ณ ประเทศไทย สนามบินสุวรรณภูมิ
พอมารียารู้ว่าน้องสาวของเธอนั้นท้องกับปรมินทร์แล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะไปอยู่ดูไบกับกวินตาลูกพี่ลูกน้องอีกคนของเธอ ซึ่งก็เป็นลูกของเพ็ญพักตร์น้าแท้ๆของเธอนั่นแหละ แต่กวินตานั้นรักและจริงใจกับเธอมากกว่ามุกดาที่เป็นน้องล่ะแม่ของเธอซะอีก
“มีน หนูแน่ใจนะว่าจะไปอยู่กับยัยกวางที่ดูไบจริงๆน่ะ…” เพ็ญพักตร์เอ่ยถามหลานสาวออกไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ เพราะถ้าลูกสาวตัวดีของเธอไม่ทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้น มารียาก็คงไม่ตัดสินใจไปดูไบกะทันหันแบบนี้
“ค่ะน้าเพ็ญ…มีนไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว…มีนอยากจะไปเปิดหูเปิดตาทำงานในที่ใหม่ๆบ้าง เพราะมีนก็คงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ถ้าต้องเจอสองคนนั้น…” มารียาพูดออกไป เพราะถ้าเธออยู่เธอก็จะได้เห็นปรมินทร์และมุกดาวนเวียนอยู่รอบๆตัวเธอ และมันก็คงทำให้เธอทำใจไม่ได้ง่ายๆ เธอจึงเอาตัวเองหลีกหนีสองคนนี้ไปอยู่ที่ที่สบายใจจะดีซะกว่า
“น้าขอโทษนะมีน น้าเลี้ยงลูกไม่ดีเองมันถึงได้ไม่รักดีแบบนี้…ถ้าหนูตัดสินใจแล้วน้าก็จะไม่ห้าม ตามใจเราก็แล้วกันว่าจะอยู่ที่ไหน..” เพ็ญพักตร์ลูบผมของมารียาอย่างเอ็นดู เพราะมารียาน่ะน่าสงสารมาก แม่ก็ตายตั้งแต่เธอเกิด ส่วนพ่อก็พึ่งจะเสียไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แล้วตอนนี้ยังมาเจอมุกดาทำแบบนี้อีก มันจึงทำให้เธอนั้นยิ่งเอ็นดูหลานสาวคนนี้มากขึ้นไปอีก
“น้าเพ็ญไม่ต้องขอโทษมีนหรอกค่ะ เรื่องนี้น้าเพ็ญไม่ผิด คนที่ผิดคือยัยมุกกับพี่ปาล์มเขาต่างหาก ในเมื่อเขาสองคนมีลูกด้วยกันแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปเถอะค่ะ มีนไปอยู่ดูไบมันก็คงจะทำให้ชีวิตของเขาสองคนราบรื่นมากกว่านี้” มารียาพูดบอกไป เพราะถ้าเธอยังอยู่มันก็คงมีเรื่องคาราคาซังไม่จบ
“น้าอยากให้ยัยมุกมันรู้จริงๆว่ามีนน่ะห่วงมันแค่ไหน ขนาดยัยมุกทำกับเราแบบนี้แล้วเราก็ยังจะไปห่วงมันอีก เฮ้อ…ยังไงน้าขอให้หนูโชคดีนะลูก อยู่ที่นู้นมียัยกวางดูแลเราอยู่น้าก็สบายใจแล้ว มีอะไรขาดเหลือก็บอกพี่เขานะ เข้าใจไหมมีน…” เพ็ญพักตร์พูดบอกไปด้วยเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ เมื่อต้องจากกับหลานสาวจริงๆ
“ค่ะน้าเพ็ญ…น้าเพ็ญก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วหนูจะโทรหาบ่อยๆค่ะ หนูไปก่อนนะคะ…” มารียาพูดบอกไปก็เข้าไปโอบกอดผู้เป็นน้าอย่างรักใคร่ ก่อนจะถอนกอดออกมาแล้วบอกลาน้าของเธอไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“จ้ะ โชคดีนะลูก…” เพ็ญพักตร์พูดไปก็มองหลานสาวค่อยๆเดินจากไปทีละนิดทีละนิดจนลับตา เธอก็น้ำตาไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะการไปของมารียาครั้งนี้มาจากการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยของมุกดาลูกสาวตัวดีของเธอ
จากนั้นไม่นานมารียาก็ขึ้นเครื่องบินเดินทางไปยังดูไบด้วยสีหน้าเหม่อลอย เพราะเรื่องที่เธอเจอนั้นมันสาหัสจนเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองนั้นจะโชคร้ายได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งการกระทำของมุกดาที่ไม่มีสำนึก มันก็ยิ่งทำให้เธอเสียใจ และเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาตัวเองออกมาให้ห่างจากคนพวกนี้ และเธอก็หวังว่าตัวเองจะได้เจอสิ่งที่ดีรออยู่
ด้านมุกดาที่บอกว่าตัวเองท้องกับปรมินทร์นั้น เธอก็บีบบังคับให้ปรมินทร์รับผิดชอบเธอด้วยการแต่งงานเพื่อนจะเย้ยมารียา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้มารียานั้นไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ไม่เจอหน้ามารียาอีกเลย แม่ของเธอเองก็เช่นกัน หายเงียบไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้เลย มันจึงทำให้เธอนั้นโคตรหงุดหงิดเลย
“ติ่งต่อง…โอ๊ย…ใครมาอีกล่ะเนี่ย” มุกดาพูดออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะลุกไปเปิดตูแล้วเธอก็เห็นฝ่านนิติบุคคลยืนยิ้มให้เธออยู่
