“อืม...” เธอลูบไล้เนื้อหนังผิวกายแดงเรื่อที่ผ่านการลงทัณฑ์จากเขาอย่างสนใจ แน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้สึกต่อต้านมันเลย แต่กลับพึงพอใจและชื่นชอบอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว “หรือว่า เราเองก็โรคจิตเหมือนกัน”เธอวินิจฉัยโรคให้ตัวเอง ก่อนจะทิ้งศีรษะลงบนขอบอ่างแล้วหลับตาพริ้ม เธอดื่มด่ำกับน้ำอุ่นหอมกรุ่นไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็ต้องตกใจสะดุ้ง เพราะใครบางคนก้าวลงมาในอ่างแล้วนอนลงเคียงข้างกับเธอ“คุณ!” เธอลืมตามองเขาด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าเขากลับออกไปแล้วเสียอีก“ทำไม ตกใจอะไร แค่จะอาบน้ำด้วย” เขาทำหน้าเย้ยหยันใส่เธอ ขยับกายแกร่งล่อนจ้อนให้เบียดชิดกายเธออย่างจงใจแกล้งยั่ว“ฉันคิดว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก”“ยังหรอก คืนนี้จะนอนนี่”เธอขมวดคิ้วด้วยความตกใจ “บนโซฟาเนี่ยนะ”“เราก็นอนกันในห้องสิ เตียงก็มี”“แต่...”“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ คืนนี้แค่นี้ ไม่เล่นแล้ว นอนเฉยๆ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”เธอค่อยหายใจคล่องคอหน่อย “งั้นคุณนอนในห้อง ส่วนฉันนอนโซฟาเหมือนเดิม”เขาขยับใบหน้าใกล้ใบหน้าเธอ “หวงตัวเหรอ”“ก็แค่...อยากนอน”“บอกแล้วไงว่าจะไม่ทำ”“ฉันไว้ใจคุณได้เหรอ ดูเหมือนคุณจะติดใจฉันนะ หรือว่าคุณจะหลงนางทาสผู้ต่ำต้อย
เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน เธอลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่านอนอยู่เพียงลำพังแล้ว ชายหนุ่มจากไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ และสำคัญกว่านั้น มันเกือบจะเก้าโมงเข้าไปแล้ว“อืม หอมกาแฟ” เพราะกลิ่นหอมจากกาแฟร้อนกรุ่นนั่นเองที่ฉุดเธอให้ลุกจากเตียงนอน เธอรีบวิ่งออกไปยังห้องโถงใหญ่เพื่อจะพบว่ามีอาหารมากมายหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะตรงมุมห้อง“ว๊าว...อเมริกันเบรกฟาสเหรอเนี่ย” เธอเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง หยิบการ์ดที่วางอยู่ใกล้กับจานอาหารขึ้นอ่านอย่างแปลกใจ “ทานเยอะ ๆ นะ จะได้มีแรงทำงาน จากนาย...แหม พ่อคนหื่น คิดจะแซวฉันเหรอ”แต่เธอก็ฟาดอาหารบนโต๊ะจนเรียบ เพราะความที่ใช้แรงงานไปเยอะเมื่อคืนที่ผ่านมา...อาคิรานั่งดื่มกาแฟอยู่กับอรรณพในห้องทำงาน วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้งานในไร่จะขัดข้องหลายเรื่องจนต้องจัดประชุมด่วนในบ่ายวันนี้“วันนี้ทำไมบอสดูอารมณ์ดีจังครับ”เมื่อถูกทัก เขากลับไม่เห็นด้วย “อารมณ์ดีอะไร ผมกำลังเซ็งเรื่องงานอยู่เลย เซ็งชะมัด มีแต่เรื่องปวดหัว ต้องตามแก้ปัญหาซ้ำ ๆ เดิม ๆ”“แต่ผมว่าผมเห็นบอสยิ้มนะครับ”อาคิราทำหน้าบึ้ง “ใครยิ้ม?”“ไม่ยิ้มก็ได้ครับ”“เฮอะ!” อรรณพหรี่ตามองเจ้านายอย่างสงสัย “ต
