เมื่อวานชาร์ลีไปแนะนำให้กับพนักงานภายในธนาคารของเขารู้จักหล่อนในฐานะภรรยา...หล่อนยังจำได้ดีว่าตอนนั้นตนเองต้องช้อนตามองหน้าเขา มองด้วยความแปลกใจ ประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าบอกทุกคนว่าหล่อนคือภรรยารอยยิ้มละไมแต้มบนใบหน้ามากมายจนขจัดมันทิ้งไม่ได้ จนกระทั่งเขาบอกว่า ที่ทำอย่างนั้นลงไปเพราะมารดาสั่ง หัวใจที่เคยพองฟูก็เหี่ยวเฉาลงอย่างน่าเวทนา“หนูช้องนาง...”เสียงเรียกของแคทเธอรีนแทรกเข้ามาในหู และก็ทำให้คนที่กำลังใจล่องลอยสะดุ้งรู้สึกตัว“คะ ท่านแม่”“นั่งใจลอยเชียวนะ”“เอ่อ... นางคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” หล่อนฝืนยิ้มให้กับคู่สนทนา ก่อนจะเอ่ยถาม “ว่าแต่ท่านแม่พูดอะไรนะคะ คือนางไม่ทันได้ฟังน่ะค่ะ”แคทเธอรีนมองหล่อนนิ่ง ก่อนจะพูดออกมา “ฉันบอกว่าวันมะรืนไลลาลูกสาวบุญธรรมของฉันจะเข้าพิธีสมรสกับคุณชายเอเดรียนแล้ว และฉันก็ต้องการให้เธอไปร่วมงานนี้ด้วย”“เอ่อ...”“เธอเป็นภรรยาของพ่อชาร์ล ซึ่งถือเป็นญาติสนิทกับไลลา ดังนั้นเธอจะปฏิเสธการไปร่วมงานไม่ได้เด็ดขาด”แคทเธอรีนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก็จริงแต่กระแสเสียงเต็มไปด้วยคำสั่ง“ค่ะ ท่านแม่”คำตอบของหล่อนทำให้แคทเธอรีนอมยิ้มพึงพอใจ “แล้วน
ชาร์ลีโผล่เข้ามาในร้านขายชุดราตรีหรูที่หล่อนให้คนขับรถมาส่งเอาไว้โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และก็ทำให้หล่อนที่กำลังเลือกชุดราตรีอยู่อดแปลกใจไม่ได้“คุณชาร์ลมาได้ยังไงคะ”เขาก้าวมาหยุดข้างกาย ความสูงของเขาทำให้หล่อนต้องแหงนคอตั้งจนเมื่อยเลยทีเดียวยามจะสบตา“ขับรถมาน่ะสิ” เขายียวนน่าหมั่นไส้ “หรือเธอคิดว่าคนอย่างฉันจะเดินเท้ามาล่ะ”“นางหมายถึง คุณชาร์ลมาที่นี่ทำไมคะ ไม่ได้ถามว่ามาด้วยวิธีอะไรสักหน่อย”“ก็มาช่วยเธอเลือกชุดไงล่ะ”“เอ่อ... ไม่ต้องหรอกค่ะ นางเลือกเองได้ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนะคะที่มีน้ำใจ”มุมปากหยักสวยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูแคลน “เธอคิดว่ารสนิยมของเธอน่าไว้ใจมากหรือไง” ดวงตาคมกริบตวัดมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “ท่านแม่จะต้องเอ็ดฉันแน่ หากปล่อยให้เธอเลือกชุดตามอำเภอใจ”“แต่นาง... ก็ไม่ได้รสนิยมแย่มากนะคะ แล้วอีกอย่างร้านนี้ก็มีแต่ชุดสวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ นางว่า...”“อย่าเถียง”“นางไม่ได้เถียงแต่นางกำลังอธิบาย นางว่า...”“ถ้าไม่หยุดโต้แย้ง ฉันจูบเธอจริงๆ นะ”ดวงตากลมโตเบิกกว้าง พร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากอิ่มของตัวเองเอาไว้ทันควัน จากนั้นก็ก้าวถอยหลังหนีทันทีชาร์ลีอมยิ้ม หรี่ตาแคบมองช้องนา
