“คุณหนูใหญ่ ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”ปึง!“ขอบคุณค่ะลุงหย่งอัน สบายดีกันใช่ไหมคะ” หลี่เหม่ยถิงอมยิ้มพร้อมถามไถ่ ขณะที่พากันเดินขึ้นบันไดเข้าไปในตัวบ้าน เห็นร่างอวบของป้าหนิวอี ยืนยิ้มรับอยู่ข้างบานประตูใหญ่“คุณหนูของนม ดูสิไปแค่ไม่กี่เดือน ทำไมผอมแบบนี้” ในสายตาคนที่ห่วงใย ห่างสายตาไปนิดเดียวคิดเสมอว่าเราอยู่ไม่สุขสบาย“อะไรกันคะ หนูกินเยอะจนพุงจะป่องอยู่แล้วนะยังจะบอกว่าผอมอีก”“พาคุณหนูเข้าไปก่อนเถอะ คุณท่านนั่งรอนานแล้ว เดี๋ยวคุณค่อยทำของบำรุงระหว่างที่คุณหนูกลับมาบ้านให้มากหน่อยก็พอ”“ตาเฒ่า! ความคิดดีมาก ฉันรีบเข้าครัวไปดูสิว่าพวกเด็ก ๆ ทำอะไรเตรียมไว้บ้าง” เด็กสาวหันไปยิ้มคาดโทษพร้อมค้อนวงใหญ่ให้ลุงหย่งอัน มาอีหรอบนี้เธอได้จมน้ำแกงบำรุงสารพัดอย่างอีกตามเคย จะไม่กินเดี๋ยวป้าหนิวอีก็บ่นน้อยใจอีก“ถิงเออร์ มาแล้วเหรอลูก มา ๆ ให้พ่อดูหน้าค่าตาหน่อย” เสียงแหบบ่งบอกว่าคนพูดสุขภาพไม่ดีนัก แต่ความสดใสในน้ำเสียงกลับเต็มร้อย“สวัสดีค่ะคุณพ่อ กลับมาแล้วค่ะ” เด็กสาวรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปประคองมือผู้สูงวัยให้นั่งลง จากนั้นตัวคนก็นั่งลงตามสายตาหลังกรอบแว่นพิจารณาใบหน้าและออร่ารอบต
เวลาเที่ยงวันต่อมาสามสาวจากตระกูลหลี่พากันเดินทางไปยังถนนหลงหูเทียน ถนนการค้าที่มีร้านของแบรนด์ระดับไฮเอนด์ทั้งแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ เปิดสาขาเป็นแนวยาวตลอดเส้น มีลูกค้าที่เป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคมเชิงตูเดินกันขวักไขว่‘เป่ยชุนฮัว’ เป็นร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ต้องจองคิวล่วงหน้านานหลายเดือน เจ้าของร้านเรียนจบแฟชั่นดีไซน์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศ แล้วไปเรียนต่อพร้อมสร้างชื่อจากงานประกวดในต่างประเทศ พอกลับมาเปิดร้านที่เฉิงตูจึงเป็นที่ยอมรับกันในวงสัมคมชั้นสูงของเฉิงตูแทบจะทันที‘ต้องยอมรับว่า ติงหรูอี้สร้างภาพได้ดี ลงทุนจองคิวร้านนี้ให้เธอหรือจะเรียกว่าพวกเธอทั้งสามดีล่ะ เธอคงเป็นแค่ผลพลอยได้มากกว่า’ หลี่เหม่ยถิงปราดมองป้ายชื่อร้านด้วยความแปลกใจ แล้วเดินตามเข้าไปในร้านเสื้อผ้าที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ด้วยโทนสีขาว แดงและดำ “ยินดีต้อนรับค่ะ คุณผู้หญิงมีนัดไว้ล่วงหน้าหรือเปล่าคะ” ติงหรูอี้แจ้งหมายเลขลำดับการจองออกไปพนักงานจึงเชื้อเชิญให้นั่งรอก่อนถงไฉ่หงดีไซเนอร์เจ้าของร้าน ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง“คุณนายหลี่ สวัสดีค่ะคิวที่นัดหมายไว้ 2 ท่านนะคะ” หลี่เหม่ยถิงเบี่ยงต