“โอวว...” เขาปล่อยให้นางทาสของเขาใช้ปากกับของเขา และเธอก็ทำมันได้ดีทุกครั้งเสียด้วย ลีลาลิ้นของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด เล่นเขาจนกำหนัดพุ่งได้ทุกครั้งเลยสิน่า เขาล่ะอยากจะทำโทษเธอด้วยการทำคืนเสียจริง แต่เขายับยั้งใจไว้ทุกครั้ง เพราะกลัวเจ้าหล่อนจะสำคัญตัว คิดว่าตัวเองพิเศษสำคัญเทียบเท่ากับคนรักของเขา...“อืม...” เขาสุขสมในรสลิ้นอันแสนรัญจวนจนอดที่จะลูบไล้เส้นผมของเธออย่างเอ็นดูไม่ได้“ดีมาก โอวว อย่างนั้นล่ะ” “อืม อืมมมม” เสียงครางในลำคอของเธอกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ของเขาได้ดีเสมอ เขาปลดปล่อยตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติ พ่นพิษสงร้ายกาจเข้าไปในลิ้นคอของเธอตามปรารถนา“โอว ผมเสร็จจนได้” เขาร้องครวญครางอย่างสุขสมขณะโดนลิ้นอุ่นหวานของหญิงสาวปรนเปรอไม่ขาดตอน เธอกวาดเลียความเป็นชายจนสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้วจึงผละปากออก ยกร่างขึ้นนั่งคร่อมบนกายแกร่งอย่างชำนาญการ จับลูกชายตัวร้ายยัดใส่ความเป็นสาวของตัวเองอย่างไร้ความลังเล“อุ๊ปส์...อ่า...” สะโพกสวยกดแรงครอบแท่งโตจนจมมิด แน่นขนัด พร้อมพรั่งสำหรับการระเริงสวาทบทใหม่ตามที่ใจปรารถนาเธอโยกส่ายบ่ายบดกดคลึงอย่างเป็นจังหวะ ช้าหนักเร็วร้อนอย่างรู้งาน
“ทำไม? เตรียมนับวันจะออกไปจากที่นี่แล้วเหรอ สงสัยจะนั่งนับทุกวัน!”เขาถามเหมือนโกรธ โกรธอะไรเธอเหรอ...“ใช่ค่ะ” เธอตอบแบบนั้นก็เพราะหมั่นไส้คนขี้เก๊กต่างหาก ตอนมีเซ็กส์กันทำอย่างกับเธอเป็นภรรยาสุดที่รัก แต่พอสมใจปรารถนา กลับทำเหมือนเธอเป็นสิ่งน่ารังเกียจ ตอนนี้เธอคงไม่ต่างจากโถชักโครกอย่างที่คุณแม่บ้านใหญ่พูดเอาไว้ “นับทุกวันเลยค่ะ อยากออกไปนอนดูดาวดูพระจันทร์ ดูพระอาทิตย์ตกดิน อยากนอนแผ่หลาลงบนพื้นหญ้านุ่ม ๆ แล้วมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆขาว มันคงจะฟิน เฮ่อ...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาสิบห้าวันแล้ว คิดถึงท้องฟ้าจังเลย”เขาแอบเห็นใจเธอนะ แต่ทำยังไงได้ล่ะ เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ในฐานะคนรักของเขาเสียหน่อย เขาจะได้พาเธอไปดูดาวไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน“งั้นก็อดทนรอหน่อยแล้วกัน เพราะเหลือเวลาอีกตั้งสิบห้าวัน กว่าที่คุณจะหมดโทษ”“ค่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะอดทนให้ถึงที่สุด แต่พอออกไปแล้ว ฉันจะไปเที่ยวทะเล ฉันจะไปปีนเขา จะไปเที่ยวญี่ปุ่น จะไปให้ไกลเลย”คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกโกรธ เขาโกรธอย่างบอกไม่ถูกที่เจ้าหล่อนแสดงท่าทางเหมือนอยากไปจากเขาจนตัวสั่น เขาไม่พูดอะไรอีก ไม่บอกลา
“แต่บอสทำหน้าเหมือนคนขับถ่ายไม่ออกนะครับ”เขาเหลือกตามองเลขาอย่างไม่พอใจ “พี่เห็นหน้าผมด้วยเหรอ ผมใส่หน้ากากอยู่นะ”“แหม เห็นแค่แววตาก็รู้แล้วครับ”“รู้ดีจริง ๆ” เขาทำหน้ายุ่งต่อขณะหันไปหยิบถ้วยกาแฟขึ้นดื่มเพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้ตัวเอง แต่พอวางถ้วยกาแฟกลับลงที่เดิมก็ดันถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “เฮ่อ!”“หนักแล้ว”“บ้าบอชะมัด!” เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเอาแต่คิดถึงผู้หญิงคนนั้น จนไม่คิดจะสนใจเอกสารและงานบนโต๊ะ “ไม่! ไม่มีทาง! เธอมันก็แค่ของเล่นเท่านั้น!”“ว่าไงนะครับ?” อรรณพถามเจ้านายด้วยความแปลกใจ เพราะเกิดได้ยินคำบางคำที่เจ้านายเผลอสบถออกมา “ของเล่นอะไรครับ”เมื่อโดนจับได้ อาคิราทำหน้าแทบไม่ถูก รีบเฉไฉ กลบเกลื่อนเพื่อเอาตัวรอด“ทำงานไปเถอะครับ ผมบ่นเรื่องงาน!” ตะคอกพร้อมทำหน้าขึงขังเพื่อให้เลขาจอมยุ่งรู้ว่าใจเขากำลังจดจ่ออยู่ที่เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง “พรุ่งนี้ผมอยากตรวจบัญชีของไร่ พี่ขนเอกสารมาให้ผมด้วยนะ”“ก็อยู่บนโต๊ะนั่นไงครับ ผมเอามาให้ตั้งแต่เช้าแล้วครับ ดูเหมือนวันนี้บอสจะใจลอย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะครับ” อรรณพวิจารณ์อาการของเจ้านายพลางหรี่ตามองสำรวจอย่าง
เธอยิ้มเย็นให้เขา “ขอโทษด้วยนะคะ แต่ฉันมีประจำเดือน วันนี้คงดูแลคุณไม่ได้”เขาอ้าปากค้าง “โกหกรึเปล่า”“อยากดูมั้ยคะ จะได้เปิดให้ดู” เธอทำท่าจะเปิดกระโปรงให้เขาดูจริง ๆ เขาร้องห้ามเสียงหลง“พอ ๆ ไม่ต้องเลยไม่ต้อง!”เธอตั้งท่าจะลุกอีกรอบ แต่เขาคว้าข้อมือเธอไว้ได้อีกครั้ง “อะไรอีกคะ”“ประจำเดือนหมดวันไหน?”“ไหนว่าเบื่อ”“ก็...เบื่อน่ะแหละ แต่มันอยากระบายเข้าใจมั้ย”“ถ้าคุณกระสันมาก เดี๋ยวฉันทำให้” ขาดคำนั้นเธอคว้าหมับที่เป้ากางเกงของเขา แต่เขากลับจับมือเธอไว้แล้วมองหน้าแบบจริงจัง “ถ้าผมจะจ้างคุณทำงานต่อ คุณจะว่าไง” เขาตัดสินใจแล้วว่าจะลองทาบทามเธอดู เขาอาจเสียศักดิ์ศรีนิดหน่อย แต่พอนึกถึงว่าจะได้เธอมาเป็นสมบัติส่วนตัว เขาก็เลยต้องยอม...“จ้างทำงาน งานอะไรคะ?”“เงินเดือนสองแสน ว่าไง?”ราคาเงินเดือนทำให้เธอตาโต “สองแสนเลยหรือคะ บ้าไปแล้ว คุณจะจ้างฉันทำงานจริง ๆ เหรอ?”“ใช่ ถ้าคุณสนใจ เซ็นสัญญากันแบบปีต่อปี ว่าไง ผมไม่เคยเสนองานแบบนี้ให้ใครเลยนะ”เธอขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย “แล้วงานที่ว่านี่มันงานอะไรล่ะคะ”“เป็นผู้จัดการส่วนตัวของผม”“ผู้จัดการส่วนตัว?”“กลางวันทำงานเป็นผู้จัดการส่วนต
หลังจากที่ตกลงกันในคืนนั้น เขาก็หายไปไม่กลับมาหาเธออีกเลย สิบวันผ่านไปราวกับสิบปี ที่เธอเฝ้ารอเขาด้วยใจวุ่นวาย กระทั่งจบสิ้นสัญญาหนึ่งเดือนที่ทำข้อตกลงกันครั้งแรก หลายวันมานี้ เธอรู้สึกสับสนวุ่นวายใจมาก เพราะคิดว่าเขาคงพูดเล่นและเห็นเธอเป็นตัวตลก จึงแกล้งทำเป็นยื่นข้อเสนอให้เธอ ซึ่งเธอก็หลงกลเขา กระโดดงับมันทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง“คนบ้า คนเลว!” เธอด่าว่าเขาได้ทุกวัน แล้วก็นอนร้องไห้ได้ทุกคืน เฝ้ารอนับวันที่จะได้ออกจากห้องใต้ดินแล้วหนีไปให้ไกลจากไร่แห่งนี้เสียที“คอยดูเถอะ ออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีกแล้ว ฉันจะไปให้ไกลจากคุณ จะไปให้สุดขอบฟ้าเลย!” เธอตะโกนลั่นห้อง ก่อนจะร้องไห้โฮออกมาเพราะความน้อยใจและเสียใจ “พอเถอะมาลินณา เธอหยุดหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ เลย เธอมันก็แค่นางบำเรอเท่านั้น จำเอาไว้”ขาดคำนั้น ประตูห้องใต้ดินเปิดออกอีกครั้ง คุณฉวีวรรณหัวหน้าแม่บ้านก้าวเข้ามาด้วยท่าทีรังเกียจเธอเหมือนเดิม พร้อมกับแจ้งให้เธอรู้เกี่ยวกับบางเรื่อง...