เคลวินนอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้างราวกับคนไร้วิญญาณ โดยมีณิชาพลิกตัวมากอดเขาเอาไว้“เคนขา... ณิตื่นเต้นจังเลยค่ะที่อีกแค่สองวันเราก็จะได้แต่งงานกันแล้ว”“ผมรับรองว่ายังมีเรื่องตื่นเต้นรอคุณอยู่อีกมากมายครับ ณิชา”“อุ๊ย... นี่คุณยังจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ณิเหรอคะเคน”“เอาไว้ถึงวันแต่งงานของเรา คุณก็จะรู้เองครับ”ณิชายิ้มหน้าบาน รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะรอคอยให้ถึงวันศุกร์ไม่ไหวอยู่แล้ว“คุณนี่ช่างเซอร์ไพรส์จังนะคะ แต่ณิก็ชอบความเซอร์ไพรส์ของคุณค่ะเคน”“แน่นอน คุณจะต้องชอบ และจำสิ่งที่ผมจะเซอร์ไพรส์คุณไปจนวันตายเลยล่ะ”“แหม เคนน่ะ ทำเสียงดุจังนะคะ เออ... ว่าแต่นี่ก็จะถึงวันงานอยู่แล้ว ทำไมณิยังไม่เห็นคุณไปลองชุดเจ้าบ่าวเลยล่ะคะ”“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกณิ ผมจัดการได้ ว่าแต่คุณเถอะเชิญญาติพี่น้อง เพื่อนๆ ของคุณมาทุกคนหรือเปล่าครับ”“แน่นอนค่ะ แล้วณิก็ไม่ได้เชิญแค่ญาติพี่น้องหรือแค่เพื่อนนะคะ แต่ณิเชิญมาทั้งอำเภอเลยค่ะ เพื่อมาเป็นเกียรติกับงานแต่งของเราสองคนไงคะ”ริมฝีปากของเคลวินมีรอยยิ้มบางๆ “ดีมากครับ นี่แหละที่ผมต้องการ”“แหม คุณนี่ทุ่มสุดตัวเพื่อณิเลยนะคะ”“เพราะคุณคู่ควรไงครับณิ”ณิชาหน้าบาน
ณิชาตื่นเต้นราวกับเป็นการแต่งงานครั้งแรกของตัวเองไม่มีผิด หล่อนมองตัวเองในกระจกเงา หมุนซ้ายหมุนขวา และก็อมยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจกับความงดงามของตัวเอง“คุณณิสวยมากเลยค่ะ สวยเหมือนนางฟ้าไม่มีผิดเลย” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองชมเชยประจบประแจง“ใช่ค่ะ เจ้าบ่าวจะต้องตะลึงในความงามของคุณณิอย่างแน่นอน สวยจริงๆ ค่ะ” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองพูดไปในทิศทางเดียวกัน“ก็ฉันเกิดมาสวย และเพราะอย่างนี้ไง เคนถึงรักฉันมาก” ณิชาไม่คิดอ่อนน้อมถ่อมตนแม้แต่น้อย“จริงค่ะ” สองสาวประเภทสองประสานเสียงกันอย่างเอาอกเอาใจณิชาณิชาอมยิ้ม หมุนตัวอยู่หน้ากระจกสักพัก เสียงเคาะประตูห้องแต่งตัวภายในโรงแรมหรูก็ดังขึ้น“เข้ามา” ณิชาตะโกนบอกเสียงสดใสป้าปราณีที่เดินทางมาร่วมงานด้วย ก้าวเข้ามาภายในห้องแต่งตัวเจ้าสาว“พ่อเลี้ยงให้มาเชิญเจ้าสาวไปบนเวทีค่ะ”“ขึ้นเวทีเลยเหรอ?” ณิชาทวนถามซ้ำด้วยความแปลกใจ“ค่ะ พ่อเลี้ยงสั่งป้ามาแค่นี้ค่ะ”ป้าปราณีทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จก็หมุนตัวเดินออกไป ทิ้งให้ณิชายืนงงอยู่ท่ามกลางดงช่างแต่งหน้าทำผม“สงสัยเจ้าบ่าวคงจะอยากลัดขั้นตอนให้ถึงเวลาเข้าหอไวๆ น่ะค่ะคุณณิ ก็เลยข้ามขั้นตอนช่วงออกไปต้อนรับ