“เชิญทางนี้ค่ะมิส”เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินมาพร้อมกับพนักงานที่ดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ผายมือเชิญหลี่เหม่ยถิงให้ตามออกไปด้วยกัน“โอ๊ะ! ฉันเปิดได้จริงเหรอคะ คุณแม่คะหนูเปิดได้ล่ะค่ะ” หันไปแสดงความดีใจกับคุณแม่อีกหนึ่งครั้งแล้วรีบเดินตามเจ้าหน้าที่ไปติงหรูอี้ได้แต่มองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอัดอั้นเจ็บแค้นใจ‘หลี่ซีซวน! คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!’หลี่เหม่ยถิงถูกพามาส่งตรงทางเข้าที่ต้องผ่านการตรวจสอบอีกหลายขั้นตอน กว่าจะได้เดินเข้ามายังโซนห้องนิรภัยที่มีหมายเลขกำกับปิดล็อกไว้ด้วยกุญแจพิเศษ และการเข้ารหัส เจ้าหน้าที่ปล่อยเธอให้อยู่คนเดียวพร้อมกล่องเก็บของนิรภัย ไขกุญแจเซฟ ใส่รหัสที่คุณพ่อบอกไว้กล่องก็ดีดเปิดออกด้านในมีกล่องเครื่องเพชรสีน้ำเงินวางไว้ 1ใบ ด้านในมีเครื่องประดับแซฟไฟร์เซ็ตใหญ่ประกอบด้วยสร้อยคอ ต่างหู แหวนและสร้อยข้อมือดูจากขนาดและสีสันของแซฟไฟร์ มูลค่าต้องสูงจนน่าตกตะลึงแน่“มิน่าล่ะ ติงหรูอี้ถึงทำท่าร้อนรน”หลี่เหม่ยถิงหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด แล้วสายตาไปสะดุดเข้ากับตัวอักษรภาษาอังกฤษเล็ก ๆ สลักอยู่ตรงข้อต่อ“L I N”“หลี่เหม
บนห้องนอนชั้น 3หลังแยกจากเกาอี้ผู้น่าสงสาร หลี่เหม่ยถิงก็แอบเดินกลับมาห้องของตัวเองโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น ส่วนทำไมเกาอี้จึงน่าสงสารน่ะหรือเพราะได้ของเล่นใหม่ หลี่เหม่ยถิงผู้มีหัวใจใฝ่รู้จึงเดินออกไปตามจุดต่าง ๆ ในบ้านแล้วเป่านกหวีดเรียก หลังเป่าไม่นานการ์ดเกาก็รีบปรากฏตัวออกมาทันทีครั้งแรกท่าทางร้อนรนแทบจะบินมาได้ นานเข้าครั้งที่ 10 11 12 ก็มาทุกครั้งแต่ความแตกตื่นหายไปแล้ว เธอจึงหยุดเล่น แค่ก...หยุดทดลอง ทดลองน่ะ เธอเรียนวิทยาศาสตร์จะให้เชื่ออะไรที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ได้ยังไงกัน ใช่ไหม?หลี่เหม่ยถิงกำลังแกะริบบิ้นสีน้ำเงินออกจากกล่องกระดาษยาวสีฟ้าอ่อน ด้านในมีผ้ากันฝุ่นวางทับอีกชั้น เธอใช้นิ้วปัดผ้าบาง ๆ นั่นออกไปสิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือชุดฉีเพ่า แบบทันสมัยสีฟ้าอ่อน ตัวชุดด้านบนเป็นคอจีนเข้ารูปประดับลูกไม้ แขนยาวถึงข้อศอก ตัวเสื้อเข้ารูปปักลายดอกบีโกเนีย สีฟ้าอมม่วง ส่วนกระโปรงจีบรอบแบบสั้น ชายด้านหลังยาวจับช่อ ด้านบนเป็นผ้าโปร่งปักลายช่อบีโกเนียต้องยอมรับว่าพี่ใหญ่ฉินมีสายตาแหลมคมมาก หลี่เหม่ยถิงเองเป็นคนไม่ชอบแต่งตัวยังยอมรับว่าชุดนี้ดูเข้ากับบุคลิกของเธอ มันสวยแบบไม่โอ้อว