“คุณหนูให้ฉันมาพาคุณไปค่ะ”“เขาสั่งเหรอคะ”“ตามมาเถอะค่ะ”“ค่ะ ฉันควรจะไปซะที”เธอโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่พยายามทำใจเย็นเหมือนไม่ได
“ป้าไม่ได้ลืมหรอกค่ะ เพราะป้าเอาอาหารไปให้ฉันได้ทุกวัน แต่ป้าจงใจมากกว่า” มาลินณามองคนแก่ด้วยสายตาคาดคั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง อก เธอโล่งอกที่ไม่ได้โดนเขาทิ้งอย่างที่คิดไว้ “ไม่เป็นไรค่ะป้า เพราะยังไงอาหารของป้าก็อร๊อยอร่อย ขอบคุณป้ามากนะคะที่ดูแลฉันอย่างดีมาตลอด อย่างน้อยก็ไม่ได้วางยาพิษในอาหารให้ฉัน”“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ป้าเธอ”“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ค่ะ” ระหว่างยืนคุยกับคุณแม่บ้านใหญ่หน้าห้องนอนนั่นเอง อยู่ ๆ เจ้าทิงเกอร์ก็โผล่พรวดออกมาจากที่ซ่อนแล้วกระโจนใส่หญิงสาวด้วยความดีใจ ราวกับเจอเจ้านายอย่างไรอย่างนั้น“ว่าไงเจ้าทิงเกอร์ คิดถึงจังเลย ยังจำฉันได้นะเนี่ย ทำไมผอมลงนะ กินอะไรรึยังฮึเจ้าซน?”ฉวีวรรณตกใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากรู้ดีว่าเจ้าทิงเกอร์ไม่เคยญาติดีกับใคร แม้ตัวเธอเองมันก็ยังไม่ยอมเข้าใกล้ ช่วงที่เจ้านายไม่อยู่แบบนี้ มันก็หมกตัวอยู่แต่ชั้นบน ไม่ยอมออกไปไหนเหมือนเคย หลายวันมานี้ เธอเพียงแค่นำเอาอาหารมาวางไว้เท่านั้น ส่วนตัวมันจะออกมาจัดการอาหารตอนไหนก็ไม่รู้ได้ เพราะตอนที่เธอขึ้นมา เธอไม่เคยเห็นมันโผล่ออกมาเลย นับตั้งแต่เจ้านายของมันไม่อยู่ที่คฤหาสน์ “แล้
“ฉันไม่เบี้ยวคุณหรอกค่ะ ฉันจะจ่ายคืนคุณทุกบาททุกสตางค์เลย แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปแล้ว ฉันไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช่วงหัวค่ำ รถติดจะตาย ท่าทางรถพ่อจะซ่อมเสร็จแล้วด้วย” ขาดคำนั้น เสียงรถของลุงปราบต์แล่นออกไปอย่างเร็ว “อะอ้าว...พ่อคะ พ่อ! เดี๋ยวสิคะ หนูยังอยู่ตรงนี้ อย่าทิ้งหนูสิพ่อ!”เธอวิ่งตะโกนตามรถ แต่ไม่ทันแล้ว รถไปไกลลิบจนไม่เห็นฝุ่นแล้วอาคิรามองเธอแล้วแอบขำ “ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่รีบขึ้นรถมา ผมจะทิ้งคุณไว้ตรงนี้”“เดี๋ยวสิคะ ตรงนี้เปลี่ยวจะตาย มีแต่ป่า”เขาขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่องทันที เธอรีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างไม่ลังเล แล้วอ้อนวอนขอความเห็นใจเขา“ไปส่งฉันที่ขนส่งหน่อยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานกับลูกนกลูกกาก็ได้” เขาไม่พูดอะไร แต่กลับบังคับพวงมาลัยหันหัวรถกลับไปยังไร่ภูผาวนาอย่างไม่รีรอ “อ้าว!” เธอถึงกับอ่อนใจ หน้าเสียหน้าชา “บอกแล้วไงว่าไม่เบี้ยว”“คิดว่าผมจะเชื่อใจนักข่าวเหรอ ไม่มีทาง”“อย่าบอกนะ ว่าคุณจะให้ฉันทำงานใช้หนี้อีก”เขายิ้มกริ่ม “เริ่มฉลาดขึ้นแล้วนี่”เธอถึงกับหมดแรง “คราวนี้คุณจะให้ฉันทำงานอะไรคะ คงไม่ใช่งานแบบเดิมหรอก เพราะแฟนของคุณกลับมาแล้ว และคุณก็รู้แล้วว่าฉันเป็นยัยหม
