หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฟาร์ริกซ์ยังคงใจเย็นและอ้อนโรสริสทุกวัน แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเธอตีตัวออกห่างและมอบเวลาที่มีทั้งหมดให้กับลูกเหมือนเดิม ซึ่งเขาก็พยายามใจเย็นและพยายามที่จะเข้าใจเธอ ทว่า… ความอดทนของคนก็ย่อมมีขีดจำกัดกันทั้งนั้น“กลับห้องไปนอนกันครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวในขณะที่อยู่ในห้องของลูกสาวและตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่โรสรินก็ไม่ยอมกลับห้องสักที“พี่ฟาร์ไปนอนก่อนเลยค่ะ โรสขออยู่กับลูกก่อน” โรสรินก็เหนื่อยไม่อยากจะกลับห้องเพื่อเอาใจสามี เธอเหนื่อยจนอยากจะนอนอยู่กับลูกไปเลย จะได้ไม่ต้องกลับห้องไปทะเลาะกันอีก“ทำไมต้องอยู่กับลูก” น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยถามด้วยความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที“ก็โรสต้องดูลูก ต้องปั๊มนมค่ะ” โรสรินพยายามอธิบายอย่างใจเย็นและมีเหตุผล เธอไม่อยากให้ทุกอย่างแย่ไปกว่านี้“อีกแล้วเหรอ”ฟาร์ริกซ์ถึงกับทำหน้าเซ็งเมื่อไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง ทั้งๆ ที่ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาพยายามเข้าใจเธอมาตลอด แต่เธอกลับไม่เคยเข้าใจเขาเลย ทำให้ความรู้สึกเดิมๆ เริ่มกลับมาอีกครั้ง“ค่ะ พี่ฟาร์นอนก่อนเลยนะคะ”โรสรินก้มหน้าตอบเพราะเธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขาในตอนนี้ แค่ได้ยินคำพูดเธอก็
เช้าวันต่อมาโรสรินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวร้อง เมื่อถึงเวลาที่จะต้องป้อนนมพร้อมกับเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกสาวแล้ว คุณแม่ก็รีบลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนแม่บ้านก็นอนหลับสบายสมกับที่มานอนเป็นเพื่อนจริงๆ“มาแล้วค่ะ คุณแม่มาแล้ว” โรสรินเดินเข้าไปหาลูกสาวพร้อมกับขวดนมลูกสาวตัวเล็กเมื่อเห็นคุณแม่ก็หยุดร้องทันที ตอนนี้น้องเฟิร์สก็เริ่มรู้เรื่องบ้างแล้ว แถมยังชอบฟังเสียงและมองหน้าคุณแม่อีกด้วย ถึงจะยังพูดไม่เป็นแต่ก็พอจะส่งเสียงอ้อแอ้ ยิ่งเวลาได้เห็นหน้าคุณก็จะยิ้มและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“หิวใช่ไหมคะ” คุณแม่พูดคุยกับลูกสาวที่นอนตาแป๋วกินนมอยู่ คุณหมอบอกว่าเด็กจะชอบฟังเสียงคุณแม่ ช่วงนี้ต้องเริ่มคุยกับลูกสาวให้ชิน“หม่ำๆ เยอะๆ นะคะจะได้โตเร็วๆ” โรสรินพูดคุยหยอกล้อกับลูกสาวพร้อมรอยยิ้มหลังจากที่ป้อนนมเสร็จคุณแม่ก็ต้องเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูกสาวต่อตามหน้าที่ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยน้องเฟิร์สก็นอนหลับต่อทันทีร่างบางก็นั่งประจำที่เมื่อถึงรอบปั๊มนมพอดี ในระหว่างที่นั่งปั๊มนมอยู่โรสรินก็จำได้ว่าเมื่อคืนเธอเผลอหลับไปและไม่ได้กลับห้อง ป่านนี้สามีคงนอนหลับสบายอยู่ในห้องอย่างแน่นอนใช