“สวัสดีครับ พอดีผมจะเอาเอกสารมาให้คุณมารียาเซ็นต์น่ะครับ เพราะผมรอให้คุณมารียาไปเซ็นต์รับโอนห้องนี้แล้ว แต่คุณมารียาไม่ได้ไปน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณมารียาเขาอยู่หรือเปล่าครับ” ฝ่ายบุคคลเอ่ยถามออกไป
“เซ็นต์รับโอนห้องนี้เหรอคะ ไหนฉันขอดูหน่อยสิคะ” มุกดาได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยถามออกไป พร้อมกับเอาเอกสารมาเปิดดูด้วยความอยากรู้ เพราะห้องนี้เป็นห้องของพี่สาวคนโตของเธอ แต่ทำไมต้องให้มารียาเซ็นต์ด้วย
“ทำไมโอนเป็นชื่อของมารียาล่ะคะ นี่มันมันห้องที่พี่สาวอีกคนของฉันซื้อนะคะ” มุกดาเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าแปลกใจ หรือว่ามารียาจะหุบเอาห้องนี้เป็นของตัวเองคนเดียว
“อ่อ คุณกวินตาเขาให้ผมโอนเป็นชื่อของคุณมารียาน่ะครับ…ถ้าคุณมารียาไม่อยู่งั้นผมขอเอกสารคืนด้วยครับ” ฝ่ายบุคคลพูดบอกไปแล้วก็จะเอาเอกสารกลับมา
“ฉันไม่คืน คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะคุยกับพี่สาวของฉันเอง ไปสิคะ…” มุกดาพูดบอกไปก็รีบไล่ฝ่ายบุคคลไปทันที ก่อนจะปิดประตูใส่จนฝ่ายบุคคลนั้นอึ้งไปเลย
“แค่แม่คนเดียวไม่พอ นี่พี่กวางยังจะไปรักไปเอ็นดูมันจนยอมยกห้องนี้ให้มันเลยเหรอ มุกไม่ยอมง่ายๆหรอก ห้องนี้มันจะต้องเป็นของมุก…” มุกดาพูดไปก็ฉีกเอกสารทิ้งไปอย่างโมโห ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเธอมา แล้วเธอก็กดโทรไปหาพี่สาวที่อยู่ต่างประเทศทันที
ด้านกวินตาพอเห็นว่าน้องสาวคนเล้กโทรมาก็ถอนหายใจออกมาเลยทันที เพราะเธอล่ะเหนื่อยใจกับน้องสาวคนนี้เหลือเกิน นี่เธอโทรหามาหลายวันแล้วไม่เคยโทรกลับมาหา แล้วนี่อยู่ๆทำไมถึงโทรมากนะ กวินตาคิดไปแบบแปลกใจก่อนจะกดรับสายของน้องสาว
“พี่กวางคะ พี่กวางยกห้องนี้ให้เป็นชื่อของพี่มีนทำไมคะ พี่มีนเขาไม่ใช่น้องแท้ๆของพี่กวางสักหน่อย คนที่พี่กวางควรจะยกให้ก็คือมุก ไม่ใช่พี่มีน…” มุกดาพูดออกไปแบบอารมณ์เสียอย่างไม่ยอมให้พี่สาวยกห้องที่เธออยู่ให้มารียา
“ถึงยัยมีนมันจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของฉัน แต่มันก็โตมากับฉันตั้งแต่เด็ก มีความรักความผูกพันธ์กันมากกว่าน้องสาวแท้ๆอย่างแกซะอีกยัยมุก…แกเคยโทรมาถามฉันไหมว่าฉันอยู่ดีสบายหรือเปล่า แกเคยรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่แล้วฉันต้องลำบากอะไรบ้าง…แกเคยรักเคยห่วงฉันบ้างไหมยัยมุก…” กวินตาพูดตอกกลับไปด้วยเสียงเข้ม เพราะตั้งแต่เธอมาทำงานที่นี่เธอไม่เคยได้รับความถามอย่างห่วงใยจากมุกดาเลย มีก็แต่มารียาที่โทรหาและถามไถ่เธออยู่ตลอด และก็ไม่เคยหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เธอ
“ทำไมมุกจะต้องห่วงพี่กวางด้วยล่ะคะ ในเมื่อพี่กวางก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นแบบสุขสบายกว่าพวกเราซะอีก มีผู้ชายเลี้ยงแล้วมันน่าทุกข์ใจตรงไหนคะ…แล้วนี่มุกมาคุยเรื่องโอนห้อง พี่กวางจะพูดดราม่าทำไมคะ ” มุกดาพูดออกไปแบบไม่เข้าใจว่าพี่สาวของเธอจะเดือดร้อนตรงไหนเลย ก็มีผู้ชายเลี้ยงซะดิบดีขนาดนั้น
“แกน่ะมันรักแต่ตัวเองไม่เคยรักคนอื่นที่รักและหวังดีกับแกเลยยัยมุก ฉันล่ะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแกเลยจริงๆ…เรื่องห้องที่ฉันจะโอนเป็นชื่อของยัยมีนน่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขายห้องนั้นทิ้งไปซะ…” กวินตาพูดออกไปแบบจริงจัง ในเมื่อมุกกาไม่คิดจะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป งั้นเธอเธอจะสั่งสอนน้องสาวของเธอเอง
“ขายห้องนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าพี่กวางขายแล้วมุกจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ…” มุกดาเอ่ยพูดออกไปแบบไม่ยอม ถ้าขายห้องนี้แล้วเธอจะไปอยู่ไหนล่ะ
“ก็ไปอยู่หอพักศึกษาไง หรือแกจะไปอยู่กับแฟนยัยมีนที่แกไม่แย่งมาก็ได้ ในเมื่อแกบอกว่าผู้ชายเลี้ยงแล้วมันสบาย แกก็ให้เขาเลี้ยงแกก็แล้วกันยัยมุก ฉันจะไม่ส่งเสียเงินอะไรให้แกอีกต่อไปแล้ว” กวินตาพูดบอกไปแบบเด็ดขาด เพราะนี่คือการลงโทษน้องสาวไม่รักดีของเธอ ที่ทำผิดขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึก ก็ต้องโดนดัดนิสัยแรงๆแบบนี้แหละ