“ไม่...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วค่ะ” แล้วทำไมเจ้านายรูปหล่อของเธอต้องมาถามหาเพื่อนของเธอตั้งแต่เช้า ด้วย หรือว่าเขาคิดจะเอาเรื่องเธออีก“ไม่อยู่แล้ว! เธอไปไหน!”สีหน้าของเจ้านายดูโกรธ โมโห และร้อนใจปนเปกันไปหมด เธอเดาได้เลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพื่อนเธอต้องไปก่อเรื่องร้ายแรงมาแน่ “กลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”“กลับกรุงเทพฯ!” เขาเสียงดังลั่นจนใครหลายคนที่เดินไปมาในละแวกนั้นหันมอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!”“เมื่อเช้าค่ะ มีอะไรหรือคะบอส หรือว่ายัยฟ้าไปก่อเรื่องอะไรไว้” เธอถามเพราะงงจนเกินจะคาดเดาเรื่องได้เองแล้ว เธออยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น “เมื่อคืนคุณดาด้าก็มาหายัยฟ้าที่บ้านค่ะ เห็นคุยกันตั้งนาน พอถามก็ไม่บอกว่าคุยเรื่องอะไรกัน พอเช้ามาก็รีบติดรถพ่อออกไปในเมืองเลย”อาคิราฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่พยายามข่มให้นิ่ง“โทรหาพ่อเธอซิ ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”“ค่ะ” นันทร์เนตรไม่รอช้ารีบโทรศัพท์หาบิดาตามคำสั่งเจ้านายทันที “เอ่อพ่อ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ส่งยัยฟ้าที่ขนส่งรึยัง อะไรนะคะ รถเสียยังอยู่กลางทางเหรอ”ได้ยินดังนั้น อาคิราคว้าโทรศัพท์มาคุยเสียเอง เพราะอยากรู้ข
“แกก็แค่นางบำเรอ! อย่าสะเออะคิดว่าตัวเองสำคัญ!”มาลินณารู้สึกหน้าชา ไม่กล้าเถียงเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริง “แต่เขาอยากให้ฉันอยู่ด้วย”รชิดายิ้มเย้ย “นั่นเพราะเขายังไม่รู้ไงว่าแกคือใคร ถ้าเขารู้ว่าแกคือยัยหมูโสโครกที่เขาขยะแขยง เขาจะต้องรับไม่ได้แน่ เขาต้องไล่แกเหมือนหมูเหมือนหมา ฉันก็เลยมาเตือนแกไง แกควรไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะโกรธจนพาลทำให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย แกอยากให้เพื่อนแกซวยไปด้วยเหรอ?”คำขู่ของรชิดาทำให้มาลินณากังวลจนหน้าเสีย ส่วนตัวเธอเองต้องลำบากและเดือดร้อนสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเดือนร้อนลำบากไปด้วย“ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เช้าฉันตั้งใจจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว และไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีก แต่ฉันขอร้องสักเรื่องเถอะ อย่าบอกเขาว่าฉันเป็นใคร ขอให้มันจบลงแค่นี้”รชิดายิ้มเย้ยดูถูก “ถ้าแกสัญญาว่าจะหายไปจากชีวิตเขา จะไม่ติดต่อเขาตลอดชีวิต ฉันจะยอมช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้”“ได้สิ ฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว หวังว่าเธอจะทำตามที่พูดนะดาด้า”เมื่อตกลงกันเสร็จ รชิดาก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนมาลินณาแค่รู้สึกเหนื่อยหัวใจเท่าน
