหอมสักทีจึงขับรถมุ่งตรงสู่โรงแรมที่ข้าวหอมฝึกงานอยู่ด้วยความเร็วโดยได้นัดให้รุ่นพี่หนุ่มกับสินพี่ชายแพรไปเจอกันหน้าโรงแรม คาดว่าสองคนนั้นคงใกล้ถึงโรมแรมแล้วเพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนได้ส่งไลน์มาว่ากำลังจะออกไปครืด! ครืด! เธอชะลอความเร็วของรถลงเล็กน้อยเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวออกมารับสาย"ว่าไงคะพี่นนท์พายกำลังไปที่โรงแรมแล้วค่ะ"(พายไม่ต้องมาแล้วนะพี่กับคุณสินได้ตัวข้าวหอมแล้ว)"จะ..จริงเหรอคะ" เธอดีใจจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของคนปลายสายหากเจอข้าวหอมแล้วอีกไม่กี่อึกใจเรื่องเร็วร้ายนี้ก็จะจบลงสักที เธอจะได้หลุดพ้นไปจากผู้ชายใจร้ายแล้ว(จริงครับ น้องพายกลับไปรอที่บ้านเลยนะครับเดี๋ยวพี่กับคุณสินจะพาข้าวหอมไปหาเอง)"ค่ะ แล้วพี่กั
"เพราะข้าวเกลียดพี่ไง ข้าวเกลียดที่พี่นนท์รักพี่ทั้งที่ข้าวพยายามทำทุกอย่างให้แต่พี่นนท์ก็ไม่เคยเห็นข้าวอยู่ในสายตาเลยเอาแต่ปฏิเสธและพร่ำบอกว่ารักพี่คนเดียว" ในที่สุดข้าวหอมก็ทนต่อแรงรบเร้าไม่ไหวอีกต่อไปตะเบ็งเสียงตอบทั้งน้ำตานองหน้า "พี่พายรู้ไหมข้าวยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนพี่ ยอมเป็นเงาของพี่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้ใจพี่นนท์ แต่มันก็เปล่าเลยพี่นนท์ไม่เคยเห็นข้าวอยู่ในสายตาไม่เคยเลยสักครั้ง"เธอพรั่งพรูความเจ็บปวดที่สะสมอยู่ในใจมาเนินนานออกไปจนหมด ตอนนั้นเธอจับได้พระพายเป็นพี่รหัสและพระพายก็ได้แนะนำเธอให้รู้จักรุ่นพี่หนุ่มซึ่งเป็นสายรหัสแค่เห็นหน้าครั้งแรกเธอก็ต้องหลุมรักเขาเข้าเต็มเปา เธอแอบรักรุ่นพี่หนุ่มเงียบ ๆ มาตลอดพยายามเข้าไปอยู่ในสายตาของเขาทำตัวเป็นรุ่นน้องที่แสนดีเพื่อหวังว่าเขาจะสนใจเธอขึ้นมาบ้างจนกระทั่งเขาอยู่ปีสี่เธอจึงตัดสินใจสารภาพรักกับเขาไปตรง ๆ ก่อนที่เขาจะเรียนจบและไม่ได้เจอกันอีกแต่หัวใจของเธอก็ต้องแตกสลายเพราะรุ่นพี่หนุ่มปฏิเสธความรักจากเธออย่างไม่มีเยื้อใยและยังบอกอีกว่าคนที่เขารักคือพระพาย ความรักที่เธอมีให้รุ่นพี่หนุ่มมันมากมายจนเกินจะยอมรับได้เธอจึง
"ข้าวบอกไม่ได้หากบอกเขาจะมาทำร้ายข้าว ข้าวกลัว" ข้าวหอมส่ายหน้าปฏิเสธระรัวแววตาของเธอกลอกกลิ้งไปมาด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว คำขู่ของคนคนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท เขาบอกว่าหากเธอแพร่งพายเรื่องนี้ให้ใครรู้แม้แต่นิดเดียวเขาจะฆ่าปิดปากเธอเสีย"หากพวกฉันยังอยู่จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้ บอกมาเถอะหรือเธอจะยอมรับผิดคนเดียว" สินว่าอย่างใจเย็นพยายามระงับอารมณ์เอาไว้สุดฤทธิ์เวลานี้หากยิ่งพูดจารุนแรงข้าวหอมคงยิ่งสติแตกเกรงว่าจะไม่ได้รู้ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง"ใช่ ข้าวบอกพี่มาเถอะไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น" พระพายเอ่ยเสริมเสียงหนักแน่นยืนยันให้ข้าวหอมมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้แน่นอนหากพวกเธอยังอยู่ตรงนี้ ข้าวหอมมองสบตารุ่นพี่สาวด้วยความรู้สึกเสียใจและหวาดกลัวหากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่รับงานนี้เด็ดขาดจะไม่ยอมปล่อยให้ความเกลียดชังและความอิจฉาริษยาครอบงำจิตใจจนเผลอทำเรื่องเลวร้าย มาคิดได้ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว"ขะ..ขอโทษข้าวไม่ได้ตั้งใจทำให้เรื่องมันเลวร้ายแบบนี้ ข้าวขอโทษ ฮึก ฮื่อ!" เธอพร่ำขอโทษด้วยความรู้สึกผิดพร้อมกับร้องไห้ออกมาเจียนจะขาดใจ เธอสำนึกแล้วจริง ๆ "หากข้าวหอมรู้สึกผิดและอ
