“ไม่เอาค่ะ ไม่พูดเรื่องความตายแล้วดีกว่า” มือนิ่มยื่นจับใบหน้าสากของเขาด้วยสีหน้าท่าทางเอ็นดู “สาเจอความตายแทบทุกวัน แต่พอนึกถึงว่าเป็นคนที่เรารัก หัวใจเราก็เจ็บปวดเหลือเกิน”
“ถ้าเลือกได้ คุณอยากตายก่อนหรือหลังคนที่คุณรัก”
“หลังค่ะ”
เขานิ่วหน้าแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเธอจะตอบแบบนี้
“ทำไมล่ะ”
“เพราะสารู้ว่าคุณจะอยู่ไม่ได้แน่ คุณจะต้องทรมานเพราะคิดถึงสาไงคะ” เธอลูบแก้มสากของเขาอย่างอ่อนโยนรักใคร่ ก่อนจะก้มเข้าหาแล้วบรรจงจูบปากของเขาอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน อ้อยอิ่งชั่วครู่เดียวก็ผละออก “สาไม่อยากให้คุณเศร้า สาไม่อยากให้คุณร้องไห้เพราะสา”
อคิราห์รับรู้ถึงความรักที่หญิงสาวมีให้ผู้ชายอีกคนจนเต็มใจ แต่ทำไมนะ ทำไมหัวใจของเขาถึงเต้นหนักขนาดนี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นสัมผัสสำหรับอีกคน
“แล้วถ้าผมตายก่อน คุณจะเป็นยังไง”
“ไม่ต้องห่วง” เธอยิ้มอบอุ่น สายตามั่นคง น้ำเสียงจริงจัง “สาไม่ปล่อยให้คุณไปไหนคนเดียวหรอก สาบอกแล้วไงว่าสาจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”
เขาอึ้ง ไม่คิดว่าเจ้าหล่อนจะรักผู้ชายคนนั้นขนาดนี้ รักถึงขนาดยอมตามไปด้วยอย่างนั้นหรือ
“แต่คุณเป็นแบบวันนี้ทุกวันเลยได้มั้ยคะ”
เขาขมวดคิ้วมุ่น เธอหมายความว่ายังไง “เป็นแบบไหน”
“ก็แบบนี้ไงคะ” เจ้าหล่อนยกมือขึ้นลูบใบหน้าของเขาด้วยความรักเอ็นดู ก่อนจะก้มเข้าไปจูบจนหนำใจ แล้วผละออก จ้องมองเขาอย่างมีความหมาย ผู้ชายที่เรียกเธอว่าที่รักทุกคำ มันทำให้หัวใจของเธอพองโตขึ้นในทุกวินาที
“น่ารัก” สัมผัสอ่อนหวานจากเธอ ทำให้หัวใจเขาแทบระเบิด เขาไม่อาจระงับความเร่าร้อนในกายไว้ได้อีกแล้ว กำหนัดที่ร้อนขึ้น ไม่ต่างจากภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุในไม่ช้า
“อ่า...” เขาจึงคว้าเธอมาจูบอย่างดูดดื่ม ก่อนจะแทรกลิ้นแผ่นหนาเข้าจู่โจมลิ้นอุ่นในโพรงปาก โรมรันพันตูต่อสู้กันอย่างเร่าร้อนออดอ้อน พลิกลิ้นตวัดวน ดูดดุนกัดกินชิมรสจูบแสนหฤหรรษ์กันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่รู้เบื่อ
“อือ...” เธอครางออกมาเบาหวิว บ่งบอกว่าแสนจะถูกใจการจูบสุดดูดดื่มด่ำลึกจากกลีบปากหนาและลิ้นร้ายที่เจือกลิ่นบุหรี่อ่อนจาง ลมหายใจอุ่นซ่านของเขา กระตุ้นเลือดลมในกายของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“โอวววว...อือ...” เธอดูดปากแลกลิ้นกับเขาอย่างเมามันส์ หนำใจ ตวัดลิ้นเม้มบดกดคลึงอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน เชยชิมลิ้มรสลิ้นรสปากกันอย่างตะกระตะกราม เสียงดังจ๊วบจ๊าบ หนึบหนับแผล่บผลั่บ
“อ๊า...” น้ำลายเหนียวเยิ้มของเธอหวานนัก แต่เสียงครางของเธอหวานกว่า ทุกคราที่เล็ดรอดออกจากลำคอ ก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์และกำหนัดของเขาให้กระเจิงกระจาย
วินาทีแห่งความอลหม่านร่านร้อน ฝ่ามือร้ายก็อยู่ไม่สุขเสียแล้ว เมื่อมันเลื่อนขยับจับเนื้อจับตัวของเธอโดยอัตโนมัติ แล้วกระโจนฟอนเฟ้นทรวงอกเต่งโต
“โอว...” ปลายนิ้วของเขาทำให้ยอดถันของเธอร้อนเป็นไฟ ลุกลนชูชันแข็งคัดสู้นิ้วฉกาจอย่างหมดความอาย
“อือ...นมใหญ่เต็มมือชะมัด” เขาอดชมไม่ได้ เมื่อมองต่ำลงไปแล้วเห็นความอลังการของทรวงสาวที่พุ่งอวดยั่วเย้า ภายใต้ชุดพยาบาลขาวสะอาด ซ่อนความอิ่มอวบแซ่บซ่าน และงดงามหอมหวานยิ่งกว่าอาหารรสโปรดราคาแพง