รชิดาก้าวออกจากคฤหาสน์มาอย่างอารมณ์เสีย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหลงเสน่ห์ได้ เธอโกรธผู้หญิงคนนั้นจนแทบระงับอารมณ์ไม่ไหวแล้ว เธออยากไปกระชากหัวยัยนั่นมาตบเสียเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่มายุ่งกับผู้ชายของเธอ“คุณชอบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยอม หัวใจของคุณมันต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์!!”เธอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น คนที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คนที่ทำให้เธอฉงนสนเท่และสงสัยนับตั้งแต่พบกันครั้งแรก“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันรู้จักเธอนะ” เธอพยายามคิดซ้ำไปซ้ำมา คิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะนึกบางอย่างออก บางอย่างที่ทำให้เธอตาเหลือก “โอ้ว...จริงด้วย...นั่นมัน...แก...นัง...นังหมูตอน นังหมูตอนนี่นา!!”เมื่อคิดออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอถึงกับช็อคและอึ้ง เพราะไม่คิดว่ายัยหมูอ้วนดำตอนโตเป็นสาวจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยได้ขนาดนี้“ไม่เจอกันมาสิบกว่าปี นี่แกเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอยัยเฟื่องฟ้า...คีย์รู้รึเปล่านะว่ามันคือยัยหมูตอนอ้วนดำที่เขาเกลียดชังและขยะแขยง”เธอคิดไม่ตก เพราะเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่พลาดโดนผู้หญิงหลอกได้หรอก “ถ้าเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยัง
“ผมไม่ได้แกล้ง!” เขาพูดพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเธออย่างจงใจให้เธอเห็นอารมณ์เย็นชาไร้ความรักจากดวงตาของเขา เธอต้องรู้สิว่าเธอไร้ความหมายสำหรับเขาไปเนิ่นนานแล้ว “นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผม คุณไม่รู้เหรอ?”“ด้าไม่เชื่อค่ะ คุณกำลังประชดด้าใช่มั้ยคะ”เขาผลักร่างเธอเล็กน้อยอย่างเสียอารมณ์ แล้วเดินหนีไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาถือเล่น“ถ้าทำไม่ได้ก็ไปซะ!”“คีย์คะ!” เขาออกปากไล่เธออย่างนั้นเหรอ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาลืมไปแล้วหรือว่าเขาเคยรักเธอมากมายแค่ไหน “ด้ารู้ว่าด้าทำผิดต่อคุณหลายเรื่อง ถ้าคุณจะโกรธเกลียดด้า ด้าก็เข้าใจค่ะ แต่อย่าไล่ด้าไปเลยนะคะ เพราะด้าจะไม่มีวันไปจากที่นี่อีกแล้ว ด้าจะอยู่กับคุณไปจนวันตาย!”“งั้นเหรอ?” ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดนะ หากเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจะทำยังไงกับเธอ เขาจะอ้อนวอนร้องขอให้เธอกลับมา หรือฆ่าเธอซะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อยากทำทั้งสองอย่าง เพราะมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเอาเสียเลย“ค่ะ ด้ารู้ตัวแล้วว่าคุณคือคนที่ด้าอยากอยู่ด้วย”“อืม ถ้าคุณอยากอยู่นักก็อยู่สิ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า คุณจะไม่ใช่ที่หนึ่งของผมอีกต่อไปแล้วนะ” เขาพูดปร