1 ปีต่อมา.."คุณพ่อพักผ่อนบ้างนะครับน้องพีร์กับคุณแม่เป็นห่วงครับ" น้ำเสียงเล็กหวานหูดังขึ้นทำให้อลันที่นั่งเอนกายพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พร้อมกับปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียง ซึ่งไม่ใช่บุตรชายแต่เป็นเมียสาวที่ทำน้ำเสียงเลียนแบบบุตรชายต่างหากคงเพราะเห็นเขาเครียดกับการตามหาน้องสาวฝาแฝดอย่างอลินดาจึงอยากทำให้ยิ้มได้ และมันก็ได้ผลบุตรชายกับเมียสาวก็เหมือนที่ชาตพลังชั้นดีของเขา"งั้นพ่อขอเติมพลังจากน้องพีร์กับคุณแม่หน่อยได้ไหมครับ" มือหนาเอื้อมไปรั้งร่างบอบบางที่ยืนอุ้มลูกน้อยอยู่ตรงหน้าให้นั่งลงบนตักกอดเธอไว้หลวม ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงหอมแก้มซ้ายขวาบุตรชายฟอดใหญ่แล้วกดจูบลงบนไหล่มนของเมียสาวต่อ ขณะที่พระพายนั้นใช้แขนโอบไหล่กว้างข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างอุ้มบุตรชายไว้บนตัก"ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่อลินไหมคะ" ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเห็นใจ ตั้งแต่น้องสาวฝาแฝดหนีไปในวันแต่งงานคนเป็นสามีก็ดูจะเครียดมากเพราะงานแต่งถูกจัดอย่างใหญ่โตเชิญแขกมาไม่รู้กี่พันคน คนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคือพ่อแม่ท่านทั้งสองเครียดมาก แม่บุญธรรมเป็นลมไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ผลที่ตามมาจากการก
เสียงเนื้อกระทบเคล้าเสียงครางหอบของคนทั้งสองดังระงมทั่วรูฟท็อปโชคดีที่อลันบอกให้พนักงานทุกคนกลับไปหมดแล้วที่นี่จึงเหลือเพียงเขากับเธอสองคน บทรักดำเนินไปอย่างนุ่มนวลภายใต้แสงดาว แสงเทียน และแสงสีของเมือง บรรยากาศรอบ ๆ บริเวณอบอวลไปด้วยแรงสวาทของทั้งสองสายลมที่ว่าเย็นก็ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มนี้ได้"ผมรักคุณนะ" ริมฝีปากร้อนผละจูบเอื้อนเอ่ยชิดกลีบปากอวบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับตระกองกอดร่างบอบบางแนบแน่นจนทรวงอกเต่งตึงบดเบียดกับมัดกล้ามเนื้อ ขณะที่สะโพกสอบก็ตอกตรึงฝากฝังตัวตนอย่างหนักหน่วง ร่างบอบบางเสียวซ่านจนเกินจะบรรยายหลับตาพริ้มส่งเสียงครางไม่เป็นภาษา ช่องทางรักบีบรัดท่อนเนื้อที่สอดใส่เข้าออกรัวเร็วถี่ ๆอลันขบกรามกรอดด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับผละตัวออกจับร่างบอบบางนอนตะแคง จากนั้นจึงนอนซ้อนหลังสอดแขนเข้าไปใต้ศีรษะทุยประคองใบหน้าเรียวให้หันมารับจูบแสนดูดดื่มพลางเสือกไสท่อนเนื้อเข้าสู่ร่องอ่อนนุ่มอีกครั้งเขายกขาเรียวขึ้นพาดแขนแล้วกระหน่ำแทงจนร่างบอบบางสั่นคลอน ทรวงอกเต่งตึงกระเพื่อมสั่นไหวราวกับยั่วยวนจนเขาอดไม่ได้ต้องตะปบแล้วบีบขยำแรง ๆ ใบหน้าก็ซุกไซ้คลอเคลียใบหูเล็ก ขบเม้มติ่งหูเ