ตอนเย็นของวันตลอดทั้งวันโรสรินหัวใจเลื่อนลอยไม่มีสมาธิที่จะทำอะไรเลย เธอเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องของลูกสาวไม่ออกไปไหน ข้าวปลาก็แทบจะไม่ได้ทาน ถึงจะมีแม่บ้านเอาอาหารมาให้ถึงห้อง แต่เธอก็ทานไม่ลงอยู่ดีไม่รู้เป็นเพราะอะไรหญิงสาวรอเวลาที่สามีเลิกงานอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับลุ้นในใจว่าสามีของเธอจะกลับมาบ้านหรือเปล่า เมื่อคืนเธออยู่ในห้องตั้งแต่ตีสามจนถึงเช้าก็ไม่เห็นว่าสามีจะกลับมาบ้าน แถมยังให้แม่บ้านมาเอาชุดทำงานในห้องแล้วให้คนขับรถเอาไปส่งที่บริษัทอีก หรือว่าเขาจะไม่อยากกลับมาบ้านแล้วจริงๆ“ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีกนะ” โรสรินถามตัวเองเมื่อตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ฟาร์ริกซ์จะต้องกลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววของชายหนุ่มร่างบางเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องกับลูกสาว เธอพยายามที่จะอยู่เงียบๆ เพื่อตั้งใจฟังเสียงรถเผื่อว่าเธอจะได้ยินเสียงรถในตอนที่ฟาร์ริกซ์กลับมานั่งรอไม่นานเสียงรถยนต์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา โรสรินที่นั่งอยู่ก็รีบลุกขึ้นเดินไปเปิดผ้าม่านดูทันที ถ้าเธอจำไม่ผิดก็คงเป็นเสียงรถของฟาร์ริกซ์อย่างแน่นอน ใบหน้าสวยยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อสิ่งที่เธอคิดเป็นจริง ในที่สุดช่วงเวลาที่เธอเฝ้ารอก็มา
หนึ่งเดือนต่อมาวันนี้เป็นวันที่โรสรินรอคอยมาตลอดทั้งเดือน หลังจากที่ฟาร์ริกซ์เอาแต่อ้างว่าทำงานจนไม่มีเวลาและไม่มีวันหยุดให้เธอกับลูกเลย เมื่อวานเธอก็ได้ถามเขาแล้วว่าวันนี้เขาหยุดจริงหรือเปล่า ซึ่งเธอก็ได้คำตอบจากเขาแล้วว่าเขาหยุดและไม่ได้ไปทำงานจริงๆ“วันนี้วันหยุด คุณพ่อจะได้อยู่เล่นกับน้องเฟิร์สแล้วนะคะ”โรสรินคุยกับลูกสาวด้วยท่าทางอารมณ์ดี วันนี้เธอตื่นแต่เช้าพาน้องเฟิร์สมานั่งเล่นรอคุณพ่อที่ห้องรับแขก เธอตั้งใจว่าวันนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก อีกอย่างโรสรินก็กลัวว่าน้องเฟิร์สจะเบื่อห้องก็เลยต้องพาลงมาเล่นที่ห้องรับแขกจะได้โล่งสบายกว่าอยู่ในห้องของตัวเอง“ทำไมคุณพ่อถึงยังไม่ลงมาอีกนะ” ร่างบางคุยกับลูกสาวระหว่างที่รอสามีลงมา ซึ่งสามีเธอก็คงจะอาบน้ำแต่งตัวอยู่บนห้องยังไม่เสร็จ“วันนี้ลงมาเล่นอยู่ข้างล่างใช่ไหมคะ” เสียงของพี่นิดหน่อยเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเห็น“ใช่ค่ะ วันนี้พี่ฟาร์หยุดก็เลยลงมาเล่นข้างล่าง” โรสรินตอบพร้อมรอยยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงสามี โดยที่เธอเองก็รอเวลานี้มานานหลายวัน“คุณฟาร์หยุดเหรอคะ?” นิดหน่อยเอ่ยถามด้วยท่าทางยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เจ้า
“จะไปไหนกันเหรอ?”ในระหว่างทางที่ฟาร์ริกซ์เดินควงแขนกับผู้หญิงคนอื่นออกไปจากบ้าน ก็มีใครบางคนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย“สวัสดีครับ ผมจะออกไปธุระครับ” ฟาร์ริกซ์ยกมือขึ้นไหว้ก่อนที่จะตอบคำถาม“สวัสดีค่ะ” เกรซที่เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่จึงยกมือขึ้นไหว้ตามฟาร์ริกซ์“ธุระเหรอ?” นิดาเลิกคิ้วพร้อมกับย้ำคำตอบของลูกเขยที่ยืนควงแขนกับผู้หญิงคนอื่น โดยที่นิดาไม่ได้สนใจคำทักทายจากผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด“ครับ คุณน้ามาทำอะไรเหรอครับ?”