“สวย...หอม...น่าฟัดเป็นบ้า...แบบนี้สินะ...” มันถึงได้หลง มันถึงได้รัก... “ผมถึงไปไหนไม่รอด”
“ปากหวานไปนะคะ” เธอยิ้มเต็มรัก ก่อนยื่นปากสวยๆ จุ๊ฟปากเขาเป็นรางวัล “ถึงบ้านพักแล้วใช่มั้ยคะ เข้าข้างในมั้ย”
“เข้าในคุณเหรอ”
“หือ? คุณน่ะ ทะลึ่งจัง” สายตาร้อนแรงของเขาทำให้เธอแก้มร้อนผ่าว ขนลุกซู่ไปทั้งตัว โดยเฉพาะเมื่อเขาขยับกายเข้าแนบชิดแล้วจูบไซ้ซอกคอ ตวัดลิ้นเลียใบหูของเธอจนชุ่ม ก่อนจะลากลิ้นแผ่นหนามาชโลมเลียลำคอระหงและเนินอกอิ่ม
“โอย...เสียวจังค่ะ” เขาทำให้เธอสยิวไปทั้งตัว เพียงแค่ปลายลิ้นรัญจวน ก็อ่อนระทวยระทดจนแทบจะต้านกำหนัดสาวไว้ไม่ไหว ปลายเท้าของเธอจิกหนัก พอๆกับนิ้วมือทั้งสิบที่กำลังกดเบาะหนังเอาไว้แน่น
“อ่า...ที่รักขา...อูย...ซี๊ดส์” กายสาวแอ่นเนินอกขึ้นบรรณาการใบหน้าหล่อที่กำลังซบไซ้ตะบี้ตะบันด้วยความเต็มใจ พร้อมกันนั้นก็เปิดหว่างขาอ้ารอการจู่โจมจากฝ่ามือแผ่นใหญ่ ที่กำลังเลื่อนไล้บีบคลำต้นขาขาวนวล
“อือ...ดีจังค่ะ...ดีค่ะ” ใบหน้าสวยบิดเบ้เล็กน้อย ยามรับรู้รสสัมผัสอันหยาบโลนบนโหนกอูม ไรขนอ่อนนุ่มหยุมหยิมปกคลุมพองาม เม็ดเกสรสีสวยสลักกลางร่องสาว มันวาวเหลื่อมล้ำ ซ่อนซุกนวลเนื้อ ภายใต้กางเกงในผ้าลูกไม้แสนเซ็กซี่ ที่มีกระโปรงสีขาวคุ้มกัน“อ๊า...อูยส์...ซู๊ดส์” ฝ่ามือร้อนบีบขยำจนหนำใจแล้วแทรกฝ่ามือใต้ผ้าลูกไม้ ชอนไชชำแรกร่องด้วยนิ้วกลางอย่างชำนาญ เสียดสีเม็ดกระสันเสียวถี่ยิบ กดคลึงหมุนวนจนร่องฉ่ำแฉะ คายน้ำใคร่ออกมาชโลมนิ้วซน“เปียกแล้ว...เปียกเต็มมือเลย...แม่งน้ำเยอะฉิบ!”“อือ...เสียวจังที่รัก...อ๋อย”เธอกรีดเสียงแว่วหวาน สำราญสุขจากภายในจนแทบขมิบต่อไม่ไหว เด้งโหนกส่ายสู้โดยอัตโนมัติ จนเม็ดสาวและรูเสียวตอดนิ้วของเขาไม่หยุด “ร้องดัง ๆ สิที่รัก...ร้องออกมา!” น้ำเสียงแหบพร่าสั่งการ ขณะทำการปลดกระดุมเสื้อของเธอออกอย่างรนราน แหวกสาบเสื้อออกจนพ้นทาง แล้วกระชากชุดชั้นในหลุดคามือ เผยความมโหฬารของเต้านมขนาดใหญ่ราว 350ซีซี ที่มีเม็ดนมหัวใหญ่สีสวยชูชันเย่ายั่วไม่หยุด “อุ๊ย! บราขาดเลยค่ะ” เขาดูอารมณ์แรงกว่าทุกครั้งที่เจอกันหลายเท่านัก ทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง หรือแม้แต่การขยับร่างกายก็ประหลา
“อ๊า...”“โอว...แน่นเป็นบ้า”“ของคุณใหญ่กว่าเดิมรึเปล่าคะ” เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่สัมผัสด้วยมือ กระทั่งสอดใส่แนบชิด“หึ!” เพิ่งรู้ว่าเขาใหญ่กว่า อย่างน้อยเขาก็ชนะได้สักหนึ่งเรื่องล่ะน่า “ใหญ่กว่ารึเปล่านะ ก็แค่ 8นิ้วเอง” เขากระซิบเย้ยหยัน พร้อมสวมกอดกายสาวไว้แน่น แล้วตะบันเด้าพร้อมกับเจ้าหล่อนอย่างเป็นจังหวะ กระแทกกระทั้นโขลกใส่กันอย่างรุนแรงเร่าร้อน หนั่นโหนกสั่นพร่า เต้าโตส่ายระริก กวัดแกว่งยั่วยวนตรงหน้าม๊วบ...เขาอดไม่ได้ที่จะเชยชิมลิ้มรสหัวนมสีสวย ขณะช่วงล่างก็ยังทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ“อา...อูว...เสียว” ความสุขสมในรสปรารถนา ทำให้เธอถลำลึกดำดิ่งจนลืมความสงสัยเล็ก ๆ น้อยๆ ไปเสียสิ้น“โอ๊วส์...อู๊วส์....ซี๊ดส์” เธอวางฝ่ามือไว้บนไหล่ทั้งสองข้างของเขา ส่วนฝ่ามือของเขารั้งแก้มก้นทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ ยามกายสาวหมุนวนนวดเน้น ขยับสะโพกร่อนก้นอย่างเป็นจังหวะ เขาบีบแก้มก้นพร้อมเขย่าแรงเพิ่มจังหวะการขย่มของสาวเจ้าให้รุนแรงมากกว่าอีกเดิมหลายเท่า“อ๊า...”เมื่อเธอใกล้ถึงฝั่งฝัน ปากสวยครวญครางไม่เป็นภาษา ก่อนจะกดเกร็งส่ายกระตุก รูสาวขมิบตอดลำท่อนอย่างแรงและเร็วจนโหนกสั่น“อื