“พี่กวาง…ทำไมพี่กวางต้องใจร้ายกับมุกแบบนี้คะ…นี่มุกเป็นน้องสาวของพี่นะคะ..” มุกดาพูดออกไปแบบเสียใจที่พี่สาวของเธอทำอย่างนี้กับเธอ แบบนี้มันไม่รักไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลย
“ก็เพราะแกเป็นน้องสาวของฉันนี่ไง ฉันถึงได้ดัดนิสัยของแกแบบนี้ ในเมื่อแกไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำลงไป แกก็ลองเรียนรู้รสชาติชีวิตเอาเองก็แล้วกัน เผื่อมันจะทำให้แกมีสำนึกบ้าง…” กวินตาพูดไปแบบใจแข็งกับน้องสาวของเธอ
“แต่ตอนนี้มุกท้องนะคะ พี่กวางไม่สงสารหลานตัวเองเหรอคะที่จะต้องไประหกระเหินเร่รอนอยู่ข้างนอกน่ะ” มุกดาพยายามหาสิ่งที่จะทำให้พี่สาวเปลี่ยนมา
“แกท้องกับใครแกก็ให้คนนั้นรับผิดชอบดูแลแกไปสิยัยมุก ในเมื่อแกมีปัญหาแย่งเขามาจากพี่สาวของตัวเองได้ แกก็น่าจะมีปัญญาดูแลลูกของตัวเองได้เหมือนกัน แค่นี้นะ ฉันไม่อยากจะคุยกับแกแล้ว ฉันเหนื่อย…” กวินตาพูดไปอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะกดวางสายใส่น้องสาวไปอย่างโมโห เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งจะทะปวดหัวกับคนอย่างน้องสาวของเธอจริงๆ
ด้านมุกดาพอโดนพี่สาวพูดแบบตัดเยื้อใยอย่างนั้นก็โกรธจัด เพราะไม่ใครเข้าข้างเธอเลยสักคนทั้งแม่แล้วก็พี่สาวต่างก็พากันด่าและต่อว่าเธอ แล้วตอนนี้ยังจะมาขายห้องที่เธออยู่อีก สงสัยว่าเธอจะต้องใช้เรื่องที่เธอท้องนั้นพึ่งพาปรมินทร์จริงๆซะแล้ว และจากที่เธอท้องปลอมๆเธอก็ต้องหาโอกาสที่จะท้องขึ้นมาจริงๆเพื่อจะจับเขาให้ได้
เจ็ดชั่วโมงต่อมา…กวินตาก็ไปรับมารียาที่สนามบินแล้วเธอก็พาน้องสาวมาเดินทางมายังคฤหาสน์ของจาซุสที่เธออาศัยอยู่ตอนนี้ทันที ซึ่งมันใหญ่โตจนมารียานั้นมองด้วยความตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว“เข้าบ้านกันเถอะ พี่ให้แม่บ้านเตรียมห้องพักให้มีนแล้วแล้ว…ป่ะ…” กวินตาพูดบอกไปด้วยเสียงอ่อนโยนกับน้องสาวของเธอ“พี่กวางคะ ทำไมบ้านคุณจาซุสเขาใหญ่แบบนี้ล่ะคะ ไหนพี่บอกว่าเขาเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาไงคะ อยู่คฤหาสน์ในดูไบนี่คงไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาแล้วมั้งคะพี่…” มารียาถามไปเพราะพี่สาวเธอเคยบอกว่าจาซุสนั้นเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาๆเท่านั้น“อ่อ เขาก็พอมีในระดับนึงนั่นแหละ แต่ว่าที่นี่ยังมีคนที่รวยแล้วก็ยิ่งใหญ่กว่าเขาอีกเยอะ เพราะฉะนั้นที่นี่เขาก็เป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ เดี๋ยวไว้เราอยู่ที่นี่ไปอีกสักพักเดี๋ยวเราก็รู้เองแหละน่า” กวินตาพูดบอกไป เพราะยังมีคนที่รวยกว่าจาซุสอีกเยอะ แค่น้องสาวของเธอยังไม่ได้ไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้น“แล้วพี่กวางพามีนมาอยู่ด้วยแบบนี้คุณจาซุสเขาไม่ว่าเหรอคะพี่..” กวินตาเอ่ยถามออกไปอย่างเกรงใจ เพราะอยู่ๆเธอก็มาอาศัยอยู่กับพี่สาวกะทันหัน เธอก็ไม่รู้ว่าผู้ชายของพี่สาวนั้นจะโอเคหร
ด้านมารียาที่มาอยู่ที่ดูไบได้หลายวันแล้วเธอก็เริ่มจะเข้าใจวัฒนธรรมของที่นี่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นประเทศมุสลิมที่ค่อนข้างเปิดกว้างเลยทีเดียว เธอล่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดูไบถึงเป็นเมืองที่เจริญแบบนี้ หลังจากที่เธอนั้นไปตระเวนเที่ยวกับพี่สาวของเธอมา“กลับมากันแล้วเหรอ ผมอยากจะเจอพวกคุณสองคนอยู่พอดีเลย…พรุ่งนี้เพื่อนผมจัดงานแข่งรถที่ทะเลทราย คุณสองคนอยากจะไปด้วยไหม” จาซุสเอ่ยถามออกไป เพราะไม่รู้ว่าสองสาวจะสนใจหรือเปล่า“ไปสิคะ ฉันอยากจะไปเห็นทะเลทรายแบบกว้างๆใหญ่ๆค่ะ” มารียารีบตอบไปแบบดีใจด้วยสายตาลุกวาว จนจาซุสนั้นอมย้ำขำๆ เพราะมันเหมือนกับตอนที่เขาชวนกวินตาไปเที่ยวทะเลทรายยครั้งแรกเลย เธอก็ดีใจแบบนี้แหละ แต่พอจบทริปนั้นเขาชวนเธอทีไรเธอก็ปฏิเสธเขาทุกทีเพราะอากาศมันค่อนข้างจะร้อนมากเลยทีเดียว“แต่มันร้อนมากเลยนะมีน…มันไม่ได้ไปแบบสบายๆอย่างที่เราคิดเลยนะ พี่ว่าเราไม่ไปดีกว่ามั้ง” กวินตาพูดออกไปด้วยสีหน้าที่ขยาดเต็มที เมื่อได้ยินคำว่าทะเลทราย“ไปเถอะค่ะพี่กวาง มีนมาดูไบทั้งทีก็ต้องไปให้ถึงทะเลทรายสิคะ น่านะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเองค่ะ อดทนเพื่อน้องหน่อยนะคะ นะคะพี่สาวคนสวย…”มารียาพูดอ้อนๆอย่างขอ