ฟาร์ริกซ์พยักหน้าตอบ ก่อนจะถามอีกฝ่ายไปตามมารยาท เพราะตั้งแต่แต่งงานกับโรสรินเขาก็ไม่เคยเห็นหน้าแม่เลี้ยงของภรรยาอีกเลย“ก็มาดูหลานน่ะสิ” นิดารีบเอาหลานมาอ้าง เพื่อให้ตัวเองเป็นแม่เลี้ยงใจดีทันที“เชิญในบ้านเลยครับ โรสกับลูกอยู่ในห้องรับแขกพอดี ผมขอตัวก่อน”ฟาร์ริกซ์ทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดี ก่อนจะขอตัวและเดินออกไป โดยที่ไม่ได้สนใจและให้ความสำคัญกับแม่เลี้ยงของภรรยาส่วนเกรซก็เดินควงแขนฟาร์ริกซ์ออกจากบ้านไปโดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกผิดใดๆ ถึงสถานะทุกอย่างในตอนนี้จะไม่เหมือนเดิมแต่เธอก็พร้อมที่จะอยู่ข้างอดีตคนรักเสมอ เธอก็ได้แต่หวังว่าสักวันสถานะของเธอกับเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
โรสรินเฝ้ารอการกลับมาของสามีตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนดึก หลังจากที่เธอคิดทบทวนในสิ่งที่แม่เลี้ยงบอก เธอก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งเธอก็คิดได้ว่าคงจะถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องทำและเปลี่ยนบางอย่างเพื่อสามีแบบจริงจังสักทีเมื่อคิดได้โรสรินก็ไม่รอช้าวันนี้เธอตั้งใจที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อเอาใจสามี เพราะเธอเชื่อว่าทุกอย่างไม่มีคำว่าสายเกินไปและทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ“พี่นิดคะ โรสฝากดูน้องเฟิร์สด้วยนะคะ”“คุณโรสจะไปไหนคะ” นิดหน่อยถามเจ้านายด้วยความสงสัย เมื่อถึงเวลาที่จะนอนกันแล้ว“โรสจะไปรอพี่ฟาร์ค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างตรงไปตรงมา“รอ… รอที่ไหนคะ?” นิดหน่อยยังคงถามต่อด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว“ข้างล่างค่ะเผื่อพี่ฟาร์กลับมาจะได้เห็นโรส” โรสรินตอบด้วยความภูมิใจ เธออยากจะให้สามีกลับมาบ้านแล้วเห็นเธอเป็นคนแรก“ค่ะ”นิดหน่อยอยากจะห้ามแต่ก็กลัวว่าโรสรินจะเสียใจ เพราะเธอคิดว่ายังไงวันนี้เจ้านายก็คงไม่กลับมา แต่ถึงจะกลับก็คงจะตอนเช้าหรือไม่ก็คงจะเป็นตอนเลิกงานอีกตามเคยเมื่อแม่บ้านรับปากว่าจะดูลูกสาวให้ โรสรินก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้าห้องนอนตัวเองเพื่อที่จะไปอาบน้ำแต่งตัวไปนั่งร
วันต่อมาโรสรินทำใจแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ปล่อยให้เกิดไปเลย เธอจะไม่เก็บเรื่องราวร้ายๆ มาใส่ใจ เธอจะตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ ซึ่งหน้าที่ที่เธอจะทำก็คือหน้าที่แม่ ส่วนเรื่องอื่นเธอจะไม่เก็บมาคิดให้ปวดใจ เธอไม่สามารถห้ามความคิดใครได้และเธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจใครได้เช่นกันถึงแม้เธอจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น แต่เรื่องนี้ก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนใจใครได้อยู่ดี ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนถ้าเขาไม่เห็นค่ามันก็ไร้ค่าอยู่ดี ต่อไปนี้เธอก็แค่อยู่เงียบๆ ก้มหน้าก้มตายอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปให้ได้ เธอจะเข้มแข็งและผ่านทุกอย่างไปให้ได้ด้วยตัวเธอเองตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืนโรสรินก็ได้ย้ายไปนอนห้องลูกสาวแบบถาวร เธอจะไม่พูดไม่บอกอะไร เธอจะรอเวลาให้ฟาร์ริกซ์เป็นคนคิดได้เอง แต่ถ้าเขาคิดอะไรไม่ได้และสุดท้ายหากต้องแยกทางกันจริงๆ เธอก็ต้องเข้มแข็งและยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ได้“คุณโรสจะไปไหนคะ?” นิดหน่อยที่เห็นเจ้านายจะเดินออกจากห้องจึงรีบเอ่ยถาม“โรสจะลงไปทานข้าวค่ะ พี่นิดอยู่กับน้องเฟิร์สก่อนนะคะ” ตอนนี้ก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงและโรสรินก็รู้สึกหิวขึ้นมา เพราะเมื่อเช้
หนึ่งเดือนต่อมาโรสรินอดทนอดกลั้นมาตลอดเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งก็ทำให้เธอได้รู้แล้วว่าสิ่งที่เธอทำอยู่มันไม่ได้มีผลอะไรเลย เมื่อทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เรียกได้ว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมจริงๆถึงฟาร์ริกซ์จะทำตัวดีขึ้นไม่ออกจากบ้านไปไหน แต่ผู้หญิงอีกคนก็ยังมาหาถึงบ้าน มาทานข้าวที่บ้านด้วยกันทุกวัน โดยที่เขาไม่เคยปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นเลยสักครั้ง ทำให้โรสรินต้องเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องกลับลูกสาว เพราะเธอไม่อยากมาเห็นภาพที่เจ็บปวดใจโรสรินเจ็บปวดใจทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงอีกคนมาบ้าน มันเป็นภาพที่เธอไม่อยากจะเห็นเธอจึงเลี่ยงด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง“เมื่อไหร่ทุกอย่างจะดีขึ้น” หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ กับคำถามเดิมๆ ซึ่งเธอก็ยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเองได้เลยสักครั้ง“แม่อยากจะพาน้องเฟิร์สหนีไปให้ไกลๆ แต่ทำไมแม่ถึงทำไม่ได้”โรสรินคุยกับลูกสาวทั้งน้ำตา เธออยากจะพาลูกสาวหนีไปให้ไกลจากคนใจร้ายที่ไม่เคยเห็นค่าเธอเลย แต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะเธอมีเงินไม่มากพอ หากเธอดื้อพาลูกหนีไปก็จะทำให้ไปไม่รอด สุดท้ายเธอก็ต้องหอบลูกกลับมาบ้านเขาอยู่ดี เธอก็แค่ผู้หญิงจนๆ ที่ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนักถ้าถามว่าเธอยังรัก
ตอนเย็นของวันหลังจากที่พาลูกๆ เที่ยวสวนสัตว์ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เด็กๆ ก็เริ่มที่จะหมดแรงกันแล้ว เนื่องจากใช้พลังงานกันไปเยอะ ทั้งพูดคุยกันไม่หยุดแถมยังชวนกันวิ่งไปดูสัตว์โดยที่ไม่กลัวอะไรกันเลยสักนิด“สนุกกันไหมครับ?”ฟาร์ริกซ์ถามลูกๆ พร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุขและสนุกสนานเป็นพิเศษถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหน แต่ก็สู้แดดกันทั้งวันไม่บ่นว่าเหนื่อยเลยสักคำ“กลับบ้านกันค่ะ” โรสรินที่เห็นลูกๆ หมดแรงจึงชวนกลับบ้านทันที เพราะถ้าขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังคงจะกลับถึงบ้านมืดค่ำกันพอดี“ครับ / ค่ะ” เด็กๆ ตอบรับพร้อมกันอย่างว่าง่ายสงสัยคงจะหมดแรงกันแล้วจริงๆโรสรินพาลูกๆ ขึ้นรถและนั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อที่จะพาลูกๆ กลับบ้าน ซึ่งน่าจะถึงบ้านตอนเย็นพอดีฟาร์ริกซ์ทำหน้าที่ขับรถเช่นเคยพอขับรถออกจากสวนสัตว์มาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็นอนหลับกันตามระเบียบกว่าจะมาถึงบ้านก็เกือบจะสองทุ่ม เพราะช่วงเย็นรถติดมากทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติ เมื่อถึงบ้านเด็กๆ ก็ตื่นนอน แถมยังรีบไปคุยให้ทุกคนในบ้านฟังว่าที่สวนสัตว์มีตัวอะไรบ้าง“ไปทานข้าวกันครับ” เมื่อขึ้นมาบนบ้านฟาร์ริกซ์ก็รีบถามขึ้นมาก่อนที่โรสรินจะเข้าห้
เช้าวันต่อมาวันนี้เป็นอีกวันที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวที่จะไปเที่ยว เรียกได้ว่าเด็กๆ ดีใจและตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนถึงแม้ว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์วันนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกของน้องเฟิร์ส แต่น้องเฟิร์สก็ตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้จะมีน้องชายไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน แถมยังมีคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยกันอีกส่วนน้องไฟท์ก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเป็นการไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งแรกในชีวิต แถมพี่สาวก็คอยเล่าให้ฟังอยู่ตลอดพอวันนี้จะได้ไปเที่ยวสวนสัตว์จริงๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก“ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่ลงมาอีกนะ” น้องเฟิร์สพูดขึ้นหลังจากที่มานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกได้ไม่นาน“สงสัยคุณแม่จะยังแต่งตัวไม่เสร็จแน่เลยครับ” น้องไฟท์รีบพูดขึ้นมาอีกเสียง“นั่งรออะไรกันอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินลงมาเห็นลูกๆ นั่งพูดคุยกันอยู่จึงเอ่ยถาม“นั่งรอคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ค่ะ” ลูกสาวคนสวยตอบคุณพ่อ“แล้วคุณแม่อยู่ไหนครับ?” น้องไฟท์รีบถามถึงคุณแม่ทันทีเมื่อไม่เห็นแม่ลงมาพร้อมกับคุณพ่อ“คุณแม่กำลังจะลงมาครับ” ฟาร์ริกซ์ตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“งั้นเราไปรอคุณแม่ที่รถดีไหมครับ” น้อ
ห้าเดือนต่อมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโรสรินใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและมีความสุข นอกจากชีวิตของเธอจะมีลูกๆ ที่น่ารักแล้วเธอยังมีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอมากเป็นพิเศษอีกด้วยไม่ว่าเธอจะไปไหนจะทำอะไรก็จะมีฟาร์ริกซ์คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด เขาทำทุกอย่างได้ตามที่พูดเอาไว้ทุกอย่าง ซึ่งก็ทำให้เธอเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมากแล้วจริงๆส่วนเรื่องผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นคนเก่าหรือคนใหม่ก็ไม่มีเรื่องนี้เข้ามาให้โรสรินได้ปวดหัวหรือปวดใจอีก