เขาไม่รอช้า ก้มลงใช้ลิ้นกับเนินสาวพราวผ่องอย่างกระหืดกระหาย ลิ้นร้อนตะโบมเลียตะโบมไล้ทั่วแผ่นอวบ แล้วจึงชำแรกร่อง ไถถู ดูดเคล้นเม็ดกระสันเสียวอย่างเมามันส์ ซบสูดดูดกินน้ำรักจนหนำปาก“อ๊า...ที่รัก...โอวที่รัก ฮือ...อ๋อย” หน้าสวยบิดเบ้ ครางกระสัน กายสาวสั่นสะท้านไปทุกรูชุมขน เสียวซ่านในทุกต่อมทุกตุ่มของร่างกาย ชายหนุ่มร้อนแรงเต็มพิกัด สะบัดลิ้นร่อน พร้อมหงายฝ่ามือขวาออก แล้วสอดสองนิ้วเข้าสู่รูฉ่ำ“ฮึก! อ๊า...” เธอเสียวจนทนไม่ไหว เด้งโหนกอูมขึ้นป้อนปากเขาอย่างเต็มใจ พร้อมส่ายร่อนอย่างมันในอารมณ์เขาสูดเม็ดกระสันเสียวอย่างตะกระตะกราม สองนิ้วตะบันเด้าถี่ยิบรุนแรง“อ๊า...อู๊วส์...ซี๊ดส์...ซู๊ดส์” เธอร้องลั่น หายใจหายคอแทบไม่ทัน ขมิบจนกล้ามเนื้อเกร็ง ก่อนจะกระตุกสั่น ปลดปล่อยน้ำสวาทออกมาจนเนืองนอง ไหลเยิ้ม “อ๊าส์...ฮือ...ที่รัก...อคิน...อคินขา...ที่รัก โอย ที่รักมีความสุขจังเลย...ซี๊ดส์”เขาเองก็มีความสุขที่เห็นเธอถึงจุดปรารถนา กระทั่งได้ยินชื่อของพี่ชายฝาแฝดหลุดออกมาจากปากของเธออีกครั้งนั่นล่ะ เขาก็รู้สึกอารมณ์เสียอย่างห้ามไม่อยู่ เขาผละปากออกแล้วเงยหน้ามองเจ้าหล่อนอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่
หลังจากเสร็จเสียวไปหนึ่งรอบ เขาก็ทำต่อโดยไม่เว้นจังหวะ แต่ทำโดยไม่ยอมถอดเสื้อผ้า ราวกับว่ากำลังปกปิดบางอย่างเอาไว้...แน่นอน...ทั้งรอยแผลเป็นที่ได้จากในคุก แล้วยังมีรอยสักบนแผ่นหลัง กลางหน้าอก ที่ต้นแขนและต้นขาอีกล่ะ ซึ่งเขามั่นใจว่าหากเธอได้เห็นทุกอย่างบนเนื้อกายของเขาแล้ว เธอจะรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังร่วมรักอยู่กับคนอื่น ไม่ใช่คู่หมั้นสุดหล่อมาดเนี๊ยบที่เธอเฝ้าฝันถึง ไม่ใช่อคิน แต่เป็นอคิราห์ ฆาตรกรที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกได้ไม่นาน“สาถอดเสื้อให้นะคะ” เธอจับสาบเสื้อของเขาหวังจะช่วยปลดกระดุมเม็ดแรก แต่เขากลับจับข้อมือเธอไว้“ไม่ต้อง”เขายังไม่อยากให้เธอรู้...“ทำไมล่ะคะ”ใช่...ทำไม...ยังจะต่อเวลาในฐานะคนรักของเธอไปอีกทำไม ในเมื่อเวลานี้ เขาควรจะเป็นอคิราห์อย่างเต็มตัวได้แล้ว“ผมจะ...ถอดเอง!”“ทำไมไม่รับโทรศัพท์!” หัวใจของอคินวุ่นวายไปหมดแล้ว หลังจากติดต่อคู่หมั้นไม่ได้มาเกือบชั่วโมง ขณะยังนั่งเป็นประธานอยู่ในห้องประชุมใหญ่ บนยอดตึกสูงใจกลางเมือง แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่าสามทุ่มแล้ว แต่การประชุมก็ยังไม่เสร็จสิ้นเสียที“ไม่อ่านข้อความซะด้วย” เขาส่งไลน์ไปหาเธอมาเป็นร้อยข้อความแล้ว รว
“เจ้าหน้าที่ของอพาร์ตเม้นต์กำลังเช็คให้อยู่ครับ รอสักครู่นะครับท่าน”แต่เขาคงรอต่อไปไม่ได้แล้ว เขาวางโทรศัพท์ แล้วขับรถออกจากตึกสำนักงานไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไปยังอพาร์ตเม้นต์ที่หญิงสาวเช่าพักอาศัยอยู่ขณะที่รถยังติดอยู่ตรงสี่แยกใหญ่ ไม่ไกลจากโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น วินาทีแรกเขาคิดว่าเป็นเธออย่างแน่นอน แต่พอตรวจสอบดูหน้าจอกลับพบว่าเป็นเบอร์แปลก ไม่ใช่เบอร์ที่เขาเมมไว้“ใครโทรมาวะ” เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์สายนั้น