“โอ้ นี่สินะความหมายของแม่เตรียมไว้ให้ลูกแล้ว”อืม...ติงหรูอี้มาไม้นี้นี่เองหลี่เหม่ยถิงเดินวนรอบชุดเดรสสีน้ำเงิน ที่แขวนอยู่บนราวแขวนทองเหลืองกลางห้อง สายตาสำรวจขึ้นลง มือบางเอื้อมไปหยิบชุดขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด สักพักจึงหายเข้าไปในห้องน้ำครู่ใหญ่จุ๊ๆ ความคิดนี่ใช้เวลาคิดนานหรือเปล่านะรอยยิ้มแสยะอันเป็นเอกลักษณ์ปรากฏบนเรียวปากอิ่ม หากนักเรียนในโรงเรียนมาเห็นเข้า คงได้ร้องอุทาน‘แย่แล้ว มีคนกำลังจะโชคร้าย’หลี่เหม่ยถิงเปลี่ยนชุดที่มีคนจัดมาให้อย่างไม่รีบร้อน มันเป็นชุดราตรีลูกไม้ตัวยาว แขนยาว สีน้ำเงินเข้ม ลายลูกไม้ละเอียดทั้งตัว เอวเย็บคาดผ้าแถบทำให้คนใส่ดูผมเพรียว ช่วงกระโปรงเป็นลูกไม้พริ้วไหวยามก้าวเดิน คอเสื้อค่อนข้างสูงปิดมิดชิด โดยรวมแล้วเป็นชุดที่สวยมากตัวหนึ่งเพียงแต่มันขัดกับบุคลิกและรูปร่างของหลี่เหม่ยถิงเป็นที่สุดยิ่งช่วงหน้าอกที่มีการเย็บโครงอ่อนทรงคล้ายคอร์เซ็ต แสดงให้เห็นจุดด้อยของรูปร่างหลี่เหม่ยถิง หน้าอกค่อนข้างแบนจึงหลวมโพรก หากไม่ใส่เสริมก็จะดูไม่พอดี แต่ถ้าเสริมส่วนนี้ก็ดูเป็นเด็กสาวที่พยายามโชว์เนื้อหนังช่วงเอวเล็กที่ยังไม่มีส่วนเว้าโค้ง
งานดำเนินต่อไปจนจวนจะถึง 2 ทุ่ม หลี่ซีซวนก็ให้สัญญาณพนักงานไปเรียกหลี่เหม่ยถิงลงมาด้านล่างเสียงฝีเท้าในรองเท้าส้นสูง ก้าวเดินอย่างระวังมาจากทางบันได หลี่ซีซวนยังไม่ทันจะหันไปมองก็กล่าวแนะนำกับแขกที่มาร่วมงาน“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ผมมีความยินดีที่จะแนะนำให้รู้จักกับบุตรสาวคนโตของตระกูลหลี่ ‘หลี่เหม่ยถิง’ พูดจบก็ผายมือไปยังบันได แล้วจึงเงยหน้ามองบุตรสาวการมองครั้งนี้ทำเอาเขาปวดใจปนไม่อยากจะเชื่อ หันมองหน้าภรรยาข้างกายที่มีใบหน้าร้อนรน ต่อให้เป็นคนไม่มีเซนส์เรื่องการแต่งกายหรือแฟชั่น เขาก็ยังพอรู้ว่าถิงเออร์เวลานี้ไม่ใกล้เคียงกับคำว่างดงามเลย“นี่ลูกสาวคนโตตระกูลหลี่จริงเหรอ แต่งตัวดูไร้รสนิยมมาก”“ตระกูลหลี่กำลังเล่นตลกอะไรกันหรือเปล่า?”“นี่มันดูตลกมากเลยนะ เหมือนเด็กสาวกำลังพยายามเติบโตเกินวัย”“ชุดนี่ไม่เหมาะกับรูปร่างเธอเลย”อุ๊บ คิก คิก คิกพอหลี่เหม่ยถิงเดินลงมายืนบนฟลอร์ด้านล่างเรียบร้อย คนในครอบครัวที่เหลือก็มายืนรวมตัวกัน“ถิงเออร์...” หลี่ซีซวนเรียกชื่อลูกสาว แต่ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อ เขาอยากจะพาเธอกลับเข้าด้านในเพื่อเลี่ยงคำนินทา สบประมาทพวกนั้น
ผู้คนที่มุงดูแหวกทางเป็นช่องเสียงที่พูดทำเอาหลี่เหม่ยถิงที่กำลังยืนพักขาท่าทางเบื่อหน่าย เกือบขาพลิกตกลงจากเวทียกพื้น รีบยืนยืดตัวหลังตรงเก็บมือสงบเสงี่ยมทางด้านหน้าเดินตัวตรงสง่างามไปทางผู้มาใหม่‘หรือว่า นี่ คนเลี้ยงดูของคุณหนูหลี่ พระเจ้านี่มันน่าไม่อาย’ท่าทางเชื่องเป็นลูกแกะเดินเข้าหาเจ้าของ เสียงซุบซิบยิ่งไร้ความเกรงใจ หลี่ซีซวนยิ่งหน้าซีดเผือดท่าทางเคร่งเครียด เตรียมเรียกฉีฟ่านมาพาลูกสาวกลับออกไปติงหรูอี้รับฟังเสียงเสียดสีนินทา