เท้าเปลือยขาวสะอาดของช้องนางอ่อนเปลี้ยขึ้นมาทันควัน เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้ว พบว่าคนตัวโตกึ่งนอนกึ่งนั่งรออยู่บนเตียงเขากำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ แต่เมื่อเห็นหล่อนก้าวออกมาจากห้องน้ำ เขาก็พูดต่ออีกสองสามประโยค และวางสายลงทันที ดวงตาสีอำพันไม่ละไปจากร่างของหล่อนเลยกายสาวสั่นสะท้าน อยากจะหนีหายกลับเข้าไปในห้องน้ำเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็รู้ดีว่า หากชาร์ลีต้องการ หล่อนไม่มีทางหนีอุ้งมือของเขาพ้น“ทำไมอาบน้ำนานนักล่ะ”นี่เขาจะรู้ไหมว่า สายตาที่เขาใช้มองมา มันทำให้หล่อนอดคิดถึงเรื่องในรถเมื่อช่วงสายของวันที่ผ่านมาไม่ได้เลย เขาทำรักกับหล่อนในรถอีกครั้ง โดยไม่สนใจเลยว่าบนถนนนั้นมีรถพลุกพล่านแค่ไหน“เอ่อ...”“นี่ถ้าออกมาช้าอีกนาทีเดียว ฉันจะเข้าไปตามอยู่แล้ว”หล่อนยังคงยืนขาแข็งอยู่ที่เดิม มือไม้ตอนนี้รู้สึกว่ามันวุ่นวายยุ่งเหยิงเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรจะเอาไว้ตรงไหนดี“มาที่เตียงสิ”เขาตบที่นอนข้างกาย สายตามองมาอย่างเชิญชวน หล่อนสั่นเทาไปทั้งหัวใจ“เอ่อ... คุณชาร์ลจะนอนเลยเหรอคะ”“คำว่านอนไม่ได้อยู่ในหัวของฉันเลยตอนนี้น่ะ”“ถ้า... ไม่นอน แล้วคุณชาร์ลเรียกนางไปที่เตียงทำไมล่ะคะ นาง... เ
“เชิญครับ”หล่อนรีบก้าวลงไปจากรถ เมื่อรถคันงามแล่นมาจอดที่หน้าโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานชาร์ลีก้าวตามลงไปมายืนข้างกายของหล่อน จากนั้นก็ยื่นมือมาตรงหน้าของหล่อน“คะ?”“ส่งมือเธอมา”เมื่อเห็นหล่อนลังเลไม่ทันใจ เขาก็เป็นฝ่ายฉวยมือนุ่มไปกุมด้วยตนเอง จากนั้นก็รั้งร่างอรชรในชุดราตรียาวสีขาวเรียบหรูเข้าไปในงานเลี้ยงตรงหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนต้อนรับแขกเหรื่ออยู่หน้างาน หล่อนอดที่จะเงยหน้าขึ้นมองชาร์ลีไม่ได้ เพราะเป็นห่วงจิตใจของเขา แต่เขากลับยิ้มแย้มออกมาแทน ไลลาเสียอีกที่ดวงตายังมีความอาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัด“พี่ขอให้น้องมีความสุขมากๆ นะครับไลลา”“ขอบคุณค่ะพี่ชาร์ล”ชาร์ลียกมือขึ้นลูบศีรษะของน้องสาวบุญธรรม ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าบ่าวสุดหล่อ“ผมฝากน้องสาวด้วยนะครับ”“ด้วยความยินดีครับ”เอเดรียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และก็กระชับมือที่โอบรอบเอวของเจ้าสาวคนสวยแน่นขึ้น“งั้นพี่ขอตัวเข้าไปหาท่านพ่อกับท่านแม่ก่อนนะไลลา”“ค่ะพี่ชาร์ล”ไลลาตอบพี่ชาย ก่อนจะมองมาที่หล่อน หลังจากที่หล่อนกล่าวอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวแล้ว“หวังว่าเธอจะดูแลพี่ชาร์ลได้ดีกว่าฉันนะ”แววตาของไลลาที่มองมาไม่เหม
“จะรีบลุกไปไหน ยังเช้าอยู่เลย”คนตัวโตที่ออกแรงมาตลอดทั้งคืนรู้สึกตัวตื่นก่อนที่หล่อนจะทันก้าวลงจากเตียงสำเร็จ กายสาวเปลือยเปล่าจึงถูกรวบเข้าไปกอดแนบอกกว้างแนบแน่น“เอ่อ... นางตื่นแล้วค่ะ”“ฉันก็ตื่นแล้วเหมือนกัน”เขาพูดสองแง่สองง่ามพร้อมกับเด้งเอวเข้าใส่หล่อนเป็นจังหวะอย่างจงใจคนตัวเล็กหน้าแดงระเรื่อ พยายามขืนตัวหนี แต่ยิ่งดิ้นก็ดูเหมือนจะยิ่งปลุกให้เขาตื่นตัว“ปะ... ปล่อยนางก่อนค่ะคุณชาร์ล”“ไม่ปล่อย... มีอะไรหรือเปล่า”“อุ๊ยยย อย่าค่ะ อื้อ...”