เพราะคิดว่าคงเป็นการโทรผิด ที่สำคัญ กำลังรอโทรศัพท์จากธาดาอยู่ จึงยังไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งนั้น ทว่า เบอร์แปลกนั้นกลับโทรเข้ามาไม่หยุดหย่อน โทรแบบไม่ยอมรามือง่ายๆ จนทำให้เขานึกโมโห อยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด“อะไรของมันเนี่ย” เขาสะกดใจจนกระทั่งรถจอดหน้าอพาร์ตเม้นต์ของหญิงสาว “ใครโทรมาก่อกวนวะ”เขาเกือบจะโทรกลับไปยังเบอร์นั้นอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะธาดาเข้ามาหาเขาที่รถเสียก่อน พร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เขาเลื่อนกระจกรถลงแล้วสอบถามละล่ำละลัก “ว่าไง เจอตัวมั้ย เธอทำอะไรอยู่?”“ใจเย็นครับเจ้านาย” แต่สายตาเรียบนิ่งแฝงความกังวลของธาดาทำใหเขานึก
“ครับ ผมภาวนาให้เป็นอย่างนั้น แต่หากคราวนี้ มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีก ผมจะไม่ปล่อยมันไว้!!!”“ไม่ว่าแกคิดจะทำอะไร อย่าลืมว่าแกไม่ใช่ฆาตกร เพราะงั้น แกจะไม่ใช้วิธีเดียวกันกับมัน เข้าใจมั้ย”อคินพยายามข่มกลั้นความรู้สึกคลั่งแค้นไว้อย่างที่สุด ด้วยเขาเปรียบเหมือนสีขาวสำหรับพ่อแม่ แต่อคิราห์คือสีดำสุดโสโครก เพราะงั้น หากเขาเผยด้านมืดของตัวเองออกมามากเท่าไหร่ คนที่จะผิดหวังเสียใจก็คงไม่พ้นพ่อแม่“แต่ผม...”“ไม่มีคำว่าแต่ ปล่อยให้กฏหมายจัดการ”“แต่กฎหมายทำอะไรมันไม่ได้เลยนี่ครับ จนถึงวันนี้ ก็ยังหาหลักฐานมามัดตัวมันไม่ได้เลย เรื่องที่มันทำกับผู้หญิงทุกคนของผม พวกเธอผิดอะไร?”“หากเป็นฝีมือของมันจริง สักวัน ความชั่วช้าจะฟ้องตัวมันจนได้ ไม่แน่ ว่าครั้งนี้...”“ไม่ครับ จะไม่มีครั้งนี้สำหรับมัน ผมไม่ยอมเสียเธอไปแน่ ครั้งนี้ต่อให้ไม่มีหลักฐานมัดตัวมัน ผมก็จะฆ่ามัน ผมจะเอามันลงนรกให้ได้!!!”หญิงสาวยอมรับว่าคู่หมั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก มากเกินกว่าที่คาดคิดไว้เยอะ แต่ความสุขเหล่านั้นมันแฝงความสงสัยอย่างบอกไม่ถูก รสชาติรักของชายหนุ่มที่เธอเคยรู้จัก มันนุ่มนวลอ่อนหวานกว่านี้หลายเท่านัก แต่สำหร
เขายิ้มพอใจ สายตาดุร้ายมองเธอเหมือนมองเหยื่อที่เขากำลังจะลงมือฆ่า ขยับโยกช่วงล่างอย่างรุนแรง กระแทกบันเด้าเข้าไปเต็มแรงถี่ยิบ เสียงเนื้อกระทบดังปักๆ เขยื้อนกายสาวไหวโยกโย้ จนโหนกฉ่ำแทบแหลกลาน“โอ๊ย! โอ๊ย!” เสียงกระแทกผสมเสียงร้องดังลั่นไปทั้งบ้าน ความเสียวเสียดและเจ็บจุกส่งผลให้กายสาวแดงก่ำ ฉ่ำชุ่มไปด้วย หยาดเหงื่อ ซึ่งก็ไม่ต่างจากกายหนุ่ม ที่เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำให้ผ้าขาวเกาะติดเนื้อกายจนเห็นมัดกล้ามชัดกว่าเดิม เขาทำเธอในจังหวะหนักๆไม่มีเว้น จนความสุขที่แสนหวานหลั่งไหลย้อยเยิ้มออกมา ซึ่งเป็นทั้งของเขาและเธอผสมกัน เขาร้องลั่นความสุข ก่อนจะถอนออก แล้วอุ้มร่างอ่อนระทวยของเจ้าหล่อนขึ้น จากนั้นก็พาเจ้าหล่อนไปวางบนโต๊ะอาหารเก่ากึกที่เต็มไปด้วยก้นบุหรี่และกระป๋องเบียร์บุบบี้ “โอวที่รัก...อือ...บุหรี่เต็มเลย”“สงสัยจะมีพวกเหลือขอเข้ามานอน”“อ่า...น่ากลัวจัง เราไปที่อื่นกันมั้ยคะ”“ไม่เอา ที่นี่ดีที่สุดแล้วที่รัก”“แต่มันไมปลอดภัย”“อยู่กับผม ยังต้องกลัวอะไรอีก”“บ้านหลังนี้โดดเดี่ยวจัง มันตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่คะ”เขายิ้มให้เธอก่อนก้มกระซิบใกล้หู “นรกไง”“หือ...” เขาคงพูดเล่น “อ่า...