ชื่อเสียงที่พังยับเยินของหลี่เหม่ยถิงด้วยความสำราญใจ ดวงตายินดีสุดแสน มุมปากรังแต่จะกระตุกยิ้ม จนต้องบีบมือระงับความลิงโลด‘ดี ขอให้แกจมน้ำลายผู้คนในสังคมจนตาย ไม่ได้โผล่หัวได้ผุดได้เกิด’ร่างเล็กสง่างามยกมือขึ้นโค้งคำนับแบบจั้วอี“ศิษย์คารวะอาจารย์”รอยยิ้มที่ทำท่าจะขยายกว้างของติงหรูอี้หุบฉับ ดวงตาเบิกโตเท่าไข่ห่าน รวมถึงผู้คนทั้งหมดในงานเลี้ยงโป๊ก! โอ๊ย!ไม้เท้าพยุงเดินสีแดงอมส้มถูกเคาะลงบนหัวที่ก้มคำนับ ไม่หนักไม่เบา“เด็กโง่นี่ ผู้อื่นรังแกมาบนหัวขนาดนี้ แทนที่จะตอบโต้ ยืนรอให้เหล่าจู ลุกขึ้นจากหลุมมาช่วยหรือไง! ถ้าไม่มีใค
เฉินเฉวียนฟานที่มองท่าทางผิดปกติของน้องสาวอย่างไม่เข้าใจ เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นจากนั้นดึงตัวเฉินซินหยานที่สั่นเทาออกจากที่นั่งไปยืนแอบตรงหลังเสาทางที่จะไปยังส่วนหลังของตัวบ้าน“หยานหยาน เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้ชัดเจนหน่อย” เมื่อถูกพี่ชายถามเฉินซินหยานก็พร่างพรูสิ่งที่เห็นออกมาจนหมดเปลือกระหว่างที่สองพี่น้องกำลังคุยกันอยุ่ในมุมอับ น่าจะผ่านมาสักพักใหญ่ หลี่เหม่ยถิงสังเกตเห็นความปิดปกติของซินหยานแต่จนใจที่ยังลงจากเวทีไม่ได้ เพราะมีคนมาขอชนแก้วเป็นระยะตอนนี้ผ่านไป 10 กว่านาทีเธอเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ความร้อนที่เริ่มประทุมาจากช่องท้อง เริ่มลามขึ้นมาตามแขนขา ใบหน้าขึ้นสีชมพูจาง แก้วเหล้าไม่สะอาด ต้องมีใครใส่อะไรลงไปแน่ไม่ใช่ไม่ระวังตัว แต่จนใจที่อยู่บนเวทีทุกสายตากำลังจ้องมอง เพราะหาทางเลี่ยงไม่ได้จึงดื่มลงไปบ้าง จากทีแรกทำท่าจิบแล้วอมไว้ในปาก พอมีคนมาชนต่อต้องมีการพูดคุยเลยจำใจกลืนลงคอไป“คุณพ่อคะ...หนูท่าจะเมาแล้วค่ะ ขอตัวกลับไปพักก่อนนะคะ” เธอรีบเดินไปกระซิบแจ้งคุณพ่อ จังหวะเดียวกับจ้าวลี่จูเดินแทรกคนเข้ามาเพื่อจะชนแก้ว เห็นท่าทางผิดปกติเข้าหลี่เหม่ยถิงพยักหน้าให้จ้าวลี่
อือ…“คุณหนู ฟื้นแล้วเหรอครับ” หยางฝูเหว่ยและเกาอี้นั่งรออยู่ในห้องพักพิเศษตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล สองหนุ่มผู้ดูแลลุกขึ้นเดินเข้าหาอย่างระมัดระวัง สายตาของหยางฝูเหว่ยมองเข้าไปในหน่วยลึกของดวงตาดอกท้อ ขนตาหนาเป็นแพกระพือถี่อย่างพยายามปรับโฟกัส ความหม่นในดวงตาค่อยกระจ่างขึ้น ถูกแทนที่ด้วยความมึนงง สับสน“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ข้อมือเล็กพยายามขยับ แต่กลับไม่สามารถยกขึ้นได้ ความปวดตึงทำให้หลี่เหม่ยถิงหันไปมองทางข้อมือขวา เห็นว่ามันถูกพันธนาการติดกับขอบเตียง จึงย้ายสายตาสำรวจร่างกายทีละส่วนสมองเริ่มกระจ่างตามเวลาที่ผ่านไป ความทรงจำก่อนหมดสติไหลกระแทกกลับเข้ามา