ใช่ เขาไม่ปล่อยหล่อน แถมยังฝังปลายจมูกลงมาซุกไซ้ซอกคอระหงหนักๆ อีกต่างหาก จากนั้นก็พึมพำเสียงพร่า“หอมจัง”เลือดสาวในกายร้อนฉ่า ดวงตากลมโตถูกตรึงเอาไว้ด้วยดวงตาสีอำพันหื่นกระหายเขาอมยิ้มก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมทับเอาไว้ “เมื่อคืนเจ็บมากไหม ฉันขอโทษนะที่ทำเธอแรง”ดวงตากลมโตมีแววระริก เมื่อนึกถึงบทลงทัณฑ์ดิบเถื่อนของชาร์ลีเมื่อคืนเขาดุร้ายกับหล่อนมาก แต่ความดุร้ายนั้นมันก็เคลือบไปด้วยความกระหายหิว ปลุกเร้าจนหล่อนต้องเจ็บทั้งเสียดเสียวจนแยกไม่ออกว่าจะเจ็บหรือจะเสียวดี“มะ... ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”“ฉันรู้ว่าไม่ควรทำเธอแรงๆ แต่ฉันโมโหมาก ก็เลยควบคุมต
แคทเธอรีนระบายยิ้มด้วยความพึงพอใจ เมื่อเห็นสายตาของลูกชายจับจ้องไปยังร่างอรชรที่กำลังเดินเข้ามาภายในห้องอาหารหล่อนไม่เคยเห็นลูกชายมองผู้หญิงด้วยสายตาลุ่มหลงแบบนี้มาก่อน แม้กระทั่งกับไลลาเอง หล่อนก็ไม่เคยเห็นชาร์ลีมองด้วยแววตาแบบนี้สักครั้ง“เอ่อ... สวัสดีค่ะท่านแม่...”ช้องนางพูดเสียงสั่นเทาเล็กน้อย ขณะหย่อนกายลงนั่งข้างร่างกำยำของชาร์ลี ซึ่งเขามองหล่อนไม่วางตาเลยทีเดียว หัวใจของหล่อนเต้นคร่อมจังหวะ เพราะแววตาที่เขาทอดมองมา มันย้ำเตือนให้อดคิดถึงเรื่องราวร้อนฉ่ายามค่ำคืนไม่ได้พวงแก้มนวลเป็นสีแดงระเรื่อน่ามอง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเขินอายและประหม่า ชาร์ลีมองด้วยความพึงพอใจ ช้องนางเป็นสาวขี้อายมาก แต่กระนั้นหล่อนก็ตามใจเขาเสมอไม่เคยเกี่ยงงอน แม้จะชอบพูดว่า ‘อย่า’ บ่อยๆ ก็ตาม“จ้องยังกับจะกินเข้าไปทั้งตัวแบบนี้ หนูช้องนางก็เขินแย่สิพ่อชาร์ล”เสียงกระแอมของมารดาดังขึ้นพร้อมๆ กับคำพูดหยอกเย้าที่มันคือความจริงทุกอย่างชาร์ลีรู้สึกตัวละสายตาจากช้องนาง และก็กลบเกลื่อนความลืมตัวของตนเองด้วยการพูดปด“ผมก็แค่รู้สึกว่าช้องนางแต่งตัวไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่น่ะครับ”“แม่ก็เห็นหนูช้องนางแต่งตัวปก
“ผู้ชายที่ทระนงตัวว่าฉลาด ตายมานักต่อนักแล้วเพราะประเมินอำนาจของคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป”“ถ้าคู่ต่อสู้ของผมคือช้องนาง ท่านแม่สบายใจได้เลยครับ เพราะช้องนางไม่ต่างจากลูกไก่ในอุ้งมือของผม จะบีบก็ตายจะคลายก็ไปไหนไม่รอดครับ”แคทเธอรีนมองลูกชายอย่างหมั่นไส้ “แล้วแม่จะคอยดู วันที่พ่อชาร์ลจะตายเพราะถูกลูกไก่ในกำมือจิกเอา”ชาร์ลีหัวเราะร่วนด้วยความขบขันเพราะมั่นใจว่าสิ่งที่มารดาเตือนมันไม่มีทางเกิดขึ้นได้“ท่านพ่อออกไปทำงานแต่เช้าทุกวันเลยนะครับ”“เห็นว่าธนาคารอีกสาขาหนึ่งมีปัญหาก็เลยต้องรีบไปดู แต่ก็ดีแล้วล่ะ พ่อจะได้มีอะไรทำ ไม่ต้องมาเหงาอยู่กับบ้านเหมือนแม่”ชาร์ลีระบายยิ้ม “ความจริงผมว่าท่านพ่อกับท่านแม่ควรจะหาเวลาไปเที่ยวรอบโลกกันบ้างนะครับ”“แม่ก็กำลังปรึกษากับพ่อของลูกเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แม่อยากให้พ่อเขาพักผ่อนบ้างน่ะ เห็นบอกวางมือๆ มาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังออกไปทำงานได้ทุกวัน”“ท่านพ่อเป็นคนขยันมาตั้งแต่รุ่นหนุ่มแล้วนี่ครับ ถ้าจะให้หยุดทำงาน ท่านคงเหงาแย่ ต้องหากิจกรรมอะไรมาให้ท่านทำแทนน่ะครับ”แคทเธอรีนระบายยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามลูกชายเมื่อนึกขึ้นได้ “แม่ว่าจะถามหลายครั้งแล้ว เรื่องหลานแม่ว่าไ