“ฮือ...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!” เมื่อรู้แน่แก่ใจว่าเธอโดนหลอกมาอย่างแน่นอน เธอก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที ร้องลั่นไปทั้งบ้าน แต่ก็ไม่อาจกลบเสียงหัวเราะของเขาได้ “ร้องเลย! ร้องดังๆ ร้องดังๆ ร้องอีก บอกให้ร้องไง!!”“ช่วยด้วย...” น้ำตาเธอไหลตก ก่อนจะหลับตาแน่น ยามที่เขาเร่งความเร็วตรงช่วงล่าง ความเสียวซ่านกัดกลืนเธอจนดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของอารมณ์ ร่างกายเธอตอบสนองการสอดใส่อย่างท่วมท้น กดเกร็งเด้งส่าย รับแรงกระแทกห้วงสุดท้ายของชายหนุ่มก่อนถึงจุดสุดยอด“อ่าห์...” เขาร้องโหยหวนความสุขสมในรสปรารถนาออกมาหลายวินาที ลาวาร้อนพุ่งฉีดเต็มช่องทางรักสาสมใจ สีหน้าเต็มอิ่มไปด้วยความสุขปนทรมาน กายแกร่งเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อจนมันเลื่อมแวววาว สองกายหอบหายใจรุนแรงกระสันซ่าน ช่องทางรักเยิ้มย้อยเหนียวข้น ความรู้สึกสุขทุกข์ปะปนอลหม่าน“คุณเป็นใคร?” เธอเอ่ยปากถามทั้งที่ยังไม่หายเหนื่อย เขาไม่ยอมตอบ เอาแต่มองหน้าเธอ พร้อมกับขยับช่วงล่างไปด้วยอย่างเชื่องช้า บดเน้น กดคลึง...“บอกฉันมาเถอะ คุณเป็นใคร แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม”“มันไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ”คำว่ามันของเขา ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าเขา
“อย่าสร้างความเดือดร้อนให้สาแล้วกัน”“คงเดือดร้อนเฉพาะตอนอยู่บนเตียงมั้ง”อคินชักสีหน้าไม่พอใจ “ช่วยพูดให้เกียรติเธอหน่อย ว่าแต่แกจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านรึเปล่า”“ถ้าฉันย้ายเข้ามา ฉันอาจทำให้แกเดือดร้อนได้นะ”“แต่ฉันอยากให้แกย้ายเข้ามา” เพราะเขาไม่อยากให้ศลิษาอยู่ไกลจากสายตาเขา แม้เขาต้องเจ็บปวดที่เธอเป็นของคนอื่นก็ตาม อย่างน้อยได้รู้ว่าเธอปลอดภัย ก็ยังดี “ฉันต้องการให้แกกับสาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านโดยเร็วที่สุด หากแก...”“งั้นขอเป็นห้องนอนติดแกแล้วกัน แต่ถ้ามีเสียงดังรบกวนทั้งคืน แกต้องทำใจหน่อยนะ”อคินพยายามจะไม่โมโหแล้วนะ “ฉันบอกว่าจะปล่อยสาให้เป็นอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันยกสาให้แก!!!”“เธอเป็นของฉันตั้งแต่แรกแล้ว แกก็รู้แล้วนี่”“แต่เธอเป็นคู่หมั้นฉัน จบมั้ย?”“เธอเป็นของฉัน!” ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขามี ในขณะที่พี่ชายของเขามีครบทุกอย่าง “เธอเป็นของฉัน จำใส่สมองไว้ด้วย ว่าเธอเป็นสิทธิ์ของฉัน!”“ถ้าแกไม่โผล่กลับมา ป่านนี้เราคงแต่งงานกันแล้ว เป็นเพราะแกคนเดียว ชีวิตของฉันถึงได้พังแบบนี้”“งั้นแกก็หาทางจัดการฉันอีกสิ จะยัดฉันเข้าคุก หรือถีบลงไปในนรกดีล่ะ เอาที่แกถนัดเลย ไอ้คนดี!!