ลมหายใจอันเกิดจากห้วงอารมณ์รุนแรงกระชั้นถี่จนทรวงอกภายใต้ผ้าห่มที่คลุมร่างกายยุบขึ้นลง “คุณหนูพยายามคุมสติคุมอารมณ์ตามวิธีที่นักบำบัดบอกไว้ครับ” ผู้ช่วยหนุ่มกดเสียงให้ราบเรียบพูดอย่างใจเย็น มีเกาอี้ยืนหายใจไม่เต็มปอดอยู่ข้าง ๆพวกเขาต้องพยายามทำให้บรรยากาศสงบนิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้กระตุ้นอารมณ์คุณหนูไปมากกว่านี้20 นาทีต่อมา การปรับอารมณ์ก็เป็นผล หยางฝูเหว่ยจึงแจ้งพยาบาล จากนั้นก็มีแพทย์มาตรวจจนเสร็จกระบวนการ ผ้ายึดข้อมือก็ถูกถอดออ
หากไม่มีคุณหนู ตระกูลหลี่ก็ไร้ความหมายสองสามีภรรยาต่างมองหน้าสื่อความแล้วแยกย้ายกันไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมายคนละทาง“ผู้เฒ่าติงครับ ผมคิดว่าเราควรถือวิสาสะอ่านจดหมายที่เป็นต้นเหตุของอาการครับ พ่อบ้านติงครับไปเก็บของเถอะครับ เราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย ผมจะให้เกาอี้เอารถมารอรับด้านหน้า”ท่านผู้เฒ่ารับจดหมายที่ยับย่นจากมือหยางฝูเหว่ยมาอ่านอย่างรีบร้อน ยิ่งอ่านใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยวัยชรายิ่งดำทะมึนขึ้นตามตัวอักษรแต่ละคำลักพาตัวเด็ก!!!“สารเลว! ชั่วชาติเอ๊ย!”ท่านผู้เฒ่าสบถด่าออกมาอย่างดุเดือด ใบหน้าแดงก่ำจากความดันพุ่งขึ้นสูง อยากปาจดหมายลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำ เสียแต่คนที่เขาอยากจัดการดันชิงตายไปเสียก่อนคิดแล้วว่าหลี่ซีซวนอะไรนี่ไม่ใช่ตัวดี!นี่มันกากเดนมนุษย์ในคราบหมอยังมีหน้ามาอวดอ้างความดีความชอบ มันลักพาตัวเด็กมาชัด ๆ ถุย! ปกปิดความผิดมาตลอดชีวิตจนตัวตาย ยังไม่กล้าเผชิญหน้าความจริงสงสารก็แต่ศิษย์น้อย ตกเป็นเหยื่อของชายเห็นแก่ตัว ยิ่งมองไปยังสภาพของศิษย์รักท่านผู้เฒ่ายิ่งสะเทือนใจ ถิงเออร์คงเจ็บปวดทรมานมากที่มารับรู้ว่าโศกนาฏกรรมในชีวิตเกิดจากคนที่เธอรักเคารพที่สุดพ่อบ้านติง
ฮ่า ฮ่า ฮ่าติงหรูอี้หลุดเสียงหัวเราะสุขใจดังลั่นออกมา ไม่หลงเหลือหรือพยายามรักษาท่วงท่าสง่างาม หญิงกลางคนแทบจะลุกขึ้เต้นรำไปรอบห้อง‘มันไม่ใช่ลูกของหลี่ซีซวน ในที่สุดเธอก็ชนะผู้หญิงในใจคนนั้นแล้ว’หลี่เหม่ยหลินกลับมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา สมองมึนตื้อไปหมด เธอถูกแม่บอกเล่ามาเสมอว่าหลี่เหม่ยถิงคือลูกชู้ ลูกของผู้หญิงที่ทำแม่ของเธอเสียใจความจริงแบบนี้ต้องให้เธอรู้สึกยังไงหลี่เหม่ยถิงไม่มีเวลามาสนใจปฏิกิริยาหรือความรู้สึกของใครทั้งนั้น ตาจดจ้องเพียงจดหมายในมือไล่อ่านทีละคำทีละบรรทัดจนพบข้อความต่อจากที่หลี่เหม่ยหลินอ่าน“ใช่แล้วถิงเออร์ ลูกไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ แม้พ่ออยากจะให้เป็นสักแค่ไหนก็ตาม