เคลวินจ้องมองดวงหน้าซีดเผือดของณิชาด้วยความสะใจ จากนั้นก็ดึงมือเล็กและรูดแหวนออกจากนิ้วเรียว จากนั้นก็ปาลงกับพื้นเวที และขยี้ด้วยฝ่าเท้า“เคน!” ณิชากรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะตามติดด้วยความโมโห “คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!”“ผมก็กำลังแสดงให้คุณเห็นว่า คุณน่ะไม่ต่างจากแหวนวงนี้ เพราะผมกำลังขยี้คุณด้วยฝ่าเท้าของผมจนแหลก”“มะ... ไม่จริง... เคน... นี่คุณกำลังล้อเล่น หยอกณิเล่นใช่ไหมคะ คุณต้องการให้ณิเซอร์ไพรส์”เคลวินหัวเราะลั่น ก่อนจะผลักร่างของณิชาออกห่าง จนหล่อนแทบล้ม“ผมขยะแขยงคุณจนแทบเป็นบ้า รู้ไหมว่าผมต้องไปแอบอาเจียนในห้องน้ำกี่รอบ ตอนที่ต้องนอนร่วมเตียงกับผู้หญิงสารเลวอย่างคุณน่ะ”“เคน... นี่มันอะไรกัน... เคน... ทำไมพูดกับณิแบบนี้ล่ะคะ คุณรักณิ เรารักกัน อย่าลืมสิคะ”“คุณคิดว่าผมโง่เขลาเป็นควายหรือไงที่จะเจ็บไม่จำน่ะ” เขาผลักณิชาออกห่างอย่างรังเกียจ เมื่อหญิงสาวถลาเข้ามากอดแขน“ไปให้พ้น อ้อ แล้วอย่าลืมเอาของๆ ผมที่คุณเอาบัตรเครดิตผมรูดซื้อมาคืนด้วยล่ะ ถ้าไม่คืน ผมจะให้ฝ่ายกฎหมายเล่นงานคุณแน่ ณิชา”“กรี๊ดดดดด เคน นี่คุณกำลังทำอะไรน่ะ คุณทำอย่างนี้กับณิไม่ได้นะ คุณต้องแต่งงานกับณิ!”“ผมไม่แต
เช้าวันนี้หล่อนอาเจียนบ่อยมาก แค่ได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกพะอืดพะอมและต้องอาเจียนทุกครั้งหญิงสาวมองตัวเองในกระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำ ผิวขาวผ่องซีดเซียว ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง สภาพของหล่อนทรุดโทรมลงไปมากเพียงแค่เวลาไม่ถึงอาทิตย์เท่านั้นหยาดน้ำใสๆ ไหลรินออกมาอาบสองพวงแก้ม ความทรงจำยังคงมีเขาเสมอ...เคลวินคือต้นเหตุที่ทำให้หล่อนต้องทุกข์ทรมานเพราะความใจร้ายใจดำของเขา แต่กระนั้นหล่อนก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ คิดถึงเขาแม้ว่าเขาจะไม่เคยคิดถึงหล่อนเลยก็ตามเสียงเปิดประตูรั้วดังแว่วมาเข้าหู ดนัทธ์คงกลับมาจากซื้อของที่ปากซอยแล้วหล่อนรีบควักน้ำขึ้นล้างหน้าล้างตา ก่อนจะกลั้นใจเดินออกไปหาผู้ชายแสนดีที่ไม่สามารถบังคับตนเองให้รักเขาได้“น้องปรางหน้าซีดอีกแล้ว นี่อาเจียนมาใช่ไหมครับ”“เอ่อ... ค่ะ”ดนัทธ์วางถุงใส่อาหารบนโต๊ะไม้ ก่อนจะยืนมองดวงหน้างามอย่างสำรวจตรวจตรา“พี่ว่าน้องปรางน่าจะไปหาหมอดูนะครับ อาเจียนหลายวันติดๆ กันแล้ว”“ปรางไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่ค่อยยังชั่วแล้ว” หล่อนฝืนยิ้มให้กับดนัทธ์ และก็หยิบถุงใส่แกงเทโพขึ้นมาดม มันคือแกงที่หล่อนชอบกิน แต่ทำไมกลิ่นของมันทำให้หล่อนรู้สึกคลื่