“เราถอนหมั้นกันนะคะ”อคินส่ายหน้าทันที“ไม่”“แต่คุณควรได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีกว่าสา”“ไล่ผมให้ไปแต่งงานกับคนอื่น แล้วคุณจะได้อยู่กับไอ้อคิราห์อย่างนั้นสินะ”“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่สาไม่ดีพอ...”“เราจะแต่งงานกัน ได้ยินมั้ย เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมไม่ยอมเสียคุณไปแน่!!”สายตาแน่วแน่ของชายหนุ่มทำให้เธอยิ่งหนักใจ“ฉันไม่ยอมโว๊ย!!”อคิราห์ก้าวเข้ามายืนซ้อนหลังของหญิงสาว แล้วสวมกอดเธอเอาไว้แน่น“เพราะเธอเป็นดวงใจของฉัน”“ปล่อยคู่หมั้นฉันเดี๋ยวนี้!!”“แกนั่นแหละปล่อย เพราะเธอเป็นของฉันมาตั้งแต่แรกแล้วโว๊ย!!”“ตั้งแต่แรก แกเอาอะไรมาพูด”“เมื่อยี่สิบปีก่อนไง เธอเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ นางฟ้าประจำตัวของฉัน เพราะงั้น ชีวิตของฉันจึงเป็นของเธอตั้งแต่บัดนั้น จนถึงตอนนี้ และตลอดไป!!”อคินไม่อยากจะเชื่อ “จริงเหรอสา??”สีหน้าของศลิษาบอกว่าเป็นเรื่องจริง อคินถึงกับอึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้“คุณรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่สา”“ก่อนที่คุณจะเข้าไปจัดการเขาจนสะบักสะบอมที่โฮมเสตย์นั่นแหละค่ะ”อคินถึงกับยกสองมือขึ้นกุมขมับ “เป็นไปไม่ได้”“แต่มันเป็นไปแล้วโว๊ย ที่สำคัญ เธออยากอยู่กับฉั
“ที่รักเป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” อคินเดินกลับเข้ามาสวมกอดหญิงสาวไว้แน่น พร้อมลูบแผ่นหลังปลอบโยน แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ เพื่อให้ใครบางคนหยุดส่งสายตาหาคนรักของเขาเสียที “ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องตกอยู่ในอันตราย ผมเกือบจะเสียคุณไปแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณ”“คุณควรจะขอบคุณน้องชายของคุณนะคะ”เธอทวงขึ้น เขาผละตัวออก แล้วหันมองน้องชายฝาแฝดที่ยังนั่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเหมือนที่เคยเป็นมา“ผมไม่จำเป็นต้องขอบคุณคนที่ลักพาตัวคุณไปหรอก”“คุณอคินคะ”“ไม่จำเป็น ใช่ ถูกต้อง!” อคิราห์ยิ้มหยันใส่พี่ชาย ก่อนหันมามองหวานกับหญิงสาว “เพราะผมไม่ได้ทำเพื่อมัน ผมก็แค่มาช่วยเมียผมเท่านั้น”“ไอ้!”อคินทนไม่ไหวจะเข้ามากระทืบน้องชายฝาแฝดให้หยุดปากเสีย แต่หญิงสาวเข้าขวางกลางไว้ พร้อมร้องห้ามเสียงหลง ก่อนพี่น้องจะตีกันจนตาย “อย่านะคะ พอซะที พวกคุณเป็นพี่น้องกันนะคะ”“ไม่ใช่!” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน สายตาจับจ้องกันเหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง“ผมไม่มีทางนับไอ้ฆาตกรเป็นน้องแน่”“ใครกันแน่วะ ฆาตกร ตกใจล่ะสิที่เห็นฉันยังไม่ตาย”อคินกัดกรามแน่น “แกรอดมาได้ยังไง”“ถามพ่อแกดิ”“ไอ้!”“ใช่ พ่อช่วยมันไว้เอง”
“เราจะลืมทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ต่อไปนี้ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่ห่างจากสายตาอีกแล้ว เข้าใจนะ”มันเหมือนเป็นคำสั่ง มากกว่าคำสัญญา...หัวใจของเธอชาชืดไปหมด เมื่อคิดว่าอคิราห์ตายไปแล้ว ตายไปอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายกลางทะเลอันเงียบเหงาและเวิ้งว้าง“ฉันหลับไปกี่ชั่วโมงคะ”“คุณหลับไปสองวัน”สองวัน...