ส่วนฮัสลานเองก็มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาจดจ้อง เพราะเขาจำได้เลยว่าเธอคือผู้หญิงไทยคนนั้นที่เอากระเป๋ามาให้เขาที่สนามบินตอนนั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเธอที่นี่อีก ยิ่งในกระโจมส่วนตัวของราชิดแล้วเขาก็ยิ่งแปลกใจ“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวังเอง…” มารียาพูดภาษาอังกฤษบอกไปแล้วก้มหน้าลงทันที เพราะการแต่งตัวของชายคนนี้บ่งบอกเลยว่าเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่ให้ตายเถอะ ทำไมผู้ชายประเทศหน้าคมเข้มหล่อกันขนาดนี้เนี่ย…ฮัสลานก็มองหน้าสวยๆของเธอแล้วเขาก็ตัดใจทำหน้านิ่งๆแล้วเดินผ่านเธอไปแบบไม่พูดตอบอะไร ก่อนจะเข้าไปหาเพื่อนๆของเขาที่นั่งอยู่เนื่องจากตอนนี้ทุกคนกำลังมองเขากันอยู่ เขาไม่สามารถแสดงท่าทีสนใจอะไรเธออย่างออกนอกหน้าได้ เพราะมันจะไม่ใช่ผลดีกับผู้หญิงคนนี้เองมารียาก็มองตามแบบหมั่นไส้ขึ้นมาทันทีเลย เพราะเธออุตส่าห์ขอโทษเขาแล้ว จะพูดตอบมาสักหน่อยมันจะตายหรือไง มารียาคิดไปก็ทำหน้ามึนตึงแล้วเดินออกไปจากกระโจมนี้ทันที“ยัยมีน รอพี่ด้วย” กวินตาเรียกน้องสาวแล้วก็รีบตามออกไปทันทีด้านฮัสลานก็เดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองด้วยสีหน้าคมเข้ม จนราชิดและจาซุสนั้นมองแล้วก็ยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นมาทักทายเพื่อนห
พอออกมาด้านนอกแล้วฮัสลานก็มองหาผู้หญิงคนนั้นทันที แต่ด้วยความที่คนเยอะทำให้เขานั้นต้องใช้สายตาสอดส่องหาเธออยู่นานทีเดียว ก่อนจะเห็นเธอไปยืนถ่ายรูปอยู่อูฐอย่างเพลิดเพลิน ทำให้เขามองแล้วก็ยิ้มกับความน่ารักของเธอ“อยากจะขี่ไหมคุณ” ฮัสลานเดินเข้าไปยืนด้านหลังเธอแล้วเอ่ยพูดออกไปแบบนิ่งๆ ทำให้มารียาหันมามองทันทีเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆด้านหลัง“คุณ…อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่จะถ่ายรูปเฉยๆ ไม่ได้อยากจะขี่มันหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ” มารียาพูดบอกไปแล้วมองเขาแบบนิ่งๆ เพราะก่อนหน้านี้เธอพูดด้วยแล้วยังทำหยิ่งใส่เธออยู่เลย ทำไมอยู่ๆถึงเข้ามาคุยกับเธอได้“ผมฮัสลาน เป็นเพื่อนของจาซุส” ฮัสลานเห็นเธอตอบมาแบบนั้นก็แนะนำตัวเขาไปทันที เผื่อเธอจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง“ค่ะ…ฉันมารียาค่ะ เรียกง่ายๆว่ามีนก็ได้ค่ะ…ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” มารียาพูดตอบไปก็จะเดินเลี่ยงออกไป เพราะเธอไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับเขาเลย ถึงเขาจะหล่อปานไหนก็เถอะ แต่เมื่อกี้ใครบอกให้เขาหยิ่งไม่ตอบเธอเองล่ะ มาตอนนี้เธอไม่ได้อยากจะเสวนาด้วยแล้ว“เดี๋ยวสิ ผมมาขอบคุณคุณที่ช่วยเอากระเป๋ามาคืนตอนที่เราเจอกันที่สนามบินด้วย” ฮัสลานพูดบอกไป
พอฮัสลานมาเตรียมตัวที่จะแข่งรถแล้วก็เชคความเรียร้อยด้วยตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะไปนั่งกับเพื่อนๆของเขาที่เชครถรอเสร็จแล้ว“จาซุส ฉันจะถามแกเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อมารียาหน่อย เขาไม่ได้เป็นเด็กของแกใช่ไหม” ฮัสลานเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มตรงๆเพื่อเป็นการบอกให้เพื่อนหนุ่มรู้ว่าเขานั้นสนใจเธออยู่“อืม…เขาเป็นน้องสาวของผู้หญิงของฉันเอง ทำไมวะ อย่าบอกนะว่าแกสนใจเขาน่ะ” จาซุสตอบไปแล้วก็เอ่ยถามเพื่อนหนุ่มทันที“ใช่…ฉันอยากจะได้ผู้หญิงคนนี้ไปเป็นแม่ของลูกฉัน…” ฮัสลานพูดบอกไปตรงๆ เพราะเขาคิดว่าเขาอยากจะได้เธอไปเป็นแม่ของลูกเขา ที่เขากำลังเฟ้นหาอยู่ในขณะนี้“เดี๋ยวนะโว้ย…ฉันเข้าใจว่าตอนนี้แกกำลังหาผู้หญิงไปเป็นแม่ของลูกแก แต่แกเห็นแค่นี้แกก็จะเลือกมีนแล้วเหรอวะ…ไหนแกบอกว่าผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกแกต้องเพียบพร้อมตามข้อกำหนดที่แกตั้งไว้ไง” จาซุสที่รู้ว่าเพื่อนหนุ่มกำลังหาผู้หญิงไปทำหน้าที่มีลูกให้อยู่แล้วนั้นถึงกับทำหน้าตกใจทันที เพราะไม่คิดว่าเพื่อนหนุ่มจะเลือกมารียา เพราะเท่าที่เขารู้มารียานั้นตรงข้ามกับข้อกำหนดของเพื่อนหนุ่มทุกอย่างเลย“มารียาเป็นข้อยกเว้น…ฉันจะเสนอเงินให้เขาจำนวนหนึ่ง เพื
