"เข้ามา" หลังจากเข้าประตูแล้ว เจี่ยงหลานก็นั่งลงบนขอบเตียงด้วยอารมณ์ จับมือของซูหยิงเซี่ยแล้วพูดว่า "หยิงเซี่ย ที่แม่ทำไปก็เพื่อประโยชน์ของลูกเอง แม่ขอโทษที่ไม่บอกล่วงหน้า ไม่ต้องห่วง คราวหน้าจะไม่มีแล้ว” "แม่ ฉันบอกแม่เป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะไม่อยู่กับผู้ชายคนไหนนอกจากหานซานเฉียน" ซูหยิงเซี่ยกล่าว "โอเค โอเค แม่รู้แล้ว แม่จะไม่พูดถึงเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต โอเคไหม?" เจี่ยงหลานอยากจะหั่นหานซานเฉียนออกเป็นชิ้น ๆ แต่โดยผิวเผินเธอมีสีหน้าที่เคารพการตัดสินใจของซูหยิงเซี่ย “แม่ไม่น่าให้เขาหย่ากับหนู เราเป็นสามีภรรยากัน เราจึงต้องเผชิญความยากลำบากด้วยกัน” ซูหยิงเซี่ยกล่าว "เฮ้อ" เจี่ยงหลานจงใจถอนหายใจและพูดว่า "ไม่ใช่แบบนั้น เพราะแม่กังวลว่าลูกจะได้รับบาดเจ็บ" “แม้ว่าหนูจะได้รับบาดเจ็บ หนูก็จะอยู่กับเขา” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น "โอเค โอเค แม่รู้ว่าลูกรักเขา ไม่ได้เจอเขามาสองสามวันแล้ว กำลังคิดไม่ดีอยู่หรือเปล่า" เจี่ยงหลานพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อซูหยิงเซี่ยวางงานลง เธอก็จะคิดถึงเขาเหมือนกับกระแสน้ำ เธอจะคิดถึงหานซานเฉียนขนาดไหน เธอหวังว่าเธอจะบินไปหาหานซานเฉียน และกระโจนเข้าสู่อ
มือของซูหยิงเซี่ยที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย ราวกับว่าเธอไม่เคยประหม่ามาก่อนในชีวิต การฟังเสียงของหานซานเฉียนทางโทรศัพท์ มันทำให้เธอรู้สึกเสียสูญมากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยไม่ได้พูด เจี่ยงหลานก็สะกิดแขนของซูหยิงเซี่ย เพื่อส่งสัญญาณให้เธอพูดอย่างรวดเร็ว เธอกังวลมากกว่าซูหยิงเซี่ยเสียอีก เพราะมีแค่เรื่องของหานซานเฉียนเท่านั้น เธอจึงมีคุณสมบัติที่จะร่วมมือกับหานเหยียนได้ ซูหยิงเซี่ยหายใจเข้าลึก "ฮัลโหล" อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หานซานเฉียนซึ่งได้ยินเสียงของซูหยิงเซี่ยก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะต่อต้านความปรารถนาที่จะโทรหาซูหยิงเซี่ย แต่เขาก็ยังมีความสุขมากที่ได้รับสายจากซูหยิงเซี่ย “ขอโทษที่ผมไม่ได้โทรคุณ” หานซานเฉียนกล่าว เมื่อได้ยินคำว่า "ขอโทษ" ซูหยิงเซี่ยก็น้ำตาไหลทันที และความทุกข์ใจทั้งหมดต่อหานซานเชียนก็หายไปทันที เมื่อมองไปที่เจี่ยงหลานที่ยังอยู่ในห้อง ซูหยิงเซี่ยก็ผลักเธอออกด้วยเรี่ยวแรงที่แทบจะไม่เหลือ เจี่ยงหลานเดิมทีต้องการที่จะแอบฟังอยู่มุมห้อง แต่ก็ถูกล็อกประตูอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งทำให้สีหน้าของเธอเย็นชา แต่ตราบใดที่หานซานเฉียนบอกกับซูหยิงเซี่ย เ
"งั้น...ดี ดีค่ะ ถ้ามีโอกาส ฉันจะเลี้ยงอาหารค่ำคุณ" หยางเหมิงพูด "ถ้าไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไร" หานซานฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม จากสีหน้าของหยางเหมิงบอกได้เลยว่า เธอกำลังรีบ อาจต้องรีบกลับบ้าน เพื่อไม่ให้มี่เฟยเอ๋อร์มาเจอ “มี มีแน่นอนค่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะเลี้ยงอาหารค่ำคุณแน่นอน ฉันสาบาน” หยางเหมิงยกมือขวาขึ้นและพูดด้วยท่าทางจริงจัง หานซานเฉียนอดหัวเราะไม่ได้ หยางเหมิงและมี่เฟยเอ๋อร์มีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก แต่พวกเธอกลับเป็นเหมือนพี่น้องที่สนิทกัน ซึ่งมันทำให้หานซานเฉียนงงงวย “ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็รีบกลับเถอะ ถ้ามี่เฟยเอ๋อร์รู้เข้า เธอจะบ่นคุณแน่นอน” หานซานเฉียนกล่าว ใบหน้าของหยางเหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอไม่คาดคิดว่าหานซานเฉียนจะเข้าใจความคิดของเธอ "คุณหาน พี่เฟยเอ๋อร์เธอเป็นคนดีนะ" หลังจากพูดจบ หยางเหมิงก็วิ่งกลับบ้าน และรู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่ามี่เฟยเอ๋อร์ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ หานซานเฉียนปิดประตูอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้ว่ามี่เฟยเอ๋อร์เป็นคนดีหรือเปล่า แต่เธอเป็นคนหัวสูงเหลือเกิน ซึ่งเรื่องนี้หานซานเฉียนมองไม่ผิดแน่ ความเป็นปรปักษ์ที่รุนแรงของมี่เฟยเอ๋อร์ที่มีต่อเขาอาจไม่หายไป จนกว่าเธ