พ่อกับแม่ของลูกดำรงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนนี้ตลอดระยะเวลาที่แม่ของลูกตั้งครรภ์แล้วเธอไปฝากท้องที่โรงพยาบาลนั้นแต่พ่อของลูกไม่เคยปรากฏตัว พ่อที่แอบรักแม่ของลูกเงียบ ๆ ในใจก็ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้แม่ของลูกลืมผู้ชายคนนั้นเสีย เพราะทุกครั้งที่เธอพูดถึงสามีจะมีประกายตาแห่งความสุขไร้แววเศร้าหมอง เธอยังเชื่อมั่นจนลมหายใจสุดท้ายว่าเขาจะกลับมาหาวันที่ลูกเกิด
10 วันผ่านไป“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะคุณนายหลี่ เสียใจด้วยนะคะคุณหนูใหญ่ คุณหนูรอง”แขกที่มาร่วมงานพิธีเคารพศพของหลี่ซีซวนวันสุดท้ายมีมากกว่า 9 วันที่ผ่านมา แขกชายจากตระกูลต่าง ๆ ในเฉิงตูไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากมาย แต่ไม่ใช่อย่างนั้นกับแขกฝ่ายหญิงประโยคเน้นคำเรียกคุณนายหลี่ คือสิ่งที่ตอกย้ำติงหรูอี้ซ้ำ ๆ เป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันครั้งเธอเหมือนโดนหลี่เหม่ยถิงถีบออกมายืนท่ามกลางผู้คน ให้คนเหล่านั้นรุมเย้ยหยัน ตบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดฟันยิ้มสู้พอคล้อยหลังเธอ พวกสาวสังคมเหล่านั้นก็จับกลุ่มนินทาหัวเราะเยาะ เรื่องที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มือเรียวเหล่านั้นชี้นิ้วมายังเธอด้วยอาการล้อเลียนติงหรูอี้ชำเลืองไปทางลูกเลี้ยงสาวด้วยสายตาอาฆาตปนแววสังหาร หลังจบงานนี้ไม่แน่หรอกนะว่าใครจะจัดการใคร‘อาอี้ อาจารย์ของนังเด็กนั่นไม่มีอำนาจอิทธิพลแน่ใช่ไหม ข่าวลือของเธอมันระงับไม่ได้เพราะมีคนคอยปล่อยข่าวซ้อนตลอดเลยนะ’ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ เธอต้องมาคอยยืนเป็นตัวตลกในงานให้คนหัวเราะตลอด 10 วันเพราะนังเด็กนี่แท้ ๆ‘พี่ช่วยฉันจัดการหน่อย ฉันไม่อยากเก็บมันไว้ให้รกหูรกตาอีกแล้ว’ ในเม
หลังจากจัดการหลี่เหม่ยหลินให้อยู่เป็นที่เป็นทางแล้ว ความอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงก็กลืนกินทั่วร่างหลี่เหม่ยถิง จนเธอต้องเดินโซซัดโซเซไปหาจุดนั่งพัก ทางเดินของบันไดหนีไฟถูกเปิดออกร่างเล็กจ้อยนั่งขดตัวกอดเข่า ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลอย่างเงียบเชียบ หยางฝูเหว่ยผู้แอบเดินตามหลังมารีบต่อสายหาเจ้านายอย่างเร่งด่วน“นายครับ คุณหนูแย่แล้ว” จากนั้นเขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นช่วงบ่ายวันนี้ให้ฉินเฟยหลงฟัง มีเกาอี้เดินขยับมายืนข้างกัน จากนั้นชายหนุ่มก็ก้าววิ่งเหยาะ ๆ ไปแง้มบันไดหนีไฟ ยื่นเพียงมือที่ถือโทรศัพท์เข้าไปด้านใน“หลี่เหม่ยถิง ผมอยู่นี่ เธอไม่ต้องกลัว”เสียงทุ้มอ่อนโยนดังผ่านลำโพงที่เปิดเสียงไว้ ดวงหน้าที่ซุกซบบนเข่าจึงเงยขึ้นไปมองยังที่มาของเสียง มือสั่น ๆ ยื่นไปรับโทรศัพท์มาถือไว้“พี่ พี่ใหญ่ฉิน คุณมาหาฉันหน่อยได้ไหม” เสียงสั่นไร้ความหนักแน่นเรียกหา ตัวคนที่ถูกขอร้องถึงกับใจกระตุก“เธอรอไม่นานหรอก ผมกำลังไป” จบประโยคหนักแน่นนั่น สายก็ถูกตัดทันที หลี่เหม่ยถิงได้แต่กอดมือถือไว้แนบอก ดวงตาเปียกชื้นไม่มีน้ำตาอีกต่อไป“ศิษย์น้อย เรากลับกันก่อนเถอะนี่ก็ดึกแล้ว” เธอน่าจะนั่งอยู่แบบนั้นนาน