ซึ่งตอนแรกเธอก็สงสัยในความสัมพันธ์ของฟาร์ริกซ์กับอิงรักที่เป็นพี่เลี้ยงของน้องเฟิร์สแต่เธอก็เกิดความสงสัยไม่นานเธอก็ได้รู้ความจริงในทันทีว่าระหว่างฟาร์ริกซ์กับอิงรักเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกจ้างกันเท่านั้น ทั้งสองไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกจ้างเลยสักนิดซึ่งโรสรินก็คิดว่าอีกไม่นานอิงรักคงจะได้เปลี่ยนสถานะจากพี่เลี้ยงมาเป็นคุณป้าของเด็กๆ แทน เพราะดูๆ แล้วฟินนิคซ์จะมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอิงรัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ทุกคนในบ้านก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกันมาก“ทำอะไรอยู่ครับ?” ฟาร์ริกซ์เดินเข้าไปสวมกอดภรรยาที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานด้วยใจ
หนึ่งเดือนต่อมาระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่น้องเฟิร์สกับน้องไฟท์ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เด็กทั้งสองคนรู้จักและสนิทกันมากขึ้นได้ภายในระยะเวลาไม่นานน้องเฟิร์สก็เป็นพี่สาวที่แสนดีคอยแบ่งของเล่นให้น้องชายถึงแม้ว่าของเล่นจะมีแต่ของเล่นผู้หญิงก็ตาม ส่วนน้องไฟท์ก็เป็นน้องที่น่ารักคอยเล่นกับพี่สาวได้ทุกอย่าง ไม่ว่าพี่สาวจะชวนเล่นอะไรน้องชายก็จะเล่นด้วยทุกอย่าง เพราะแบบนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องรักใคร่กันและอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขมากขึ้นโรสรินก็มีความสุขมากขึ้นที่ได้เห็นลูกสาวและลูกชายอยู่ด้วยกันในทุกวัน แต่อีกไม่นานบ้านหลังใหญ่ก็คงจะเงียบมากขึ้นเพราะเด็กๆ ทั้งสองจะต้องไปโรงเรียนกันแล้วโดยที่ฟาร์ริกซ์จัดการเรื่องสมัครเรียนให้ลูกๆ ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังที่อยู่ใกล้บ้าน ส่วนค่าเทอมก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคุณพ่อเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าโรสรินจะไม่เห็นด้วยแต่เธอก็ต้องยอมเพื่อชีวิตที่ดีของลูก หากลูกๆ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เธอก็เชื่อว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกๆ ดีขึ้นไปด้วย“คุณพ่อกับคุณแม่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ?” น้องเฟิร์สถามขึ้นมาก่อนใครเมื่อเห็นคุณพ่อกั
หลังจากที่น้องไฟท์เล่นบ้านบอลเสร็จโรสรินก็พาลูกชายกลับห้องพักทันที ในใจก็ว้าวุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับชีวิต แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางให้เลือกเยอะสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วคนเป็นแม่ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานถึงสามปีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดในใจของโรสรินก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจไม่มีวันจางหาย หลายครั้งที่เธอคิดว่าตัวเองจะกลับไปใช้ชีวิตในบ้านสามีอีกครั้ง เธอก็จะคิดถึงความเจ็บปวดที่เธอเคยรู้สึก หากครั้งนี้เธอจะต้องเจ็บปวดแบบเดิมอีกความรู้สึกของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการตายทั้งเป็นแต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงโรสรินก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่ดี