จากตอนที่เขาถูกลากออกไปจากโฮมเสตย์ เพื่อนำไปขึ้นเรือแล้วนำไปทิ้งกลางทะเล หากเขาตายไปแล้ว และมีคนพบศพของเขา ก็คงจะมีข่าวออกมาบ้าง แต่ถ้าไม่มีคนพบศพของเขา เรื่องราวของเขาก็คงจะหายไปตลอดกาล“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ปากบอกขอบคุณ แต่ใจนั้นแสนโกรธ โกรธจนไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้ว “ไม่เอาสิ ผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว ผมรักคุณนะ”เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขายังทำหน้าสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ หนำซ้ำยังคิดจะแต่งงานโดยไม่รู้สึกผิด“ฉันมีเรื่องอยากถามคุณ”“ผมไม่อยากรื้อฟื้น” เขารู้ดีว่าเธออยากรู้เรื่องอะไร “ทุกอย่างมันจบแล้ว...คุณพักผ่อนซะนะ”เขาจุมพิตบนหน้าผากเธออีกครั้งด้วยความรัก เธอหลับตาลงแล้วแสร้งทำเป็นนอนหลับไปเสีย เพราะอยากให้เขาวางใจว่าเธอนั้นเชื่อฟังเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเธอรอจนอค
“ใจเย็นๆนะคะ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว มันจบแล้ว ตอนนี้คุณอยู่กับฉัน ต่อไปนี้ ฉันจะปกป้องคุณเอง”เขาเลื่อนมือขึ้นกุมมือเธอไว้ “ทำไม สงสารผมเหรอ”“เปล่านะคะ แต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นโชคชะตาของฉัน”“แต่คุณเป็นของมัน”เขาย้ำให้เธอรู้ถึงสถานะของตัวเอง“มีคนเคยเตือนฉัน...ว่าการเป็นคนรักของเขา อาจทำให้ชีวิตเกิดหายนะได้...คนที่โทรหาฉันเมื่อไม่นานมานี้”“ใช่ ผมเป็นคนโทรเอง”“คุณวางแผนจะจับตัวฉันตั้งแต่อยู่ในคุกเหรอคะ”“คุณรู้เรื่องผมได้ไง”“ฉันจำคุณได้ ฉันเคยฉีดวัคซีนให้คุณมาครั้งหนึ่ง คุณคงจำฉันไม่ได้”“ใครบอกว่าจำไม่ได้ ผมจำคุณได้ จำรายละเอียดบนใบหน้าของคุณได้ จำรอยยิ้มคุณได้ จำกลิ่นของคุณได้ขึ้นใจเลยล่ะ แถมผมยังฝันถึงคุณตั้งหลายครั้ง”“อย่าบอกนะว่าฝันลามก”“ชัวร์”เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ ก้มจูบปากเธออย่างเต็มรัก ก่อนจะผละออกแล้วมองเธอด้วยความหลงใหล“พอผมรู้ว่าคุณคือคู่หมั้นของมัน...ผมไม่แปลกใจเลยสักนิด รู้มั้ย ถ้าผมเป็นมัน ผมก็จะเอาคุณเหมือนกัน”“พูดอะไรของคุณ”“ผมจะทำยังไงกับคุณดี”ขาดคำนั้น ประตูถูกถีบอย่างแรง แล้วชายฉกรรจ์ประมาณสามคนก็กรูเข้ามาในห้องแล้วตรงมาจับตัวเขาเอาไว้ ก่อนที่อคินจะโผ
“คุณได้มาจากเด็กผู้หญิงที่อุ้มหมาใช่มั้ย”เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง แล้วดวงตาของเขาก็ลุกวาวด้วยความตกใจ หัวใจเต้นรัวแทบคลั่ง เมื่อคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง มนุษย์เพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่เขาไม่เคยลืมแม้สักวินาทีอคิราห์น้ำตาไหลพรากทันที หัวใจแทบแตกสลายเมื่อคิดว่าตนเองได้ทำอะไรลงไป“ผม...ผม...ผมสมควรตาย ผมสมควรตาย!!!”เขากำลังจะคุ้มคลั่งในวินาทีนั้น แต่เพราะเธอประกบปากจูบเขาเสียก่อน จึงทำให้เขาอารมณ์ของเขาสงบลงได้ ความหวาดกลัวก็มลายหายสิ้น“อืม...” รสจูบอันดูดดื่ม ดึงทั้งคู่เข้าสู่โลกแสนหวานที่มีเพียงสองเราเท่านั้น“อูวว...อคิราห์”“นางฟ้า...นางฟ้าของผม” “โอว...” ทั้งคู่ร่วมรักกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความหวาน ค่ำคืนที่ฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย บทสวาทขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างไม่รู้จักเบื่อ...“อูวส์...” ทั้งคู่จูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม นัวเนียสอดใส่กระแทกกระทั้นกันจนน้ำใคร่นองเกลื่อนเต็มที่นอน แล้วก็กกกอดกันแนบแน่นใต้ผ้าห่มผืนหนา จ้องตากันนิ่งงันอย่างมีความหมายและลึกซึ้ง “คุณคือเด็กผู้ชายคนนั้น”“คุณคือนางฟ้าของผม...ผมเกือบทำ...เรื่องที่บ