ป้าปราณีเห็นเคลวินแต่งตัวพร้อมออกไปทำงานในไร่ชา ก็อดที่จะไต่ถามขึ้นด้วยความแปลกใจไม่ได้“พ่อเลี้ยงจะเข้าไปในไร่เหรอคะ”“ครับ”ผู้ชายร่างสูงใหญ่เกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรหันมาตอบ ก่อนจะเลิกคิ้วสูง เมื่อเห็นความเคลือบแคลงในดวงตาของหญิงสูงวัยเบื้องหน้า“ป้ามีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”“เอ่อ... ป้าก็แค่สงสัยน่ะค่ะ”“สงสัยอะไรครับ”ป้าปราณีช้อนตาขึ้นมองเคลวิน ก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่สงสัยแคลงใจออกไป“ตอนนี้พ่อเลี้ยงก็จัดการกับคุณณิชาไปเรียบร้อยแล้ว เอ่อ... ทำไมพ่อเลี้ยงไม่... ป้าหมายถึง... ไม่ไปพาหนูปรางกลับมาที่ไร่น่ะค่ะ”“ผมจำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรือครับ”“อ้าว ก็พ่อเลี้ยงไม่ได้มีพันธะอะไรกับคุณณิชาแล้วนี่คะ และอีกอย่าง หนูปรางก็...” ป้าปราณียังพูดไม่ทันจบ เคลวินก็พูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่บอกความรู้สึก“เฌอปรางไม่ได้มีความสำคัญกับผมขนาดที่ผมจะต้องขึ้นไปรับตัวกลับมานะครับ”“ตะ แต่ว่า...”“ถ้าเธออยากกลับมา ก็ให้มาเอง ผมไม่จำเป็นต้องไปรับ” เคลวินอมยิ้มบางๆ “ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ งานในไร่ยุ่งมาก ผมคงต้องหมกตัวอยู่ในไร่ดึกๆ ดื่นๆ เป็นอาทิตย์กว่าจะเคลียร์จบ”“เอ่อ... ค่ะ”ป้าปราณีมองตามร่างสูง
เคลวินนั่งเหม่ออยู่ในไร่ชาจนมืดค่ำ จนคนงานต้องออกมาตามให้กลับบ้าน“พ่อเลี้ยงยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ นี่ก็จะทุ่มหนึ่งแล้วนะครับ ยุงหามกันพอดี”เคลวินหันไปมองคนที่มาหยุดอยู่ข้างหลัง และเมื่อเห็นว่าเป็นคนงานวัยใกล้เคียงกันกับเขา ก็ยิ้มบางๆ ออกมา“กำลังจะกลับแล้วล่ะ ว่าแต่นายเถอะ ออกมาทำอะไรแถวนี้หรือ”“ทะเลาะกับเมียนะครับก็เลยออกมาสงบจิตสงบใจนอกห้อง แต่เดี๋ยวก็จะกลับไปง้อแล้วครับ”เคลวินลุกขึ้นยืน มองคู่สนทนาที่ตัวเล็กกว่าพอสมควร และก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้“เราเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นผู้ชายอกสามศอก