เพราะเธอจะไม่มีวันยอมให้ลูกของเธอทั้งสองคนอยู่คนละที่หรือต่างคนต่างอยู่เด็ดขาด ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องกันก็ต้องถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาด้วยกันถึงจะถูก“เพื่อลูกท่องไว้สิโรส” หญิงสาวมองหน้าลูกชายและพูดกับตัวเองเสียงเบาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อลูกทั้งนั้นยิ่งรอเวลาทุกอย่างก็จะยิ่งช้าและทำให้เธอเสียเวลาเปล่า เธอต้องตัดสินใจและสู้ให้ถึงที่สุด เธอเชื่อว่าทางเลือกนี้คงจะเป็นทางเ
หลังจากวันนั้นไม่นานโรสรินก็ได้เข้ามาทำงานอยู่ที่โรงแรมของภูมิพัฒน์ที่อยู่สาขาใกล้ๆ กับบ้านของน้องเฟิร์ส ซึ่งเธอก็ได้ไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ้าง แต่น้องเฟิร์สก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ กับเธออยู่บ้างในตอนที่น้องเฟิร์สได้เจอโรสรินครั้งแรกก็ทำเอาคนเป็นแม่แทบน้ำตาไหล แต่เธอก็ต้องอดทนและกลั้นเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ให้น้องเฟิร์สเห็นน้ำตาของเธอ ถึงน้องเฟิร์สจะยังไม่คุ้นชินกับเธอแต่เธอก็จะหาเวลาไปหาน้องเฟิร์สที่บ้านอยู่บ่อยๆ เพราะเธอเชื่อว่าการเจอหน้าและการพูดคุยกันทุกวันจะทำให้น้องเฟิร์สสนิทกับเธอมากขึ้นอย่างแน่นอนซึ่งตอนนี้โรสรินก็ต้องใจเย็นและรอเวลาที่น้องเฟิร์สจะปรับตัวให้เข้ากับเธอและยอมรับว่าเธอเป็นแม่จริงๆ ให้ได้ก่อน“วันนี้คุณแม่ไม่ไปทำงานเหรอครับ?” เด็กชายวัยสองขวบเศษๆ เอ่ยถามคุณแม่“วันนี้วันหยุดครับ” โรสรินตอบลูกชายพร้อมรอยยิ้ม“น้องไฟท์อยากไปเที่ยวครับ”เด็กชายตัวน้อยรีบบอกความต้องการของตัวเองทันที ถ้าเป็นตอนที่อยู่ภูเก็ตวันหยุดคุณแม่จะชอบพาลูกชายไปนั่งเล่นที่ชายหาดและพาเล่นน้ำทะเล แต่ก็นานๆ คุณแม่ถึงจะมีวันหยุด“ไปเที่ยวเหรอครับ?” ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่โรสรินก็ลืมนึกถึงเรื่องนี
หลังจากที่โรสรินกลับมาอยู่ภูเก็ตเธอก็พยายามคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเธอรู้สึกรักและผูกพันธ์กับคนที่นี่มาก พอจะได้ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ลูกสาว บางทีเธอก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือนกันหลายครั้งที่โรสรินออกไปข้างนอกแล้วเห็นครอบครัวอื่นเลี้ยงลูกให้อยู่ด้วยกัน พี่น้องได้ใช้ชีวิตและเติบโตมาด้วยกันมันทำให้โรสรินอดที่จะคิดถึงชีวิตของตัวเองไม่ได้ เธอมีลูกถึงสองคนนอกจากลูกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วลูกทั้งสองก็ยังไม่รู้จักกันและยังไม่เคยเจอกันอีกด้วย หัวอกคนเป็นแม่ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าถ้าหากเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปลูกของเธอก็จะไม่ต่างอะไรจากเด็กทั่วๆ ไป ที่รู้จักกันแบบผ่านๆ ไม่ได้รู้จักและสนิทกันแบบพี่น้องคู่อื่นๆ ตอนนี้ลูกทั้งสองของเธอยังเด็ก เธอก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ให้รู้จักและสนิทกันตอนนี้ก็ดีกว่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า“โรสจะย้ายไปจริงๆ เหรอ?” แพรไหมเดินเข้ามาถามเสียงเศร้าเพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าโรสรินจะย้ายไปทำงานที่อื่นแบบนี้“ค่ะ โรสอยากไปอยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์ส” โรสรินเองก็ตอบเสียงเศร้าไม่ต่างกัน เพราะเธอเองก็รักและผูกพันกับที่นี่ไม่ต่างจากแพรไหม“แล้วจะไปวันไหน