“อ้วนดำ! แกเนี่ยนะ จริงเหรอ” นันทร์เนตรทำหน้าไม่เชื่อ ขณะไล่มองเรือนร่างสวยงามของเพื่อนรัก“จริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ ฉันอ้วนมาก อ้วนเหมือนหมูตอนเลย ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยหมูตอน หรือไม่ก็ไอ้หมูโสโครก ไอ้หมูสกปรก!”“ไอ้หมูสกปรก! จริงเหรอ?”“จริงสิ แต่เพราะฉันแอบหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็เลยฮึดสู้ พยายามจะลดความอ้วนให้ได้ เพื่อจะได้มีสิทธิ์สารภาพรักผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นเขารังเกียจฉันมากเลย เขาเห็นฉันเป็นตัวตลก ส่วนคนที่เขารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ ใคร ๆ ต่างก็เรียกเธอว่าซินเดอเรล่าแห่งไร่องุ่น”“โหวว นี่แกกำลังแต่งนิยายให้ฉันฟังอยู่ใช่มั้ย”มาลินณาเล่าพลางแอบเช็ดน้ำตา “ใช่ มันเป็นนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนล่ะ”“แล้วยังไงต่อ ยัยหมูตอนได้สารภาพรักมั้ย”“ได้สิ แต่สารภาพก่อนจะไปจากไร่องุ่นนะ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันแล้ว สารภาพทั้งที่ยังอ้วนเหมือนหมูนั่นแหละ”“โหว ห้าวดีเว๊ย แล้วไง ผู้ชายคนนั้นว่าไง”“เขาก็โมโหน่ะสิ ไล่ตะเพิดบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ไม่งั้นจะฆ่าเธอแล้วเอามาย่างเป็นหมูหัน!!”นันทร์เนตรหัวเราะลั่นน้ำตาไหลราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกโปกฮาที่
อาคิราไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำตอนที่รชิดาโผเข้ามากอดเขาจากข้างหลัง แล้วร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะเป็นจะตาย พร้อมคำขอโทษไม่ขาดปาก “ที่รักคะ ดาด้าขอโทษค่ะ ดาด้าผิดไปแล้ว ดาด้าเสียใจจริง ๆ นะคะ ดาด้าโง่เองที่หลงเชื่อคำโกหกหลอกลวงของคนเลว ดาด้าขอโทษนะคะคีย์”เขาเซอร์ไพรซ์จนพูดไม่ออกทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวจะกลับมาหาเขาทันทีที่เลิกกับพี่ชายของเขา เขาปลดมือเธอออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอแบบตรง ๆ เพราะอยากจะเห็นแววตาสีหน้าของคนสำนึกผิดว่ามันน่าสงสารขนาดไหน “คีย์คะ คุณไปผ่าตัดมาแล้วนี่คะ!” เธอแสร้งทำหน้าตกใจเหมือนไม่รู้มาก่อนว่าใบหน้าเขากลับมาเป็นปกติแล้ว “ด้าไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย โอวที่รัก ตอนนี้คุณหล่อกว่าเดิมอีกนะคะเนี่ย”เธอยื่นมือขึ้นจับแก้มข้างซ้ายของเขาอย่างทะนุถนอม สายตาอ่อนหวานปนยั่วเย้ามองเขาอย่างเต็มรัก“ด้าขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมานะคะคีย์ ตอนนี้ด้ารู้แล้วว่าด้ารักคีย์คนเดียวเท่านั้น ด้าไม่เคยรักคุณจักรเลย หัวใจของด้าเป็นของคีย์คนเดียว”อาคิรามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างระอาใจ เธอคิดว่าเขาเป็นควายหรืออย่างไรกัน ถึงมองคนอย่างเธอไม่ออก พอโดนพี่ชายเขาหักหลัง เธอก็รีบแจ้นกลับมาหาเขา