โรงพยาบาลเอกชนฝูต้านับเป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาลที่จะมีคนไข้ฉุกเฉินถูกนำตัวมาส่งได้ตลอดเวลา แต่คราวนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเพราะคนไข้คือเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้เหล่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างได้รับการแจ้งเตือน คนไข้ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดหลังแพทย์เวรตรวจอาการเบื้องต้นศัลยแพทย์หัวใจมือดีที่สุดของโรงพยาบาลถูกตามตัวเร่งด่วน โชคดีที่เขาไม่มีคิวผ่าตัดเวลานี้ ไฟห้องผ่าตัดสีแดงสว่างจ้าแยงตาของหลี่เหม่ยถิงมานับชั่วโมง ดวงตาดอกท้อแดงก่ำจ้องเขม็งไปในทิศทางเดียว ไม่สนใจว่าจะมีใครอื่นเดินวนเวียนอยู่รอบตัวร่างกายบอบบางยืนพิงผนังปูนสีขาว สองแขนกอดอกแน่น รังสีมืดดำเย็นชาพาบรรยากาศยิ่งหนักอึ้งไม่มีใครกล้าขยับเข้าไปใกล้หยางฝูเหว่ยเป็นคนขับรถพาทุกคนในความดูแลของเขามาโรงพยาบาล สายตาคมติดแววกังวลในหน่วยลึกกวาดมองผู้คนพลุกพล่านรอบตัว มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนจับกลุ่มกระซิบกระซาบกันทางหนึ่งติงหรูอี้ยืนเหยียดหลังตรงมีหลี่เหม่ยหลินร้องไห้กระซิกซบอกคนเป็นแม่ ท่านผู้เฒ่าติงกับพ่อบ้านติงนั่งอยู่ข้างกันบนเก้าอี้ที่พ่อบ้านฝูจัดหามาให้ พนักงานในโรงพยาบาล พยาบาล ผู้ช่วยหลายคนยืนชะเง้อยืดคอมองด้วย
“หลี่ซีซวนคนสารเลว คุณทำแบบนี้กับฉันและลูกได้ยังไง ต่อไปเราจะกล้าเงยหน้ามองใครได้อีก” พอตั้งสติได้คุณผู้หญิงของบ้านก็ลงมือตบตีประมุขของบ้านพัลวัน ชายผู้ยังรู้สึกผิดก็ยืนนิ่งให้ภรรยาทุบตีฉีฟ่านเข้ามาแยกทั้งสองคนออกแล้วจึงแนะนำให้ขึ้นไปคุยกันต่อบนห้องหนังสือ“ตอนนั้นคุณรับปากแล้วว่าจะไม่มีวันพูดเรื่องนี้กับใคร แค่ที่เราแต่งงานกันแต่คุณไม่ยอมจดทะเบียนยังเป็นการลงโทษฉันไม่พอรึไง ทำไมคุณถึงยังพูดมันออกมา ทำไม“ ติงหรูอี้ที่คุมอารมณ์ไม่อยู่ ถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ“ถ้าคุณไม่วางยาผม เรื่องมันจะเกิดขึ้นรึไงกันล่ะ ตอนนั้นผมให้คุณมาเป็นแค่พยาบาลพี่เลี้ยงถิงเออร์เท่านั้นนะ อย่าลืมสิ แล้วที่ผมยอมแต่งเพราะคุณท้อง พี่ชายคุณมาขอร้องให้ช่วยรักษาหน้าของตระกูลติง เราถึงแต่งกันแค่ในนาม ข้อตกลงก็ร่างเป็นสัญญาเก็บไว้ไม่ใช่หรือไง”หลี่ซีซวนยังคงยึดถือข้อตกลงเดิมมาพูดถึง“เวลานานขนาดนี้แล้วคุณไม่คิดเปลี่ยนใจจะสร้างครอบครัวกับฉันบ้างเลยงั้นเหรอ ฉันทั้งดูแลคุณ ดูแลบ้าน ดูแลลูก ๆ ให้คุณ คอยสนับสนุนคุณทุกอย่าง” ติงหรูอี้ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาไม่คิดจะอ่อนลงเลย“ผมบอกคุณแล้วว่า ไม่รักก็คือไม่รัก คุณก็ยังรั้