จำเป็นต้องง้องอนเมียด้วยหรือ”“น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าน่ะครับ”“ยังไง”“ก็ผมทำงานนอกบ้าน แต่เมียผมคอยดูแลบ้าน เลี้ยงลูก ทำกับข้าว และคอยเอาอกเอาใจผมตอนที่ผมเลิกงาน ถ้าไม่มีเมีย ครอบครัวก็คงไม่สมบูรณ์หรอกครับ”เคลวินยิ้มเย็นชา “แต่ฉันก็ยังคิดว่าผู้ชายอย่างเราไม่จำเป็นต้องง้อผู้หญิงขนาดนั้น เราทำงานเหนื่อย เมียก็ต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว มันคือหน้าที่ของเมียที่ดี”“พ่อเลี้ยงพูดถูกต้องครับ แต่ผมไม่เคยรู้สึกดีเลยครับ เวลาที่เห็นเมียร้องไห้ เห็นเธอไม่สบายใจทีไร ผมก็รู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอกข้างซ้ายทุกที คงเ
“ทำไมพ่อเลี้ยงตื่นแต่มืดเลยคะ แล้วนี่แต่งตัวเหมือนจะเดินทางไปไหนเลยค่ะ”ป้าปราณีอดที่จะถามเคลวินไม่ได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มตอนเช้ามืดของวันต่อมา“ผมจะบินไปกรุงเทพฯ นะครับ”“บินไปกรุงเทพฯ เหรอคะ”“ใช่ครับ”เคลวินเดินลงจากบันไดบ้าน โดยมีป้าปราณีที่ตื่นตีห้าเป็นประจำทุกวันตามหลังมาติดๆ“บินฉุกละหุกแบบนี้ เรื่องตั๋วจองแล้วเหรอคะ”“จัดการเมื่อคืนเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ป้าปราณีไม่ต้องเป็นห่วง ผมไปนะครับ แล้วน่าจะกลับไม่เกินวันพรุ่งนี้”“เอ่อ... พ่อเลี้ยงมีงานด่วนที่กรุงเทพฯ เหรอคะ”คำถามของป้าปราณีไร้คำตอบจากเคลวิน เพราะชายหนุ่มอมยิ้มบางๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ และขับออกไปในที่สุดเสียงเคาะประตูห้องทำให้เฌอปรางที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จต้องรีบออกไปเปิดประตู“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่นัท”“เราต้องไปจากที่นี่กันวันนี้ครับน้องปราง” เฌอปรางมองความรีบร้อนของบุรุษตรงหน้าด้วยความแปลกใจ “ทำไมรีบร้อนนักล่ะคะ ไหนบอกปรางว่าจะไปพรุ่งนี้”“ก็...” ดนัทธ์หยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะโกหก “พี่รู้มาจากป้าปราณีว่าพ่อเลี้ยงจะขึ้นมากรุงเทพฯ พี่เกรงว่าพ่อเลี้ยงจะแวะมาหาพี่ที่นี่แล้วเจอน้องปรางน่ะ”เฌอปรางทราบสาเหตุความเร่งรีบของดนัทธ์แล้วก
“ไอ้คนเลี้ยงไม่เชื่อง ฉันจะฆ่านาย!”