“ก็คุณทำหน้านิ่งตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ หรือว่าตอนผมไม่อยู่ มีใครทำอะไรคุณรึเปล่า”“เปล่านี่คะ ทุกคนดีกับฉันมาก ฉันอยู่อย่างสบายเหมือนเป็นเจ้าของคฤหาสน์เลยล่ะ”“ก็ดี...แล้วนี่คุณออกมาที่ป่าต้องห้ามทำไม แถมเดินใจลอยด้วย ผมเดินตามคุณมาตั้งแต่ที่คฤหาสน์แล้ว เรียกก็ไม่หัน ผมเลยเดินตามมาเงียบ ๆ”เธอนิ่งไปนิด “จริงเหรอ ฉันใจลอยขนาดนั้นเลยเหรอ คุณอย่าอำฉันนะ ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงเรียกเลย”“จริง คุณเดินเหมือนคนละเมอเลย...ตกลงยังไง จะไปไหนมิทราบ หรือว่าละเมอจริง ๆ”“ฉัน...ฉันจะไปหาเพื่อนน่ะค่ะ” เธอไม่ได้โกหก เธอตั้งใจจะไปหานันทร์เนตรที่บ้านพักคนงานจริง ๆ“อ้อ”แต่เธอบอกเขาไม่หมด เธอไม่ได้บอกว่าเมื่อไปหาเพื่อนแล้วก็จะไปจากไร่ของเขาทันที“ผมคิดถึงคุณนะ” เขาจับแก้มอุ่นและริมฝีปากอิ่มของเธออย่างโหยหา จ้องมองใบหน้าสวยด้วยสายตาหวานฉ่ำ ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้ามาประกบปากเธอแล้วจูบอย่างดูดดื่ม“อืมม...ฮืมมมม” เขาจูบเนิบนาบอย่างออดอ้อนอ่อนโยนอยู่สักพัก ก่อนจะเพิ่มความแรงด้วยการบดขยี้ แลกลิ้นพัลวันจนหนำใจ รสลิ้นรสปากกระตุ้นอารมณ์กระสันซ่านให้แผ่กำจาย เร่งเร้ากำหนัดของสองร่างจนร้อนฉ่าไปทั้งตัว“
“โอ๊ย!” เขาร้องลั่นเพราะโดนเธอกัดฝ่ามือเข้าเต็มคำ ความตกใจและความเจ็บทำให้เขาเผลอปล่อยเธอหลุดจากวงแขน จนทำให้เธอล่วงลงไปนั่งกองกับพื้นแบบเต็มตูดเช่นกัน “โอ๊ย!” เธอร้องลั่นไม่ต่างจากเขา ก่อนเงยหน้ามองคนร้ายด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว!”ทว่า เธอด่าเขาได้เพียงคำเดียวเท่านั้น เพราะปากมันค้างเสียก่อน...“คนหรือหมานี่ กัดเจ็บชะมัด!” ชายหนุ่มบีบคลำมือของตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะกดสายตาคมดุลงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ช็อคตัวแข็งกลายเป็นรูปปั้นไปแล้วมาลินณาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย เธอฝันไปรึเปล่าที่เห็นอาคิราในสภาพใบหน้าหล่อเหลาไร้บาดแผลเหมือนเดิม หลังจากที่เขาหายไปเดือนกว่า ๆ เขากลับมาอีกครั้งในสภาพหล่อเหลาไร้ที่ติแต่เธอก็ตะลึงในความหล่อของเขาอยู่แค่อึดใจเดียวเท่านั้น เธอจำต้องกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง โลกที่ทำให้เธอและเขาอยู่กันคนละชั้นเพราะเมื่อเขาหล่อเหลางดงามราวเทพบุตร นั่นย่อมหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีนางบำเรอไร้ราคาอย่างเธอไว้คลายอารมณ์อีกแล้ว หลังจากนี้ไปเขาจะจิ้มจะชี้นิ้วเอาใครมานอนด้วยก็ได้ และสำคัญกว่านั้นก็คือ คนที่เขารักหวนกลับมาหาเขาแล้วเธอต้องตื่นจากฝันแล้วมาลินณา เรื่องราว