สวีอวี้เจ๋อมอบตัวแต่…คนที่เขาซัดทอดไปได้เป็นเพียงชายที่ชื่อปู้ข่าย หรือหมีดำฉายาที่คนบนท้องถนนเรียกเขา ชายคนนี้รับงานเป็นนายหน้าจัดการเรื่องสกปรกต่าง ๆ ให้กับใครก็ตามที่พร้อมจ่ายเงินให้ปู้ข่ายถูกจับกลับมากับพรรคพวกอีก 4 คน น่าเสียดายที่เบาะแสสะดุดหยุดลงตรงนี้อีกครั้งหมีดำรับงานไม่เป็นหลักแหล่งแน่ชัด ติดต่อผ่านทางเบอร์โทรที่ส่งต่อกันเฉพาะคนรู้จักหรือลูกค้าเก่าแนะนำมา รับเงินมัดจำครึ่งหนึ่งโดยโอนเข้าบัญชีธนาคารที่เขาระบุหมายเลขไปให้ ส่วนที่เหลือจ่ายหลังจากเขาส่งหลักฐานการทำงานก่อนลงมือขั้นสุดท้ายไปให้ หากลูกค้าเบี้ยวเขาก็จบงานไม่ทำต่อ“นี่คุณตำรวจผมบอกแล่วไง ว่าไม่รู้ ทำไปแค่นึกสนุกอยากฆ่าคนเล่นสุ่มไปเรื่อย คนจงคนจ้างไม่มีหรอก” ปู้ข่ายยังพยายามเล่นลิ้นน้ำเสียงยียวน“ถ้าไม่มีผู้จ้างวานเท่ากับนายอยู่เบื้องหลังทั้งหมด จะรับสารภาพตามนี้หรือเปล่าล่ะ ถ้ารับก็เซ็นเอกสารนี่นายได้ติดคุกหัวโตแน่” มือคล้ำแดดของนายตำรวจรุ่นใหญ่เลื่อนกระดานหนีบเอกสารไปฝั่งตรงข้าม ขณะที่เขากดหยุดเทปบันทึกคำให้การไปด้วย‘ก็แค่ติดคุก ทำอย่างกับเขาไม่เคยติด แค่ข้อหาจ้างวานกับพยายามฆ่า ลองหาพรรคพวกวิ่งเต้นนิดห
3 วันต่อมา“แชมป์เป็นคนของเฉิงตู ก็ต้องเป็นแชมป์ของเฉิงตูสิ”“แต่แชมป์ไปเรียนที่ซานซี สอบก็ส่งชื่อในนามของซานซี ก็เป็นแชมป์ของซานซีถูกแล้ว”“หลีกทางหน่อย ๆ ขอพบนักเรียนหลี่เหม่ยถิงหน่อยครับ”“เฮ้ย อย่าเบียดเข้ามาสิวะ”“เฉิงตูเดลี่ขอสัมภาษณ์นักเรียนหลี่เหม่ยถิงและครอบครัวหน่อยครับ”ฝูหย่งอันมองภาพความวุ่นวายหน้าประตูรั้วนอกบ้านด้วยสายตาภาคภูมิ ดูสิคุณหนูของบ้านเขาเก่งกาจขนาดไหน แม้แต่ผู้ว่าการสองมณฑลยังมายื้อแย่งผลสอบเกาเข่าอย่างเป็นทางการออกแล้ว!“คุณผู้ชายจะให้จัดการข้างนอกอย่างไรดีครับ มีผู้ว่าการมณฑลมาพร้อมธงประกาศเกียรติยศ นักข่าวมาขอสัมภาษณ์ แล้วก็คนจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งมาขอพบคุณหนูใหญ่” พ่อบ้านชรากลับเข้ามายังห้องโถงใหญ่ของบ้าน ตอนนี้เจ้านายทุกคน รวมถึงอาจารย์และคุณผู้ดูแลของคุณหนูก็มากันครบ“ถิงเออร์ลูกเก่งมาก พ่อภูมิใจในตัวลูกมากจริงๆ ลูกจะให้จัดการยังไงวันนี้ปล่อยให้ลูกตัดสินใจได้เลย” หลี่ซีซวนออกปากชมไม่หยุด ท่าทางตื่นเต้นหน้าแดงมีเลือดฝาด รอยยิ้มกว้างไม่เคยหดหายนับตั้งแต่หลี่เหม่ยถิงเช็กผลคะแนนสอบเมื่อเช้าหลี่เหม่ยถิงยิ้มรับคำชมจนตาปิด วันนี้เธอใช้แว่นตากรอบบาง