"ใช่สิ หานซานเฉียนบอกลูกไหมว่าเขาทำอะไรอยู่ช่วงนี้" เจี่ยงหลานถามอย่างกระวนกระวาย ซูหยิงเซี่ยพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า "เขามีแผน แม้ว่ามันจะยาก แต่หนูเชื่อว่าเขาจะทำได้" "แผนอะไร?" เจี่ยงหลานยืดคอของเธอโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอรู้แผนของหานซานเฉียน เธอจะมีสิ่งต่อรองต่อหน้าหานเหยียน "มันเป็นความลับ หนูจะบอกแม่ได้อย่างไร" ซูหยิงเซี่ยพูดหลังจากกัดซาลาเปา “ความลับ มันก็เป็นความลับของตระกูลเราเหมือนกัน ลูกต้องเก็บมันเป็นความลับต่อครอบครัวของลูกด้วยเหรอ? เราอาจจะช่วยกันหาทางออกร่วมกันได้ ดังคำกล่าวที่ว่าหลายหัวดีกว่าหัวเดียว แม่กับพ่อของลูกจะช่วยคิดแผนด้วย” เจี่ยงหลานพูด ซูกั๋วเย่าไม่ขัดจังหวะ เดิมทีเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่เมื่อเขาก็รู้สึกว่าเจี่ยงหลานเหยียบเขาอย่างแรง เขาก็รู้ว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องพูดแล้ว "หยิงเซี่ยแม่ของลูกพูดถูก หากมีปัญหาอะไรก็บอกเราได้และเราจะหาทางออกร่วมกัน ลูกไม่อยากแต่งงานกับซานเฉียนใหม่หรือ ยิ่งแก้ปัญหาได้เร็วเท่าไหร่ ลูกก็ยิ่งแต่งงานใหม่ได้เร็วเท่านั้น" ซูกั๋วเย่ากล่าว "ใช่ ใช่" เจี่ยงหลานตอบอย่างรวดเร็วและพูดว่า "แต่งงานใหม่ให้เร็วที่สุ
“ไอ้หนู เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับแก ฉันแนะนำว่าอย่าเข้าไปยุ่ง” ชายที่สูงที่สุดเดินเข้าไปหาหานซานเฉียนและพูดอย่างคุกคาม หานซานเฉยถือว่าเป็นคนสูงมาก แต่คนที่อยู่ข้างหน้าเขาสูงกว่าเขาหัวของเขาไปอีก และกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาทำให้หานซานเฉียนดูอ่อนแอเพิ่มไปอีก "ถ้าคุณต้องการอัปเกรดฟรี ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คุกเข่าลงแล้วผมจะจ่ายให้คุณ แต่ถ้าคุณต้องการใช้เด็กผู้หญิงเป็นข้ออ้าง ผมไม่มีทางยอม" หานซานเฉียนพูดเบา ๆ คำว่า "คุกเข่าลง" นั้นรุนแรงมากสำหรับผู้โดยสารทุกคน พวกเขามองไปที่หานซานเฉียนด้วยความสยดสยอง ไม่มีใครคิดว่าเขาจะพูดคำเช่นนี้ได้ หลายคนชื่นชมหานซานเฉียนจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่บางคนคิดว่าหานซานเฉียนไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบัน อีกฝ่ายสูงและมีอำนาจ และเขาดูอ่อนแอมาก พูดแบบนั้นออกไปเพื่ออะไร? “พ่อหนุ่ม ปล่อยมันไปเถอะ จะไปจริงจังกับคนแบบนี้ทำไม” “ใช่ อย่าทำให้ตัวเองต้องลำบาก” “คุณเป็นคนใจดี เราทุกคนเข้าใจ แต่ดูพวกนี้สิ พวกเขาไม่ใช่คนดี” ฝูงชนเกลี้ยกล่อมหานซานเฉียน และพฤติกรรมดังกล่าวได้เพิ่มศักดิ์ศรีของชาวต่างชาติเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาไม่มีความละอาย แต่มองไปที่ห