จากนั้นทั้งสามหนุ่มก็ไปขึ้นรถแล้วก็ขับรถไปที่จุดปล่อยตัวทันที และสายตาของฮัสลานก็มองไปทางที่นั่งเชียร์ด้านข้างอย่างอยากเห็นมารียา แล้วมันก็ทำให้เขาต้องหน้าบึ้งทันที เมื่อเขาเห็นเธอกำลังนั่งอยู่กับผู้ชายฝรั่งคนนหนึ่งอยู่ และเธอก็ยังถ่ายรูปกับผู้ชายคนนั้นแบบสนิทสนมด้วย“แป้น!...มองอะไรวะฮัสลาน จะแข่งแล้วนะโว้ย มีสติหน่อยสิวะ” ราชิดที่จอดอยู่ข้างๆรถของอัสลานพูดไปเพราะตอนนี้ใกล้จะปล่อยตัวแล้วแต่เพื่อนเขายังมองไปทางข้างสนามอยู่เลย“เออๆ ฉันเข้าใจแล้ว” ฮัสลานหันมาตอบเพื่อนหนุ่มแล้วก็มองไปทางข้างหน้าแล้วก็เบิ้ลคันเร่งแบบพร้อมไป แล้วเขาก็แลสายตาไปมองทางมารียาอีกครั้งด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ ก่อนจะกัดฟันไว้แน่นอย่างโมโหพอสาวๆโบกธงสัญญาณแล้วเขาก็เหยียบรถแบบสุดเท้าอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขานั้นกำลังระบายอารมณ์หมองขุ่นไปกับการแข่งในครั้งนี้ ราชิดและขาซุสเองก็ออกตัวตามเพื่อนหนุ่มไปติดๆ ส่วนบาซิมก็ออกตัวไปพร้อมกับฮัสลานและก็ค่อนข้างจะสูสีกันมาก ทำให้คนทั้งสนามนั้นพากันมองอย่างลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในวันนี้“รถของคุณฮัสลานนำโด่งเลย คุณจาซุสจะชนะไหมเนี่ย ไหนจะรถของคุณบาซิมอีก เฮ้อ…” กวินตาพูดออกไปแบบลุ้น
วันต่อมา….มารียาก็เดินทางไปสมัครงานตามบริษัทที่เธอหาเอาไว้จนครบแต่เธอก็ไม่ได้ถูกเลือกเลยสักที่ ทำให้เธอนั้นเลือกที่จะมาสมัครงานที่บริษัทของฮัสลานตามที่เขาแนะนำเอาไว้ เพราะตอนนี้เธอไปสมัครมาแล้วทุกที่จนเหลือแค่ที่นี่ที่เดียวแล้ว“สวัสดีค่ะ ฉันมาสมัครงานน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าต้องไปกรอกเอกสารสมัครงานที่ไหนคะ” มารียาเดินเข้าไปถามพนักงานประชาสัมพันธ์หน้าบริษัทด้วยหน้าตาใสซื่อพอพนักงานประชาสัมพันธ์เห็นหน้าของผู้หญิงที่มาถามก็ยิ้มให้ทันที เพราะเธอจำใบหน้าสวยๆของสาวเอเชียคนนี้ได้ทันที เพราะเลขาของท่านประธานได้เอารูปมาให้พวกเธอดูตั้งแต่เช้าแล้วว่าหากผู้หญิงคนนี้มาสมัครงาน ให้พาไปที่ห้องสัมภาษณ์งานของบริษัท“ไปยื่นเอกสารที่ห้องสัมภาษณ์งานได้เลยค่ะ เอาเอกสารมาครบใช่ไหมคะ” พนักงานเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้ม เพราะผู้หญิงคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่“เอามาครบแล้วค่ะ แล้วห้องสัมภาษณ์งานอยู่ตรงไหนเหรอคะ” มารียาตอบไปก็เอ่ยถามทันที เพราะเธอมาที่นี่ครั้งแรกเธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าห้องสัมภาษณ์อยู่ที่ไหน บริษัทก็ใหญ่โตออกขนาดนี้“รอสักครู่นะคะ ฉันขอแจ้งทางห้องสัมภาษณ์ก่อน….” พนักงานสาวชาวอาหรับพูดตอบไปก็กดโทรศัพท์แจ้งไป
“คุณฮัสลาน คุณเข้ามาทำไมคะ” มารียาหันไปมองแล้วเห็นเขาก็รีบเอ่ยถามออกไปทันที ก่อนจะมองเขาที่เข้ามาในชุดสูทแบบหล่อเหลา เพราะหน้าแขกๆของเขาเวลาแต่งตัวแบบนี้แล้วก็ดูดีราวกับนายแบบในหนังสือนิตยสารเลย“ก็มาสัมภาษณ์งานคุณไง มีอะไรน่าตกใจเหรอคุณ ” ฮัสลานแกล้งพูดออกไปแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเดินไปนั่งตรงโต๊ะตรงหน้าเธอ“เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะมาเป็นคนสัมภาษณ์น่ะค่ะ” มารียาตอบไปเพราะเท่าที่เธอรู้มาจากพี่สาวคือฮัสลานนั้นเป็นมหาเศรษฐีที่รวยยิ่งกว่าจาซุสเสียอีก แต่ทำไมเขาถึงได้มาสัมภาษณ์พนักงานที่จะเข้าทำงานที่บริษัทด้วย ทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด“ปกติผมก็ไม่ได้สัมภาษณ์หรอก แต่เผอิญว่าตำแหน่งที่ผมหาอยู่เนี่ยมันสำคัญกับผมมาก ผมเลยต้องมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ทีแรกผมก็นึกว่าจะไม่มีใครมาสมัครทำงานนี้แล้วนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาสมัครทำงานนี้กับผม…” ฮัสลานแกล้งพูดออกไปเพราะเขาจะทำให้เธอนั้นเข้าใจผิดแบบเนียนๆโดยที่เขานั้นจะได้ไม่ต้องโดนเธอมองว่าไม่ดี“ฉันก็งงค่ะ ที่บริษัทใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครมาสมัครงานเลย เห็นมีแค่ฉันคนเดียวเนี่ย แถมคำถามในข้อสอบก็แปลกมากด้วย…” มารียาพูดตอบไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เพราะบริษัทให