“อย่านะคะพ่อเลี้ยง อย่าทำพี่นัทนะคะ หนูขอร้องล่ะค่ะ”หล่อนคุกเข่ากับพื้น ยกมือไหว้เคลวิน น้ำตาไหลรินเพราะสงสารดนัทธ์ที่เลือดแตกกบปาก“หึ... เป็นห่วงมันมากสินะ”เฌอปรางนิ่งเงียบไม่ตอบ นั่นยิ่งทำให้เคลวินโมโหเดือดดาลหนักยิ่งขึ้น เขาง้างหมัดจะตะบันหน้าของดนัทธ์อีกครั้ง แต่เด็กสาวรีบลุกขึ้นไปคว้ามือเขาเอาไว้เสียก่อน“อย่าค่ะพ่อเลี้ยง... อย่าทำพี่นัทเลย... หนูยอมแล้ว... พ่อเลี้ยงจะฆ่าจะแกงอะไรหนูก็ได้ค่ะ” หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นเคลวินเห็นแล้วก็ยิ่งเจ็บแปลบในอก เขาเคยเป็นผู้ชายคนเดียวในสายตาของเฌอปราง แต่ตอนนี้หล่อนกำลังปกป้องผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขาพระเจ้า ทำไมเขาโกรธแค้นแทบคลั่งแบบนี้นะ“โอ๊ย”เขาผลักร่างของดนัทธ์ออกห่างแรงๆ จนล้มลงไปกระแทกพื้นทั้งตัว จากนั้นก็กระชากแขนเรียวของคนที่กำลังจะวิ่งไปดูอาการของดนัทธ์เอาไว้ และคำรามรดใบหน้าซีดขาว“กลับไร่กับฉันเดี๋ยวนี้”“ไม่ค่ะ หนูไม่กลับ”“ถ้าเธอไม่กลับ ฉันกระทืบไอ้ดนัทธ์ตายคาตีนแน่”หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น มองคนตัวโตด้วยความเจ็บปวด ไม่เข้าใจเลย ทำไมเขาถึงร้ายกาจแบบนี้“พ่อเลี้ยงใจร้าย”“แล้วไอ้ที่เธอมาทำป
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ
“เสียใจไหมที่เรายังจดทะเบียนสมรสกันไม่ได้”คนตัวโตหยุดเดิน ยืนข้างรถ และดึงมือเล็กของหล่อนมากุมเอาไว้ ดวงตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าของหล่อน บอกให้รู้ว่าไม่ค่อยสบายใจนัก“ไม่เสียใจหรอกค่ะ”“ดีมาก” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนแผ่วเบา ก่อนจะดึงเข้าไปกอดแนบอก เสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่ใต้ใบหูของหล่อน เฌอปรางระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข“ฉันสัญญาว่าถ้าเธออายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์เมื่อไหร่ ฉันจะรีบพาเธอมาจดทะเบียนสมรสทันที” เขาหยุดพูดเล็กน้อย ก่อนจะดันร่างของหล่อนออกห่าง จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของหล่อน “ว่าแต่เมื่อไหร่จะครบยี่สิบปีเต็มกันล่ะ หนึ่งปีกับกี่เดือนหรือ”“เอ่อ... หนึ่งปีกับอีกสิบเดือนค่ะ”“เฮ้อ นานจัง นี่ฉันมีเมียเด็กมากจริงๆ สินะ” ว่าแล้วเขาก็อมยิ้ม และดึงหล่อนเข้าไปกอดอีกครั้ง “แล้วฉันก็แก่ว่าเธอมากเสียด้วย หวังว่าเธอจะไม่นอกใจฉันไปหาเด็กหนุ่มๆ รุ่นราวคราวเดียวกันหรอกนะ เฌอปราง”“พ่อเลี้ยงต่างหากล่ะคะ พอเบื่อหนูแล้วก็จะทิ้งหนู ไล่หนูออกจากไร่เหมือนเดิม”เขาขยับตัวออกห่าง ก้มลงมามองดวงหน้านวลของเฌอปราง ก่อนจะจูบปากอิ่มเบาๆ“ไม่มีทางมีวันนั้นหรอก ฉันหลงเธอจะตายไป”ก็แค่หลง...เฌอปรางต่อคำพู