“จะออกไปไหนเหรอหนูช้องนาง”ช้องนางที่หิ้วตะกร้าใบสวยอยู่ในมือชะงักเท้า ก่อนจะหันไปยิ้มหวานและตอบคำถามของแคทเธอรีนที่ผ่านมาเห็นเข้าพอดี“นางจะออกไปธนาคารน่ะค่ะ”แคทเธอรีนขยับเข้ามาหยุดใกล้ๆ ดวงตาจ้องมองข้าวของภายในตะกร้าสีหวาน แล้วก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้“เอามื้อกลางวันไปให้พ่อชาร์ลเหรอ”“เอ่อ... ใช่ค่ะ” คนตอบแก้มแดงระเรื่อน่ามองแคทเธอรีนอมยิ้ม และก็อดที่จะพูดออกมาด้วยความพึงพอใจไม่ได้“ปกติพ่อชาร์ลไม่นิยมกินอาหารในกล่อง และชอบทานอาหารในภัตตาคารหรูๆ แต่เดี๋ยวนี้ลูกชายฉันเปลี่ยนไปมาก หนูช้องนางเก่งมากเลยรู้ไหม”หัวใจของช้องนางอดที่จะอิ่มเอมไม่ได้ “ไม่ใช่เพราะนางหรอกค่ะท่านแม่ คุณชาร์ลคงจะอยากลองอะไรแปลกใหม่...”“แต่ฉันคิดว่าเพราะหนูนั่นแหละ” แคทเธอรีนระบายยิ้มเอ็นดูช้องนาง “ไปเถอะ เดี๋ยวจะไปช้า พ่อชาร์ลจะหาเรื่องบ่นเอาได้”“งั้นนางไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”ช้องนางเดินจากมา ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตื้นตันใจ แม้จะไม่ได้เชื่อคำพูดของแคทเธอรีนนัก แต่กระนั้นลึกๆ แล้วก็อดที่จะดีใจไม่ได้หล่อนนั่งประคองตะกร้าใส่กล่องอาหารคาวหวานที่ตนเองเป็นคนลงมือทำด้วยความทะนุถนอมมาตลอดเส้นทางจนแขนเกร็งไปหมด และเ
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน
“ได้สิ แต่ว่ารอพี่กอล์ฟก่อนดีไหม”“รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าได้ไปเดินคนเดียวน่ะ เดินเพลินไม่เรียกไม่กลับน่ะ”“งั้นก็ได้จ้ะ”ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตนเองโปรดปราน“ร้านนี้นะ ฉันเคยกินแล้วอร่อยมาก”“ได้สิ”ช้องนางเดินตามร่างของฟ้าใสเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น ความรู้สึกของหล่อนยังคงมึนอึน และไม่สดใส“เฮ้ยนั่นมัน...”หล่อนกับฟ้าใสเดินเกือบจะถึงโต๊ะว่างอยู่แล้ว แต่ฟ้าใสก็หยุดเดินเสียก่อน พร้อมกับหันมากระซิบกระซาบเบาๆ“ผู้ชายคนนั้นไง... นั่นน่ะ โต๊ะนั่นน่ะ”หล่อนมองไปตามสายตาพยักพเยิดของฟ้าใส แต่ก็ไม่เห็นใครน่าสนใจเลย“ใครเหรอฟ้า”“ก็ผู้ชายที่ฉันบอกว่าหล่อวัวตายควายล้มไงล่ะ”หล่อนยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้ว่าคนไหน“คนนั้นน่ะ ที่ยกเมนูขึ้นดูอยู่น่ะ”“เอาเมนูบังหน้าไว้ขนาดนั้น เธอยังจำได้อีกเหรอฟ้า” ช้องนางอดที่จะแซวเพื่อนไม่ได้“ก็ตอนที่ฉันเห็น เขาไม่ได้เอาเมนูปิดหน้านี่นา นี่ๆ ไปนั่งโต๊ะว่างข้างๆ เขากัน”“อย่าเลยฟ้า... นางว่า...”ฟ้าใสไม่สนใจคำทัดทานของหล่อน เพราะเดินเข้าไปนั่งโต๊ะติดกับผู้ชายคนนั้นทันที หล่อนจำต้องเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก“นั่งๆ”ฟ้าใสเจ