“หึๆ ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะคุณเป็นผู้หญิงของผมแล้ว คุณจะต้องได้ลองใช้สินค้าของผมทุกชิ้น ดูสิ ตอนนี้ผมเข้าออกในหอยของคุณได้ดีกว่าเมื่อกี้แล้วนะ อ่าส์….คุณยังแสบอยู่ไหมล่ะ…” ฮัสลานพูดบอกไปแล้วยิ้มมุมปากอย่างหื่นๆ ก่อนจะเอ่ยถามเธอว่ายังแสบอยู่ไหม เพราะเขารู้สึกว่าเขาเข้าออกในร่องสาวของเธอได้ดีขึ้นแล้ว คงเพราะเริ่มมีน้ำเมือกไหลลื่นออกมามากขึ้น“อ้ะ…นิดหน่อยค่ะ แต่มันเสียวมากกว่าเจ็บแล้วตอนนี้…คุณช่วยเอาลิ้นปลอมนี่ออกไปก่อนได้ไหม ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ อ้ะ อ้ะ อ้ะ…” มารียาพูดบอกไปก็ยกสะโพกขึ้นเพื่อจะหนีลิ้นปลอมนั่นและหนีท่อนเอ็นของเขาที่ยังคงกระแทกตอกเข้ามาติดต่อกันไม่หยุด“จะหนีไปไหนหึ ผมกำลังสอนคุณอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าน้ำไม่แตกผมก็ไม่หยุด อ่าส์…ในเมื่ออันนี้มันใช้ได้งั้นก็ลองอันอื่นต่อเลยก็แล้วเลย” ฮัสลานพูดบอกไปก็เอาลิ้นนั่นออกไปแล้วเขาก็เอื้อมมือไปหยิบปลายโลมาน้อยมา แล้วเขาก็ยัดหัวโลมาเข้าไปในร่องสาวของเธอขณะที่เขานั้นยังใส่ท่อนเอ็นในร่องสาวของเธออยู่ เขาก็กดหางโลมาน้อยกับติ่งเสียวของเธอทันทีแล้วมันก็สั่นหางใส่ติ่งเสียวของเธอแบบน่ารักเลยทีเดียว“อ้ะ…อ้ะ…ฉันไม่ไหวแล้ว อ้ะ อ้ะ…คุณฮัสลาน…ทำไมคุณ
“โอ๊ย….ซี๊ด….อ้ะ….เข้ามาอีกค่ะ…เข้ามาให้สุดเลย อ้ะ….ซี๊ด....” มารียาได้แต่ร้องครางออกมาพร้อมกับสีหน้าเจ็บๆเมื่อเขาสอดใส่แท่งใหญ่ๆของเขาเข้ามาในร่องสาวของเธอ แต่ในความเจ็บนี้เธอกลับรู้สึกว่าร่างกายของเธอถูกเติมเต็มแล้วและมันก็รู้สึกดีมากเลย“ผมก็อยากจะเสียบให้สุดไปเลย แต่หอยของคุณมันเล็กเกินไป อ่าส์….แล้วมันก็โคตรเสียวเลยตอนนี้….ทนหน่อยนะ โอว์….ซี๊ด…” ฮัสลานพูดบอกไปก็ถอนท่อนเอ็นออกมาแต่ไม่ถอนมาทั้งหมด เขาก็สอดใส่เข้าไปอีกรอบและอีกรอบเพื่อทำลายปราการณ์ด่านสุดท้ายของเธอให้สิ้น“อ้ะ….ไม่…ไม่ต้องกลัวฉันเจ็บ…ฉันรับไหวค่ะ…ใส่เข้ามาให้สุดเลย…ฉันไม่อยากจะทรมานแบบนี้แล้ว…ได้โปรดเติมเต็มให้ฉันมากกว่านี้นะคะ…โอ๊ย!...ซี๊ด….” มารียาพูดบอกไปอย่างต้องการเขามากกว่านี้ เพราะเธอรู้สึกว่าเขาเข้ามาได้เพียงแค่ครึ่งๆเท่านั้น เธอจึงร้องขอเขาและตอนนี้มันก็เข้ามาจนสุดร่องแบบสมใจจนเธอนั้นบีบแขนของเขาอย่างเจ็บแปล๊บที่ร่องสาวของตัวเอง เพราะมันเหมือนจะฉีกเลย“ทีนี้สุดพอไหมหึ….อ่าส์….สุดแบบนี้มันโคตรฟินเลยคุณ….หอยของคุณมันตอดโคตรแน่นเลย ผมจะตายอยู่แล้ว อื้อ…” ฮัสลานพูดบอกไปขณะที่กัดฟันอย่างเสียวซ่านกับการที่เขาถูกร
มารียาก็มองเขาทำแบบนั้นแล้วกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับขมิบที่ร่องสาวของเธอแบบเสียวๆอย่างบอกไม่ถูก จนเธอนั้นเริ่มรู้ตัวเลยว่าตรงนั้นของเธอมันเริ่มจะแฉะแล้วเพียงแค่การที่เธอมองเขาแบบนี้ ดูสิ เขาลูบไล้นิ้วมือไปมายังไม่พอ เขายังจะมาถูครีมล่อลื่นลงไปอีก แล้วเขาก็ถูไปมาจนเธอเสียวแทนเลย ให้ตายเถอะ ทำไมวันนี้เธอถึงได้มีความหื่นๆแบบนี้เนี่ย“ขอลองหน่อยเถอะว่ามันจะดีหรือเปล่า….อ่าส์….ซี๊ด…” ฮัสลานพูดบอกไปก็เอาจิ๋มกระป๋องเลื่อนลงไปใต้โต๊ะ แล้วเขาก็เอาท่อนเอ็นของเขาสอดใส่เข้าไปในจิ๋มกระป๋องนั้นแล้วก็ชักมือเบาๆอย่างเสียวซ่านกับการถูกตอดแน่น ก่อนจะมองไปที่มารียาแบบจดจ้องจนเขานั้นได้สบตากับเธอที่มองมาที่เขา เขาก็ทำหน้ากัดริมฝีปากยั่วเธอไปแบบเสียวๆ“คุณเสียวขนาดนั้นเลยเหรอคะ…” มารียาก็มองอย่างตื่นเต้นกับภาพตรงหน้า จนเธอรู้สึกร้อนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เธอจึงถามเขาออกไปอย่างอดไม่ได้ว่ามันฟินขนาดนั้นเลยเหรอ เขาถึงได้ทำหน้าทำตายจะเป็นจะตายแบบนั้นน่ะ กับอีกแค่เอานั่นยัดไปเองนะ“อืม…เสียวมากเลยคุณจิ๋มกระป๋องนี่มันดูดดีพอๆกับของจริงเลย…อ่าส์….คุณรูดดิลโด้ไปสิ จะมามัวถามอะไรผมหึ ทำงานของตัวเองได้แล้วจะได้เสร็จไวๆ”