เมื่อทุกคนงงงวย และไม่รู้ว่าหานซานเฉียนต้องการทำอะไร หานซานเฉียนก็เตะเหมือนสายฟ้าฟาด และชายต่างชาติตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาถอยไปสองสามก้าวปลิวเหมือนกระดาษ หลังจากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง ผู้คนนับไม่ถ้วนอ้าปากค้าง ทุกคนตกตะลึงกับการโจมตีอย่างกะทันหันของหานซานเฉียน เขา...เขากล้าที่จะเริ่มที่จะตีคนอื่นก่อน เขาไม่เห็นหรือว่ามีกี่คน? หรือเขากำลังจะให้คนบนเครื่องบินคนอื่น ๆ ช่วยเขา? พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมองไปที่หานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ การเผชิญหน้าอย่างกะทันหันทำให้เธอหยุดนิ่ง ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่น่าแปลกใจที่เขาบอกว่าเขาไม่อยากขึ้นบัญชีดำ การต่อสู้บนเครื่องบินเป็นพฤติกรรมที่อันตรายมาก พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเหลือบมองตำรวจนอกเครื่องแบบโดยไม่รู้ตัว แต่เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะหยุดเหตุการณ์นี้ หลังจากที่คนต่างชาติที่ถูกทุบล้มลงกับพื้น คนอื่น ๆ ก็โกรธ แต่ทางเดินแคบไม่อาจทำให้พวกเขาโจมตีในเวลาเดียวกันได้ หานซานเฉียนปิดทางเดินไว้ เขาปล่อยหมัดชกและเตะสามครั้ง กระแทกพวกเขาทั้งหมดลงกับพื้น มีเสียงคร่ำครวญอย่างต่อเนื่อง ผู้โดยสารเ
เมื่อเขามาถึงห้องโดยสารของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รอเขาอยู่แล้ว “การต่อสู้บนเครื่องบิน เกิดความวุ่นวาย คุณรู้หรือเปล่าว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถามหานซานเฉียน “คุณก็เห็นทั้งหมด แต่คุณไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดมัน แม้ว่าจะมีผลที่ตามมา ผมจะยอมรับมันเอง มีอะไรที่ผมต้องกลัว” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขารู้อยู่แล้วแล้วว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ เพราะคนเหล่านี้ได้ผ่านการฝึกอบรม และมีความแตกต่างระหว่างคนที่กับคนธรรมดา ซึ่งหานซานเฉียนมองออกได้อย่างรวดเร็ว "คุณยังอยากลากฉันให้ลงไปจมน้ำกับคุณเหรอ?" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองไปที่หานซานฉียนอย่างเย็นชา “คุณหวังว่าผมจะแก้ปัญหานี้ได้ แต่ก็ให้ผมรับผิดชอบด้วย นี่เป็นสไตล์การทำงานของคุณเหรอ?” หานซานเฉียนพูด พร้อมมองตรงไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ความเย่อหยิ่งของชาวต่างชาติเหล่านั้นในตอนนี้ หากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ถูกขัดขวางโดย เขาก็ต้องดำเนินการเพื่อสั่งสอน แต่หลังจากที่ได้เห็นหานซานเฉียนจัดการ เขาก็ไม่ได้ทำการหยุดยั้ง ตอนนี้ให้หานซานเฉียนรับผิดชอบ แต่ในส่
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเห็นตอนที่หานซานเฉียนเข้าไปในรถ ซึ่งทำให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินตกตะลึง ในเวลานี้ เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดังมาจากข้าง ๆ หู "ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นแค่แมงดา น่าสนใจจริง ๆ" น้ำเสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเต็มไปด้วยการเสียดสีและเยาะเย้ย ซึ่งทำให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ได้ยินถึงกับปรี๊ดแตก เธอตกหลุมรักต่อหานซานเฉียน เพราะการแสดงที่กล้าหาญของหานซานเฉียนบนเครื่องบินเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นในผู้ชายคนอื่น “คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นแมงดา” แอร์โฮสเตสสาวพูดอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า คุณไม่เห็นเหรอว่าผู้หญิงในรถอายุเท่าไหร่? ทำไมต้องโกหกตัวเอง” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าว หัวใจของแอร์โฮสเตสก็หมองไป จากสิ่งที่มองผ่านกระจกรถ ผู้หญิงในรถนั้นมีอายุพอสมควร แม้ว่าเธอจะสวยและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ยังเห็นร่องรอยแห่งวัยบนใบหน้าของเธอ ซึ่งไม่สามารถซ่อนไว้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นแค่แมงดาจริง ๆ? “อย่าคิดเพ้อเจ้อกับผู้ชายแบบนี้เลย คุณเป็นแค่แอร์โฮสเตส จะจับเขาได้ยังไง ไม่ดูด้วยซ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