ป้าปราณีอมยิ้มเมื่อเห็นหล่อนเดินเคียงคู่มากับเคลวิน ซึ่งก็ทำให้หล่อนอดที่จะเสหลบสายตาด้วยความขัดเขินไม่ได้“ตั้งโต๊ะเลยครับป้า”“วันนี้พ่อเลี้ยงยิ้มแย้มต่างไปจากทุกวันเลยนะคะ” ป้าปราณีหันไปสั่งจิตกับแจ่มให้ตั้งโต๊ะแล้วก็อดที่จะแซวเคลวินที่เพิ่งจะเลื่อนเก้าอี้ให้เฌอปรางนั่งไม่ได้เคลวินหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะดึงมือเล็กบนตักมากุมเอาไว้“ผู้ชายเวลามีเมียเด็กก็อารมณ์ดีประมาณผมทุกคนแหละครับ”หล่อนได้ยินคำตอบของเคลวินก็ยิ่งเอียงอาย แต่ทันทีที่จิตกับแจ่มยกอาหารมาตั้งบนโต๊ะ และกลิ่นอาหารหน้าตาดีโชยเข้ามาในจมูกเท่านั้น ความวิงเวียนพะอืดพะอมก็ตีตื้นขึ้นมากระจุกรออยู่ที่ลำคอ มือเล็กยกขึ้นปิดปาก“เป็นอะไรไปเฌอปราง ไม่สบายหรือ”หล่อนไม่อาจจะตอบความสงสัยของเคลวินได้ เพราะต้องรีบพุ่งตัวไปห้องน้ำให้ทันเวลาเสียงโอ้กอ้ากของเด็กสาวดังมาเข้าหูเคลวิน เขาลุกขึ้นยืนจะเดินเข้าไปดู แต่ป้าปราณีห้ามเอาไว้เสียก่อน จากนั้นก็สั่งให้จิตเข้าไปดูเฌอปรางแทน“จิต เอ็งเข้าไปดูหนูปรางหน่อย”“จ้ะ ป้า”“ส่วนเอ็งก็ไปยกน้ำส้มมาให้หนูปราง นังแจ่ม”“จ้ะป้า”สองสาวใช้หายกันไปคนละทิศละทางแล้ว ป้าปราณีก็มองหน้าเคลวินและ
เฌอปรางกำลังจะเลี้ยวเข้าเรือนพักคนงาน แต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อเคลวินปรากฏตัวตรงหน้าเสียก่อน เรือนกายล่ำสันในชุดทำงานและสวมหมวกปีกกว้างเดินเข้ามาหา“เอ่อ...”“เมื่อคืนฉันก็ทำโทษเธอทั้งคืนแล้ว ยังไม่เข็ดอีกหรือเฌอปราง”“หนู... แค่มาเอากระเป๋าค่ะ”“ไม่ต้อง เดี๋ยวให้คนงานยกไปให้” เขาก้าวเข้ามาใกล้จนหล่อนขยับถอยหลังหนีไม่ทัน ดวงตาของเขาที่จ้องมองมา มันทำให้หล่อนอดนึกถึงเรื่องร้อนฉ่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้“กลับเข้าบ้านด้วยกัน ฉันหิวแล้ว”“หิว...?”เขาอมยิ้มเมื่อเห็นเด็กสาวตีความหมายของคำพูดไปไกลกว่าที่เป็นจริง“ฉันยังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย” เขาจ้องหน้าหล่อน “เพราะรอเด็กขี้เซาคนหนึ่งตื่นน่ะ”“เอ่อ... หนูเหรอคะ”เขายกมือขึ้นยีเส้นผมนุ่มให้ยุ่งมากกว่าเดิม จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ดอมดมกลิ่นหอมละมุนด้วยปลายจมูกอย่างอดใจไม่ไหว เฌอปรางหน้าแดงระเรื่อ“พ่อ... พ่อเลี้ยงคะ เดี๋ยวใครมาเห็นค่ะ”เขาจำต้องตัดใจเงยหน้าออกห่างร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่น จากนั้นก็กุมข้อมือเล็กให้เดินเคียงข้างไปด้วยกันเฌอปรางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา มองคนตัวโตที่มีพลังทางเพศสูงลิบอย่างเคลวินด้วยความรักหล่อนจะได้เดินเคียงข้างเขาอ