สามวันต่อมาโรสรินยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ข้างกายมีชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนพี่ชายคอยอยู่ข้างๆ น้องสาว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่เลยสักนิด“ไปกันครับ” น้ำเสียงอบอุ่นบอกกับหญิงสาวหลังจากที่ปล่อยให้เธอตั้งสติอยู่สักพักก่อนจะเข้าไปภายในบ้าน“ค่ะ” โรสรินพยักหน้าตอบ เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วก้าวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยร่างบางก้าวเดินเข้าไปด้วยความประหม่า เธอไม่ได้บอกใครในบ้านเอาไว้ว่าเธอจะมา แต่ทุกคนต่างนั่งอยู่ในบ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาจนเธอทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เธอโดยเฉพาะสายตาที่อบอุ่นของฟาร์ริกซ์ทำเอาเธอเผลอมองและหาความหมายของแววตาที่เขามองมา แต่เธอก็ดูไม่ออกเลยว่าสายตาคู่นี้กำลังรู้สึกยังไงกับการที่เธอกลับมาในครั้งนี้“พี่โรส”เป็นเสียงของเฟญ่าที่ทักทายขึ้นมาก่อนใคร แต่ครั้งนี้เป็นการทักทายที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้งเมื่อทุกคนเห็นว่าโรสรินมากับผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หน้าตารวมไปถึงฐานะซึ่งก็พอจะดูออกว่าเขาคงจะรวยมากแน่ๆ“สวัสดีครับ” ภูมิพัฒน์ทักทายทุกคนตามมารยาท“โรสมีเรื่องจะ
หลายวันต่อมาตลอดหลายวันที่ผ่านมาโรสรินได้คิดไตร่ตรองทุกอย่างเป็นอย่างดี ถ้าหากเธอทำงานอยู่ที่นี่ต่อโอกาสที่เธอจะได้เจอน้องเฟิร์สก็ยิ่งมีน้อย เธอจึงคิดเรื่องการหางานใหม่ทำ จากประสบการณ์ที่เธอเคยทำงานมาก็พอที่จะเอาไปเขียนในใบสมัครงานที่ใหม่ได้บ้าง เพราะเธอก็มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีพอสมควรเมื่อมีโอกาสและมีทางเลือกโรสรินก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เธอจึงคิดและตัดสินใจที่จะลาออกจากงานที่ภูเก็ต แล้วไปหางานใหม่ทำที่อยู่ในเมืองหลวง จะได้อยู่ใกล้ๆ น้องเฟิร์สด้วย อีกอย่างลูกชายคนเล็กอย่างน้องไฟท์ก็จะได้เข้าโรงเรียนแล้วเธอคงจะมีเวลาทำงานมากขึ้นโรสรินตัดสินใจยื่นใบลาออกไว้บนโต๊ะทำงานของภูมิพัฒน์ ถ้าหากจะบอกเขาไปตรงๆ เธอก็คงไม่กล้าพอที่จะบอกอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีนี้คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอ“จดหมายอะไร?” เจ้านายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและแปลกใจเมื่อมีซองจดหมายสีขาววางอยู่บนโต๊ะทำงาน ซึ่งดูเด่นชัดมากกว่าแฟ้มเอกสารอื่นๆ ที่วางอยู่“พี่พัฒน์ลองเปิดดูสิคะ” โรสรินก้มหน้าพูดเพราะเธอไม่รู้ว่าจะบอกเขายังไงชายหนุ่มหยิบเปิดซองจดหมายและอ่านข้อความที่อยู่ด้านในด้วยความตั้งใจอยู่สั