สามวันต่อมา... ชีวิตของช้องนางก็ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ เมื่อร่างกายของหล่อนไร้หัวใจเสียแล้ว ทุกๆ นาที ในหัวของหล่อนจะคิดถึงชาร์ลี และมันก็วน มันก็เวียนอยู่แบบนี้ จนหล่อนรู้สึกปวดร้าวราวจนแทบอยากจะหยุดหายใจหล่อนรู้ดีว่าการลืมรักมันยากเย็นแค่ไหน หากพยายามเวลาจะช่วยเยียวยารักษาแผลใจให้เอง แต่สำหรับหล่อนแล้ว เวลาก็ช่วยอะไรไม่ได้หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายหยาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเห็นเกสราเดินเข้ามาหา“สวัสดีค่ะอาเกส”“จะออกไปไหนแต่เช้าเลยล่ะช้องนาง”“นาง... จะออกไปซื้ออาหารสดที่ห้างแถวนี้น่ะค่ะ” หล่อนพยายามปั้นเสียงตอบให้ปกติที่สุด“ทำไมไม่ให้แม่บ้านไปซื้อล่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย”“นางอยากมีอะไรทำน่ะค่ะ อยู่เฉยๆ นางรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เอามากๆ”เกสรายกมือขึ้นแตะท่อนแขนกลมกลึงของหลานสาวอย่างเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าตัวกำลังพยายามเก็บซ่อนเอาไว้“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”หล่อนฝืนยิ้มให้กับเกสรา ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเกสรามองตามท้ายรถของหลานสาวไปด้วยความเป็นกังวลไม่น้อย ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นตาเลย ทำให้เกสราอดที่
ช้องนางจ่ายเงินค่าโดยสารให้กับรถแท็กซี่ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาภายในบ้านหล่อนยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง ที่นี่ยังเหมือนเดิม ยังเป็นบ้านของหล่อนเหมือนเดิมหล่อนยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูความสะอาดสะอ้านของข้าวของเครื่องใช้ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง“นาง...”เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นบิดา...บิดาที่เคยติดเหล้างอมแงมจนขาดสติ แต่ตอนนี้กลับเดินเหินได้ และใบหน้าสดชื่นขึ้นหล่อนปล่อยกระเป๋าเดินทางออกจากมือ และวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวของท่านไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว“นางคิดถึงพ่อจังค่ะ”“พ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”หล่อนเดินกอดแขนบิดาไปนั่งบนโซฟา มองท่านซ้ำไปซ้ำมาด้วยความดีใจ“พ่อเปลี่ยนไปมากเลยค่ะ นางดีใจจัง”“ก็ได้อาเกสของลูกนั่นแหละที่ช่วยเหลือพาพ่อไปบำบัด นี่คุณหมอก็เพิ่งให้พ่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านเมื่อวานเองนะ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอลูก”เกสราทำตามที่รับปากกับหล่อนเอาไว้จริงๆ ช้องนางน้ำตาไหลด้วยความดีใจ“ว่าแต่ลูกเถอะนาง... เป็นยังไงบ้าง พ่อขอโทษนะที่ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของลูกได้”“พ่อ