ฮัสลานก็หยิบของออกมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เพราะเขาจะทำให้คนใสซื่ออย่างเธอนั้นรู้อย่างแจ่มแจ้งเลยว่าของพวกนี้มันใช้งานยังไง…เขาได้แต่ภาวนาของให้ไก่ตุ๋นของแม่เขานั้นช่วยกระตุ้นด้านมืดของเธอออกมา ทีนี้แหละ เธอเสร็จเขาแน่ ฮัสลานคิดในใจไปอย่างชอบใจ ก่อนจะแอบแลสายตาไปมมารียาแล้วเขาก็เห็นเธอมองต่ำลงมาเขาก็ก้มมองตามแล้วก็เงยหน้ามองเธออีกครั้ง“นี่คุณมองอะไรงั้นเหรอ คงไม่ได้เปรียบเทียบไอ้แท่งนี่กับน้องชายของผมหรอกนะ” ฮัสลานแกล้งพูดหยอกเย้าใส่เธอไปแบบอ่อยๆ“อ่อ เปล่านะคะ ฉัน..ฉัน…ฉันแค่เขินที่จะมองของพวกนี้น่ะค่ะ..กเลยลดสายตามองไปทางอื่น ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบที่คุณพูดเลยนะคะ ไม่ได้คิดจริงๆค่ะ” มารียาพูดบอกไปแล้วก็ทำมือปฎิเสธไปแบบรนๆ เธอรู้สึกอายชะมัดเลยตอนนี้ให้ตายเถอะ“หึ…โอเคถ้าคุณไม่ได้คิดอะไรก็หยุดมองต่ำลงไปตรงนั้นได้แล้ว…แล้วก็ไม่ต้องอายเพราะนี่น่ะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนจะต้องได้ลิ้มลอง คุณอายุขนาดนี้แล้วไม่เคยใช้ของพวกนี้จริงๆงั้นเหรอ…” ฮัสลานพูดบอกไปก็ยักคิ้วใส่เธอไปด้วยรอยยิ้มหล่อๆ“ค่ะ…ฉันถึงได้อายแบบนี้ไงคะ แต่ทำไมคุณถึงได้ทำบริษัทเกี่ยวกับของพวกนี้ล่ะคะ” มารียาถามออกไปอย่างอดไม่ได้
สามสิบนาทีผ่านไปมารียาก็เตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว แล้วเธอก็มองอาหารที่วางบนฌต๊ะอย่างชอบใจ เพราะมันมีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะซุปไก่ของแม่ฮัสลานที่เขาบอกเธออุ่นนั้น เธอลองชิมแล้วมันอร่อยมากๆเลย“หืม…หอมจริงๆเลย…” มารียาพูดออกไปแล้วก็ยิ้มออกมา แล้วก็เดินไปแก้วมาวางไว้แล้วเธอก็เทน้ำเปล่าเตรียมไว้ให้กับฮัสลานและตัวเองที่ต้องมานั่งทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนเขา ตามที่เขาสั่งไว้ตั้งแต่เธอมาแรกๆแล้ว"หอมขนาดนี้งั้นก็มาทานอาหารกันเถอะ…ผมเองก็หิวแล้วเหมือนกัน อยากจะกิน…แทบแย่แล้ว” ฮัสลานพูดบอกไปแล้วก็เว้นประโยคพูดแล้วใช้สายตามองเธอแบบจดจ้องด้วยรอยยิ้ม เพราะนอกจากข้าวตรงหน้าเขาก็หิวเธอนี่แหละ“งั้นเชิญนั่งเลยค่ะ วันนี้มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย” มารียาพูดไปก็เดินไปนั่งที่ประจำของเธอ ส่วนฮัสลานก็เข้าไปนั่งที่ของเขาเช่นกัน แล้วเขาก็มองไปที่ซุปไก่ตุ๋นของแม่เขา แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอแล้วก็ยิ้มให้อย่างอบอุ่น“คุณเองก็ทานให้เยอะ วันนี้คุณต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ” ฮัสลานพูดบอกไปก็ตักอาหารมาใส่จานของขาแล้วก็ทานแบบปกติ แล้วเขาก็แลมองดูว่าเมื่อไหร่มารียาจะตักซุปไก่ตุ๋นทานแบบลุ้นๆ“ค่ะ…งั
เช้าวันต่อมา…มารียาก็ทำงานที่เพ้นท์เฮ้าท์ของฮัสลานตามปกติหลังจากที่เธอนั้นมาติดต่อกันมาหลายอาทิตย์แล้ว และเธอก็ยังคงซื้ออาหารมาเตรียมให้กับฮัสลานเช่นเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือการที่เธอต้องมาเจอหน้าเขานี่แหละ เพราะตั้งแต่เขาจูบเธอเมื่อวานเธอก็ไม่กล้ามาสู้หน้าเขาเลย แล้ววันนี้เธอยังซวยที่ต้องมาทำงานกับเขาสองต่อสองอีก เธอก็ยิ่งเกร็งเนื่องจากไม่รู้จะทำตัวยังไง“กู๊ดมอนิ่ง….มาเช้าเหมือนเดิมเลยนะคุณ…” ฮัสลานเดินออกมาจากห้องออกกำลังพร้อมกับใส่กางเกงขายาวสีเทาเพียงตัวเดียวแล้วเอ่ยพูดออกไป“มอนิ่งค่ะคุณฮัสลาน….ฉันนึกว่าคุณยังไม่ตื่นน่ะค่ะ ฉันก็เลยใช้รหัสที่คุณบอกเข้ามาเลย ก่ะว่าเตรียมอาหารแล้วจะเข้าไปปลุกคุณน่ะค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะตื่นมาออกกำลังกายเช้าๆแบบนี้…” มารียาหันมาพูดตอบไปแล้วก็กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง เพราะหุ่นล่ำๆที่มีซิคแพคแน่นๆของเขานั้นมันช่างหน้ามองเหลือเกิน“ผมอยากได้เหงื่อตอนเช้าน่ะ ก็เลยออกกำลังกายสักหน่อย แต่ก็ได้หุ่นแน่นๆพวกนี้แถมมาด้วยก็ถือว่าคุ้มนะ คุณว่าไหม” ฮัสลานพูดบอกไปก็ยิ้มหล่อๆใส่เธอไป ก่อนจะเอามือมาลูบไล้ที่หน้าท้องแกร่งแบบยั่วน้ำลายเธอมารียาก็มองแบบเกร็งๆอย่างเ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา….จาซุสก็ขับรถมาโผล่ที่ร้านนวดที่กวินตาเคยทำงานเมื่อสองปีก่อนอย่างอดไม่ได้ เขาก็เห็นเธอเดินมาพูดคุยกับลูกค้าที่เขาไปในร้านก่อนจะให้พวกสาวๆที่นวดนั้นพาลูกค้าชายหญิงไปนวด เขาก็มองแล้วอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินลงจากรถไป แล้วเขาก็เดินมุ่งตรงเข้าไปในร้านนวดที่เธอทำงานอยู่ทันที“กริ้งๆ…สวัสดีค่ะ…ต้องการจะนวดอะไรคะ…” กวินตาที่หันหลังนั้นพอได้ยินเสียงกริ่งประตูดังก็เอ่ยพูดออกไป ก่อนจะหันหน้าไปยิ้มให้ลูกค้าที่เข้ามา เธอก็หุบยิ้มทันทีที่ได้เห็นหน้าของจาซุส แล้วเธอก็มองเขาแบบจดจ้อง เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่“เห็นหน้าผมแค่นี้ถึงกับยิ้มไม่ออกเลยเหรอ ไม่คิดเลยว่าเลยว่าคุณจะกลับมาทำงานนี้อีก” จาซุสพูดออกไปด้วยสายตาที่มองเธอแบบจดจ้อง“งานสุจริตนิคะ ทำไมฉันจะกลับมาทำอีกไม่ได้…คุณต้องการนวดแบบนไหนคะ…” กวินตาพูดตอบไปด้วยเสียงห้วนๆ แล้วเธอก็เอ่ยถามเขาไปแบบตัดบทอย่างไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับเขา“ผมอยากจะนวดแบบที่คุณนวดให้ผมได้ไหม…ที่นี่เขามีนวดแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ…” จาซุสพูดบอกไปแล้วยิ้มมุมปากใส่เธอไปแบบเจ้าเล่ห์ เพราะปกติเธอมักจะนวดให้เขาชนิดที่สาวๆที่นี่เทียบไม่ติดเลยก็ว่าได้กวินตา
ด้านมารียาหลังถูกฮัสลานจูบนั้นก็เริ่มจะทำตัวไม่ถูกเลย เธอจึงพยายามทำงานนั่นนู้นนี่ไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน แต่เขาก็เหมือนแกล้งเธอเดี๋ยวเรียกให้เอากาแฟบ้าง น้ำเปล่า อาหารว่างบ้าง จนเธอนั้นเข้าไปเจอเขาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว พอเที่ยงเธอจึงรีบชิ่งหนีออกมาทันที อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เธอหายใจหายคอได้บ้าง แต่พอเธอออกมาก็เจอแอนเดรียสยืนรออยู่ที่หน้าลิฟต์และเขาก็ชวนเธอไปทานอาหารเที่ยง เธอก็ปฎิเสธเขาไม่ลงเลยยอมไปกับเขา“นายครับ…มีนเขาไปกับคุณแอนเดรียสแล้ว แล้วนายจะเอายังไงต่อล่ะครับ” อาลีเอ่ยถามออกไปเพราะเขาและฮัสลานยืนมองมารียานั้นพูดคุยกับแอนเดรียสก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขด้านฮัสลานที่ยืนเงียบมองอยู่ก็กำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจ เพราะเขาพึ่งจะจูบเธอไปเพื่อให้เธอรู้ว่าเขานั้นจองเธอแล้ว แต่ดูเธอสิ ยังไม่ทันข้ามวันเลย เธอก็แรดไปทานข้าวกับผู้ชายคนอื่นแล้ว นี่เธอไม่คิดจะหวั่นไหวกับเขาเลยหรือไงกัน ฮัสลานคิดแบบหงุดหงิด“ฉันไม่มีอารมณ์จะออกไปทานข้างนอกแล้ว นายสั่งอาหารมาให้ฉันที่นี่ก็แล้วกัน” ฮัสลานพูดบอกไปแล้วเขาก็เดินกลับไปแบบเงียบๆ“เฮ้อ…คราวนี้เจ้านายของเราจะอกหักไหมเนี่ย คุณแอนเดรีย
ฮัสลานมองมารียาด้วยสีหน้าจดจ้อง ก่อนจะแลสายตาหันมามองแอนเดรียสเขาก็เอามือปิดเอกสารไว้แล้วเขาก็เอ่ยพูดออกไปทันที“พอดีผมมีธุระสำคัญต้องจัดการ เดี๋ยวผมให้อาลีพาคุณไปหาเซดาเขาดีกว่า เซดาเขาติดตามเรื่องนี้มานานเขาจะอธิบายงานทุกอย่างให้คุณรู้เอง อาลี พาคุณแอนเดรียสเขาไปหาเซดาหน่อยสิ” ฮัสลานพูดบอกไปเพราะเขามีมีกระจิตกระใจจะพูดคุยกับไอ้หมอนี่แล้ว แค่นี้เขาก็หงุดหงิดจนอยากจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ทำไมนะ ทำไมเขาไม่เป็นผัวของมารียาสักทีนะ เขาจะได้จัดการกับคนที่มันมาจีบเธอน่ะ“ครับนาย เชิญเลยครับคุณแอนเดรียส” อาลีพูดบอกไปก็หยิบเอกสารมาแล้วเขาก็เชิญแอนเดรียสออกไปกับเขาทันที“อ่อครับ…งั้นไว้เจอกันก็แล้วกันนะครับ…” แอนเดรียสพูดบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วเขาก็มองฮัสลานแบบงงๆ ก่อนจะหันไปมองมารียาที่หันมายิ้มให้เขา เขาก็พยักหน้าแล้วยิ้มตอบไปอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินตามอาลีออกไปมารียาก็ชะเง้อหน้ามองตามแอนเดรียสด้วยรอยยิ้มสดใส จนฮัสลานนั้นหันไปมองแล้วก็รู้สึกขุดใจ เพราะขนาดเขาให้ผู้ชายคนนี้ออกไปแล้วมารียาก็จะมองจนหน้าหันไปอีก แม่ง…เขาจะไม่อ่อนโยนกับเธอแล้วนะ ถ้าเธอจะแสดงท่าทีชอบพอกับไอ้หมอนั่นแบบนี้ สงสัยว่าเขาจะอยู