หลังจากทานอาหารเสร็จสองหนุ่มสาวก็นั่งจิบไวน์ต่อ ดื่มด่ำกับบรรยากาศภายใต้ท้องฟ้าอันปลอดโปร่งมีดวงดาวน้อยใหญ่พราวระยับท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนรอบบริเวณรูฟท็อป และแสงสียามค่ำคืนของเมืองกรุงให้ความสว่างร่างบอบบางที่อยู่ในอาการเมากรึ่มวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะแล้วลุกไปยืนชิดระเบียงกระจกทอดสายตาหวานฉ่ำมองแสงสียามค่ำคืน ใบหน้าแดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ สายลมเย็นพัดเอื่อย ๆ เคล้าด้วยกลิ่นหอมหวานจากเทียนหอมมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ยิ่งนัก"ขโมยกอดพายอีกแล้วนะคะ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังเอียงหน้าเอ่ยอย่างไม่จริงจังมากนักพลางระบายยิ้มบาง ๆ ไม่คิดจะผลักไสร่างสูงออกเพราะกำลังรู้สึกหนาวพอดีได้ไออุ่นจากร่างกำยำก็ค่อยคลายความหนาวลงหน่อย"งั้นขออนุญาตนะครับ" อลันหยอกล้อกลับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางกระชับกอดร่างบอบบางแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป ริมฝีปากหนากดจูบขมับอย่างรักใคร่ ก่อนผละกอดออกจับไหล่มนหมุนให้ร่างบางหันมาสบสายตาสื่อความในใจสองสายตามองสบประสานอย่างลึกซึ้งเนิ่นนานหลายนาทีเหมือนมีแรงดึงดูดมิอาจละสายตาจากกันได้ ก
วันนี้เป็นวันหยุดของอลันเขาจึงพาลูกเมียไปหาพ่อแม่ที่บ้านนั่งคุยกับพวกท่านจนเริ่มบ่ายคล้อยจึงพาลูกน้อยมานั่งเล่นที่สวนสาธรณะต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เมื่อมาถึงสวนสาธรณะเขาก็เดินหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับปูเสื่อนั่งชมบรรยากาศโดยมีพระพายอุ้มลูกน้อยเดินเคียงข้างไป"ตรงนี้แหละ" เขามองหาบริเวณที่คนไม่พลุกพล่านและมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นพอได้ดั่งต้องการก็หันไปบอกกล่าวกับร่างบอบบางข้าง ๆ พร้อมกับวางตระกร้าใส่สัมภาระลูกลง แล้วเอาเสื่อที่เตรียมมาปูบนพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดจนเรียบไปกับผืนดินจากนั้นก็พากันนั่งลง"มาหาพ่อครับน้องพีร์" เขาเอี้ยวตัวไปยกลูกน้อยจากตักของคนเป็นแม่มายืนบนตักเพราะอยากให้เธอได้นั่งสบาย ๆ ซึ่งพระพายก็ไม่ได้ขัดอะไรจ้องมองเขาก้มหน้าพูดคุยกันลูกบนตักพลางระบายยิ้มออกมาบาง ๆ พ่อก็ชวนลูกคุยเก่งส่วนลูกก็คุยเก่งไม่แพ้กันส่งเสียงอ้อแอ้ตลอดเวลา พอโดนคนเป็นพ่อหยอกเย้าหน่อยก็หัวเราะออกมาจนเธอเองก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย"ผมพาลูกเดินเล่นหน่อยดีกว่า" ผ่านไปสักพักอลันก็ลุกพาลูกเดินชมนกชมไม้รับลมเย็นโดยมีพระพายมองตามไม่คาดสายตาใบหน้าของเธอเคลือบด้วยรอยยิ้มตลอดเวลากระทั่งสองคนพ่อลูกเดินกลับ
จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปยังโต๊ะอาหาร"กินเยอะ ๆ ครับคุณแม่" ระหว่างทานอาหารอลันก็คอยตักนู่นตักนี้ใส่จานให้หญิงสาวตลอด อีกคนเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนยกกับข้าวที่เขาตักให้ใส่ปากอย่างไม่รังเกียจ ทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกันเขามักทำแบบนี้เสมอจนมันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"เริ่มหลงรักผมขึ้นบ้างหรือยัง" แค่ก ๆ! ทว่าเธอก็ต้องสำลักข้าวในวินาทีต่อมาเมื่อเจอกับประโยคจากริมฝีปากหนาทำเอาเจ้าของคำถามต้องรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งมาลูบหลังแผ่นหลังบางด้วยความเป็นห่วง "มันใช่เวลาพูดไหมเนี่ยคุณอลัน" เมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นพระพายก็หันมองร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ เขม็งพร้อมกับใช้มือหยิกหน้าท้องแกร่งเบา ๆ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาพูดตอนทานข้าวไม่พอยังพูดต่อหน้าแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ด้วยมันใช่เวลาพูดเสียที่ไหนเธอทั้งอายทั้งนึกโมโหเขาจริง ๆ "ผมเจ็บนะ" คนถูกหยิกร้องโอยพลางกลั้วหัวเราะออกมาอย่างนึกขำ พวงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเขินกันแน่ มือหนาอดไม่ได้จะยื่นไปบีบด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว "เอามือออกไปเลยนะ" ยิ่งทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งรู้สึกอายและนึกโกรธเข้าไปอีกแหวใส่คนตัวโตเสียงดังลั่นพร้อมกับยื่
หลายเดือนต่อมา..อลันที่เพิ่งกลับมาจากทำงานระบายยิ้มออกมาบาง ๆ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นพระพายกำลังนั่งชมลูกน้อยอยู่ในห้องโถง จากที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาจากการทำงานก็หายเป็นปลิดทิ้ง นี่ก็เข้าสามเดือนแล้วที่เขา เธอและลูกกลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกันนับตั้งแต่วันออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มดีขึ้นตามลำดับเพราะมีลูกน้อยเป็นตัวเชื่อม "กลับมาแล้วครับ" เขาเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างร่างบอบบาง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหอมแก้มลูกน้อยที่นอนอยู่บนตักเธอฟอดใหญ่จากนั้นก็ผงกหน้าขึ้นเอื้อนเอ่ยกับลูกน้อยที่นอนตาใสแป๋วส่งเสียงอ้อแอ้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "วันนี้น้องพีร์กวนคุณแม่รึเปล่าครับ" พระพายก้มมองคนที่กำลังหยอกล้อบุตรชายอยู่บนตักด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสิ่งที่เขาทำอยู่มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วเพราะทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาบุตรชายก่อนเสมอ พอกลับมาตอนเย็นสิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือเข้ามาหอมมาเล่นกับลูกเช่นกัน "เหนื่อยไหม" เมื่อหยอกล้อบุตรชายจนพอใจอลันก็ถามไถ่คนเป็นแม่ต่อพร้อมวางมือลงบนไหล่มนด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน "ไม่เลยค่ะ" ใบหน้าเรียวยิ้มตอบเธอจะเ
อลันรับซองสีน้ำตาลจากมือผู้เป็นพ่อมาเปิดด้วยความสงสัย ก่อนจะต้องรีบช้อนสายตาขึ้นมองหน้าพ่อแม่ด้วยความตกใจเมื่อเห็นเอกสารด้านในไม่คิดว่าท่านจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ภาคินกับเอวาเพียงระบายยิ้มให้บุตรชายบาง ๆ ก่อนจะก้มหน้าชื่นชมหลานต่อสองชั่วโมงต่อมาพระพายที่ผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวดก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของลูกน้อย "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ร้องนะครับ โอ๋ ๆ" ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาเธอก็ต้องอมยิ้มกับภาพที่อลันกำลังอุ้มลูกพร้อมทั้งโอ๋ทั้งกล่อมด้วยสีหน้าแตกตื่น ในขณะเดียวกันก็อดแปลกใจไม่ได้เขาไปเรียนรู้วิธีการอุ้มลูกมาจากไหนกันดูท่าทางคล่องปรือเชียว "ลูกคงหิวนม" เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเปล่งเสียงพูดไปเพราะไม่อยากปล่อยให้ลูกร้องนาน ๆ "คุณตื่นแล้วเหรอ" อลันที่กำลังยืนโยกบุตรชายหยุดชะงักการกระทำ แล้วรีบพาลูกไปวางลงบนเตียงทันที"คุณเอาลูกมาวางฝั่งนี้ดีกว่า" พระพายรีบบอกกล่าวก่อนที่ชายหนุ่มจะได้วางลูกลงบนเตียงข้างขวาทำให้อลันถึงกับชะงัก แต่ก็ยอมอุ้มลูกไปวางบนเตียงอีกฝั่งในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเธอต้องให้เขาวางลูกฝั่งซ้ายทั้งที่ใั่งขวาน่าจะถนัดกว่าเมื่อวางลูกลงบนเตียงแล
หลังจากผ่าคลอดเสร็จพระพายก็ถูกนำตัวกลับมายังห้องพัก ส่วนลูกน้อยยังคงอยู่กับพยาบาลตลอดการคลอดพระพายรับรู้และมีสติดีทุกอย่างเพราะหมอใช้วิธีฉีดยาชาเข้าสู่บริเวณไขสันหลังไม่ได้วางยาสลบตอนผ่าคลอดเธอทั้งรู้สึกกลัวและตื่นเต้นจนเนื้อตัวสั่นไปหมด แต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงลูกร้องอาการเหล่านั้นก็มลายหายไปสิ้นกลายเป็นน้ำตาแห่งความสุขที่เอ่อล้น และรอยยิ้มแห่งความปิติยินดีมาแทนที่ ยิ่งเมื่อได้เห็นหน้าของลูกน้อยที่รอคอยมันตื้นตันจนยากที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นความเจ็บปวดที่งดงามมาก ๆ"เอ๊ะ!" เธอขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความแปลกใจในตอนที่เข้ามายังห้องพักแล้วพบว่าห้องถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งมากมาย บนผนังหัวเตียงมีลูกโป่งตัวอักษรสีฟ้าขาวเรียงกันเป็นคำว่า 'Welcome Baby boy peerawit'และยังมีลูกโป่งรูปหน้าเด็กประดับอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังข้อความ ข้าง ๆ หัวเตียงก็มีลูกโป่งน้อยใหญ่ประดับประดาอยู่ทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ทั้งที่กำลัวรู้สึกเจ็บแผลผ่าคลอดไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของทุกคนในห้องนี้แน่นอนเพราะแต่ละคนออกอาการเห่อหลานเอามาก ๆ คนเป็นแม่อย่างเธอก็พลอยปลื้มใจแทนลูกไปด้วยที่มีคนรักเขามากมายเ
และแล้วเวลาก็ดำเนินมาถึงวันที่พระพายถึงกำหนดคลอด เธอมานอนเตรียมตัวผ่าคลอดที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานโดยมีอลันเป็นคนเฝ้า และเขาก็ดูจะตื่นเต้นกว่าคนคลอดอย่างเธอเสียอีก หลังจากลองเปิดใจตามคำพูดของแม่บุญธรรมที่ท่านพูดให้เธอฟังในคืนวันแรกที่กลับมาจากเชียงคานก็ทำให้เธอได้เห็นด้านดี ๆ ของเขามากขึ้นแม่บุญธรรมเล่าให้เธอฟังว่าเมื่อก่อนท่านกับพ่อบุญธรรมก็มีจุดเริ่มต้นเหมือนกับเธอ คือถูกเข้าใจผิดจนนำมาสู่เรื่องราวอันเลวร้ายต่าง ๆ ตอนนั้นท่านก็เกลียดพ่อบุญธรรมมาก แต่พอเวลาผ่านไปท่านก็ได้เรียนรู้ว่าการอาฆาตแค้น และเกลียดชังมีแต่บั่นทอนจิตใจ และทำลายความสุขของตัวเองท่านจึงยอมปล่อยวาง ตอนนั้นพ่อบุญธรรมก็เหมือนอลัน ถูกความโกรธแค้นเข้าครอบงำจนหูตาพร่าเบลอไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อรู้ความจริงพ่อบุญธรรมก็ยอมหยุดการแก้แค้น แล้วตามง้อและพิสูจน์ตัวเองกับท่านนานอยู่เหมือนกันกว่าท่านจะยอมให้อภัยและได้รักกันจวบจนทุกวันนี้และอย่างที่เห็นหลังจากท่านให้โอกาสและเริ่มต้นใหม่พ่อบุญธรรมก็ไม่เคยทำท่านเสียใจอีกเลย รักและดูแลท่านเสมอต้นเสมอปลายวันแรกเป็นยังไงวันนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นเธอเก็บคำพูดของแม่บุญธรรมมาคิ