“ฮือ...แม่ครับ...อย่าทิ้งผม...ฮือ...พ่อครับ...ช่วยผมด้วย อย่าทิ้งผมนะครับ....”‘เขาเป็นอะไร เขาเป็นอะไร?’ เธอควรจะใช้โอกาสนี้หนีเขาไปเสีย แต่ทำไมเธอถึงไม่ยอมทำแบบนั้น ทั้งที่อาการไข้ก็ทุเลาลงแล้ว เธอมีแรงพอจะวิ่งแน่นอน‘เราต้องบ้าไปแล้วแน่ ทำไมเราถึง...สงสารเขา’อยู่ๆ ความรู้สึกเวทนาสงสารก็พุ่งเข้ากลางใจเธออย่างจัง เสียงสะอื้นของเขาที่ดังอยู่ในหู ก้องอยู่ในใจ ทำให้เธอรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้เธอคิดถึงเด็กคนหนึ่ง คนที่เธอเคยเจอสมัยเด็ก คนที่เธอเคยแบ่งลูกอมให้ ตอนที่เขาถูกจับตัวไว้ในโกดังร้าง ระหว่างทางที่เธอไปโรงเรียน‘น่าสงสารจัง’ วันนั้น เป็นวันที่ฝนตกหนัก เธอเจอลูกหมาพลัดหลงกับแม่ตรงข้างทาง เธออุ้มมันขึ้นมาแล้วเดินไปเรื่อยเปื่อย เพื่อจะพามันกลับไปคืนแม่ของมัน แล้วเธอก็ได้พบเด็กคนนั้นที่โกดังร้าง สิ่งที่เธอยื่นให้เขาในเวลานั้น ไม่ใช่แค่ลูกอมเท่านั้น แต่เธอยังพยายามช่วยเขาด้วยการใช้มีดคัดเตอร์ตัดเชือกให้กับเขาอีกด้วย หากพวกคนร้ายไม่กลับเข้ามาเสียก่อน เธอก็คงช่วยเขาออกมาได้แล้ว‘หนีไป’ นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เด็กผู้ชายคนนั้นพูดกับเธอ ‘หนีไป’‘ฉันจะไม่ทิ้งนาย ฉันจะกลับมา’เธอสัญ
“มันจบแล้ว!” เขาบอกตัวเอง ก่อนจะหันไปมองบันไดเชือกสำหรับลงไปยังเรือเล็กที่ลอยเท้งเต้งอยู่บนสันคลื่นเบื้องล่าง เขาควรจะกลับเข้าฝั่งเสียที เพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ของครอบครัว กลับไปหาบิดาและพี่ชายฝาแฝดที่รอฆ่าเขาอยู่“ตอนนี้...เราจะควรหัวเราะด้วยความสะใจ” แต่เขากลับหัวเราะไม่ออก แถมยังก้าวขาไม่ออกอีกต่างหาก“ไปเถอะ...ไป!”อคิราห์ขับเรือลำเล็กกลับสู่ฝั่ง พร้อมกับหญิงสาวที่นอนสลบอยู่ในเรือ เธอไข้ขึ้นสูงมาก จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้สติ“เราเป็นบ้าไปแล้ว” เขาแทบไม่มองข้างหน้าเลย ขณะขับเรือ สายตาเอาแต่จ้องหญิงสาวไม่วางตา“เราทำแบบนี้ทำไม” เขาตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลา ซึ่งไม่เคยได้คำตอบเลย เขาตอบตัวเองไม่ได้ ว่าเขาทรยศตัวเองได้ยังไง เขาหักหลักตัวเองได้อย่างไรเขาขับเรือตรงไปยังหมู่บ้านชาวประมงซึ่งอยู่อีกด้านของเขาสูงริมทะเล เมื่อเรือขึ้นที่ท่าเทียบเรือเล็กแล้ว เขาอุ้มเธอขึ้นจากเรือ พาเธอไปยังโฮมสเตย์ที่เช่าทิ้งไว้ แล้วรีบออกไปซื้อยาแก้ไข้ที่คลินิกในตลาดไม่นานนักก็กลับมา พร้อมถุงยาและถุงอาหารในมือ เขารีบปลุกเธอขึ้นมา เมื่อเธอสลึมสะลือได้สติ เขาโล่งใจ สั่งเสียงเข้ม ฟังดุ แต่แฝงไว้ด้วยความห่วงหา“อ้าป
“เจ้าสัวครับ เจ้านายครับ” ธาดาเดินเข้ามาพร้อมเศษซากมือถือหลายส่วนที่รวมไว้ในถุงพลาสติก “นี่ครับ น่าจะเป็นของคุณอคิราห์”อคินรับถุงใส่ชิ้นส่วนมือถือมาดูด้วยความตระหนกหนักใจ ก่อนจะส่งคืนให้ธาดา“รีบนำไปตรวจสอบ เผื่อเจอเบาะแสอะไร แล้วรีบรายงานด้วยล่ะ”“ครับ”“พวกแกออกไปจากบ้านหลังนี้ให้หมด” เจ้าสัวสั่งลูกน้องทั้งหมดให้ออกไปด้านนอก เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวกับลูกชายคนโต ที่เวลานี้ สภาพแทบไม่ต่างจากซอมบี้“ถ้าหามันเจอ ลูกจะทำไง”“ผมจะฆ่ามัน”“แต่...”“มันไม่ใช่น้องผม คราวนี้ผมไม่มีวันปล่อยมันไปอีกแล้ว ผมสูญเสียมามากพอแล้ว”“แต่ลูกจะเป็นฆาตกรเสียเองนะ”“ผมยอม”“แต่พ่อไม่ยอม พ่อไม่ยอมเสียลูกไปแน่ หากคู่หมั้นของลูก...”“ไม่ครับ” อคินกัดกรามแน่น กำมือจนตัวสั่นเทิ้ม เพราะนึกรู้ว่าบิดาจะพูดอะไร “ผมต้องได้ตัวเธอกลับมา ผมต้องได้ตัวเธอกลับมาเท่านั้น ผมจะไม่ยอมเสียเธอไปแน่”สายตาแน่วแน่จริงจังของลูกชายทำให้บิดารู้ได้ทันทีว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกแล้ว“แล้วถ้า...เราช่วยเธอไม่ทันล่ะ”“ไม่ครับ ป๋าบอกเองนี่ ว่ามันคือการเริ่มต้นเท่านั้น มันยังไม่ได้ทำอะไรเธอหรอก ผมมาคิดดูแล้ว เห็นจะจริงอย่างที่ป